ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 6 จากทั้งหมด 15 หน้า แสดงรายการที่ 101 - 120 จากข้อมูลทั้งหมด 294 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
101 | ขออนุมัติดำเนินโครงการปรับปรุงคลองชักน้ำแม่น้ำยมฝั่งขวา จังหวัดสุโขทัย | กษ. | 01/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดยกรมชลประทาน ดำเนินโครงการปรับปรุงคลองชักน้ำแม่น้ำยมฝั่งขวา จังหวัดสุโขทัย
มีกำหนดแผนงานโครงการ ๖ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ - ๒๕๗๓) กรอบวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น
๓,๕๕๗ ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
102 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาและขยายกรอบวงเงินโครงการ โครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา | กษ. | 01/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล
- บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จากเดิม ๕ ปี (ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ - พ.ศ. ๒๕๖๖) เป็น ๘ ปี (ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ - พ.ศ. ๒๕๖๙) และให้เพิ่มกรอบวงเงินโครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล -
บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จากเดิม ๒๑,๐๐๐ ล้านบาท เป็น ๒๕,๔๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่า เนื่องจากมีกิจกรรมการแก้ไขรูปแบบงานก่อสร้าง
เพิ่มเติมอาคารประกอบ และส่วนประกอบอื่นของโครงการ ควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดยกรมชลประทาน ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และประชาสัมพันธ์โครงการก่อนการก่อสร้าง
รวมทั้งควรพิจารณาเร่งรัดดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงานดำเนินการภายในระยะเวลา และกรอบวงเงินอย่างเคร่งครัด
เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยในเขตพื้นที่ตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นต่อพื้นที่ชุมชน
และเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดย กรมชลประทาน ควรรายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล -
บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต่อคณะกรรมการลุ่มน้ำที่เกี่ยวข้อง และคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติทราบ
ทุก ๖ เดือน เพื่อติดตามและกำกับโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จตามแผนที่กำหนดไว้
เนื่องจากเป็นโครงการสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างให้มีประสิทธิภาพเพิ่มสูงขึ้น |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
103 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายธนรัช จงสุทธานามณี) | กค. | 01/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ นายธนรัช จงสุทธานามณี เป็นข้าราชการการเมือง
ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ ตุลาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
104 | กรอบและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2568 | นร.11 สศช | 01/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
105 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ และนายอารี ไกรนรา) | รง. | 01/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ ตุลาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑. นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
106 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ | กต. | 01/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
(นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา ๔๒
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
107 | การขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 มาตรา 40 วรรคสาม และมาตรา 42 วรรคหนึ่ง สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | กก. | 24/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๖๕๖๘ - พ.ศ. ๒๕๗๐
เพื่อเป็นค่าเช่าอาคารสำนักงาน ค่าเช่ารถยนต์ ค่าเช่า ที่จอดรถยนต์
และค่าเช่าคลังเก็บวัสดุ รวมทั้งสิ้น ๒๐ รายการ วงเงินงบประมาณ ๒๑๔,๖๒๖,๙๐๐ บาท หรือไม่เกินวงเงินตามสกุลเงินท้องถิ่น
สำหรับกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนได้
โดยให้ดำเนินการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายก่อนได้รับการจัดสรรงบประมาณ
เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ตามนัยมาตรา ๔๐ วรรคสาม และมาตรา ๔๒ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
สำนักงบประมาณได้เสนอตั้งบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับไว้แล้วในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ สำหรับรายการค่าเช่าอาคารสำนักงาน ๑๑ แห่ง รายการค่าเช่ารถยนต์ ๖ คัน รายการค่าเช่าที่จอดรถยนต์
๒ แห่ง และรายการค่าเช่าคลังเก็บวัสดุ ๑ แห่ง ดังกล่าวข้างต้น ขอให้ ททท.
ใช้จ่ายตามรายการและวงเงินงบประมาณรายจ่ายของ ททท.
เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ประกาศใช้บังคับ
ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
แล้วแต่กรณี ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้ ททท.
จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับค่าเช่าที่จะต้องจ่ายจริงตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรกำกับ ดูแล ติดตาม และรายงานผลการดำเนินงานของ ททท. สำนักงานสาขาต่างประเทศอย่างเป็นระยะ
เพื่อประโยชน์ด้านความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณสำหรับการยกระดับการท่องเที่ยวไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางการเดินทางในระดับสากล
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
108 | การบริจาคเงินเพิ่มทุนในกองทุนพัฒนาเอเชีย 14 | กค. | 24/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการบริจาคเงินเพิ่มทุนในกองทุนพัฒนาเอเชีย ๑๔
ของประเทศไทย จำนวน ๙๖,๐๕๑,๒๑๖ บาท โดยแบ่งชำระออกเป็น ๔ งวด ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ – ๒๕๗๑ และมอบหมายให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ และในปีต่อ ๆ ไป
ให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง) รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่ากระทรวงการคลังจำเป็นต้องดำเนินการให้เป็นไปตามแผนบริหารจัดการกิจกรรมมาตรการหรือโครงการที่ได้จัดทำรายละเอียดไว้
รวมทั้งต้องวิเคราะห์และประเมินผลของการให้ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาดังกล่าว
รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์ให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่ไทยพึงจะได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
109 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการควบคุม ดูแลผู้ต้องขัง | ยธ. | 24/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการควบคุม ดูแลผู้ต้องขัง จำนวน ๙๙๙,๕๐๓,๙๐๐ บาท ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณให้ทันภายในปีงบประมาณ
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด สำหรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณและการจัดสรรงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
110 | โครงการก่อสร้างปรับปรุงขยาย การประปาส่วนภูมิภาคสาขาพังงา-ภูเก็ต | มท. | 24/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้การประปาส่วนภูมิภาคดำเนินโครงการก่อสร้างปรับปรุงขยาย
การประปาส่วนภูมิภาคสาขาพังงา-ภูเก็ต จากวงเงินรวมเดิม ๓,๘๗๐.๙๐๘ ล้านบาท ปรับเพิ่มเป็น ๕,๒๙๔.๔๙๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
โดยในส่วนของการกู้เงินเพื่อดำเนินโครงการให้กระทรวงมหาดไทย (การประปาส่วนภูมิภาค)
ดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย (การประปาส่วนภูมิภาค) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๔/๓๕๘๕ ลงวันที่
๔ มีนาคม ๒๕๖๗) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่ นร ๑๑๐๖/๐๒๑ ลงวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๗) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรเร่งรัดการดำเนินการเกี่ยวกับแผนแม่บทการบริหารจัดการลดน้ำสูญเสียของการประปาส่วนภูมิภาค
ปี ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อไม่ให้กระทบต่อการดำเนินงานของ การประปาส่วนภูมิภาค
ส่วนโครงการลงทุนต่าง ๆ การประปาส่วนภูมิภาคควรกำกับติดตามการดำเนินงานให้สอดคล้องกับแผนงานการดำเนินงานที่กำหนดไว้
รวมถึงเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมาย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
111 | ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (ครั้งที่ 1) | กษ. | 24/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นายฉันทานนท์ วรรณเขจร
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งจะดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบ ๔ ปี ในวันที่ ๓๐ กันยายน
๒๕๖๗ ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๐
กันยายน ๒๕๖๘ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
112 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2567 ครั้งที่ 3 | กค. | 17/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและรับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗ ครั้งที่ ๓ ตามข้อเสนอของคณะกรรมการฯ ในคราวประชุมครั้งที่
๒/๒๕๖๗ เมื่อ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๗ สรุปได้ ดังนี้ ๑) แผนการก่อหนี้ใหม่ ปรับเพิ่ม ๑๑๒,๐๐๐ ล้านบาท จากเดิม ๑,๐๓๐,๕๘๐.๗๑ ล้านบาท เป็น ๑,๑๔๒,๕๘๐.๗๑
ล้านบาท โดยเป็นแผนการก่อหนี้ใหม่ของรัฐบาล (รัฐบาลกู้มาใช้โดยตรง) ปรับเพิ่ม ๑๑๒,๒๐๐ ล้านบาท และ ๒) แผนการบริหารหนี้เดิม ปรับลด ๑๒,๖๐๓.๘๗
