ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 8 จากทั้งหมด 14 หน้า แสดงรายการที่ 141 - 160 จากข้อมูลทั้งหมด 267 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 141 | ร่างกฎกระทรวงการจ่ายค่าทดแทนเพื่อชดเชยความเสียหายจากการเฝ้าระวัง การป้องกัน และการควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ. .... | สธ. | 16/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการจ่ายค่าทดแทนเพื่อชดเชยความเสียหายจากการเฝ้าระวัง
การป้องกัน และการควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการจ่ายค่าทดแทนเพื่อชดเชยความเสียหายจากการดำเนินการเฝ้าระวัง
ป้องกัน หรือควบคุมโรคของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ
โดยผู้เสียหายหรือทายาทโดยธรรมของผู้เสียหายสามารถยื่นคำขอรับค่าทดแทนเพื่อชดเชยความเสียหายด้วยตัวเองได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหรือสำนักอนามัย
กรุงเทพมหานคร แล้วแต่กรณี โดยผู้เสียหายอาจมีสิทธิได้รับค่าทดแทนเพื่อชดเชยความเสียหาย
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ กระทรวงมหาดไทย เห็นควรเพิ่มช่องทางการยื่นคำขอรับค่าทดแทนเพื่อชดเชยความเสียหายของผู้เสียหายหรือทายาทโดยธรรมเพิ่มเติมจากที่กำหนดในร่างกฎกระทรวง
เช่น กำหนดให้ผู้เสียหายหรือทายาทโดยธรรมของผู้เสียหายสามารถยื่นคำขอ ณ
สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ หรือช่องทางอื่น ๆ ตามที่เห็นสมควร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
เห็นว่าพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ ไม่ได้บัญญัติให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครมีหน้าที่และอำนาจในการกำหนดค่าทดแทนเพื่อชดเชยแก่ผู้เสียหายดังกล่าวไว้
จึงเป็นประเด็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับการออกกฎหมายลำดับรองเกินกว่าหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครตามที่กฎหมายแม่บทกำหนด ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย
และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ กระทรวงการคลัง
เห็นควรคำนึงถึงความคุ้มค่า ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพ
และความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ กระทรวงมหาดไทย
เห็นควรเพิ่มช่องทางการยื่นคำขอรับค่าทดแทนเพื่อชดเชยความเสียหายของผู้เสียหายหรือทายาทโดยธรรมเพิ่มเติมจากที่กำหนดในร่างกฎกระทรวง
หรือช่องทางอื่น ๆ ตามที่เห็นสมควร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 142 | ร่างกฎกระทรวงการขึ้นทะเบียนตำรับยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 หรือตำรับวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 3 หรือประเภท 4 พ.ศ. .... | สธ. | 16/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการขึ้นทะเบียนตำรับยาเสพติดให้โทษในประเภท
๓ หรือตำรับวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท
๔ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ เงื่อนไข และอัตราค่าธรรมเนียมการขอขึ้นทะเบียนของตำรับยาเสพติดให้โทษในประเภท
๓ หรือตำรับวัตถุอออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานอัยการสูงสุดไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นควรมีการสร้างการรับรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับสาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง
รวมทั้งแจ้งกระทรวงการคลังจัดทำประมาณการรายได้ที่จะเกิดขึ้นตามร่างกฎกระทรวงดังกล่าว |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 143 | ขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการห้ามใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลนเพื่อดำเนินโครงการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกจากบางปะกงไปโรงไฟฟ้าพระนครใต้ | พน. | 16/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๕ ธันวาคม ๒๕๓๐ วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔ วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓
และวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๓ ที่ห้ามมิให้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลนในทุกกรณี
เพื่อให้บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) สามารถใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน บริเวณแม่น้ำบางปะกง ตำบลบางปะกง และตำบลท่าสะอ้าน
อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา พื้นที่ประมาณ
๓ ไร่ ๐ งาน ๗๕ ตารางวา สำหรับดำเนินโครงการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกจากบางปะกงไปโรงไฟฟ้าพระนครใต้ได้
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายในการปลูกและบำรุงรักษาป่าชายเลนทดแทนไม่น้อยกว่า
๒๐ เท่า ของพื้นที่ป่าชายเลนที่ได้รับอนุญาต ให้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพลังงานและบริษัท ปตท. จำกัด
