ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 7 จากทั้งหมด 15 หน้า แสดงรายการที่ 121 - 140 จากข้อมูลทั้งหมด 294 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
121 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 3,017.39 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูโครงการพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยและภัยพิบัติ (จำนวน 39 จังหวัด) ของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท | คค. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๓,๐๑๗.๓๙ ล้านบาท ประกอบด้วย กรมทางหลวง
จำนวน ๑,๘๔๙.๕๕ ล้านบาท และกรมทางหลวงชนบท จำนวน ๑,๑๖๗.๘๔ ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยและภัยพิบัติ
(จำนวน ๓๙ จังหวัด) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง
เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
122 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาการส่งข้อมูลการอุดมศึกษาและการอื่นที่เกี่ยวข้อง พ.ศ. .... | อว. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้เลื่อนการพิจารณาเรื่องนี้ออกไปก่อน
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
123 | การป้องกันและปราบปรามธุรกิจขายสินค้าจากต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย | พณ. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการแก้ไขปัญหาสินค้านำเข้าไม่มีคุณภาพมาตรฐานและธุรกิจจากต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย
จำนวน ๕ มาตรการหลัก (๖๓ แผนปฏิบัติการ) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรม เร่งรัดดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวตามหน้าที่และอำนาจ
รวมทั้งให้บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไป
สำหรับการจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจป้องกันและปราบปรามสินค้าและธุรกิจจากต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมายและการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างชาติที่ฝ่าฝืนกฎหมาย
ให้กระทรวงพาณิชย์เสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่พิจารณาต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ทั้งนี้
ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรกำกับดูแลและตรวจสอบให้หน่วยงานมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ
รวมทั้งมีการประสานการทำงานอย่างใกล้ชิดกับเครือข่ายที่สามารถให้ข้อมูลและเบาะแสการขายสินค้าจากต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย
อาทิ สถาบันการเงิน และผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ ตลอดจนเร่งรัดการตราพระราชบัญญัติว่าด้วยเศรษฐกิจแพลตฟอร์มให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว
และควรมีมาตรการช่วยเหลือและพัฒนาที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการ SMEs แต่ละประเภท ขนาด และศักยภาพของธุรกิจ อาทิ
เร่งแก้ปัญหาหนี้สินและสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่อง ส่งเสริมให้เข้าถึงการทดสอบและรับรองมาตรฐานเพื่อยกระดับสินค้าและบริการ
ตลอดจนพัฒนาระบบสิทธิประโยชน์ จูงใจให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นและลดผลกระทบจากการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
124 | ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เรืออากาศโท ธนเดช เพ็งสุข กับคณะ เป็นผู้เสนอ) (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม 2567) | ปสส. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รับร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เรืออากาศโท ธนเดช เพ็งสุข กับคณะ เป็นผู้เสนอ)
ไปพิจารณาก่อนรับหลักการภายใน ๖๐ วัน นับแต่วันที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
125 | การจัดตั้งศูนย์บัญชาการระดับชาติเพื่อการป้องกัน แก้ไขปัญหาอุทกภัยและให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัย | นร. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการให้จัดตั้งศูนย์บัญชาการระดับชาติเพื่อการป้องกัน
แก้ไขปัญหาอุทกภัยและให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยขึ้น โดยมีรองนายกรัฐมนตรี
(นายภูมิธรรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อำนวยการศูนย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นรองผู้อำนวยการศูนย์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
ร่วมเป็นองค์ประกอบของศูนย์บัญชาการดังกล่าวด้วย ๒.
