ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 8 จากทั้งหมด 15 หน้า แสดงรายการที่ 141 - 160 จากข้อมูลทั้งหมด 294 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
141 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานกลิ่นในอากาศจากโรงงาน พ.ศ. .... | อก. | 13/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานกลิ่นในอากาศจากโรงงาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานและวิธีการตรวจสอบกลิ่นในอากาศจากโรงงาน
พ.ศ. ๒๕๔๘ เพื่อปรับปรุงแก้ไขกฎหมายว่าด้วยกลิ่น ให้มีความถูกต้อง ชัดเจน
เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
รวมถึงแก้ไขปัญหาการบังคับใช้กฎหมายให้ครอบคลุมมากขึ้น และเพื่อให้สอดคล้องกับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดมาตรฐานค่าความเข้มกลิ่นของอากาศเสียที่ปล่อยทิ้งจากโรงงานผลิตยาง
ลงวันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ อีกทั้งเพื่อให้เป็นไปตามมาตรา ๕๖
แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรพิจารณาการตรวจวัดค่าความเข้มกลิ่นด้วยวิธีอื่นร่วมด้วย เพื่อให้มีมาตรฐานตามหลักวิชาการ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
142 | การจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 5/2567 | นร.04 | 06/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกำหนดการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่
ครั้งที่ ๕/๒๕๖๗ ณ
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และติดตามการตรวจราชการกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน
(จังหวัดชัยนาท พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี และอ่างทอง)
ระหว่างวันที่ ๑๙ - ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๗ และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
143 | การจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน AHA Centre | มท. | 06/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน AHA Centre ในปี พ.ศ. ๒๕๖๗ - ๒๕๖๘
เป็นจำนวน ๙๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ประมาณ ๓.๓ ล้านบาท) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นว่า สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อสมทบเข้ากองทุน AHA Centre ในปึงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ เห็นควรให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ที่ได้รับจัดสรรแล้ว สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
144 | ขอจำหน่ายหนี้สูญตามโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรด้วยการจำหน่ายหนี้เป็นสูญในกองทุนหรือเงินทุนในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ของสหกรณ์ประมงเกาะลันตา จำกัด | กค. | 06/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดีงนี้ ๑. อนุมัติจำหน่ายหนี้เป็นสูญของสหกรณ์ประมงเกาะลันตา
จำกัด จังหวัดกระบี่ (เงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์) จำนวน ๕,๙๒๘,๓๕๖.๑๘ บาท แยกเป็นต้นเงิน
จำนวน ๒,๕๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท
และดอกเบี้ยค้างชำระ จำนวน ๓,๔๒๘,๓๕๖.๑๘
บาท โดยไม่ขอรับเงินชดเชยจากรัฐบาล ภายใต้โครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรด้วยการจำหน่ายหนี้เป็นสูญในกองทุนหรือเงินทุนในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สาเหตุการจำหน่ายหนี้เป็นสูญข้อ (๙) ลูกหนี้ผู้กู้ยืมเงินมีรายได้น้อย หรือไม่มีความสามารถในการชำระหนี้
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกรมบัญชีกลาง
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายทุนหมุนเวียน
รวมทั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงมหาดไทย เห็นควรมีมาตรการในการดำเนินงานเพื่อลดปัญหาหนี้สูญของกองทุนหรือเงินทุนต่าง
ๆ
รวมถึงกำหนดมาตรการรักษาวินัยทางการเงินและชำระหนี้สินคืนกองทุนหรือเงินทุนอย่างต่อเนื่อง
และปรับปรุงการบริหารจัดการลูกหนี้ของกองทุนหรือเงินทุนตั้งแต่การพิจารณาความเป็นไปได้ในการดำเนินงานและความสามารถในการชำระหนี้ของแต่ละโครงการอย่างรัดกุม
การติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินงาน
การเตือนและเร่งรัดให้มีการชำระหนี้ทันตามกำหนด
การดำเนินกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ตามระเบียบและแนวทางที่เกี่ยวข้อง
และการเร่งรัดให้มีการปิดโครงการเมื่อมีการชำระหนี้คืนเต็มตามจำนวนแล้ว สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้ความสำคัญยิ่งขึ้นกับการดำเนินกระบวนการพิจารณาความเป็นไปได้ของโครงการและการบริหารจัดการโครงการให้เป็นไปด้วยความรอบคอบตามหลักวิชาการ
ตั้งแต่การวิเคราะห์และพิจารณาความเป็นไปได้ของโครงการจากกระบวนการวิเคราะห์ปัจจัยและบริบทที่เกี่ยวข้องในทุกมิติ
อาทิ ศักยภาพและโอกาสด้านการผลิต การตลาด เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง การเงิน ความพร้อมของเกษตรกร |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
145 | รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศประจำประเทศไทย (นายฟัยยาซ มูรชิด กาซี) | กต. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายฟัยยาซ มูรชิด กาซี (Mr. Faiyaz Murshid Kazi) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายมุฮัมมัด อับดุล ฮัย (Mr.