(มหาชน) รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นว่าการก่อสร้างที่อยู่ในทางหลวงให้ผู้ขออนุญาตเสนอแผนการก่อสร้างรูปแบบการก่อสร้าง
แผนการจัดการจราจรระหว่างการก่อสร้างต่อกรมทางหลวงพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 144 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบและสารที่เกิดจากการเผาไหม้ของส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแจ้งและการออกใบรับรองและอัตราค่าธรรมเนียม พ.ศ. .... | สธ. | 09/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบและสารที่เกิดจากการเผาไหม้ของส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบ
หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแจ้งและการออกใบรับรองและอัตราค่าธรรมเนียม พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๔๐) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ
พ.ศ. ๒๕๓๕ และกำหนดส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบ และสารที่เกิดจากการเผาไหม้ของส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบ
ประเภทบุหรี่ซิกาแรตและบุหรี่ซิการ์ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการแจ้งและการออกใบรับรองและใบแทนใบรับรอง
รวมถึงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมใบรับรองและใบแทนใบรับรองและค่าใช้จ่ายที่ผู้ผลิตและผู้นำเข้าต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นควรศึกษาปริมาณการใช้ส่วนประกอบที่เหมาะสมไม่ให้เป็นกลิ่นหรือรสที่เด่นกว่าธรรมชาติของยาสูบ
(Characterizing Flavor) เพื่อลดการจูงใจหรือดึงดูดให้บริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบ
ควรมีการหารือกับผู้ประกอบอุตสาหกรรมยาสูบ และชาวไร่ผู้ปลูกยาสูบ
เพื่อกำหนดกรอบระยะเวลาในการบังคับได้อย่างเหมาะสม
เนื่องจากต้องมีระยะเวลาในการปรับตัว เช่น กรณีศึกษาของสหภาพยุโรปที่ใช้ระยะเวลา ๖
ปี หลังการบังคับใช้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่ากระทรวงสาธารณสุขควรมีการศึกษาผลกระทบและรับฟังความเห็นจากแพทย์และผู้เกี่ยวข้อง
(Stakeholder) อย่างรอบด้าน
เพื่อให้การกำหนดมาตรการต่าง ๆ ตามกฎหมายสอดคล้องกับแนวทางและสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นว่าการพิจารณาเกี่ยวกับการยกเว้นเมนทอลขอให้พิจารณาในส่วนที่เกี่ยวกับสารอื่นใดที่ทำให้เกิดรสชาติและหรือกลิ่นของเมนทอลและชะเอมด้วย
นอกจากนี้ ถ้อยคำที่ว่า “... หรือสารอื่นใดที่ทำให้เกิดรสชาติหรือกลิ่นอันอาจจูงใจหรือดึงดูดให้บริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบหรืออาจทำให้การบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบง่ายขึ้น
....”
อาจทำให้เกิดปัญหาในการตีความและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมาย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 145 | ขอความเห็นชอบแผนอัตรากำลังโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567-2570 | อว. | 09/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการแผนอัตรากำลังโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ - ๒๕๗๐ จำนวน ๑๓๐ อัตรา
สำหรับงบประมาณรองรับแผนอัตรากำลังดังกล่าว ให้สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังพิจารณาดำเนินการเท่าที่จำเป็นตามภารกิจหลักอย่างประหยัดและคุ้มค่า
และคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงินที่จะนำมาใช้จ่าย โดยเฉพาะรายได้หรือเงินนอกงบประมาณอื่นใดที่สถาบันมีอยู่หรือสามารถนำมาใช้จ่ายได้เป็นลำดับแรก
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณและเกิดผลสัมฤทธิ์ในการบริหารจัดการภาครัฐอย่างยั่งยืน
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
(สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงาน ก.พ. และข้อสังเกตของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อเสนอแนะของสำนักงาน ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงาน ก.พ. เห็นควรดำเนินการโดยคำนึงถึงหลักการและแนวทางการบริหารจัดการอัตรากำลังตามที่คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ
กำหนดไว้ในมาตรการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐)
ที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในการประชุมเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๖ ด้วย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรกำหนดแนวทางการสรรหาผู้เชี่ยวชาญและบุคลากรทางการแพทย์ที่มีทักษะด้านเทคโนโลยีเพื่อรองรับการจัดบริการดังกล่าวที่เป็นรูปธรรม
เพื่อให้สามารถให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 146 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางกิจจาลักษณ์ ศรีนุชศาสตร์) | กค. | 09/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางกิจจาลักษณ์ ศรีนุชศาสตร์
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองอธิบดีกรมศุลกากร
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบสิทธิประโยชน์ทางศุลกากร (นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๗
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 147 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 60 ปี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ. .... | กค. | 09/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก
๖o ปี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ชนิดราคายี่สิบบาท
เพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสครบ ๖๐ ปี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 148 | ผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ครั้งที่ 3/2567 | นร.08 | 09/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส
ยกเว้นอำเภอยี่งอ อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอยะหริ่ง
อำเภอปะนาเระ อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา
ยกเว้นอำเภอเบตง อำเภอรามัน อำเภอกาบัง และอำเภอกรงปินัง ออกไปอีก ๓ เดือน ตั้งแต่วันที่
๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๗
ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ๒. เห็นชอบและรับทราบร่างประกาศ ดังนี้ ๒.๑
เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง
การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส
ยกเว้นอำเภอยี่งอ อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดปัตตานี
ยกเว้นอำเภอยะหริ่ง อำเภอปะนาเระ อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง
อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง อำเภอรามัน อำเภอกาบัง
และอำเภอกรงปินัง และร่างประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ ๒.๒
รับทราบร่างประกาศ เรื่อง การให้ประกาศและคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนด ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ รวม
๓ ฉบับ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 149 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล ครั้งที่ 4 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | ดศ. | 09/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล ครั้งที่ ๔
และการประชุมที่เกี่ยวข้องระหว่างวันที่ ๑ - ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ณ
สาธารณรัฐสิงคโปร์ สรุปได้ ดังนี้ ๑)
การรับรองปฏิญญาสิงคโปร์และการกล่าวถ้อยแถลงข่าวร่วมสำหรับการประชุม ADGMIN ครั้งที่ ๔
และการประชุมที่เกี่ยวข้อง โดยได้ปรับเพิ่มถ้อยคำ (เช่น “removal” หรือ “การรื้อถอน” สายเคเบิลใต้น้ำ)/ปรับปรุงเพิ่มเติมเนื้อหา (เช่น
การตระหนักถึงความสำคัญของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระหว่างประเทศประเภทบริการข้ามแดนอัตโนมัติในอาเซียน/การตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาโครงข่าย
5G ในอาเซียน) ให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น
โดยยังคงไว้ซึ่งสาระสำคัญตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๓๐ มกราคม ๒๕๖๗)
เห็นชอบไว้แล้ว ๒) ผลการประชุม ADGMIN กับคู่เจรจา
(จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย สหรัฐอเมริกา และ ITU) เช่น
การรับรองแผนการดำเนินการด้านดิจิทัลระหว่างอาเซียนและคู่เจรจา การรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินกิจกรรม/โครงการความร่วมมือ
สำหรับปี ๒๕๖๖ ๓) ผลการหารือทวิภาคี (จีน สิงคโปร์ สปป.ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย) เช่น
หารือเกี่ยวกับการจัดการปัญหาการหลอกลวงออนไลน์ (สิงคโปร์) หารือเกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจดิจิทัล
เมืองอัจฉริยะ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (จีน)
การบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาคลื่นความถี่บริเวณชายแดนและการป้องกันและปราบปรามการหลอกลวงออนไลน์
(สปป.ลาว) ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 150 | การปรับเพิ่มเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน รายการเงินอุดหนุนรายบุคคล ในส่วนของเงินสมทบเป็นเงินเดือนครู | ศธ. | 09/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการปรับเพิ่มเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
รายการเงินอุดหนุนรายบุคคล ในส่วนของเงินสมทบเป็นเงินเดือนครู
สำหรับนักเรียนโรงเรียนเอกชน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
เห็นควรให้หน่วยรับงบประมาณพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณหรือโอนเงินจัดสรร
หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๒ ในโอกาสแรกก่อน โดยคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า
ผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
สำหรับการอุดหนุนเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือโรงเรียนขนาดเล็ก
