ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 17 จากทั้งหมด 84 หน้า แสดงรายการที่ 321 - 340 จากข้อมูลทั้งหมด 1664 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
321 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการแห่งสาธารณรัฐเกาหลีว่าด้วย ความร่วมมือด้านสาธารณสุข | สธ. | 25/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการแห่งสาธารณรัฐเกาหลีว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุข
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือด้านสาธารณสุขในประเด็นความมั่นคงทางสุขภาพ
การเสริมสร้างระบบสุขภาพ รวมถึงหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า การดูแลสุขภาพด้วยดิจิทัล
และการส่งเสริมสุขภาพ ผ่านการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญ ผู้แทน และข้อมูล การประชุม
การประชุมทางวิทยาศาสตร์ และการประชุมเชิงปฏิบัติการ/การสัมมนา
และการสนับสนุนการวิจัยและโครงการ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
322 | ผลการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวเอเปค ครั้งที่ 11 | กก. | 25/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวเอเปค
ครั้งที่ ๑๑ เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๕ ณ กรุงเทพมหานคร
และประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฯ
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นประธาน มีสาระสำคัญประกอบด้วย
(๑) ที่ประชุมฯ ได้แสดงเจตนารมณ์ที่จะร่วมมือกันฟื้นฟูและส่งเสริมการพัฒนาการท่องเที่ยวในภูมิภาคอย่างครอบคลุมและยั่งยืน
รับทราบผลการดำเนินงานภายใต้แผนยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวเอเปค พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๗
และรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุม ๒ ฉบับ ได้แก่ ข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยในภูมิภาคเอเปคให้มีอนาคตที่ดีกว่าเดิม
: การท่องเที่ยวฟื้นสร้างอย่างยั่งยืนและคู่มือเอเปคสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้านการท่องเที่ยวฉบับปรับปรุง
ซึ่งเอกสารทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าวจะถูกผนวกอยู่ใน “เป้าหมายกรุงเทพ (Bangkok
Goals” และจะเสนอขอการรับรองในที่ประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจพิเศษเอเปคในเดือนพฤศจิกายน
๒๕๖๕ รวมถึงแถลงการณ์ประธานรัฐมนตรีท่องเที่ยวเอเปค ครั้งที่ ๑๑
ซึ่งเป็นเอกสารที่ใช้แถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีท่องเที่ยวเอเปค ครั้งที่ ๑๑
เนื่องจากมีความเห็นที่หลากหลายและความขัดแย้งกันของเขตเศรษฐกิจเกี่ยวกับประเด็นรัฐเซีย-ยูเครน
ทำให้ในที่ประชุมไม่สามารถมีฉันทามติรับรองแถลงการณ์ร่วมฯ ได้ และ (๒)
ผลลัพธ์ที่ไทยคาดว่าจะได้รับจากการนำเสนอแนวคิด
“การท่องเที่ยวฟื้นสร้างอย่างยั่งยืน”
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
323 | รายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย ครั้งที่ 55 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | กค. | 25/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย
(Asian Development Bank : ADB) ครั้งที่ ๕๕ และการประชุมอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๗-๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ณ สำนักงานใหญ่ ADB กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นหัวหน้าคณะ
และผู้แทนกระทรวงการคลังเข้าร่วมประชุมฯ โดยในที่ประชุมฯ
ได้มีการมุ่งเน้นการให้ความช่วยเหลือประเทศสมาชิกในการรับมือและแก้ไขปัญหาที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
(COVID-19)
และผู้ว่าการของประเทศสมาชิกได้แลกเปลี่ยนความเห็นและแนวนโยบายการดำเนินงานของ ADB
ภายใต้แนวคิด “Positioning Climate Resilient Green Economy
for the Post COVID-19 World” ซึ่งได้เรียกร้องให้ ADB ให้ความช่วยเหลือประเทศสมาชิก โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวจากผลกระทบของ
COVID-19 ปัญหาห่วงโซ่อุปทาน และภาวะเงินเฟ้อ รวมทั้งเสนอให้
ADB สนับสนุนประเทศสมาชิกในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสหภาพภูมิอากาศ
และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
324 | การจัดทำร่างสัญญา IUCN Advisory Mission to the World Heritage property : Kaeng Krachan Forest Complex (THAILAND) | ทส. | 25/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการจัดทำร่างสัญญา
IUCN Advisory Mission to the World Heritage
property : Kaeng Krachan Forest Complex (THAILAND) โดยให้อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธุพืช หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในสัญญา IUCN
Advisory Mission to the World Heritage property : Kaeng Krachan Forest Complex
(THAILAND) ร่วมกับผู้ประสานงานศูนย์มรดกโลกองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ
(IUCN) โดยร่างสัญญาฯ จัดทำขึ้นระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และ IUCN มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดขอบเขตงานตามภารกิจการให้คำปรึกษาในการอนุรักษ์แหล่งมรดกโลก
โดยผู้เชี่ยวชาญ IUCN กลุ่มป่าแก่งกระจาน (ประเทศไทย)
ประกอบด้วย การประเมินสภาพการอนุรักษ์พื้นที่มรดกโลก
การจัดให้มีการหารือกับเจ้าหน้าที่ของประเทศไทยทั้งในระดับชาติ อำเภอ และระดับท้องถิ่น
รวมทั้งผู้แทนหน่วยงานต่าง ๆ และผู้มีส่วนได้เสีย
การจัดทำรายงานข้อเสนอแนะหลังจากเสร็จสิ้นการลงพื้นที่ภาคสนาม
ตลอดจนการระบุค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของผู้เชี่ยวชาญ IUCN ที่ประเทศไทยต้องรับผิดชอบ
โดยมีแนวทางการสนับสนุนให้รัฐภาคีเพิ่มกระบวนการปรึกษาและหารือร่วมกันกับ IUCN
ในการเตรียมพร้อมสำหรับการทบทวนสภาพทั่วไปของการอนุรักษ์
รวมถึงการมาปฏิบัติภารกิจของผู้เชี่ยวชาญ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างสัญญาฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า
และพันธุ์พืช) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุด
เช่น ค่าใช้จ่ายสำหรับการมาปฏิบัติภารกิจในประเทศไทยของผู้เชี่ยวชาญจาก IUCN
ให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลังที่เกี่ยวข้อง
และควรเตรียมการเพื่อรองรับการปฏิบัติภารกิจของผู้เชี่ยวชาญจาก IUCN ให้เป็นไปตามเงื่อนไขของสัญญาอย่างครบถ้วนเพื่อให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์สูงสุด
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งประสานและติดตามการดำเนินภารกิจให้คำปรึกษาในการเตรียมการทบทวนสถานภาพทั่วไปในการอนุรักษ์ของแหล่งมรดกโลกกลุ่มป่าแก่งกระจานของผู้เชี่ยวชาญจาก
IUCN อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ประเทศไทยสามารถรายงานผลการดำเนินการดังกล่าวแก่คณะกรรมการมรดกโลกได้ทันภายในระยะที่กำหนดไว้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
325 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน ในไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | นร.01 | 25/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน
ในไตรมาสที่ ๓ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ และแนวทางในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรค เพื่อประสานส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อขอความร่วมมือในการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการประชาชน
และการบริหารจัดการเรื่องร้องทุกข์ต่อไป สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑)
สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชนในไตรมาสที่ ๓ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
พร้อมผลการวิเคราะห์เรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็น
รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ ผ่านช่องทางการร้องทุกข์หมายเลขสายด่วน
๑๑๑๑ รวมทั้งสิ้น ๑๖,๗๔๒ เรื่อง สามารถดำเนินการจนได้ข้อยุติ ๑๓,๙๘๑
เรื่อง โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับการประสานเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชนมากที่สุด
(๑,๒๕๕ เรื่อง) สำหรับเรื่องร้องทุกข์ที่ประชาชนยื่นเรื่องมากที่สุด
คือ เสียงรบกวน/สั่นสะเทือน (๑,๓๓๖ เรื่อง) และปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์
เช่น ปัญหาเดือดร้อนรำคาญจากเสียงดังรบกวน