Mohammed Abdul Hye) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
146 | พิธีสารฉบับที่สองเพื่อแก้ไขความตกลงเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม 2567) | ปสส. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันอังคารที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๗
ซึ่งให้เสนอพิธีสารฉบับที่สองเพื่อแก้ไขความตกลงเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน
- ออสเตรเลีย - นิวซีแลนด์ และเอกสารแนบท้าย ต่อรัฐสภาเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
147 | มาตรการภาษีในการสนับสนุนคนไทยที่มีศักยภาพที่ทำงานในต่างประเทศให้กลับเข้ามาทำงานในประเทศ | กค. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบมาตรการภาษีในการสนับสนุนคนไทยที่มีศักยภาพที่ทำงานในต่างประเทศให้กลับเข้ามาทำงานในประเทศ
โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ คนไทย ซึ่งมีประสบการณ์ทำงานในต่างประเทศอย่างน้อย ๒ ปี
และวุฒิการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อดึงดูดคนไทยที่มีศักยภาพสูงและมีความเชี่ยวชาญในสาขาตามความต้องการของอุตสาหกรรมเป้าหมายให้กลับเข้ามาทำงานในประเทศไทยในอุตสาหกรรมที่มีความจำเป็นต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศตามกฎหมาย
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกไประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิผลของมาตรการควรกำหนดคุณสมบัติที่เป็นหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของทั้งลูกจ้างและนายจ้างในต่างประเทศให้มีความเข้มงวดและมีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น
เช่น
จบการศึกษาหรือมีประสบการณ์ทำงานในสาขาอาชีพที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเป้าหมาย
เป็นต้น
รวมถึงควรมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ตรวจสอบและรับรองคุณสมบัติดังกล่าวด้วย
รวมทั้งภาครัฐควรพิจารณาดำเนินมาตรการส่งเสริมและสร้างแรงจูงใจในการยกระดับและปรับปรุงทักษะแรงงานไทยที่มีอยู่ให้มีทักษะสอดคล้องตรงตามความต้องการจ้างงานของอุตสาหกรรมเป้าหมายในรูปแบบอื่น
เช่น การให้เครดิตภาษี (Tax Credit) แก่ผู้ที่เข้ารับการอบรม
และการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเป้าหมายส่งเสริมลูกจ้างให้มีการศึกษาต่อหรือฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะ
เป็นต้น เพื่อส่งเสริมให้แรงงานไทยมีทักษะและความสามารถตรงตามความต้องการของตลาดมากขึ้น สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
เห็นว่าร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีถ้อยคำในร่างมาตรา ๓ ไม่สอดคล้องกับถ้อยคำตามกฎหมายว่าด้วยเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ซึ่งมาตรา ๓๙ และมาตรา ๔๐ แห่งพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกอบกับประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
เรื่อง การกำหนดอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ลงวันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ดังนั้น ควรให้หน่วยงานผู้เสนอมาตรการ
ปรับเนื้อหาในร่างมาตรา ๓ ๓. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม เห็นว่าในระยาวหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาภาครัฐและภาคเอกชนจำเป็นต้องพิจารณาการจัดสรรค่าตอบแทน
สวัสดิการ และสิ่งจูงใจที่เหมาะสมกับระดับทักษะความรู้ ประสบการณ์การทำงาน
และภาระหน้าที่ความรับผิดชอบ
เพื่อสร้างหลักประกันที่มั่นคงทั้งในเชิงเศรษฐกิจและสังคม
ให้แก่แรงงานไทยที่มีศักยภาพ สำนักงบประมาณ เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวรวมถึงความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ
ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
148 | การแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ | นร.05 | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อเป็นการสร้างความรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง
ขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์และชี้แจงแนวทางการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำตามแผนปฏิบัติการดังกล่าวแก่เกษตรกรและประชาชนทุกภาคส่วนให้ถูกต้อง
ชัดเจน และทั่วถึงโดยด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
149 | การเป็นเจ้าภาพการประชุมประจำปีขององค์การที่ปรึกษากฎหมายแห่งเอเชียและแอฟริกา (Asian-African Legal Consultative Organization: AALCO) สมัยที่ 62 | กต. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเป็นเจ้าภาพการประชุมประจำปีขององค์การที่ปรึกษากฎหมายแห่งเอเชียและแอฟริกา