ในส่วนของแหล่งเงินค่าใช้จ่ายเพื่อการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหา
การช่วยเหลือเยียวยาต่าง ๆ รวมทั้งหน้าที่และอำนาจในการพิจารณา สั่งการ ประสานงาน
และบูรณาการการดำเนินงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องของศูนย์บัญชาการตามข้อ ๑
ให้ศูนย์บัญชาการดังกล่าวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
126 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์การวิจัยและข้อกำหนดจริยธรรมการวิจัยซึ่่งมีปัญหากับหลักศาสนาวัฒนธรรม จารีตประเพณี หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน พ.ศ. .... | อว. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์การวิจัยและข้อกำหนดจริยธรรมการวิจัยซึ่งมีปัญหากับหลักศาสนา
วัฒนธรรม จารีตประเพณี หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์การวิจัยและข้อกำหนดจริยธรรมการวิจัยซึ่งมีปัญหากับหลักศาสนา
วัฒนธรรม จารีตประเพณี หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
กำหนดให้มีคณะกรรมการพิจารณาการวิจัยซึ่งอาจมีปัญหากับหลักศาสนาฯ
และกำหนดลักษณะของการวิจัยที่มีปัญหากับหลักศาสนาฯ
รวมทั้งกำหนดวิธีดำเนินการวิจัยที่มีปัญหากับหลักศาสนาฯ ตามที่สภานโยบายการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติไปประกอบการพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรตัดความในมาตรา ๑๔ ของร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว
ตามร่างมาตรา ๑๔ ที่กำหนดให้ประธานกรรมการ กรรมการ ประธานอนุกรรมการ อนุกรรมการ
ได้รับเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการ
ว่า อาจเป็นการกำหนดเกินบทบัญญัติในมาตรา ๓๓ วรรคสาม
แห่งพระราชบัญญัติการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. ๒๕๖๒
ประกอบกับพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ซึ่งให้สิทธิเฉพาะเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการที่เข้าข่ายตามนัยนิยาม มาตรา ๕
มิได้รวมถึงกรรมการที่แต่งตั้งโดยพระราชกฤษฎีกา
และมิได้มีบทกำหนดเกี่ยวกับประโยชน์ตอบแทนอื่นไว้ในพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการฯ
เพื่อมิให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เห็นว่าหากมีความจำเป็นต้องมีการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาการวิจัยซึ่งอาจมีปัญหากับหลักศาสนาวัฒนธรรมจารีตประเพณี
หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน เพื่อทำหน้าที่ในลักษณะเดียวกันคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมตามกฎหมายว่าด้วยสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (กสว.) โดยความเห็นชอบของสภานโยบายการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ กำหนดหลักเกณฑ์การวิจัยและข้อกำหนดจริยธรรมการวิจัย กสว.
อาจจำเป็นต้องบัญญัติบทให้อำนาจในการแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวไว้ในพระราชกฤษฎีกา
หรืออาจต้องบัญญัติให้การกำหนดหลักเกณฑ์การวิจัยและข้อกำหนดจริยธรรมการวิจัยซึ่งมีปัญหากับหลักศาสนา
วัฒนธรรม จารีตประเพณี หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
ของคณะกรรมการหรืออนุกรรมการตามพระราชกฤษฎีกาต้องได้รับความเห็นชอบจาก กสว.
รวมทั้งอาจจำเป็นต้องบัญญัติในเรื่องของการอุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการและการพิจารณาอุทธรณ์ดังกล่าวไว้ในพระราชกฤษฎีกาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
127 | ร่างขอบเขตข้อกำหนดสำหรับการจัดตั้งคณะกรรมการร่วม ว่าด้วยความร่วมมือทางทหารและสิ่งอุปกรณ์และเทคโนโลยีทางทหารระหว่างกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงกลาโหมแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | กห. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เลื่อนการพิจารณาเรื่องนี้ออกไปก่อน
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
128 | โครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | ยธ. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ เพื่อสนับสนุนงบประมาณให้แก่ประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน ๑๖,๐๐๐,๐๐๐
บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ งบเงินอุดหนุน ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) และให้เลขาธิการ ป.ป.ส.
มีอำนาจอนุมัติโครงการ แผนงาน และกิจกรรมภายใต้กรอบงบประมาณ งบเงินอุดหนุน
รายการโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
และสามารถจ่ายเงินงบประมาณสนับสนุนหน่วยงานกลางด้านยาเสพติดของประเทศเพื่อนบ้านแต่ละประเทศ
เพื่อให้มีการดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ตามที่ได้รับจัดสรร ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงยุติธรรม
(สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๕/๘๒๘๒ ลงวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๗)
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นควรที่สำนักงาน ป.ป.ส.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาให้ความสำคัญกับการสร้างกลไกหรือระบบในการติดตามประเมินผลการปฏิบัติงานระหว่างประเทศ
เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูลได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน
และการปฏิบัติงานด้านยาเสพติดเป็นไปอย่างรวดเร็วทันต่อสถานการณ์
รวมทั้งเพื่อให้มีข้อมูลประกอบการกำหนดนโยบายและบริหารจัดการของภาครัฐที่เหมาะสม
อันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหายาเสพติดในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
129 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐลัตเวียประจำประเทศไทย และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐลัตเวียประจำประเทศไทย (นายณภัทร จงรัตนากุล) | กต. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. รับทราบการสิ้นสุดหน้าที่ของ นายประสงค์
จงรัตนากุล กงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐลัตเวียประจำประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ ๔
ตุลาคม ๒๕๖๕ เนื่องจากขอลาออกจากตำแหน่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
130 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันเกินกว่างบประมาณรายจ่ายที่ได้รับในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | ดศ. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ของกรมอุตุนิยมวิทยา จำนวน ๓,๘๔๖,๕๐๗.๓๑ บาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคค้างชำระในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
131 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันเกินวงเงินที่ได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | กษ. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมประมงก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๙,๙๑๗,๙๘๒ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการชำระค่าสาธารณูปโภคค้างเบิกข้ามปี
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