ล้านบาท จากเดิม ๒,๐๔๒,๓๑๔.๐๖ ล้านบาท
เป็น ๒,๐๒๙,๗๑๐.๑๙ ล้านบาท
เนื่องจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรปรับลดแผนการบริหารหนี้เดิมจาก ๔๙,๐๕๔.๐๐ ล้านบาท เป็น ๓๖,๔๕๐.๑๓ ล้านบาท ตามที่คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ให้คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ
กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและข้อสังเกตของธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง สำนักงบประมาณ เห็นควรกำกับ ติดตาม
และเร่งรัดหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการและเบิกจ่ายเงินกู้ให้สอดคล้องและบรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนที่กำหนดไว้
เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เป็นไปอย่างโปร่งใส คุ้มค่า ประหยัด เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอย่างแท้จริง ธนาคารแห่งประเทศไทย เห็นว่าภายใต้ภาวะตลาดการเงินที่อาจมีความผันผวนสูงขึ้น
รัฐบาลควรมีการบริหารจัดการเครื่องมือในการระดมทุนให้เหมาะสม
กระจายการระดมทุนไม่ให้กระจุกตัว ควบคู่กับการสื่อสารกับตลาดอย่างชัดเจนและสม่ำเสมอ
เพื่อลดผลกระทบที่จะมีต่อตลาดการเงิน และต้นทุนการกู้ยืมของภาครัฐและเอกชน และให้ความสำคัญกับการชำระคืนต้นเงินกู้
เนื่องจากหากมีการชำระหนี้ในระดับที่ต่ำเกินไปอาจทำให้ความเสี่ยงทางการคลังในระยะต่อไปเพิ่มขึ้นได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
113 | โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ | กค. | 17/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี ๒๕๖๗
ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ โดยมอบหมายกระทรวงการคลังเป็นผู้ดำเนินโครงการฯ
และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (เช่น
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรมบังคับคดี
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา) ให้การสนับสนุนการดำเนินโครงการฯ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สำหรับงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินโครงการฯ
ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ธนาคารแห่งประเทศไทย และกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมุ่งเน้นการกำกับดูแลการดำเนินการในเรื่องต่าง
ๆ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ
รวมถึงรักษากรอบวินัยการเงินการคลังอย่างรอบคอบ เคร่งครัด
และจัดให้มีระบบการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ และรายงานปัญหา อุปสรรคและแนวทางการแก้ไข
การดำเนินโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่าในส่วนของกลุ่มเป้าหมายคนพิการ ปี ๒๕๖๖
สำนักงานสถิติแห่งชาติมีการสำรวจความพิการ พบว่า มีผู้พิการ ๔.๑๙ ล้านคน
แต่มีคนพิการขึ้นทะเบียนและมีบัตรประจำตัวคนพิการเพียง ๒.๒ ล้านคน
เห็นควรให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์พิจารณาใช้โอกาสนี้ในการจัดทำบัตรประจำตัวคนพิการให้ครอบคลุมคนพิการทุกกลุ่ม
เพื่อป้องกันการตกหล่นในการเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการที่พึงจะได้รับในระยะยาวต่อไป ๒. เห็นชอบในหลักการการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินที่กลุ่มเป้าหมายได้รับตามโครงการฯ
และมอบหมายให้กระทรวงการคลัง (กรมสรรพากร)
พิจารณาดำเนินการยกร่างกฎหมายและเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
114 | ขอความเห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 และขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 | มท. | 17/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี ๒๕๖๗ และอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณในการดำเนินการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน
กรณีอุทกภัย จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๓,๐๔๕,๕๑๙,๐๐๐ บาท เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี ๒๕๖๗
ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี
๒๕๖๗
โดยให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นหน่วยรับงบประมาณและจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยผ่านธนาคารออมสิน
ให้เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน ลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไป รวมทั้งให้สามารถถัวจ่ายข้ามจังหวัดได้
