ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 7 จากทั้งหมด 14 หน้า แสดงรายการที่ 121 - 140 จากข้อมูลทั้งหมด 267 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 121 | การเสนอคำขอแปรญัตติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ของหน่วยงานของรัฐสภา หน่วยงานของศาล หน่วยงานขององค์กรอิสระหรือองค์กรอัยการ | นร.07 | 13/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเสนอคำขอแปรญัตติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ของหน่วยงานของรัฐสภา หน่วยงานของศาล
หน่วยงานขององค์กรอิสระหรือองค์กรอัยการ เพื่อให้การเสนอคำขอแปรญัตติฯ เป็นไปตามขั้นตอนที่จะต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ
ก่อนนำเสนอประกอบการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 122 | การส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวของเมืองน่าเที่ยว | นร. | 06/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน
ชาญวีรกูล) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอว่า ที่ผ่านมามีการใช้คำว่า “เมืองรอง”
เพื่อใช้เรียกจังหวัดที่ไม่ได้เป็นเมืองท่องเที่ยวหลักมาโดยตลอด อย่างไรก็ดี
เพื่อให้เป็นไปตามนโยบาย IGNITE TOURISM THAILAND ของรัฐบาลที่มุ่งผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Tourism Hub ของโลกด้วยกลยุทธ์ “เมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว”
จึงเห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ใช้คำว่า “เมืองน่าเที่ยว” แทนคำว่า “เมืองรอง”
ซึ่งจะทำให้การเรียกจังหวัดต่าง ๆ มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับแนวนโยบายการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศมากยิ่งขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 123 | รายงานผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะกรณีการจัดให้เด็กสมรสก่อนวัยอันควร | ยธ. | 06/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาในเบื้องต้นต่อข้อเสนอแนะกรณีการจัดให้เด็กสมรสก่อนวัยอันควร
โดยได้ขอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เห็นด้วยในหลักการให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
รวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับแก้เกณฑ์อายุขั้นต่ำในการสมรสเป็น ๑๘ ปี แต่ในประเด็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์และข้อปฏิบัติตามหลักการศาสนาที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการบังคับการสมรสในวัยเด็กให้ครอบคลุมทุกกรณียังมีข้อห่วงกังวลบางประการ
ซึ่งกระทรวงยุติธรรมจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษาความเป็นมา สภาพปัญหา และผลกระทบอย่างรอบด้าน
รวมทั้งต้องรับฟังความคิดเห็นให้ครอบคลุมกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนและจากประชาชนโดยทั่วไปด้วย
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 124 | ขอจำหน่ายหนี้สูญตามโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรด้วยการจำหน่ายหนี้เป็นสูญในกองทุนหรือเงินทุนในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ของสหกรณ์ประมงเกาะลันตา จำกัด | กค. | 06/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดีงนี้ ๑. อนุมัติจำหน่ายหนี้เป็นสูญของสหกรณ์ประมงเกาะลันตา
จำกัด จังหวัดกระบี่ (เงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์) จำนวน ๕,๙๒๘,๓๕๖.๑๘ บาท แยกเป็นต้นเงิน
จำนวน ๒,๕๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท
และดอกเบี้ยค้างชำระ จำนวน ๓,๔๒๘,๓๕๖.๑๘
บาท โดยไม่ขอรับเงินชดเชยจากรัฐบาล ภายใต้โครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรด้วยการจำหน่ายหนี้เป็นสูญในกองทุนหรือเงินทุนในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สาเหตุการจำหน่ายหนี้เป็นสูญข้อ (๙) ลูกหนี้ผู้กู้ยืมเงินมีรายได้น้อย หรือไม่มีความสามารถในการชำระหนี้
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกรมบัญชีกลาง
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายทุนหมุนเวียน
รวมทั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงมหาดไทย เห็นควรมีมาตรการในการดำเนินงานเพื่อลดปัญหาหนี้สูญของกองทุนหรือเงินทุนต่าง
ๆ
รวมถึงกำหนดมาตรการรักษาวินัยทางการเงินและชำระหนี้สินคืนกองทุนหรือเงินทุนอย่างต่อเนื่อง
และปรับปรุงการบริหารจัดการลูกหนี้ของกองทุนหรือเงินทุนตั้งแต่การพิจารณาความเป็นไปได้ในการดำเนินงานและความสามารถในการชำระหนี้ของแต่ละโครงการอย่างรัดกุม
การติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินงาน
การเตือนและเร่งรัดให้มีการชำระหนี้ทันตามกำหนด
การดำเนินกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ตามระเบียบและแนวทางที่เกี่ยวข้อง
และการเร่งรัดให้มีการปิดโครงการเมื่อมีการชำระหนี้คืนเต็มตามจำนวนแล้ว สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้ความสำคัญยิ่งขึ้นกับการดำเนินกระบวนการพิจารณาความเป็นไปได้ของโครงการและการบริหารจัดการโครงการให้เป็นไปด้วยความรอบคอบตามหลักวิชาการ