แก้ไขยากเนื่องจากเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานและกฎหมายหลายฉบับ
และขาดหน่วยงานเจ้าภาพหลักในการแก้ไขให้เกิดผลในภาพรวมอย่างเป็นรูปธรรม
และปัญหาผู้รับบริการไม่ได้รับการชี้แจงหรือรายงานผ่านการดำเนินการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระยะเวลาอันสมควร
และ ๒) ข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาปรับปรุงการให้บริการ/การปฏิบัติงาน เช่น
ขอให้กระทรวงมหาดไทยและกรุงเทพมหานคร เป็นเจ้าภาพหลักกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหา
และขอให้หน่วยงานกำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จในการแก้ไขปัญหาและปฏิบัติตามกระบวนการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน/ร้องทุกข์ให้เป็นตามมาตรฐานระยะเวลาการให้บริการอย่างเคร่งครัด
ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
326 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 17/2565 | นร.11 สศช | 25/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๗/๒๕๖๕
เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๕
ที่มีมติเกี่ยวกับการพิจารณากลั่นกรองความเหมาะสมของข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดกู้เงินฯ
พ.ศ. ๒๕๖๓ อาทิ (๑) โครงการเพิ่มศักยภาพการรักษาผู้ป่วยโคโรนา COVID-19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่
ของโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ให้ขยายระยะเวลาโครงการ
จากเดิมสิ้นสุดเดือนตุลาคม ๒๕๖๕ เป็นสิ้นสุดเดือนธันวาคม ๒๕๖๕ (๒)
โครงการภายใต้โครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ของกระทรวงมหาดไทย ให้จังหวัดราชบุรีเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของโครงการ จำนวน ๓
โครงการ และยกเลิกการดำเนินโครงการ จำนวน ๑ โครงการ
และให้จังหวัดเชียงใหม่ยกเลิกการดำเนินโครงการ จำนวน ๒ โครงการ
รวมถึงให้จังหวัดเชียงใหม่ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑๐
พฤษภาคม ๒๕๖๕ (ที่ให้จังหวัดเสนอขอยกเลิกการดำเนินโครงการที่ไม่สามารถลงนามและผูกพันสัญญาได้ภายในเดือนพฤษภาคม
๒๕๖๕) เนื่องจากจังหวัดเชียงใหม่ได้ลงนามผูกพันสัญญาเมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๕
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วน เป็นไปตามหลักเกณฑ์
อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด
รวมทั้งเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย
ตลอดจนให้ความสำคัญกับการติดตามและประเมินผลโครงการ
เพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
327 | (ร่าง) ปฏิญญาจาการ์ตาระดับรัฐมนตรีว่าด้วยความร่วมมือระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ในการประยุกต์ใช้ประโยชน์จากอวกาศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน | อว. | 25/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ (ร่าง) ปฏิญญาจาการ์ตาระดับรัฐมนตรีว่าด้วยความร่วมมือระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
ในการประยุกต์ใช้ประโยชน์จากอวกาศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
ร่วมรับรองร่างปฏิญญาจาการ์ตาฯ โดย (ร่าง) ปฏิญญาจาการ์ตาฯ มีสาระสำคัญเป็นการเน้นย้ำถึงความก้าวหน้าที่สำคัญในกระบวนการพัฒนาวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี และการประยุกต์ใช้ประโยชน์จากอวกาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การรับรองแผนปฏิบัติการฯ
และยอมรับบทบาทของเทคโนโลยีอวกาศและการประยุกต์ใช้ประโยชน์ในการช่วยสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน
ส่งเสริมให้ประเทศสมาชิกและสมาชิกสมทบขยายความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีอวกาศ รวมถึงการประยุกต์ใช้ประโยชน์ต่าง ๆ
เพื่อเร่งการนำแผนปฏิบัติการฯ ไปปฏิบัติให้เกิดผล ในระยะที่ ๒
โดยมุ่งเน้นไปที่ปัจจัยที่สำคัญเฉพาะด้านอย่างเหมาะสม ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยน (ร่าง)
ปฏิญญาจาการ์ตาระดับรัฐมนตรีว่าด้วยความร่วมมือระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ในการประยุกต์ใช้ประโยชน์จากอวกาศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ทั้งนี้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้จัดทำแนวทางการถ่ายทอดความรู้ทางวิชาการ