กรณีโรงเรียนเอกชนที่มีนักเรียนไม่เกิน ๒๐๐ คน เป็นเวลา ๔ ปี (เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๗
ถึงเดือนกันยายน ๒๕๗๐) เห็นควรให้กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการศึกษาจากการที่เคยได้รับความช่วยเหลือโรงเรียนขนาดเล็กตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๐ ว่ามีการพัฒนาคุณภาพตามมาตรฐานที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด
เพื่อให้คณะรัฐมนตรีรับทราบก่อนเสนอมาตรการให้ความช่วยเหลือดังกล่าวอีกครั้ง
นอกจากนี้การกำหนดขนาดโรงเรียน เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก
ควรใช้หลักเกณฑ์เดียวกันกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อให้การจัดกลุ่มขนาดโรงเรียนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงาน ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงการคลัง เห็นว่าการขอปรับอัตราเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
รายการเงินอุดหนุนรายบุคคลในส่วนของเงินสมทบเป็นเงินเดือนครู
จะต้องเป็นไปตามแนวทางการปรับอัตราเงินเดือนที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ สำนักงาน กพ. เห็นควรพิจารณาให้สอดคล้องกับทิศทางการบริหารจัดการด้านการศึกษาของประเทศในภาพรวม
เพื่อให้เกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
เห็นว่าอัตราเงินเดือนที่ใช้สำหรับคำนวณเงินอุดหนุนรายบุคคล
ในส่วนของเงินสมทบเงินเดือนครูใช้ฐานเงินเดือนอัตราแรกบรรจุของข้าราชการพลเรือนสามัญ
(๑๖,๕๐๐ บาท และ ๑๘,๑๕๐ บาท ตามลำดับ) ซึ่งต่ำกว่าฐานเงินเดือนอัตราแรกบรรจุของข้าราชการครู
(๑๖,๕๖๐ บาท และ ๑๘,๒๒๐ บาท ตามลำดับ)
และเนื่องจากจำนวนนักเรียนมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง กระทรวงศึกษาธิการจึงอาจพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณาจัดสรรเงินอุดหนุนโรงเรียนเอกชนขนาดเล็ก
โดยคำนึงถึงคุณภาพ ศักยภาพ
ร่วมกับความจำเป็นหรือความสอดคล้องตามแผนที่การบริหารจัดการโรงเรียน (School
Mapping) |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 151 | รายงานการดำเนินการตามผลการประชุมบูรณาการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนากลุ่มจังหวัด | นร.07 | 02/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการดำเนินการตามผลการประชุมบูรณาการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนากลุ่มจังหวัด
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. กลุ่มจังหวัดภาคคะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๑
มีจำนวน ๒๕ โครงการ วงเงินทั้งสิ้น ๒๙๙.๘๐ ล้านบาท (ต่อมามีการปรับลดวงเงินอีก ๕ ล้านบาท
คงเหลือ ๒๙๔.๘๐ ล้านบาท) ได้รับการจัดสรรแล้ว ๕ โครงการ วงเงิน ๔๓.๒๑ ล้านบาท และยังไม่ได้จัดสรร
๒๐ โครงการ วงเงิน ๒๕๑.๕๙ ล้านบาท ในส่วนของโครงการที่เป็นข้อเสนอของภาคเอกชน
จำนวน ๑๗๒ โครงการ อยู่ระหว่างพิจารณาความพร้อมและความคุ้มค่าของการลงทุน
รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญและความจำเป็นเร่งด่วน ๒. กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน มีจำนวน ๑๘ โครงการ
วงเงินรวม ทั้งสิ้น ๕๕๒.๑๐ ล้านบาท แบ่งเป็น ๑) โครงการของกลุ่มจังหวัด ๑๓ โครงการ
วงเงิน ๓๕๐ ล้านบาท และ ๒) โครงการที่เป็นข้อเสนอของภาคเอกชน ๕ โครงการ วงเงิน ๒๐๒.๑๐
ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 152 | โครงการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. 2572 | กษ. | 02/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประมูลสิทธิ์จัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดนครราชสีมา
พ.ศ. ๒๕๗๒ อนุมัติองค์ประกอบของคณะกรรมการอำนวยการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก จังหวัดนครราชสีมา
พ.ศ. ๒๕๗๒ ตามที่เสนอ และเห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณารายละเอียดเอกสารสัญญา ให้มีความรอบคอบ รัดกุม
และเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน)
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า ต้นทุน และผลประโยชน์
เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ
เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการควบคุม และกำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าการดำเนินการใด ๆ
ในเขตพื้นที่ป่า ขอให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 153 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2566 | กค. | 25/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
ประจำครึ่งหลังของปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้ม : เศรษฐกิจไทยขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง
โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัว โดยเฉพาะการใช้จ่ายในหมวดบริการ
สำหรับภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่องตามจำนวนนักท่องเที่ยว