ตั้งแต่การวิเคราะห์และพิจารณาความเป็นไปได้ของโครงการจากกระบวนการวิเคราะห์ปัจจัยและบริบทที่เกี่ยวข้องในทุกมิติ
อาทิ ศักยภาพและโอกาสด้านการผลิต การตลาด เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง การเงิน ความพร้อมของเกษตรกร |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 125 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดในวันที่ 17 มิถุนายน 2567 | กค. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดในวันที่
๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๗ โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดในวันที่
๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๗ จำนวน ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท
(เป็นหนี้ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ระยะที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๔๕) ด้วยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ครั้งที่
๑ จำนวน ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 126 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย) | กค. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)
ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(การปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย) มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย
โดยกำหนดให้เงินได้ของบุคคลธรรมดาที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนใน “กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน
(Thailand ESG Fund หรือ TESG)” ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๓๐ ของเงินได้เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับปีภาษีนั้น (จากเดิมไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐
บาท) เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้
สำหรับเงินได้ที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗
ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๙ และกำหนดให้ผู้มีเงินได้ไม่ต้องนำเงินหรือผลประโยชน์ใด
ๆ ที่ได้รับเนื่องจากการขายหน่วยลงทุนคืนให้แก่ TESG มารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
เฉพาะกรณีที่เงินหรือผลประโยชน์ดังกล่าวคำนวณมาจากเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธธรรมดาตามที่กล่าวมา
ทั้งนี้ ต้องถือหน่วยลงทุนดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า ๕ ปี
นับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน (จากเดิมไม่น้อยกว่า ๘ ปี
นับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังพิจารณาหาแนวทางการเพิ่มรายได้ภาษี เพื่อให้การจัดเก็บภาษีเป็นไปตามเป้าหมายและเพื่อป้องกันความเสี่ยงทางการคลังในอนาคต
รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงบประมาณ และสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าในการดำเนินการควรพิจารณาดำเนินการควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาธรรมาภิบาลของภาคธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนและการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์โดยกำหนดมาตรการที่เข้มงวดในการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ให้มีการดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาล
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนและสนับสนุนให้การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยปรับตัวดีขึ้นได้อย่างยั่งยืน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 127 | การพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินโครงการบริหารและประกอบการท่าเทียบเรือ เอ ๐ ณ ท่าเรือแหลมฉบัง ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย | คค. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการดำเนินการที่เหมาะสมของโครงการท่าเทียบเรือ
เอ ๐ ณ ท่าเรือแหลมฉบัง โดยการให้สัญญามีผลใช้บังคับต่อไป จะทำให้เกิดความต่อเนื่องในการให้บริการสาธารณะและหากมีการบอกเลิกสัญญาอาจนำมาสู่ข้อพิจารณาจนทำให้บริการสาธารณะหยุดลงและส่งผลกระทบต่อประชาชนได้
ตามรายงานผลการศึกษาวิเคราะห์ด้านการเงินและด้านกฎหมาย ตามที่คณะกรรมการพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินโครงการลงทุน
บริหารและประกอบการท่าเทียบเรือ เอ ๐ ณ ท่าเรือแหลมฉบัง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ให้กระทรวงคมนาคม (การท่าเรือแห่งประเทศไทย)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นควรให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยดำเนินการตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนของพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน
พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยเคร่งครัดต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรให้การท่าเรือแห่งประเทศไทย
เร่งรัดการพิจารณาแนวทางการดำเนินโครงการที่เหมาะสมของโครงการท่าเทียบเรือ ซี ๐
ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนของมาตรา ๗๒
แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามนัยของมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๓ เพื่อเสนอตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 128 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายชัยธร สุวรรณอำภา) | นร.06 | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายชัยธร สุวรรณอำภา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนัก
(ผู้อำนวยการสูง) สำนัก ๕ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ)
กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์และมีคำสั่งให้รักษาการในตำแหน่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 129 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีการทำสัญญาเช่าอาคารที่ทำการสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองกัลกัตตา สาธารณรัฐอินเดีย | กต. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ - พ.ศ. ๒๕๗๐ วงเงินทั้งสิ้น ๑๗,๖๔๑,๐๐๐ บาท
หรือไม่เกินวงเงินตามสกุลเงินท้องถิ่น
สำหรับกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน ตามนัยมาตรา ๔๒ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ สำนักงบประมาณได้เสนอตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว
สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป
ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมให้ครบวงเงินตามสัญญาต่อไป
ตามความความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรติดตามผลการดำเนินงานของสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองกัลกัตตา
เพื่อนำมาวิเคราะห์และรวบรวมรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 130 | พิธีสารฉบับที่สองเพื่อแก้ไขความตกลงเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม 2567) | ปสส. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันอังคารที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๗
ซึ่งให้เสนอพิธีสารฉบับที่สองเพื่อแก้ไขความตกลงเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน
- ออสเตรเลีย - นิวซีแลนด์ และเอกสารแนบท้าย ต่อรัฐสภาเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 131 | ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ปช. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการให้ความคุ้มครองและช่วยเหลือแก่ผู้ให้ถ้อยคำ
แจ้งข้อมูลหรือเบาะแสหรือแสดงความคิดเห็นแก่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
หรือพนักงานเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ในกรณีที่บุคคลถูกร้องทุกข์ ถูกกล่าวโทษ ถูกฟ้องคดี
หรือถูกดำเนินการทางวินัยจากการให้ถ้อยคำดังกล่าว ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา โดยให้ส่งความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุดไปเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
ก่อนเสนอรัฐสภาต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าว
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ ๓.
ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ
ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
โดยกองทุนป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงิน
เพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม
โดยคำนึงถึงความครอบคลุมทุกแหล่งเงิน ความคุ้มค่า ประหยัด
และประโยชน์สูงสุดที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ
เห็นควรให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ในกรณีที่ผู้มีอำนาจดำเนินการทางวินัยเห็นว่าการดำเนินการทางวินัยในเรื่องนั้นไม่ใช่เป็นการถูกดำเนินการทางวินัยอันเนื่องมาจากการดำเนินการตามมาตรา
๑๓๒ โดยกำหนดหลักเกณฑ์ให้ผู้มีอำนาจดำเนินการทางวินัยมีสิทธิที่จะชี้แจงข้อเท็จจริงและแสดงหลักฐานต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 132 | การดำเนินการเกี่ยวกับการเปิด การขยายเวลา และการปิดจุดผ่านแดนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน | นร.08 | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบการดำเนินการเกี่ยวกับการเปิด
การขยายเวลา และการปิดจุดผ่านแดนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ดังนี้ ๑)
รับทราบการเปิดจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย - กัมพูชา (หนองเอี่ยน - สตึงบท)
อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยใช้สำนักงานชั่วคราวไปพลางก่อน ๒)
รับทราบการปรับเวลาเปิดทำการจุดผ่านแดนถาวรภูดู่ อำเภอบ้านโคก จังหวัดอุตรดิตถ์
จากเดิมเวลา ๐๖.๐๐ - ๒๐.๐๐ น. ของทุกวัน เป็น ๘.๐๐ - ๑๘.๐๐ น. ของทุกวัน ๓)
รับทราบการขยายเวลาเปิด - ปิด จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ
เป็นเวลา ๐๗.๐๐ - ๒๒.๐๐ น. ๔) รับทราบการปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านปากห้วย ตำบลหนองผือ
อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย ๕) การดำเนินการใด ๆ บริเวณพื้นที่ชายแดน
