ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 15 จากทั้งหมด 84 หน้า แสดงรายการที่ 281 - 300 จากข้อมูลทั้งหมด 1664 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
281 | แนวทางการควบคุมสารโซเดียมไซยาไนด์ สารเบนซิลคลอไรด์ และสารเบนซิลไซยาไนด์ที่นำไปใช้ในกระบวนการผลิตยาเสพติด | ยธ. | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการควบคุมสารโซเดียมไซยาไนด์ สารเบนซิลคลอไรด์
และสารเบนซิลไซยาไนด์ที่นำไปใช้ในกระบวนการผลิตยาเสพติด
เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง
ซึ่งผลการประชุมมีสาระสำคัญเพื่อระงับการส่งออก และชะลอการนำเข้าสารโซเดียมไซยาไนด์
และสารเบนซิลไซยาไนด์ไว้ก่อน เพื่อปรับปรุงวิธีการพิจารณาการอนุญาตการนำเข้า
และส่งออก โดยจะอนุญาตให้นำเข้าและส่งออกตามปริมาณการใช้จริง และกรมโรงงานอุตสาหกรรม
จะดำเนินการควบคุมการใช้สารโซเดียมไซยาไนด์ และเบนซิลไซยาไนด์
โดยกำหนดให้ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก
และผู้ซื้อ (End User) ต้องยืนยันตัวตนโดยการลงทะเบียน
เพื่อควบคุมปริมาณและการติดตามการใช้สารดังกล่าว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
282 | มาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี 2565/2566 และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ปี 2566 | นร.14 | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบและเห็นชอบมาตรการรองรับฤดูแล้ง
ปี ๒๕๖๕/๒๕๖๖ และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง
ปี ๒๕๖๖ และมอบหมายหน่วยงานดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว
โดยรายงานให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติทราบ พร้อมทั้งสรุปผลการดำเนินงานรายงานคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป
ตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณ
ที่เห็นว่าหากมีค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรร
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือโอนเงินจัดสรร
หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๒ และระเบียบว่าด้วยการโอนงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ
และงบประมาณรายจ่ายบุคลากรระหว่างหน่วยรับงบประมาณ พ..ศ. ๒๕๖๒
หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณในโอกาสแรกก่อน
โดยคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงิน ความประหยัด ความคุ้มค่า
ผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งติดตามการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การกักเก็บน้ำใต้ดินในพื้นที่ต่าง ๆ เป็นไปอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับคู่มือการเติมน้ำใต้ดินระดับตื้นของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลและแล้วเสร็จทันฤดูแล้งที่กำลังจะมาถึง |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
283 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ (1. พลตรี เจียรนัย วงศ์สอาด ฯลฯ รวม 10 คน) | พม. | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ รวม ๑๐ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการอื่นเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
ทั้งนี้
ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๑. พลตรี เจียรนัย
วงศ์สอาด ประธานกรรมการ ๒. นางพัชรี อาระยะกุล กรรมการ ๓. นายรณชัย จิตรวิเศษ กรรมการ ๔. นายจเรรัฐ ปิงคลาศัย กรรมการ ๕. นายอัครพล
ลีลาจินดามัย กรรมการ ๖. นายธีรภัทร
ประยูรสิทธิ กรรมการ ๗. นายชยงการ ภมรมาศ กรรมการ ๘. พลเอก สุวิชา
แก้วรุ่งเรือง กรรมการ ๙. นายอนุกูล ปีดแก้ว กรรมการ
(ผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) ๑๐. นางศุกร์ศิริ
บุญญเศรษฐ์ กรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
284 | สรุปรายงานการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 16 (ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2564 - 31 กรกฎาคม 2565) | นร.04 | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๑๖ (ระหว่างวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔ - ๓๑
กรกฎาคม ๒๕๖๕) สรุปได้ ดังนี้ (๑) ผลการดำเนินงานตามนโยบายหลัก ๙ ด้าน เช่น
การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ การสร้างความมั่นคงความปลอดภัยของประเทศและความสงบสุขของประเทศ
การสร้างบทบาทของไทยในเวทีโลก
การปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของคนไทยทุกช่วงวัย
การพัฒนาระบบสาธารณสุขและหลักประกันทางสังคม เป็นต้น และ (๒) นโยบายเร่งด่วน ๘
เรื่อง เช่น การแก้ไขปัญหาในการดำรงชีวิตของประชาชน
การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและพัฒนานวัตกรรม การยกระดับศักยภาพแรงงาน
การวางรากฐานระบบเศรษฐกิจของประเทศสู่อนาคต
การแก้ไขปัญหายาเสพติดและสร้างความสงบสุขในพื้นที่ชายแดนภาคใต้
ตามที่คณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
285 | การเสนอให้นาคเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติประเภทสัตว์ในตำนาน | นร.01 | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้นาคเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติประเภทสัตว์ในตำนาน ตามมติคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ เมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม
๒๕๖๕ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
286 | ขออนุมัติโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง ระยะที่ 2 | กษ. | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง
ระยะที่ ๒ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
โดยในส่วนของกรอบวงเงินงบประมาณในการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง
ระยะที่ ๒ จำนวน ๑,๐๕๐.๕ ล้านบาท
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) ธนาคารออมสิน
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) ร่วมกับธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเร่งรัดกระบวนการพิจารณาสินเชื่อของโครงการฯ
ระยะที่ ๑ และโครงการฯ ระยะที่ ๒ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้ผู้ประกอบการประมงที่เข้าร่วมโครงการทั้ง
๒ ระยะ
สามารถใช้ประโยชน์จากสินเชื่อตามโครงการดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันต่อสถานการณ์ ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทย รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง เช่น
ควรพิจารณาคุณสมบัติของผู้ประกอบการประมงให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
และควรมีการกำกับ ติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
287 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานลำห้วยผาก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ. | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานลำห้วยผาก
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานลำห้วยผาก
ในท้องที่ตำบลกลัดหลวง อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำและให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
288 | ร่างกฎกระทรวงการผลิตสุรา พ.ศ. .... | กค. | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คคณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการผลิตสุรา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุง หลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขในการอนุญาตและการออกใบอนุญาตผลิตสุรา