และทางเทคนิครวมถึงการสร้างความรู้ ความเข้าใจให้แก่หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน
และภาคประชาชน เพื่อช่วยส่งเสริมให้เกิดการลงทุนพัฒนา และประยุกต์ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศทั้งทางเศรษฐกิจ
สังคม และสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
328 | รายงานผลการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย | นร.01 | 25/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย
เพื่อสรุปข้อมูลการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
และให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยให้ทั่วถึงทุกพื้นที่โดยด่วน
ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย ๒. มอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการคลัง กระทรวงกลาโหม กระทรวงสาธารณสุข
และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เร่งสำรวจข้อมูลความเดือดร้อนเสียหายของประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยในทุกมิติให้ถูกต้อง
ครบถ้วน ตรงตามข้อเท็จจริง และพิจารณากำหนดมาตรการ หลักเกณฑ์
และเงื่อนไขการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษ
โดยให้เทียบเคียงกับแนวทางการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยที่ได้เคยดำเนินการไปแล้วในปี
พ.ศ. ๒๕๕๔ แล้วดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้
ให้ดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
เพื่อแก้ไขหรือเยียวยาความเดือดร้อนเสียหายในบางกรณี พ.ศ. ๒๕๕๙ ๓. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
329 | การดำเนินการตามหลักเกณฑ์การกู้ยืมเงินของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง | พน. | 25/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมติเห็นชอบการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การดำเนินธุรกิจของบริษัท
อีแกท ไดมอนด์ เซอร์วิส จำกัด จากภารกิจหลักที่ได้รับอนุมัติในคราวจัดตั้งบริษัทตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓ มิถุนายน ๒๕๕๒ เพื่อให้บริษัท อีแกท ไดมอนด์ เซอร์วิส จำกัด
สามารถขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจ
ภายใต้หลักเกณฑ์การจัดตั้ง/ร่วมทุนในบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจ ได้แก่ (๑) Maintenance Service Center : การให้บริการบำรุงรักษาที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้าและอุตสาหกรรมอื่น
ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง (๒) Parts Manufacturing การผลิตชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้าและอุตสาหกรรมอื่น
ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง และ (๓) Operation Services : การให้บริการรับเดินเครื่องโรงไฟฟ้าซึ่งบริษัท
Mitsubishi Heavy Industries, Ltd. หรือบริษัท Mitsubishi Power, Ltd. หรือบริษัท Mitsubishi Corporation ได้รับสิทธิในงานดังกล่าว ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้กระทรวงพลังงาน
(การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานอัยการสูงสุด และคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสากิจ
(หนังสือคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ด่วนที่สุด ที่ กค ๐๗๒๓/๑๘๓๐ ลงวันที่ ๑๒
เมษายน ๒๕๖๕) เช่น ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตรับความเห็นของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๕
ไปพิจารณาดำเนินการกำกับดูแล EDS ให้ดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ให้มีแผนการลงทุนและแผนการดำเนินงานอันสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
จัดทำแผนความเสี่ยงในกรณีที่มีผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้
เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินในอนาคต ควรกำกับและติดตามการประกอบกิจการของบริษัทในเครือดังกล่าวให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์การจัดตั้ง/ร่วมทุนและกำกับดูแลบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจด้วย
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