132 | การลงนามร่างหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent) เพื่อเข้าร่วมเป็นภาคีใน Multilateral Convention to Facilitate the Implementation of the Pillar Two Subject to Tax Rule | กค. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้มีการลงนามร่างหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent) เพื่อเข้าร่วมเป็นภาคีใน
Multilateral Convention to Facilitate the Implementation of the Pillar
Two Subject to Tax Rule (STTR
Multilateral Instrument หรือ STTR MLI) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ โดยร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ในการเข้าร่วมเป็นภาคีใน
STTR MLI ของไทย
โดยภายหลังการลงนามในร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ กรมสรรพากรจะได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องและประสานงานอย่างใกล้ชิดกับฝ่ายเลขาธิการ
STTR เพื่อนำหลักการ STTR มาปรับใช้เพื่อให้ประโยชน์สูงสุดต่อการบริหารจัดเก็บภาษีของประเทศต่อไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผล และประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
133 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม 2567 | นร. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๗
ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา ได้แก่
ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี พ.ศ. .... พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๑๘ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพุธที่ ๒๘
สิงหาคม ๒๕๖๗ พิจารณาระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ ๑
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๗ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๑๙ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ
วันพฤหัสบดีที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๗ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
134 | แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติในระหว่างที่รอคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่เข้ารับหน้าที่ | นร. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติพิจารณาเห็นว่า เพื่อให้กระบวนการในการพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติที่อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการระหว่างรอคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่เข้ารับหน้าที่
เป็นไปด้วยความถูกต้องเหมาะสม
จึงมีมติให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติในขั้นตอนต่าง
ๆ เป็น ๔ กระบวนการ ดังนี้ ๑.
ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีมีมติขอรับมาพิจารณาก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรจะลงมติรับหลักการ
ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรประสานสภาผู้แทนราษฎรเลื่อนการบรรจุระเบียบวาระออกไปก่อนเพื่อรอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ๒. ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการก่อนวันที่
๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๗ และอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
หากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเสร็จแล้วและต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
ให้รอเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ๓. ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการก่อนวันที่
๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๗ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเสร็จแล้ว
ให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไปได้ ๔.
ร่างพระราชบัญญัติที่กำลังจะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติหลักการให้รอไว้เสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
135 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม 2567 | นร. | 20/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๗
ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๑๖
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพุธที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๗
และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๑๗
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๗
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
136 | แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ พ.ศ. 2567 - 2570 | กษ. | 20/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำและให้เป็นวาระแห่งชาติ
โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง)
ดำเนินการตามความเห็นของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นว่าการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ
ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่จะต้องรีบดำเนินการเพื่อจำกัดขอบเขตการระบาดของปลาหมอคางดำให้ได้โดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ พ.ศ. ๒๕๖๗ - ๒๕๗๐
ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอในครั้งนี้ เป็นแผนที่มีระยะเวลาดำเนินการถึงปี พ.ศ.
๒๕๗๐ ดังนั้น ในชั้นนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
จึงเห็นควรพิจารณาจำกัดขนาดของแผนปฏิบัติการฯ
และระยะเวลาการดำเนินการให้สั้นลงเหลือเท่าที่จำเป็นเร่งด่วนก่อน
และเมื่อมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่แล้ว เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) เสนอแผนปฏิบัติการดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๑๑๔/๔๗๘๐
ลงวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๗) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าการควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำทุกแห่งที่พบการแพร่ระบาดในกิจกรรมที่
๑ การกำจัดในแหล่งน้ำธรรมชาติด้วยเครื่องมือประมงที่มีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องประสานความร่วมมือกับหน่วยงานผู้รับผิดชอบ เพื่อดำเนินการกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติที่อยู่ในบริเวณพื้นที่คุ้มครอง
เช่น อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ป่าชายเลนอนุรักษ์
อย่างมีประสิทธิภาพและทันเวลา
รวมทั้งพิจารณาถึงการป้องกันและควบคุมเส้นทางการแพร่ระบาดด้วย เป็นต้น การพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำในกิจกรรมที่
๑
ควรพิจารณาดำเนินการประเมินความปลอดภัยทางชีวภาพหรือการประเมินผลกระทบอย่างรอบคอบก่อนดำเนินการปล่อยปลาที่ได้รับการปรับปรุงพันธุ์สู่สิ่งแวดล้อม
และควรดำเนินการปล่อยปลาดังกล่าวในช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม ควรเพิ่มการจัดทำเกณฑ์การประเมินมูลค่าความเสียหายต่อความหลากหลายทางชีวภาพในแหล่งน้ำธรรมชาติด้วย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขอยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๓ เรื่อง แนวทางการจัดทำแผนระดับที่ ๓ ที่เป็นแผนปฏิบัติการด้าน...
