ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 5 จากทั้งหมด 15 หน้า แสดงรายการที่ 81 - 100 จากข้อมูลทั้งหมด 294 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
81 | ร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กระบวนพิจารณาเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้) | ยธ. | 22/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... (กระบวนพิจารณาเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้กระทรวงยุติธรรมเร่งจัดทำเอกสารบันทึกวิเคราะห์สรุปสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติเพื่อเป็นเอกสารประกอบการเสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อสภาผู้แทนราษฎร
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
โดยให้ส่งความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงานศาลยุติธรรม และสมาคมธนาคารไทย ไปเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรด้วย
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โดยคำนึงถึงความครอบคลุมทุกแหล่งเงิน ศักยภาพและความพร้อมในทุกมิติ
ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ ความคุ้มค่าและประหยัด รวมถึงผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับอย่างยั่งยืน
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
สำหรับในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ หากหน่วยงานมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องดำเนินการ
เห็นควรให้พิจารณาใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน ในโอกาสแรกก่อน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
82 | ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ [ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เรืออากาศโท ธนเดช เพ็งสุข กับคณะ เป็นผู้เสนอ)] | นร.09 | 22/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ส่งคืนร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เรืออากาศโท ธนเดช เพ็งสุข กับคณะ เป็นผู้เสนอ)
ที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการไปยังสภาผู้แทนราษฎรภายในกำหนดเวลา พร้อมให้แจ้งความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปด้วยว่า
ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ที่เสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรดังกล่าวเป็นการปรับปรุงโครงสร้าง
การบริหารราชการของกระทรวงกลาโหม และองค์ประกอบของสภากลาโหม
ซึ่งเป็นการปรับปรุงในเชิงหลักการที่ควรพิจารณาโดยรอบคอบ ประกอบกับขณะนี้กระทรวงกลาโหมได้เสนอร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่ผ่านการพิจารณาของสภากลาโหมแล้ว
จึงเห็นควรชะลอร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ที่เสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (เรืออากาศโท ธนเดช เพ็งสุข กับคณะ เป็นผู้เสนอ)
เพื่อรอร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ของคณะรัฐมนตรีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อพิจารณาไปพร้อมกันต่อไป
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
83 | สรุปผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 57 และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง | กต. | 22/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน
ครั้งที่ ๕๗ และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และพิจารณามอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องติดตามผลการประชุมฯ
และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุมฯ
เช่น การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับคู่เจรจา ๑๑ ประเทศ/องค์กร การประชุมคณะกรรมาธิการสำหรับเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนบวกสาม
การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก และการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย
- แปซิฟิก รวม ๑๗ รายการ เมื่อวันที่ ๒๔ - ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ณ นครหลวงเวียงจันทน์
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งมีสาระสำคัญในภาพรวม เช่น ประเทศสมาชิกอาเซียนได้ร่วมกันผลักดันความร่วมมือในประเด็นที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันของภูมิภาค
และมีประเด็นที่ไทยผลักดัน เช่น การส่งเสริมการหารือที่ครอบคลุมเพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศต่าง
ๆ ในภูมิภาค การส่งเสริมความร่วมมือเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ รวมทั้งมีการรับรองเอกสารระหว่างการประชุมฯ จำนวน ๘ ฉบับ
เช่น ร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ ๕๗
ร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน - สหราชอาณาจักร :
การเสริมสร้างความเชื่อมโยงเพื่ออนาคตที่เจริญรุ่งเรืองและยั่งยืน เป็นต้น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยให้ดำเนินการตามกฎหมาย
ระเบียบ และข้อบังคับที่มีอยู่ในปัจจุบันและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
84 | ขอความเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งเสริมสินค้าเกษตรและป่าไม้ในกรอบอาเซียน ฉบับปี 2024 | กษ. | 22/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งเสริมสินค้าเกษตรและป่าไม้ในกรอบอาเซียน
ฉบับปี ๒๐๒๔ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างความเข้มแข็งและเพิ่มอำนาจการต่อรองในเรื่องการค้าผลิตภัณฑ์เกษตรและป่าไม้ของอาเซียนในตลาดโลก
รวมถึงการเสริมความพยายามเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าที่จะนำไปสู่การขยายตลาด
การพัฒนาคุณภาพและความปลอดภัยสินค้าและอาหาร เป็นฐานสำหรับการประสานงานระหว่างประเทศสมาชิกอย่างใกล้ชิด
และคำนึงถึงการคงทรัพยากรสำหรับการผลิตไว้เพื่อสร้างการจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืนครอบคลุมสินค้าจำนวน