330 | ขอความเห็นชอบต่อการรับรองร่างแนวทางอาเซียนว่าด้วยการให้คำปรึกษาและการตรวจหาเชื้อเอชไอวีในสถานประกอบการ และร่างแผนงานคณะกรรมการตรวจแรงงานอาเซียน พ.ศ. 2565 - 2573 | รง. | 25/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแนวทางอาเซียนว่าด้วยการให้คำปรึกษาและการตรวจหาเชื้อเอชไอวีในสถานประกอบการ
(ASEAN Guidelines on HIV Counselling and
Testing in the Workplace) และร่างแผนงานคณะกรรมการตรวจแรงงานอาเซียน
พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗๓ [ASEAN Labour Inspection Committee (ALICOM) Work Plan
2022-2030] และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานลงนามในหนังสือถึงสำนักเลขาธิการอาเซียน
เพื่อรับรองร่างเอกสารทั้งสองฉบับ โดยร่างแนวทางอาเซียนฯ และร่างแผนงานคณะกรรมการฯ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแนวทางการบริหารจัดการการติดเชื้อเอชไอวีในสถานประกอบการ
และการกำหนดแผนงานสำหรับคณะกรรมการตรวจแรงงานอาเซียนในการพัฒนาสมรรถนะของพนักงานตรวจแรงงาน
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารทั้งสองฉบับในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
331 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งเครือรัฐออสเตรเลียในการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ | ยธ. | 25/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
332 | แผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยกับออสเตรเลีย ค.ศ. 2022-2025 | กต. | 25/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
333 | โครงการความร่วมมือด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระหว่างอาเซียน-เยอรมัน (ASEAN-German Climate Action Programme) | ทส. | 25/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างเลขาธิการอาเซียนกับเอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประจำอาเซียน
โครงการความร่วมมือด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระหว่างอาเซียน-เยอรมัน (ASEAN-German Climate Action Programme)
และเห็นชอบให้เลขาธิการอาเซียนเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศประสานแจ้งผลการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีให้กับสำนักเลขาธิการอาเซียนต่อไป
โดยโครงการฯ
มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรและองค์กรด้านนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภูมิภาคอาเซียน
ยกระดับบทบาทของอาเซียนในเวทีระหว่างประเทศและส่งเสริมความร่วมมือด้านนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับประเทศและระดับภูมิภาค
เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (Nationally
Determined Contributions) ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
334 | การปรับขยายเพดานอัตราเงินเดือนขั้นสูงสุดของการท่าเรือแห่งประเทศไทย | คค. | 25/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับขยายเพดานอัตราเงินเดือนขั้นสูงสุดของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ (๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๕) ดังนี้ ๑)
ระดับ ๑๖ ตำแหน่งรองผู้อำนวยการ จากอัตรา ๑๑๓,๕๒๐ บาท เป็นอัตรา ๑๔๒,๘๓๐ บาท ๒) ตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการ ๑๐๔,๓๑๐ บาท
เป็นอัตรา ๑๓๓,๗๗๐ บาท และ ๓) ตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่าย
จากอัตรา ๙๕,๘๑๐ บาท เป็นอัตรา ๑๒๔,๗๗๐
บาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้กระทรวงคมนาคม
(การท่าเรือแห่งประเทศไทย) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. เช่น
การท่าเรือแห่งประเทศไทยควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า ต้นทุน และผลประโยชน์
เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐประกอบการพิจารณาเรื่องดังกล่าว
ควรพิจารณาค่าใช้จ่ายบุคลากรให้มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
และควรบริหารค่าใช้จ่ายด้วยความรอบคอบโดยเฉพาะการปรับขึ้นอัตราเงินเดือนควรสะท้อนกับผลการปฏิบัติงานได้ชัดเจน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