เพื่อให้สามารถนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีได้โดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
137 | ร่างแถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุม The 2nd Asia Zero Emission Community (AZEC) Ministerial Meeting | พน. | 20/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุม
The 2nd Asia Zero Emission Community (AZEC) Ministerial Meeting และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
(หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน)
เป็นผู้ให้การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ดังกล่าว โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานในภูมิภาคเอเชียให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
ควบคู่กับการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานร่วมกันบนพื้นฐานของแนวทางที่หลากหลายและความสามารถในการปฏิบัติได้จริงตามสถานการณ์ของแต่ละประเทศ
โดยเน้นการหารือเชิงนโยบายในการผลักดันเป้าหมายการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานร่วมกัน โดยมีแนวทาง
ประกอบด้วย ๑) ส่งเสริมไฟฟ้าที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ๒) ส่งเสริมตลาดเชื้อเพลิงที่ยั่งยืน
และ ๓) สร้างอุตสาหกรรมยุคใหม่ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพลังงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นว่าหากมีประเด็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว
ให้คำนึงถึงถึงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
138 | การเสนอคำขอแปรญัตติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ของหน่วยงานของรัฐสภา หน่วยงานของศาล หน่วยงานขององค์กรอิสระหรือองค์กรอัยการ | นร.07 | 13/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเสนอคำขอแปรญัตติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ของหน่วยงานของรัฐสภา หน่วยงานของศาล
หน่วยงานขององค์กรอิสระหรือองค์กรอัยการ เพื่อให้การเสนอคำขอแปรญัตติฯ เป็นไปตามขั้นตอนที่จะต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ
ก่อนนำเสนอประกอบการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
139 | ผลการพิจารณาญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน | นร.14 | 13/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน
ของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
โดยสรุปผลการพิจารณาว่า
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำมาตรการรับมือฤดูฝน
ปี ๒๕๖๖ เพื่อเป็นการป้องกันและลดผลกระทบที่จะเกิดจากปัญหาอุทกภัยที่อาจส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน
และได้มีการจัดทำแผนรองรับสถานการณ์เอลนีโญ
แผนการป้องกันการเกิดโรคระบาดจากภัยพิบัติด้านน้ำ
การเตรียมแผนสำรองในพื้นที่ภัยพิบัติด้านสาธารณสุขและการจัดการสุขาภิบาลระหว่างเกิดภัยพิบัติและภายหลังภัยพิบัติ
รวมถึงมาตรการในการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ
ซึ่งแนวทางการแก้ปัญหาดังกล่าวสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันกำหนดแนวทาง
ค่าเป้าหมาย ตัวชี้วัด กลยุทธ์ แผนงานร่วมกัน
เพื่อเป็นกรอบแนวทางการแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
๒๐ ปี ประกอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม เช่น
การขุดลอกร่องน้ำทางเดินเรือแม่น้ำสายหลัก การกำจัดผักตบชวา การซ่อมแชมพื้นผิวถนนและสะพานที่ขาด
ชำรุด การส่งข้อความแจ้งเตือนภัยไปยังประชาชน (Cell Broadcast) เป็นต้น ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
140 | ขอความเห็นชอบและอนุมัติให้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทย กับกระทรวงเกษตรแห่งสาธารณรัฐคาซัคสถาน | กษ. | 13/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทย
กับกระทรวงเกษตรแห่งสาธารณรัฐคาซัคสถาน (Memorandum
of Understanding between the Ministry of Agriculture and Cooperatives of the
Kingdom of Thailand and the Ministry of Agriculture of the Republic of
Kazakhstan of Agricultural Cooperation) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างและส่งเสริมการค้าและการถ่ายทอดเทคโนโลยี
การแลกเปลี่ยนข้อมูลความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์และทางวิชาการในสาขาเกษตร ซึ่งมีขอบเขตความร่วมมือ
เช่น การพัฒนาด้านการเกษตร การพัฒนากลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตร
การส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตร เป็นต้น โดยจะร่วมมือกันในรูปแบบ เช่น
แลกเปลี่ยนนักวิชาการ นักวิจัย ฝึกอบรม/สัมมนา/ศึกษาดูงาน
ส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศ เป็นต้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|