จะต้องระมัดระวังมิให้เกิดความเสียหายและผลกระทบต่อความมั่นคง
โดยส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจะต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม
๒๕๔๒ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๔๘ อย่างเคร่งครัด และ ๖)
ให้กระทรวงมหาดไทยออกประกาศตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงแจ้งให้จังหวัดและส่วนราชการในพื้นที่รับทราบและถือปฏิบัติโดยทั่วกัน ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เห็นควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก
รวมถึงการเตรียมอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ให้มีความเหมาะสม
เพื่อให้สามารถรองรับการปฏิบัติงาน ณ จุดผ่านแดนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระทรวงสาธารณสุข เห็นควรให้มีการจัดตั้งเป็นด่านอาหารและยาในพื้นที่ที่ไม่มีด่านอาหารและยาตั้งอยู่
และควรขอรับการจัดสรรบุคลากรเพิ่มเติมเพื่อประจำด่านฯ ดังกล่าว |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 133 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง
พ.ศ. ๒๕๖๑ เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง
กรณีการจัดซื้อจัดจ้างจากรัฐวิสาหกิจหรือนิติบุคคลในเครือของหน่วยงานของรัฐเดียวกัน
โดยเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของหน่วยงานของรัฐในรัฐวิสาหกิจหรือบริษัทที่เป็นนิติบุคคลในเครือของหน่วยงานของรัฐเดียวกัน
จากเดิมที่กำหนดไว้ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๒๕ ของทุนทั้งหมด เป็นไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๐ ของทุนทั้งหมด
เพื่อให้การดำเนินการเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุของรัฐวิสาหกิจมีความโปร่งใสมากขึ้น
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงคมนาคมไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่เห็นควรนำนิยาม
“รัฐวิสาหกิจ” ในพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
มาปรับใช้กับร่างกฎกระทรวงฯ ฉบับนี้ ซึ่งจะช่วยสร้างความชัดเจน
และยากต่อการใช้ช่องว่างของกฎหมายเพื่อเอื้อต่อการทุจริต และเห็นควรกำหนดรูปแบบ
หลักเกณฑ์ และกระบวนการต่าง ๆ
เพื่อรับรองสิทธิของประชาชนในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ
และตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ
และพระราชบัญญัติฯ อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้สามารถคุ้มครองสิทธิการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ
รวมทั้งยังเป็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐโดยประชาชนด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 134 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (1. คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ฯลฯ จำนวน 3 คน) | กสศ. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
จำนวน ๓ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
เมื่อวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ตามที่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ภาควิชาการ ๒. นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ภาคเอกชน ๓. นายสรวิศ ไพบูลย์รัตนากร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ภาคประชาสังคม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 135 | โครงการสลากการกุศลเพิ่มเติม | กค. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้มีการออกสลากการกุศลเพื่อสนับสนุนโครงการที่ผ่านการกลั่นกรองจากคณะกรรมการฯ
จำนวน ๑๑ โครงการ วงเงินรวม ๘๓๗.๖๕ ล้านบาท ๒.
มอบหมายให้สำนักงานสลากฯ ดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ เป็นผู้จัดพิมพ์ จัดจำหน่าย
และจ่ายเงินรางวัลสลากการกุศล ๒.๒
ประสานงานกับหน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับการสนับสนุน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนการออกสลากการกุศล
การขออนุญาตการออกสลากการกุศลโดยปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
และการนำส่งเงินให้หน่วยงานเจ้าของโครงการตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโดยให้ผู้รับใบอนุญาตการออกสลากการกุศลเสียภาษีการพนันเหลือร้อยละ
๐.๕ แห่งยอดราคาสลากซึ่งมีผู้รับซื้อก่อนหักรายจ่ายตามข้อ ๑๒ (๔)
ของกฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ ๑๗ (พ.ศ. ๒๕๐๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติการพนัน
พุทธศักราช ๒๔๗๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยกฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ๒.๓
จัดทำแผนการออกสลากการกุศลและแผนการใช้เงินของแต่ละโครงการ และรายงานต่อคณะกรรมการฯ
เพื่อประโยชน์ในการกำกับ
ติดตามการดำเนินโครงการที่ได้รับการสนับสนุนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้ ๒.๔
บริหารการจ่ายเงินให้หน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนเงินจากโครงการสลากการกุศลตามความเหมาะสมและเร่งด่วนเพื่อให้โครงการสลากการกุศลสามารถเบิกจ่ายเงินได้อย่างรวดเร็ว ๓.