๑๑ ชนิด ได้แก่ สาหร่ายทะเลและผลิตภัณฑ์ โกโก้ มะพร้าว กาแฟ น้ำมันปาล์ม เมล็ดถั่วและถั่วฝัก
พริกไทย มันสำปะหลัง ชา ปลาทูน่า และหม่อนไหม
ซึ่งเป็นสินค้าที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกตกลงร่วมกันเพื่อสร้างความร่วมมือ
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โดยโอนงบประมาณรายจ่าย
โอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม แล้วแต่กรณี ในโอกาสแรกก่อน สำหรับปีงบประมาณต่อ ๆ ไป
ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ตามภารกิจ ความจำเป็นและเหมาะสม
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
85 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายภพหล้า ปิยะปานันท์) | นร.08 | 22/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายภพหล้า ปิยะปานันท์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งผู้อำนวยการกอง (ผู้อำนวยการสูง)
กองความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้และชนต่างวัฒนธรรม สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ความมั่นคง
(นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี
ตั้งแต่วันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๖ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
86 | ร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย - ฟิลิปปินส์ ครั้งที่ 6 | กต. | 15/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย
- ฟิลิปปินส์ ครั้งที่ ๖ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมรับรองร่างบันทึกการประชุมฯ
ในวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๗ โดยร่างบันทึกการประชุมฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมของทั้งสองประเทศที่จะเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคีร่วมกันในทุกมิติ
เช่น การเสริมสร้างความร่วมมือทางการเมืองและความมั่นคง
การส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน
การพัฒนาศักยภาพรวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือทางการศึกษา สังคม วัฒนธรรม และกีฬา
รวมทั้งการดูแลแรงงานไทยและฟิลิปปินส์ในประเทศ นอกจากนี้
ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือในระดับภูมิภาคโดยเฉพาะการรวมตัวทางเศรษฐกิจและเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อป้องกันและปราบปรามการก่อการร้ายและอาชญากรรมไซเบอร์ภายใต้กรอบอาเซียน
เป็นต้น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักข่าวกรองแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ดังนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรบูรณาการประเด็นความร่วมมือตามกรอบทวิภาคีนี้ร่วมกับกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศอื่นที่เกี่ยวข้อง
และควรติดตามผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด
รวมทั้งสื่อสารผลลัพธ์ให้สาธารณชนได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับ และให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ตามความเหมาะสม
โดยให้รวบรวมผลการปรับแก้ร่างบันทึกการประชุมฯ
ดังกล่าวกับผลการปรับแก้เอกสารความตกลงระหว่างประเทศของกรอบความร่วมมืออื่น ๆ
พร้อมทั้งผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง รายงานต่อคณะรัฐมนตรีทราบในคราวเดียวกัน สำนักข่าวกรองแห่งชาติ เห็นว่าเนื้อหาโดยรวมของร่างบันทึกการประชุมฯ
ครอบคลุมวัตถุประสงค์ในการแสดงเจตนารมณ์ร่วมของทั้งสองประเทศที่จะกระชับความสัมพันธ์และส่งเสริมความร่วมมืออย่างรอบด้าน
แต่อาจพิจารณาปรับถ้อยคำบางส่วนเพื่อให้เนื้อหามีความครบถ้วนสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ได้แก่ ข้อ ๘ “ฝ่ายไทยชื่นชมรัฐบาลฟิลิปปินส์ที่ใช้มาตรการเข้มงวดรับมือกับการกระทำผิดกฎหมายจากธุรกิจพนันออนไลน์
(POGOs)” เป็น “ฝ่ายไทยชื่นชมรัฐบาลฟิลิปปินส์ที่ใช้มาตรการเข้มงวดในการปราบปรามเครือข่ายหลอกลวงทางออนไลน์
นำไปสู่คำสั่งยกเลิกธุรกิจพนันออนไลน์ (POGOs) ภายในปี ๒๕๖๗”
และข้อ ๑๒ “ฝ่ายฟิลิปปินส์เป็นเจ้าภาพการหารือประจำปีระหว่าง NIA และ NICA เมื่อวันที่ ๑ - ๕ มีนาคม ๒๕๖๒
ที่เมืองเซบู” เป็น “ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพการหารือประจำปีระหว่าง NIA และ NICA เมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม - ๑ กันยายน ๒๕๖๕
ที่กรุงเทพมหานคร” ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกการประชุมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
87 | การขอความเห็นชอบร่างสัญญาความช่วยเหลือทางเทคนิค (Contract for Technical Assistance) โครงการศึกษาจัดทำแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์และการขนส่งต่อเนื่องอย่างบูรณาการของประเทศไทย (Thailand Integrated Logistics and Intermodal Transport Development Plan) ภายใต้ความช่วยเหลือทางวิชาการจากองค์การการค้าและการพัฒนาของสหรัฐอเมริกา (U.S. Trade and Development Agency) | คค. | 15/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างสัญญาความช่วยเหลือทางเทคนิค โครงการศึกษาจัดทำแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์และการขนส่งต่อเนื่องอย่างบูรณาการของประเทศไทย
ภายใต้ความช่วยเหลือทางวิชาการจากองค์การการค้าและการพัฒนาของสหรัฐอเมริกา และมอบหมายให้ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรเป็นผู้ลงนามในร่างสัญญาความช่วยเหลือทางเทคนิคฯ
ดังกล่าว โดยร่างสัญญาความช่วยเหลือทางเทคนิคฯ
มีสาระสำคัญ เช่น ๑) สัญญาจะมีผลบังคับใช้เมื่อคู่สัญญาทั้ง ๒ ฝ่ายลงนาม ๒) USTDA จะเป็นผู้จ่ายค่าจ้างให้แก่บริษัทฯ โดยตรง โดยจะจ่ายค่าจ้างเมื่อบริษัทฯ
ดำเนินการตามเป้าหมายผลการดำเนินงานที่กำหนด และ ๓) การแก้ไขข้อพิพาทภายใต้สัญญานี้จะใช้บังคับตามกฎหมายของไทย