(Asian - African Legal Consultative Organization : AALCO) สมัยที่ ๖๒ ของประเทศไทย และเห็นชอบในหลักการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติอำนวยความสะดวกในการรักษาความปลอดภัยสถานที่ประชุมและผู้แทนระดับรัฐมนตรีที่เดินทางมาเข้าร่วมการประชุม
การจัดการจราจรในพื้นที่โดยรอบ
รวมถึงอำนวยความสะดวกด้านการตรวจลงตราและการเข้าออกเมืองแก่ผู้เข้าร่วมการประชุมฯ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นควรถือปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนด้วย
ประกอบกับการเป็นเจ้าภาพการประชุมประจำปี AALCO สมัยที่ ๖๒
ของกระทรวงการต่างประเทศถือเป็นการดำเนินการที่มีผลผูกพันทรัพย์สินหรือก่อให้เกิดภาระทางการเงินการคลังแก่รัฐ
ดังนั้น ในการพิจารณาเรื่องดังกล่าวควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า ต้นทุน
และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำนักงบประมาณ เห็นว่าค่าใช้จ่ายการเป็นเจ้าภาพการประชุมประจำปีของ
AALCO สมัยที่ ๖๒
ให้กระทรวงการต่างประเทศใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ที่ได้รับจัดสรรรองรับค่าใช้จ่ายดังกล่าวไว้แล้ว |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
150 | การพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินโครงการบริหารและประกอบการท่าเทียบเรือ เอ ๐ ณ ท่าเรือแหลมฉบัง ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย | คค. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการดำเนินการที่เหมาะสมของโครงการท่าเทียบเรือ
เอ ๐ ณ ท่าเรือแหลมฉบัง โดยการให้สัญญามีผลใช้บังคับต่อไป จะทำให้เกิดความต่อเนื่องในการให้บริการสาธารณะและหากมีการบอกเลิกสัญญาอาจนำมาสู่ข้อพิจารณาจนทำให้บริการสาธารณะหยุดลงและส่งผลกระทบต่อประชาชนได้
ตามรายงานผลการศึกษาวิเคราะห์ด้านการเงินและด้านกฎหมาย ตามที่คณะกรรมการพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินโครงการลงทุน
บริหารและประกอบการท่าเทียบเรือ เอ ๐ ณ ท่าเรือแหลมฉบัง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ให้กระทรวงคมนาคม (การท่าเรือแห่งประเทศไทย)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นควรให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยดำเนินการตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนของพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน
พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยเคร่งครัดต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรให้การท่าเรือแห่งประเทศไทย
เร่งรัดการพิจารณาแนวทางการดำเนินโครงการที่เหมาะสมของโครงการท่าเทียบเรือ ซี ๐
ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนของมาตรา ๗๒
แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามนัยของมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๓ เพื่อเสนอตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
151 | ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติบางฉบับที่หมดความจำเป็นและไม่เหมาะสมกับกาลปัจจุบัน พ.ศ. .... | นร.09 | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติบางฉบับที่หมดความจำเป็นและไม่เหมาะสมกับกาลปัจจุบัน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติบางฉบับที่หมดความจำเป็นและไม่เหมาะสมกับกาลปัจจุบัน
จำนวน ๒๔ ฉบับ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตัดคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ที่ ๑๔/๒๕๕๙ เรื่อง คณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
และการกำหนดอำนาจหน้าที่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ลงวันที่ ๔
เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ออกจากบัญชีท้ายร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
152 | ขออนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม | กษ. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟ
สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ในเขตปฏิรูปที่ดิน เนื้อที่รวมประมาณ ๑,๕๓๗-๓-๐๔ ไร่ และโครงการก่อสร้างทางรถไฟ
สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม เนื้อที่รวมประมาณ ๑,๙๑๗-๓-๗๕ ไร่ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อให้
การรถไฟแห่งประเทศไทยสามารถดำเนินงานโครงการก่อสร้างได้ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด
และคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจะได้พิจารณาให้ความยินยอมหรืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดินตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป
ตามที่คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเสนอ ให้คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลังไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นว่าควรปฏิบัติตามกฎหมาย กฎหรือระเบียบ
และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใส่ในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล เกิดผลสัมฤทธิ์
หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นควรปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม
และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ที่กำหนดไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการในพื้นที่อย่างเคร่งครัด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงคมนาคม
โดยการรถไฟแห่งประเทศไทยเร่งรัดดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและก่อสร้างโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เพื่อลดความเสี่ยงทางด้านต้นทุนและเพื่อให้การรถไฟแห่งประเทศไทยสามารถบริหารค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการให้อยู่ภายในกรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี
ซึ่งจะช่วยให้การใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
153 | (ร่าง) ข้อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีก (ไก่งวง) ในประเทศไทย | กษ. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ (ร่าง)
ข้อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีก (ไก่งวง) ในประเทศไทย และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว
ประกอบด้วย ๑) ขอให้ภาครัฐเร่งอนุญาตให้โรงฆ่าสัตว์ปีก เพิ่มชนิดสัตว์ปีก ประเภทไก่งวง
๒) สนับสนุนให้มีโรงฆ่าสัตว์ปีก (ไก่งวง)
ที่ได้รับมาตรฐานการส่งออกขนาดเล็กสำหรับเกษตรกรรายย่อยของหน่วยงานภาครัฐ ๓) กำหนดมาตรฐานสำหรับฟาร์มสัตว์ปีก
(ไก่งวง) แบบโรงเรือนยกพื้น (มาตรฐาน GAP) เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิต และยกระดับมาตรฐานเพื่อการส่งออก ๔) ภาครัฐสนับสนุนการจัดทำพิธีสารว่าด้วยการส่งออกไก่งวง
และ ๕) ขอให้ภาครัฐเร่งระบายไก่งวงที่ค้างสต็อกอย่างเร่งด่วน ตามที่สภาเกษตรกรแห่งชาติเสนอ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม เห็นว่าในส่วนของไก่งวงแช่แข็งที่ค้างสต็อกและไก่งวงที่พร้อมเข้าโรงฆ่าสัตว์ปีก
อาจมีแนวทางมาตรการเพื่อระบายสต็อกที่ค้างอยู่ออกไปก่อน
แต่ทั้งนี้ในระยะยาวอาจจะต้องมีการวางแผนการผลิต การตลาด
ให้เหมาะสมต่อความต้องการของตลาดในอนาคต สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่ากรมปศุสัตว์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ควรเร่งประชาสัมพันธ์แนวทางการยื่นขอรับอนุญาตฆ่าไก่งวงเพิ่มเติมให้ผู้ประกอบกิจการโรงฆ่าสัตว์ทราบอย่างทั่วถึงในวงกว้าง
เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบกิจการโรงฆ่าสัตว์ที่ยังดำเนินการไม่เต็มศักยภาพการผลิตยื่นขอรับอนุญาตฆ่าไก่งวงเพิ่มเติม
พร้อมทั้งสนับสนุนให้มีการปรับปรุง แก้ไข พัฒนา กิจการโรงฆ่าสัตว์ให้ได้มาตรฐานการส่งออกควบคู่ไปด้วย กระทรวงพาณิชย์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรพิจารณาจัดหาช่องทางการจัดจำหน่ายและอำนวยความสะดวกในการจับคู่
(Matching) ระหว่างกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง
(อาหารแปรรูปและอาหารสัตว์) เครือโรงแรม ภัตตาคาร และร้านอาหาร
เพื่ออำนวยความสะดวกในการเร่งระบายไก่งวงแช่แข็งค้างในสต๊อกเพื่อบรรเทาภาระต้นทุน ค่าใช้จ่าย
โดยการดำเนินการดังกล่าวจะต้องพิจารณาราคาในการจัดจำหน่ายไก่งวงแช่แข็งที่เหมาะสมและเป็นธรรมด้วย
รวมทั้งให้พิจารณาความเหมาะสมและความเป็นได้ในการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ประเภทอื่นที่เป็นที่ต้องการของตลาดเพิ่มมากขึ้นด้วย
เช่น นกกระทา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
154 | การดำเนินการเกี่ยวกับการเปิด การขยายเวลา และการปิดจุดผ่านแดนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน | นร.08 | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบการดำเนินการเกี่ยวกับการเปิด
การขยายเวลา และการปิดจุดผ่านแดนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ดังนี้ ๑)
รับทราบการเปิดจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย - กัมพูชา (หนองเอี่ยน - สตึงบท)
อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยใช้สำนักงานชั่วคราวไปพลางก่อน ๒)
รับทราบการปรับเวลาเปิดทำการจุดผ่านแดนถาวรภูดู่ อำเภอบ้านโคก จังหวัดอุตรดิตถ์
จากเดิมเวลา ๐๖.๐๐ - ๒๐.๐๐ น. ของทุกวัน เป็น ๘.๐๐ - ๑๘.๐๐ น. ของทุกวัน ๓)
รับทราบการขยายเวลาเปิด - ปิด จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ
เป็นเวลา ๐๗.๐๐ - ๒๒.๐๐ น. ๔) รับทราบการปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านปากห้วย ตำบลหนองผือ
อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย ๕) การดำเนินการใด ๆ บริเวณพื้นที่ชายแดน
จะต้องระมัดระวังมิให้เกิดความเสียหายและผลกระทบต่อความมั่นคง
โดยส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจะต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม
๒๕๔๒ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๔๘ อย่างเคร่งครัด และ ๖)
ให้กระทรวงมหาดไทยออกประกาศตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงแจ้งให้จังหวัดและส่วนราชการในพื้นที่รับทราบและถือปฏิบัติโดยทั่วกัน ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เห็นควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก
รวมถึงการเตรียมอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ให้มีความเหมาะสม
เพื่อให้สามารถรองรับการปฏิบัติงาน ณ จุดผ่านแดนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระทรวงสาธารณสุข เห็นควรให้มีการจัดตั้งเป็นด่านอาหารและยาในพื้นที่ที่ไม่มีด่านอาหารและยาตั้งอยู่
และควรขอรับการจัดสรรบุคลากรเพิ่มเติมเพื่อประจำด่านฯ ดังกล่าว |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
155 | ร่างกฎกระทรวงระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ พ.ศ. .... | พน. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขเกี่ยวกับการประกอบกิจการระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ
เพื่อให้ครอบคลุมถึงการประกอบกิจการทั้งท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกและท่อส่งก๊าซธรรมชาติในทะเล
ส่งก๊าซธรรมชาติเหลว และให้สอดคล้องกับสภาพการประกอบกิจการระบบก๊าซธรรมชาติทางท่อในปัจจุบันและเป็นตามมาตรฐานสากล
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นควรกำหนดให้ครอบคลุมถึงทรัพยากรทางทะเล
รวมทั้งอาจมีการจัดทำแผนเผชิญเหตุในกรณีที่มีการรั่วไหลของก๊าซ และน้ำมันด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
156 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง มาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในสถานประกอบกิจการ โรงงาน และยานพาหนะ | พม. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
เรื่อง มาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในสถานประกอบกิจการ โรงงาน
และยานพาหนะ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในสถานประกอบกิจการโรงงาน
และยานพาหนะ และการบังคับใช้แรงงานหรือบริการให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงยุติธรรมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ กระทรวงยุติธรรม ที่เห็นควรกำหนดมาตรการบังคับสำหรับสถานบริการหรือโรงแรมที่ไม่ได้รับอนุญาตดังกล่าว
และมีมาตรการสำหรับหน่วยงานที่กำกับดูแลปราบปรามสถานบริการหรือโรงแรมที่ไม่ได้รับอนุญาต
ซึ่งเป็นสถานที่เสี่ยงในการค้ามนุษย์ อย่างเข้มงวดและเด็ดขาด และหากกำหนดมาตรการบังคับนี้ให้ครอบคลุมถึงเรือประมงไทยด้วย
จะทำให้การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นควรพิจารณาแก้ไขให้สอดคล้องกับบทอาศัยอำนาจตามมาตรา
๑๖/๑ ทำนองเดียวกับที่เคยกำหนดไว้ตามข้อ ๒ แห่งประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง
มาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในสถานประกอบกิจการ โรงงาน และยานพาหนะ
ลงวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ทั้งนี้
การกำหนดให้เป็นหน้าที่ของเจ้าของผู้ครอบครองหรือผู้ดำเนินกิจการฯ
ตามกฎหมายแม่บทนั้น ได้ก่อให้เกิดหน้าที่โดยปริยาย (Implied duty) แก่หน่วยงานของรัฐที่จะต้องตรวจสอบอย่างใกล้ชิดมิให้มีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายอยู่แล้ว