335 | การให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย | สปน. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า
ตามที่ได้เกิดสถานการณ์อุทกภัยขึ้นในหลายพื้นที่ ซึ่งส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ
รวมทั้งภาคเอกชนได้เร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบดังกล่าวอย่างต่อเนื่องนั้น
เพื่อให้การให้ความช่วยเหลือดังกล่าวในส่วนของภาครัฐทั้งที่ได้ดำเนินการไปแล้วและที่จะต้องดำเนินการต่อไป
มีความถูกต้อง เหมาะสม ตรงเป้าหมาย ไม่เกิดปัญหาตกหล่นหรือซ้ำซ้อน และสามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ประสบภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด
รวมทั้งสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องให้แก่ประชาชนในภาพรวมด้วย คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการ ระเบียบ หลักเกณฑ์
อัตราการจ่าย และงบประมาณค่าใช้จ่ายของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐทั้งหมดที่ได้ดำเนินการไปแล้วและที่จะดำเนินการต่อไปให้ครบถ้วน
แล้วรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยเร็วภายใน ๑ สัปดาห์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
336 | การขออนุมัติดำเนินงานก่อสร้างโครงการสะพานเชื่อมเกาะลันตา ตำบลเกาะกลาง-ตำบลเกาะลันตาน้อย อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ของกรมทางหลวงชนบท | คค. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้กรมทางหลวงชนบทดำเนินการก่อสร้างโครงการสะพานเชื่อมเกาะลันตา
ตำบลเกาะกลาง-ตำบลเกาะลันตาน้อย อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ภายในกรอบวงเงิน ๑,๘๔๙.๕
ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าก่อสร้าง จำนวน ๑,๘๐๐ ล้านบาท ในอัตราส่วนของแหล่งเงินกู้เงินงบประมาณ
๗๐:๓๐ และค่าควบคุมงาน ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ จำนวน ๔๙.๕
ล้านบาท ในอัตราร้อยละ ๒.๗๕ ของวงเงินค่าก่อสร้าง
โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีและแหล่งเงินกู้ตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
โดยให้กระทรวงการคลังพิจารณาจัดหาแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสมสำหรับวงเงินงบประมาณขอให้กรมทางหลวงชนบทเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณรองรับตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
โดยในส่วนของแหล่งเงินกู้ให้ใช้เงินกู้ต่างประเทศตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวงชนบท) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ให้การสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศ
เพื่อจัดทำแนวทางการบรรเทาผลกระทบให้สอดคล้องกับมาตรฐานทางสิ่งแวดล้อมและสังคม (Environmental
and Social Standard : ESS)
ของสถาบันการเงินระหว่างประเทศ เร่งรัดการดำเนินการตามกฎหมาย
และระเบียบที่เกี่ยวข้อง อาทิ การขออนุมัติรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
การขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรี การห้ามใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน
และการขออนุญาตเข้าไปทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลนจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
และการขอความเห็นชอบการขอใช้ที่ดินของส่วนราชการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เพื่อให้สามารถก่อสร้างโครงการฯ ได้ตามแผนการดำเนินงานต่อไป กรมทางหลวงชนบท
และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
พิจารณากำหนดมาตรการด้านความปลอดภัยในการใช้ทางร่วมกันของยานพาหนะต่าง ๆ อาทิ
การติดตั้งป้ายกำหนดความเร็วในบริเวณเขตชุมชนและจุดเสี่ยงในการสัญจร
เพื่อรองรับปริมาณการสัญจรทางถนนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการดำเนินโครงการฯ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
337 | การแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องของประชาชนในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงิน | กค. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายสันติ
พร้อมพัฒน์) รายงานว่า ปัจจุบันประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต เรื่อง