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างสัญญาความช่วยเหลือทางเทคนิคฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
88 | การขยายระยะเวลาการขอยกเว้นการยื่นรายการตามแบบรายการของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร (ตม.6) | กต. | 15/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้รายงานผลการติดตามและประเมินผลการดำเนินการยกเว้นการยื่นแบบ
ตม.๖ ในช่วงระยะเวลา ๖ เดือนที่ผ่านมาว่า
เป็นประโยชน์ต่อการอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวในการเดินทางเข้ามาในประเทศไทย
ซึ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม
สำหรับประเด็นด้านความมั่นคงได้มีการหารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) แล้ว
ไม่มีข้อห่วงกังวลแต่อย่างใด โดยสามารถกำกับดูแลได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
(สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบ Thailand Digital Arrival Card ซึ่งคาดว่าจะใช้ระบบดังกล่าวได้ภายในเดือนพฤศจิกายน
๒๕๖๗ นี้ อันจะเป็นผลดีต่อการคัดกรองคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ๒. เห็นชอบในหลักการการขอขยายระยะเวลาการขอยกเว้นการยื่นรายการตามแบบรายการของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร
(ตม.๖) ที่บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมือง เป็นการชั่วคราว ระหว่างวันที่ ๑๖ ตุลาคม
๒๕๖๗ - ๓๐ เมษายน ๒๕๖๘ และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการออกประกาศกระทรวงมหาดไทยให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
รวมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกำกับติดตามและประเมินผลกระทบจากการออกประกาศกระทรวงมหาดไทยฉบับนี้ภายหลังครบระยะเวลาที่ประกาศไว้
(๖ เดือน) ทั้งนี้ หากมีผลกระทบต่อความมั่นคงและผลประโยชน์แห่งชาติ
หน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องอาจเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณายกเลิกประกาศกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวต่อไปได้
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๓. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
โดยได้รับยกเว้นการยื่นรายการตามแบบรายการของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร
(ตม.๖) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
89 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 เรื่อง โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 | กค. | 15/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
เรื่อง โครงการฯ ปี ๒๕๖๕
ในประเด็นแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ได้บัตรฯ (Exclusion Error) จากเดิม “การแก้ไขปัญหาผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ได้บัตรฯ
จะเปิดรับลงทะเบียนตามโครงการฯ อย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง” เป็น “การแก้ไขปัญหาผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ได้บัตรฯ
จะเปิดรับลงทะเบียนตามโครงการฯ ครั้งต่อไปในระยะเวลาภายใน ๒ ปี นับจากวันที่เริ่มใช้สิทธิครั้งแรกในโครงการที่เปิดรับลงทะเบียนครั้งล่าสุด”
ตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเสนอ
และให้คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมและกระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ที่เห็นควรมีการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับผู้มีรายได้น้อยและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
พร้อมทั้งจัดให้มีเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาเพื่อลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ เป็นระยะ
ๆ อย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
90 | การจัดตั้งศูนย์อาเซียนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ASEAN Centre for Climate Change : ACCC) | ทส. | 08/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างความตกลงการจัดตั้งศูนย์อาเซียนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
และการร่วมลงนามในความตกลงการจัดตั้งศูนย์อาเซียนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
และมอบหมายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนลงนามในความตกลงการจัดตั้งศูนย์อาเซียนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ลงนามในความตกลงการจัดตั้งศูนย์อาเซียนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญเพื่อสนับสนุนการประสานงานและความร่วมมือด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระหว่างประเทศสมาชิกและองค์การระหว่างประเทศ
รวมถึงจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้กับประเทศสมาชิก
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า
ต้นทุน และผลประโยชน์เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้
หากการดำเนินการดังกล่าวจำเป็นต้องมีการขอรับจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมในอนาคตก็ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดด้วย สำนักงบประมาณ เห็นควรให้จัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่าย
รวมทั้งแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
91 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2567 | ปสส. | 08/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๗
ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๓๐
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่
๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๓๑ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ ตุลาคม
๒๕๖๗ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
92 | ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. .... | คค. | 08/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ.
.... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางรางของประเทศเพื่อควบคุมและกำกับดูแลกิจการขนส่งทางรางให้สามารถยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมขนส่งทางรางและการบริหารจัดการการขนส่งทางรางอย่างเป็นระบบ
สอดคล้องกับการพัฒนาการขนส่งรูปแบบอื่น ๆ ให้เป็นโครงข่ายเดียวกันอย่างสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๓. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น สำนักงบประมาณ เห็นว่าค่าใช้จ่ายในการบังคับใช้กฎหมายที่จะเกิดขึ้นในระยะ
๓ ปีแรก จำนวน ๔๒๗,๘๘๓,๔๒๘ บาท ซึ่งอาจส่งผลต่อภาระงบประมาณที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
ควรให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมการขนส่งทางรางเตรียมความพร้อมให้ครบถ้วนในทุกมิติ
โดยคำนึงถึงภารกิจความจำเป็น ความสามารถในการดำเนินงาน ความคุ้มค่าของค่าใช้จ่าย
ความครอบคลุมของแหล่งเงินอื่นนอกเหนือจากงบประมาณ และจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นอย่างประหยัดในการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมพิจารณากำหนดแนวทางการบูรณาการยุทธศาสตร์/แนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก
ตลอดจนการกำกับดูแลกิจการที่เกี่ยวกับการขนส่งทั้งทางถนน ทางอากาศ ทางราง
และทางน้ำ เพื่อให้เกิดการขนส่งเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ และให้กรมการขนส่งทางรางพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของกฎหมายลำดับรอง
โดยในเบื้องต้นควรเร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มบทบาทของเอกชนในกิจการระบบขนส่งทางรางเพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์โครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกระบบรางได้อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
93 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายคุณากร ปรีชาชนะชัย และนายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์) | พณ. | 08/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ(๘ ตุลาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
ดังนี้ ๑. นายคุณากร ปรีชาชนะชัย ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ๒. นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
94 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะสารสกัดจากพืชกัญชาหรือกัญชง พ.ศ. .... | สธ. | 08/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต
นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕
เฉพาะสารสกัดจากพืชกัญชาหรือกัญชง พ.ศ. .... .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย
หรือมีไว้ในครอบครอง กำหนดคุณสมบัติของผู้ขออนุญาต การออกใบอนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาต
การต่ออายุใบอนุญาต การแก้ไขรายการในใบอนุญาต
การดำเนินการของผู้รับอนุญาตเพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแล
และการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม ซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะสารสกัดจากพืชกัญชาหรือกัญชง
เพื่อประโยชน์ในทางการแพทย์ เชิงพาณิชย์ หรืออุตสาหกรรม
การวิเคราะห์หรือศึกษาวิจัยทางการแพทย์หรือวิทยาศาสตร์
รวมทั้งเพื่อประโยชน์ของทางราชการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ เช่น สำนักงาน ก.พ.ร.