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี ๒๕๖๗
รวมทั้งขั้นตอนการดำเนินการแนวทางการปฏิบัติงาน และเอกสารหลักฐานต่าง ๆ
ให้เหลือเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
เพื่อให้สามารถดำเนินการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยได้เร็วที่สุดและเท่าทันสถานการณ์ ทั้งนี้
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด
ที่ นร ๐๗๐๔/๑๐๗๐๑ ลงวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๗)
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นควรเร่งดำเนินการตรวจสอบกลุ่มเป้าหมายผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยอย่างชัดเจน
ครอบคลุมในทุกพื้นที่ และปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี
และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยการใช้จ่ายและเบิกจ่ายงบประมาณในช่วงปลายปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
ให้เป็นไปตามหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค ๐๔๐๒.๕/ว ๑๔๔
ลงวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๗ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการขอกันเงินงบประมาณ
ปี ๒๕๖๗ ไว้เบิกเหลื่อมปี รวมถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีงบประมาณต่อไปด้วย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรให้ความสำคัญกับการกำหนดอัตราการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในปี ๒๕๖๗
ให้มีความสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและความเสียหายในปัจจุบัน
เนื่องจากพื้นที่ประสบอุทกภัยอยู่ในเขตเมือง ซึ่งมีภาคธุรกิจและพื้นที่อยู่อาศัยของประชาชนที่ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
และควรเร่งรัดขั้นตอนการสำรวจและตรวจสอบครัวเรือนเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยอย่างชัดเจน
ครอบคลุมพื้นที่ประสบอุทกภัย และกระบวนการจ่ายเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
โดยปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี
และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยได้อย่างทันสถานการณ์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
115 | การขอขยายระยะเวลาดำเนินการจ่ายเงินชดเชยให้แก่น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพ | พน. | 17/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาดำเนินการจ่ายเงินชดเชยให้แก่น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพออกไปสองปี
จนถึงวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๙ และร่างประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และมาตรการเพื่อลดการจ่ายเงินชดเชยน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพ
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒. รับทราบแผนการลดการจ่ายเงินชดเชยน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพในช่วงปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ - ๒๕๖๙ ของกระทรวงพลังงาน ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓. ให้กระทรวงพลังงาน
คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงพลังงานหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณาแนวทางแก้ปัญหาอุปทานส่วนเกินของเชื้อเพลิงชีวภาพอย่างยั่งยืน
โดยการต่อยอดอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพ การเพิ่มมูลค่าสินค้า และประยุกต์กับอุตสาหกรรมอื่น
ๆ นอกจากนี้
เห็นควรมอบหมายให้คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงพิจารณาแนวทางการปรับปรุงกลไกการบริหารราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในระยะต่อไป
ให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาด้านพลังงานของประเทศที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้พลังงานภาคขนส่งเป็นพลังงานสีเขียวผ่านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า
(EV) เพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมตามวัตถุประสงค์ของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
116 | การจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐคีร์กีซว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางพิเศษ/หนังสือเดินทางราชการ | กต. | 17/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อการจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐคีร์กีซว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางพิเศษ/หนังสือเดินทางราชการ
โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ
ทั้งนี้ ในกรณีมอบหมายผู้แทนให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนามที่ได้รับมอบหมายดังกล่าว
และให้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการมีผลใช้บังคับของความตกลงฯ
โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการยกเว้นการตรวจลงตราแก่บุคคลที่ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางพิเศษ/หนังสือเดินทางราชการของแต่ละฝ่ายในการเดินทางเข้า
ออก ผ่าน หรือพำนักอยู่ในดินแดนของอีกฝ่ายหนึ่งโดยจะไม่ต้องรับการตรวจลงตราเป็นระยะเวลาไม่เกิน
๙๐ วัน นับจากวันเดินทางเข้า โดยมีเงื่อนไขว่าบุคคลเหล่านั้นจะต้องไม่ทำงานใด ๆ
ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินกิจการของตนเองหรือกิจกรรมส่วนตัวอื่น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
ที่เห็นว่าหน่วยงานความมั่นคงควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
และหากพบพฤติการณ์ที่มีความเสี่ยงต่อความมั่นคง อาจเสนอให้ทบทวนความตกลงฯ ดังกล่าว
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
117 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันงบประมาณ และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ | นร.07 | 03/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันงบประมาณและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณจากที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม
ภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาบริการประชาชนและการพัฒนาประสิทธิภาพภาครัฐ
โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการงบประมาณ งบลงทุน ค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง
จำนวน ๒ รายการ ดังนี้ ๑) รายการค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการ พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ
กองจัดทำงบประมาณเขตพื้นที่ ๑ ตำบลหนองไม้แดง อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี จากเดิม
วงเงิน ๘๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท (วงเงินรวมเงินเผื่อเหลือเผื่อขาด
๘๖,๖๒๕,๐๐๐ บาท) ผูกพันงบประมาณปี พ.ศ.
๒๕๖๔ - พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็น วงเงิน ๘๙,๕๐๐,๐๐๐
บาท ผูกพันงบประมาณ ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ - พ.ศ. ๒๕๖๙ และ ๒) รายการค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการ
พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ กองจัดทำงบประมาณเขตพื้นที่ ๑ ตำบลหนองไม้แดง
อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี จากเดิม วงเงิน ๔,๓๓๑,๒๐๐ บาท (วงเงินรวมเงินเผื่อเหลือเผื่อขาด
๔,๕๔๗,๗๖๐ บาท) ผูกพันงบประมาณ ปี พ.ศ.
๒๕๖๔ - พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็น วงเงิน ๔,๖๙๘,๗๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณ ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ - พ.ศ.
๒๕๖๙ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้สำนักงบประมาณดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง
เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
118 | ร่างกฎกระทรวงการยื่นเอกสารต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ พ.ศ. .... | สธ. | 03/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการยื่นเอกสารต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการทางกฎหมายกรณีเมื่อมีเหตุอันสมควรหรือมีเหตุสงสัยว่าพาหนะนั้นมาจากท้องที่หรือเมืองท่าใดนอกราชอาณาจักรที่มีโรคระบาดเจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะยื่นเอกสารต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่าน
ควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด เพื่อประโยชน์ในการเฝ้าระวัง
ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม
และกระทรวงมหาดไทยไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นว่ากรณีของพาหนะทางน้ำตามข้อ ๓
(๑) ของร่างกฎกระทรวงฯ ไม่ได้กำหนดให้ต้องยื่นแบบรายงานเรื่องสุขภาพของผู้เดินทางโดยพาหนะทางน้ำเช่นเดียวกับกรณีของพาหนะทางบกและพาหนะทางอากาศ
จึงเห็นควรกำหนดหลักเกณฑ์การยื่นแบบรายงานเรื่องสุขภาพสำหรับพาหนะทางบก
พาหนะทางน้ำ และพาหนะทางอากาศให้เป็นอย่างเดียวกัน กระทรวงมหาดไทย