อายุข้อมูลในการประมวลผลข้อมูล การประมวลผลข้อมูลของบริษัทข้อมูลเครดิต
และการส่งข้อมูลของสมาชิก ลงวันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๗
ได้กำหนดให้สมาชิกซึ่งเป็นสถาบันการเงินทั้งที่เป็นธนาคารพาณิชย์และไม่เป็นธนาคารพาณิชย์
หรือเป็นผู้ประกอบธุรกิจเป็นตัวกลางในการจัดหาสินเชื่อ
ส่งข้อมูลของลูกค้าของตนให้แก่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด
ซึ่งในกรณีที่มีการผิดนัดชำระหนี้สินเชื่อ ให้สมาชิกส่งข้อมูลของลูกค้าต่อไป
เป็นระยะเวลา ๕ ปี โดยให้เริ่มนับระยะเวลา ๕
ปีในวันถัดจากวันที่ลูกค้าของสมาชิกผิดนัดชำระหนี้ครบ ๙๐ วัน
ซึ่งแม้ต่อมาลูกค้าจะชำระหนี้ดังกล่าวครบถ้วนแล้ว ข้อมูลการผิดนัดชำระหนี้ดังกล่าวก็ยังไม่ถูกลบออกจนกว่าจะถึงกำหนดระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดให้เก็บข้อมูลดังกล่าวไว้
จึงส่งผลให้ลูกค้าไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงินต่าง ๆ ได้
และอาจส่งผลใหบุคคลเหล่านี้ต้องกู้ยืมเงินจากแหล่งเงินทุนนอกระบบต่อไป
ซึ่งกระทรวงการคลังจะได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณามาตรการหรือพิจารณาการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง
เพื่อแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องของประชาชนในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงินดังกล่าว
ซึ่งคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วลงมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายสันติ พร้อมพัฒน์) รายงาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
338 | การดำเนินการตามคำมั่นที่ให้กับสหภาพยุโรปในการเข้าเป็นภาคีในความตกลงพหุภาคีระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในการแลกเปลี่ยนรายงานข้อมูลรายประเทศ | กค. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
339 | ขอความเห็นชอบร่างข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินโครงการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยอาศัยระบบนิเวศในบริบทความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนาในลุ่มน้ำโขง | ทส. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินโครงการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยอาศัยระบบนิเวศในบริบทความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนาในลุ่มน้ำโขง
และอนุมัติให้อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำเป็นผู้มีอำนาจลงนามในร่างข้อตกลงฯ โดยร่างข้อตกลงฯ
จัดทำขึ้นระหว่างกรมทรัพยากรน้ำ และโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme : UNEP) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดรายละเอียดและเงื่อนไขเกี่ยวกับการดำเนินโครงการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยอาศัยระบบนิเวศตามที่ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากกองทุนเพื่อการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
(Adaptation Fund : AF) โดยมีการกำหนดสิทธิและหน้าที่ให้แต่ละฝ่ายต้องปฏิบัติ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างข้อตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ แลสำนักงานอัยการสูงสุด เช่น
ควรรายงานความก้าวหน้าและผลสัมฤทธิ์ของโครงการดังกล่าวแก่คณะกรรมการลุ่มน้ำที่เกี่ยวข้องทราบเพื่อให้เป็นแนวทางในการปฏิบัติที่ดี
(Best Practices) และนำไปสู่การขยายผลในลุ่มน้ำอื่น ๆ ต่อไป
และการใช้อนุญาโตตุลาการเพื่อระงับข้อพิพาท โดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้
ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบเป็นราย ๆ ไป เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
340 | มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ปี 2565 ของกระทรวงการคลัง | กค. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย
ปี ๒๕๖๕ ของกระทรวงการคลัง จำนวน ๖ หน่วยงาน รวม ๑๔ มาตรการ ประกอบด้วย กรมสรรพากร
จำนวน ๕ มาตรการ กรมศุลกากร จำนวน ๒ มาตรการ กรมสรรพสามิต จำนวน ๑ มาตรการ กรมบัญชีกลาง
จำนวน ๒ มาตรการ กรมธนารักษ์ จำนวน ๒ มาตรการ และการยาสูบแห่งประเทศไทย จำนวน ๒
มาตรการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|