เห็นว่าการกำหนดระยะเวลาการแจ้งคำสั่งไม่อนุญาตตามร่างกฎกระทรวงฯ ข้อ ๑๘ ควรกำหนดให้สอดคล้องตามมาตรา
๑๐ แห่งพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เห็นว่าในกลุ่มสินค้าที่มีสารสกัดจากกัญชาหรือกัญชงจัดเป็นสินค้าที่มีส่วนผสมของยาเสพติดให้โทษในประเภท
๕ ที่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ ครอบครัว อุบัติเหตุและอาชญากรรม และอาจลุกลามก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมส่วนรวม
จึงควรมีหลักเกณฑ์ควบคุมการประกอบธุรกิจดังกล่าว โดยจำกัดสิทธิบางประการของผู้ประกอบธุรกิจและ/หรือผู้รับอนุญาตผลิต
นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองและควรมีบทกำหนดโทษที่ชัดเจนสำหรับผู้ประกอบธุรกิจและ/หรือผู้รับอนุญาตฯ
ซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ทางการค้าเพื่อลดปัญหาผลกระทบทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ
ตลอดจนป้องกันเด็กและเยาวชนเข้าถึงสินค้าที่มีสารสกัดจากกัญชาหรือกัญชงและประสงค์ที่จะนำไปใช้อย่างผิดวิธีได้โดยง่าย ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานอัยการสูงสุด
และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
95 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายขจร ศรีชวโนทัย ฯลฯ จำนวน 25 ราย) | มท. | 08/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒๕ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง และสับเปลี่ยนหมุนเวียน
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑. นายขจร ศรีชวโนทัย ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง (นักบริหาร ระดับสูง)
สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายสันติธร ยิ้มละมัย ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง (นักบริหาร ระดับสูง)
สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง
ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง ๔.นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
(ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายอดิเทพ กมลเวชช์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง
ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง ๖. นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหาร ระดับสูง) กรมการปกครอง ๗. นายภาสกร บุญญลักษม์ ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหาร ระดับสูง)
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ๘. นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหาร ระดับสูง) กรมโยธาธิการและผังเมือง ๙. นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหาร ระดับสูง)
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ๑๐. นายอังกูร ศีลาเทวากูล ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองระดับสูง)
จังหวัดกระบี่ ๑๑. นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง)
จังหวัดฉะเชิงเทรา ๑๒. นายชรินทร์ ทองสุข ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง)
จังหวัดเชียงราย ๑๓. นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด
(นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดนนทบุรี ๑๔. นายสมคิด จันทมฤก ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง)
จังหวัดปทุมธานี ๑๕. นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง)
จังหวัดปราจีนบุรี ๑๖.นายทวี เสริมภักดีกุล ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดพิษณุโลก ๑๗. นายศรัณยู มีทองคำ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง)
จังหวัดเพชรบูรณ์ ๑๘. นายชุติเดช มีจันทร์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง)
จังหวัดลำปาง ๑๙. นายโชตินรินทร์ เกิดสม ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง)
จังหวัดสงขลา ๒๐. นางนิศากร วิศิษฏ์สรอรรถ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง
ระดับสูง) จังหวัดสมุทรสงคราม ๒๑. นายนริศ นิรามัยวงศ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง)
จังหวัดสมุทรสาคร ๒๒. นายพิริยะ ฉันทดิลก ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง)
จังหวัดสุพรรณบุรี ๒๓. นายชำนาญ ชื่นตา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง)
จังหวัดสุรินทร์ ๒๔. นายราชันย์ ซุ้นหั้ว ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง)
จังหวัดอุดรธานี ๒๕. ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง
ระดับสูง) จังหวัดอุบลราชธานี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
96 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายฉัตรชัย บางชวด) | นร.08 | 08/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายฉัตรชัย บางชวด ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ
ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
97 | ร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สำหรับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 29 (ASEAN Joint Statement on Climate Change to UNFCCC COP 29) | ทส. | 08/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
98 | ขอความเห็นชอบเพื่อลงนามเอกสารข้อตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับกองทุนระหว่างประเทศเพื่อพัฒนาการเกษตรว่าด้วยการจัดตั้งสำนักงาน IFAD ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ณ กรุงเทพฯ ประเทศไทย และเอกสารที่เกี่ยวข้อง | กษ. | 08/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
99 | การจัดทำความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ/พิเศษระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งรัฐกาตาร์ | กต. | 01/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
100 | แผนที่พื้นที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินถล่มของประเทศไทย | ทส. | 01/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบแผนที่พื้นที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินถล่มของประเทศไทย
และบัญชีแผนที่พื้นที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินถล่มของประเทศไทย ๑,๙๘๔ ตำบล
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนที่พื้นที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินถล่มของประเทศไทยไปใช้ประกอบการเตรียมความพร้อม
ป้องกัน เฝ้าระวัง และเตือนภัยในพื้นที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินถล่มในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเร็วต่อไป โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนที่และบัญชีแผนที่พื้นที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินถล่มของประเทศไทยไปประกอบการพิจารณาเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับธรณีพิบัติภัยแผ่นดินถล่ม
ตลอดจนเร่งสร้างความตระหนักรู้แก่ประชนในพื้นที่เสี่ยง เพื่อลดความสูญเสียและความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สิน
|