แต่หากประสงค์จะกำหนดหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐให้ชัดเจนเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติก็สมควรแยกออกเป็นอีกข้อหนึ่ง ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงอุตสาหกรรมไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงคมนาคม เห็นว่ากรมเจ้าท่ามีความพร้อมที่จะให้การสนับสนุนการให้ความรู้เกี่ยวกับการทำงานด้านความปลอดภัยในการทำงานบนเรือ และตรวจสอบความถูกต้องของเรือประมงต่างประเทศที่เข้ามาในน่านน้ำไทยให้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย
พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติมอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
157 | ร่างกฎกระทรวงการอนุญาตโฆษณาเกี่ยวกับการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด พ.ศ .... | สธ. | 16/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการโฆษณาเกี่ยวกับการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการขออนุญาตและการออกใบอนุญาต
รวมทั้งเงื่อนไขในการโฆษณาตามใบอนุญาตเกี่ยวกับการบำบัดรักษายาเสพติด
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
158 | ขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการห้ามใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลนเพื่อดำเนินโครงการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกจากบางปะกงไปโรงไฟฟ้าพระนครใต้ | พน. | 16/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๕ ธันวาคม ๒๕๓๐ วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔ วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓
และวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๓ ที่ห้ามมิให้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลนในทุกกรณี
เพื่อให้บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) สามารถใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน บริเวณแม่น้ำบางปะกง ตำบลบางปะกง และตำบลท่าสะอ้าน
อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา พื้นที่ประมาณ
๓ ไร่ ๐ งาน ๗๕ ตารางวา สำหรับดำเนินโครงการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกจากบางปะกงไปโรงไฟฟ้าพระนครใต้ได้
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายในการปลูกและบำรุงรักษาป่าชายเลนทดแทนไม่น้อยกว่า
๒๐ เท่า ของพื้นที่ป่าชายเลนที่ได้รับอนุญาต ให้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพลังงานและบริษัท ปตท. จำกัด
(มหาชน) รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นว่าการก่อสร้างที่อยู่ในทางหลวงให้ผู้ขออนุญาตเสนอแผนการก่อสร้างรูปแบบการก่อสร้าง
แผนการจัดการจราจรระหว่างการก่อสร้างต่อกรมทางหลวงพิจารณาด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
159 | การแยกบัญชีโครงการให้สินเชื่อตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือประชาชนรายย่อยและโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) GSB Boost Up ของธนาคารออมสินเป็นบัญชีธุรกรรมนโยบาย (Public Service Account : PSA) | กค. | 16/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแยกบัญชีโครงการให้สินเชื่อตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือประชาชนรายย่อยและโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ
(Soft Loan) GSB Boost Up ของธนาคารออมสินเป็นบัญชีธุรกรรมนโยบายรัฐ
(Public Service Account : PSA) พร้อมทั้งมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารออมสิน)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้ความสำคัญมากขึ้นกับการพิจารณาให้สินเชื่อตามความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ในระยะยาว
เพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพระบบการเงินในระยะยาวต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
160 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำกรุงอะซุนซิโอน และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงอาซุนซิออน สาธารณรัฐปารากวัย (นายฮอร์เฮ ซาโลมอน ฮูเร บาเยโฮส) | กต. | 16/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. รับทราบการสิ้นสุดหน้าที่ของ นายเนลสัน อยาลา
โคเชียน (Mr. Nelson Ayala Cocian) กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำกรุงอะซุนซิโอน สาธารณรัฐปารากวัย
ตั้งแต่วันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๑ เนื่องจากถึงแก่กรรม ๒. พิจารณาอนุมัติแต่งตั้ง นายฮอร์เฮ ซาโลมอน ฮูเร
บาเยโฮส (Mr. Jorge Salomon Jure
Vallejos) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงอาซุนซิออน
สาธารณรัฐปารากวัย โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมสาธารณรัฐปารากวัย
|