มอบหมายให้คณะกรรมการฯ ดำเนินการ ดังนี้ ๓.๑
กำหนดระยะเวลาในการผูกพันวงเงินของโครงการที่ได้รับการสนับสนุน
และหากเกิดกรณีที่หน่วยงานเจ้าของโครงการไม่สามารถผูกพันวงเงินได้ตามกำหนด
ให้คณะกรรมการฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบการขอขยายระยะเวลาผูกพันวงเงิน หรือหากคณะกรรมการฯ
พิจารณาแล้วเห็นว่า โครงการดังกล่าวไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้
ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณายกเลิกวงเงินสนับสนุนโครงการดังกล่าว ๓.๒
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดการเงินภายในโครงการที่ได้รับการสนับสนุน โดยจะต้องไม่เปลี่ยนแปลงเป็นกิจกรรมที่แตกต่างจากโครงการที่ได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ดังนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เห็นควรมีการติดตามและประเมินผลความก้าวหน้าของการดำเนินงานอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
เพื่อให้การดำเนินโครงการสลากฯ เกิดความคุ้มค่าในการสนับสนุนงบประมาณ สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
รวมถึงลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้อย่างแท้จริง |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 136 | ขออนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม | กษ. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟ
สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ในเขตปฏิรูปที่ดิน เนื้อที่รวมประมาณ ๑,๕๓๗-๓-๐๔ ไร่ และโครงการก่อสร้างทางรถไฟ
สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม เนื้อที่รวมประมาณ ๑,๙๑๗-๓-๗๕ ไร่ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อให้
การรถไฟแห่งประเทศไทยสามารถดำเนินงานโครงการก่อสร้างได้ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด
และคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจะได้พิจารณาให้ความยินยอมหรืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดินตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป
ตามที่คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเสนอ ให้คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลังไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นว่าควรปฏิบัติตามกฎหมาย กฎหรือระเบียบ
และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใส่ในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล เกิดผลสัมฤทธิ์
หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นควรปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม
และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ที่กำหนดไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการในพื้นที่อย่างเคร่งครัด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงคมนาคม
โดยการรถไฟแห่งประเทศไทยเร่งรัดดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและก่อสร้างโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เพื่อลดความเสี่ยงทางด้านต้นทุนและเพื่อให้การรถไฟแห่งประเทศไทยสามารถบริหารค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการให้อยู่ภายในกรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี
ซึ่งจะช่วยให้การใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 137 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินงานของกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ | กษ. | 16/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินงานของกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศออกไปเป็นเวลา
๒๐ ปี (ตั้งแต่วันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๗ - ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๘๗)
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ
(หนังสือสำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ สกช. ๐๔๐๔/๑๐๒๒ ลงวันที่ ๒๔
พฤษภาคม ๒๕๖๗) และคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดตั้งกองทุนโดยตราเป็นกฎหมายเฉพาะเพื่อให้เป็นไปตามมาตรา
๖๓ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกอบกับมาตรา ๑๔
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา ๒ ปี |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 138 | การแยกบัญชีโครงการให้สินเชื่อตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือประชาชนรายย่อยและโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) GSB Boost Up ของธนาคารออมสินเป็นบัญชีธุรกรรมนโยบาย (Public Service Account : PSA) | กค. | 16/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแยกบัญชีโครงการให้สินเชื่อตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือประชาชนรายย่อยและโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ
(Soft Loan) GSB Boost Up ของธนาคารออมสินเป็นบัญชีธุรกรรมนโยบายรัฐ
(Public Service Account : PSA) พร้อมทั้งมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารออมสิน)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้ความสำคัญมากขึ้นกับการพิจารณาให้สินเชื่อตามความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ในระยะยาว
เพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพระบบการเงินในระยะยาวต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 139 | มาตรการในการแก้ไขปัญหาการทุจริตแบบบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | ปปท. | 16/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบสรุปผลการดำเนินการเกี่ยวกับมาตรการในการแก้ไขปัญหาการทุจริตแบบบูรณาการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำความเห็นจากที่ประชุมหารือเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าวไปดำเนินการ
และยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๗ เรื่อง
มาตรการในการแก้ไขปัญหาการทุจริตแบบบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยผลการพิจารณามาตรการฯ
ในภาพรวมมีหน่วยงานที่เห็นด้วยกับมาตรการฯ และไม่ขอแก้ไข ๖๐ หน่วยงาน มีหน่วยงานที่ขอแก้ไข
๑๑ หน่วยงาน เช่น การแก้ไขเป้าหมายและตัวชี้วัดกิจกรรมที่ต้องดำเนินการ
และมีหน่วยงานที่ให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ๒ หน่วยงาน เช่น
มาตรการที่กำหนดมีแผนงานจำนวนมากส่งผลต่อการดำเนินการให้สำเร็จตามแผนงานภายใน ๑ ปี
จึงควรมุ่งเน้นในส่วนที่เป็นมาตรการในการแก้ไขปัญหาโครงสร้างของปัญหาการทุจริต ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 140 | การขยายระยะเวลาปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ | กค. | 16/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการกำหนดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่อัตราร้อยละ
๐.๑๒๕ ต่อปี
ของยอดเงินที่ได้รับจากประชาชน เป็นระยะเวลา ๑ ปี สำหรับรอบการนำส่งเงินในปี พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กำหนดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
รวม ๔ แห่ง ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์
และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โดยปรับลดอัตราเงินนำส่งเหลือร้อยละ ๐.๑๒๕ ต่อปี
ของยอดเงินที่ได้รับจากประชาชน สำหรับรอบการนำส่งเงินในปี พ.ศ. ๒๕๖๗
โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