แต่การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเฉลี่ยต่อคนปรับลดลงจากจำนวนวันพักที่ลดลงและสัดส่วนนักท่องเที่ยวระยะสั้นที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่ภาคการส่งออกสินค้ายังคงฟื้นตัวช้า ๑.๒ เสถียรภาพระบบการเงินและภาวะการเงิน : ระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพ
แต่ต้องติดตามพัฒนาการของคุณภาพสินเชื่อที่อาจได้รับแรงกัดดันจากความสามารถในการชำระหนี้ที่ลดลงของผู้ประกอบการ
SMEs และครัวเรือนบางส่วนที่ยังเปราะบางจากภาระหนี้ที่สูงขึ้นและรายได้ที่ฟื้นตัวช้า
รวมถึงติดตามความสามารถในการระดมทุนของภาคธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง ๑.๓ การดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ย : กนง. มีมติ (๒ สิงหาคม ๒๕๖๖ และ ๒๗ กันยายน
๒๕๖๖) ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ร้อยละ ๒.๕
และคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาจนถึงสิ้นปี ๒๕๖๖ ๑.๔ การดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน : ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐอเมริกาอ่อนค่าในไตรมาสที่
๔ ของปี ๒๕๖๖ แข็งค่าขึ้นหลังธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาสิ้นสุดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ๑.๕
การดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน : กนง.
ได้สนับสนุนมาตรการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน
โดยเฉพาะมาตรการการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรมแก่ลูกหนี้
รวมทั้งสนับสนุนแนวทางการดูแลหนี้ครัวเรือนเพิ่มเติมที่จะดำเนินการควบคู่ไปด้วยในอนาคต ๒. ให้
กนง. รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นว่า กนง.
ควรคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงที่ยังต้องมีการติดตามอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะต้นทุนทางการเงินของภาคเอกชนที่สูงขึ้น
รวมถึงความเปราะบางที่เกิดจากภาระหนี้และความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนและผู้ประกอบการ
SMEs ตลอดจนแนวโน้มเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยของต่างประเทศ
เพื่อนำไปใช้ในการพิจารณาดำเนินนโยบายการเงินในระยะต่อไป
เพื่อให้ทิศทางการส่งผ่านนโยบายการเงินสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและผลักดันให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง
ไปพิจารณาด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 154 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมตาราง 5 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง) | ยธ. | 25/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมตาราง ๕
ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โดยลดภาระในการจ่ายค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีบางประการที่ไม่จำเป็น
เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบจากการไม่สามารถชำระหนี้ได้
และยกเลิกอัตราค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานศาลยุติธรรม ที่เห็นว่าการชำระค่าธรรมเนียมตามกฎหมายเป็นมาตรการอย่างหนึ่งเพื่อให้ผู้ใช้สิทธิได้พิจารณาเรื่องอย่างละเอียดรอบคอบก่อนที่จะใช้สิทธิบังคับตามกฎหมาย
และป้องกันมิให้มีการใช้สิทธิโดยไม่จำเป็นหรือไม่เหมาะสม เช่น
ค่าธรรมเนียมถอนการยึดอันเกิดจากเจ้าหนี้ตามคำพิพากษานำยึดทรัพย์โดยผิดหลง
ดังนั้น หากมีการลดหรือยกเว้นค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดี
อาจส่งผลให้เกิดปัญหาการยึดหรืออายัดทรัพย์สินในลักษณะดังกล่าวมากยิ่งขึ้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 155 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาลที่มีระยะเวลาการชำระหนี้เกิน 12 เดือน ที่ดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | กค. | 18/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาลที่มีระยะเวลาการชำระหนี้เกิน ๑๒ เดือน จำนวนรวม ๘๙๕,๑๓๐.๘๕
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๒ ของวงเงินที่ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 156 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวสุภาภรณ์ โรจนรุ่งทวี) | กค. | 18/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวสุภาภรณ์ โรจนรุ่งทวี
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการกอง [ผู้อำนวยการเฉพาะด้าน (วิชาการคลัง)
สูง] กองกฎหมาย กรมบัญชีกลาง ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกฎหมายและระเบียบการคลัง
(นิติกรทรงคุณวุฒิ) กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๗
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 157 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี พ.ศ. .... | มท. | 18/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนอู่ทอง
จังหวัดสุพรรณบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม
ในท้องที่ตำบลหนองโอ่ง ตำบลอู่ทอง ตำบลกระจัน ตำบลเจดีย์ ตำบลจรเข้สามพัน