เห็นควรขยายระยะเวลาในการกำหนดวันบังคับใช้ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากเดิมที่กำหนดให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด
๓๐ วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ซักซ้อมแนวทางในขั้นตอนการดำเนินการ
และเห็นควรตัดข้อ ๖ ออก โดยนำถ้อยคำในข้อ ๖ มาเพิ่มเติมในข้อ ๕ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงคมนาคมไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการต่างประเทศ
เห็นว่าร่างกฎกระทรวงดังกล่าวต้องสอดรับกับพันธกรณีของไทยต่อกฎอนามัยระหว่างประเทศ
ค.ศ. ๒๐๐๕ ฉบับ แก้ไขล่าสุด
ที่จะมีผลใช้บังคับสำหรับรัฐสมาชิกขององค์การอนามัยโลกในอนาคตอันใกล้ กระทรวงคมนาคม เห็นว่ากรณีของพาหนะทางน้ำตามข้อ ๓
(๑) ของร่างกฎกระทรวงฯ ไม่ได้กำหนดให้ต้องยื่นแบบรายงานเรื่องสุขภาพของผู้เดินทางโดยพาหนะทางน้ำเช่นเดียวกับกรณีของพาหนะทางบกและพาหนะทางอากาศ
จึงเห็นควรกำหนดหลักเกณฑ์การยื่นแบบรายงานเรื่องสุขภาพสำหรับพาหนะทางบก
พาหนะทางน้ำ และพาหนะทางอากาศให้เป็นอย่างเดียวกัน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
119 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีดิจิทัลระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการไปรษณีย์และโทรคมนาคมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา | ดศ. | 03/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีดิจิทัลระหว่าง
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการไปรษณีย์และโทรคมนาคมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ร่วมลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทย
- กัมพูชา ในด้านต่าง ๆ เช่น บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลสินค้าและบริการของรัฐบาลดิจิทัล
กำลังคนทางดิจิทัล ความปลอดภัยทางออนไลน์และการป้องกันการหลอกลวงผ่านสื่อออนไลน์รวมถึงความร่วมมืออื่น
ๆ เป็นต้น ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับข้อสังเกตของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ที่เห็นควรเพิ่มเติมรายละเอียดความร่วมมือด้านการสืบสวนดำเนินคดีเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติ
ทั้งนี้ ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าวได้ภายใต้อำนาจหน้าที่ตามบทบัญญัติของกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน
จึงไม่มีข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะเพิ่มเติมแต่อย่างใด ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
120 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานการให้บริการของหน่วยบริการเวชกรรมสิ่งแวดล้อมตามพระราชบัญญัติควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2562 พ.ศ. .... | สธ. | 03/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานการให้บริการของหน่วยบริการเวชกรรมสิ่งแวดล้อมตามพระราชบัญญัติควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. ๒๕๖๒พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรฐานการให้บริการเวชกรรมสิ่งแวดล้อมที่หน่วยบริการเวชกรรมสิ่งแวดล้อมต้องใช้ดำเนินการเพื่อเฝ้าระวังสุขภาพแก่ประชาชนที่ได้รับหรืออาจได้รับมลพิษตามหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการเกี่ยวกับเวชกรรมสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสภาการพยาบาลไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ เช่น กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เห็นควรมีการแก้ไขร่างกฎกระทรวง
เช่น ควรมีการเพิ่มเติมผลการประเมินความเสี่ยงที่อยู่ในระดับต่ำด้วย เพื่อจัดทำแผนเฝ้าระวังและป้องกัน
และควรให้หน่วยบริการเวชกรรมสิ่งแวดล้อมต้องมีนักอาชีวอนามัยและอนามัยสิ่งแวดล้อมในการดำเนินการ
เป็นต้น สภาการพยาบาล เห็นว่า ในคำนิยาม พยาบาล ควรเพิ่มคำว่า
“ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์” ด้วย ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงาน ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เห็นว่าร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด เพื่อประโยชน์ในการเฝ้าระวัง การป้องกัน
และการควบคุมโรคจากสิ่งแวดล้อม สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นควรพิจารณาให้กฎกระทรวงมีผลบังคับใช้เร็วกว่าที่กำหนดเพื่อประโยชน์ในการเฝ้าระวัง
ป้องกัน และควบคุมโรคจากสิ่งแวดล้อมให้กับลูกจ้าง แรงงานนอกระบบ และประชาชนที่ได้รับหรืออาจได้รับมลพิษ
ได้รับการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง เป็นระบบ และทันการณ์
|