และตำบลยุ้งทะลาย อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท
ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค
บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม
โดยส่งเสริมอนุรักษ์และพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์
ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการผังเมือง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าควรคำนึงถึง
กฎ
ระเบียบที่เกี่ยวข้องในการใช้ประโยชน์ที่ดินด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอื่นด้วย กระทรวงสาธารณสุข
เห็นว่าการพิจารณาอนุญาตกิจการต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 158 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองบัว ตำบลหนองนาคำ ตำบลหนองขอนกว้าง ตำบลบ้านจั่น และตำบลโนนสูง อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี พ.ศ. .... | คค. | 18/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองบัว ตำบลหนองนาคำ
ตำบลหนองขอนกว้าง ตำบลบ้านจั่น และตำบลโนนสูง อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนเพื่อสร้างและขยายทางหลวงชนบทถนนสาย
ก ๗ ถนนสาย ง ๘ และถนนสาย จ ตามโครงการผังเมืองรวมอุดรธานี และถนนต่อเชื่อม ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
เห็นควรจะเร่งดำเนินการสำรวจพื้นที่ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
หากยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จและยังประสงค์จะทำการสำรวจต่อไปก็ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรา
๑๐ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๖๒
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 159 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ พ.ศ. .... | กค. | 18/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ
พ.ศ. .... ซึ่งเป็นการปรับปรุงระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ
พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยยังคงหลักการเดิม
และปรับอัตราเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ควรเร่งกำหนดแนวทางและแผนการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้
และการขยายฐานภาษีให้มีความชัดเจนและเป็นรูปธรรม
ควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายของรัฐบาล
รวมทั้งให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบการประเมินผลการปฏิบัติงาน
และการปรับปรุงประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของส่วนราชการ
เพื่อให้การจ่ายค่าตอบแทนที่เพิ่มขึ้นเกิดความคุ้มค่า
และสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบราชการในระยะยาว
สำนักงบประมาณ เห็นว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
เห็นควรให้ส่วนราชการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
ภายใต้แผนงานบุคลากรภาครัฐของแต่ละส่วนราชการเป็นลำดับแรก
หากไม่เพียงพอให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง
รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการ
หรือรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น แล้วแต่กรณี ตามลำดับ
สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป
ให้ส่วนราชการพิจารณาจัดทำแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อบรรจุไว้ในกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายล่วงหน้าระยะปานกลางตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 160 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การปรับปรุงการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าชดเชยที่ลูกจ้างได้รับจากนายจ้างกรณีถูกเลิกจ้าง) | กค. | 18/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าชดเชยที่ลูกจ้างได้รับจากนายจ้างกรณีลูกเลิกจ้างให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน
(ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒
โดยปรับเพิ่มเพดานของค่าชดเชยกรณีถูกเลิกจ้างที่จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
จาก ค่าชดเชยส่วนที่ไม่เกินค่าจ้างหรือเงินเดือนค่าจ้างของการทำงาน ๓๐๐ วันสุดท้าย
แต่ไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท เป็น
ค่าชดเชยส่วนที่ไม่เกินค่าจ้างหรือเงินเดือนค่าจ้างของการทำงาน ๔๐๐ วันสุดท้าย
แต่ไม่เกิน ๖๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับเงินค่าชดเชยกรณีถูกเลิกจ้างที่ได้รับตั้งแต่วันที่
๑ มกราคม ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงแรงงาน และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้
กระทรวงแรงงาน เห็นว่าหากร่างกฎกระทรวง ฯ
ครอบคลุมถึงกรณีการเกษียณอายุหรือสิ้นสุดสัญญาจ้าง จะทำให้ลูกจ้างกลุ่มนี้ได้รับสิทธิประโยชน์ด้วย
ซึ่งจะส่งผลให้มีขวัญกำลังใจในการทำงาน นำไปสู่การเพิ่มผลิตภาพแรงงาน
เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