โดยการปรับปรุงคุณสมบัติของผู้ขอใบอนุญาตผลิตสุรา หลักเกณฑ์
และเงื่อนไขของโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้ผลิตสุรา
และยกเลิกทุนจดทะเบียนสำหรับผู้ผลิตสุราแช่และเบียร์ เพื่อลดข้อจำกัดและเปิดโอกาสในการเข้าสู่ธุรกิจของผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสุราขนาดกลางและขนาดย่อม
และสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการรายย่อยในธุรกิจสุรา
โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้
รวมทั้งการปรับปรุงกระบวนการและขั้นตอนในการขอใบอนุญาตและออกใบอนุญาตผลิตสุรา
เพื่อมิให้เป็นการสร้างภาระแก่ผู้ขออนุญาตโดยไม่จำเป็น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นสมควรดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาอนุญาตผลิตสุรา
เช่น
กฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมการอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิต
ให้สอดคล้องกับร่างกฎกระทรวงนี้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการควบคุมคุณภาพการผลิตสุรารวมถึงการป้องกันผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่อาจจะเกิดขึ้นจากการผลิตสุรา
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
289 | การประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ สมัยที่ 14 (Ramsar COP 14) | ทส. | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบและรับทราบท่าทีไทยสำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ
สมัยที่ ๑๔ (Ramsar COP 14)
ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๕-๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ณ เมืองอู่ฮั่น
สาธารณรัฐประชาชนจีน และนครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส และให้การรับรองปฏิญญาอู่ฮั่น
(ฉบับแก้ไข) [Wuhan Declaration (The revised version)] และมอบหมายหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเป็นผู้รับรองในการประชุมระดับสูง
ในวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
รวมทั้งรับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการเข้าร่วมการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ
สมัยที่ ๑๔ โดยการประชุมฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดท่าทีและจุดยืนของประเทศไทยสำหรับการประชุมดังกล่าว
ทั้งในระดับสูงและระดับเจ้าหน้าที่ในเรื่องต่าง ๆ เช่น
การสนับสนุนและให้ความร่วมมือในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู
และใช้ประโยชน์พื้นที่ชุ่มน้ำและปฏิญญาอู่ฮั่น โดยไม่ขัดกับยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายของรัฐบาล
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาอู่ฮั่น
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ทั้งนี้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
โดยขอให้ดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
290 | ขออนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามข้อ 20 แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยบำเหน็จความชอบสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2550 | ตช. | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้ยกเว้นการปฏิบัติตามข้อ
๒๐ แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยบำเหน็จความชอบสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๕๐
ซึ่งเป็นการดำเนินการตามแนวทางคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดได้วางไว้โดยมีปัญหาข้อขัดแย้งและข้อเท็จจริง
ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ ๒.
ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ที่เห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องย่อมต้องมีหน้าที่ดำเนินการให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ
เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีด้วย
และในขณะที่ยังมิได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าว
สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็คงยังมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามข้อ ๒๐ แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ ที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมีผลใช้บังคับแล้วเมื่อวันที่
๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๕ มาตรา ๗๗ ได้กำหนดหลักเกณฑ์การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ
ในแต่ละระดับตำแหน่งไว้อย่างชัดเจน
โดยกำหนดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งหรือเคยดำรงตำแหน่ง
เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้น และมาตรา ๗๗
วรรคสอง กำหนดให้การนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง ให้นับระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งจริง
โดยมิให้นับระยะเวลาทวีคูณ
จึงเป็นกรณีที่มีกฎหมายเฉพาะกำหนดหลักเกณฑ์การมิให้ระยะเวลาทวีคูณไว้เป็นการเฉพาะแล้ว
ดังนั้น หากคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ยกเว้นการปฏิบัติตามข้อ ๒๐ ของระเบียบฯ
และได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีแล้ว
ในอนาคตเพื่อให้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ
มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับกฎหมายที่ใช้บังคับในปัจจุบัน เห็นควรให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเหมาะสมในการแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ
ดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
291 | ผลการพิจารณารายงานผลการพิจารณาศึกษาญัตติ เรื่อง การศึกษาและแก้ไขปัญหาประมงไทย ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
292 | โครงการสินเชื่อแก้หนี้เพิ่มทุน | กค. | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการสินเชื่อแก้หนี้เพิ่มทุน เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนผู้เข้าร่วมงานมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ให้มีสภาพคล่องที่เพียงพอในการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพ
รวมถึงสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนตามนโยบายรัฐบาล และอนุมัติงบประมาณวงเงินรวม
๖๐๐ ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อดำเนินโครงการสินเชื่อแก้หนี้เพิ่มทุน
พร้อมทั้งมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ให้ความสำคัญกับการให้ความรู้ทางการเงินกับภาคครัวเรือน
ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพและคุณภาพชีวิตของครัวเรือนในระยะยาว
รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนต่อไปด้วย ธนาคารควรติดตามและประเมินผลกระทบหากลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้
โดยกำหนดแนวทางและกลไกในการติดตามช่วยเหลือลูกหนี้
รวมถึงกระบวนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้
เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อลูกหนี้และธนาคารในระยะยาว ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
293 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2561 เรื่อง ขออนุมัติโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก | สกพอ. | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(สกพอ.) ในฐานะหน่วยงานเลขานุการของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(กพอ.) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบมติ กพอ. ครั้งที่ ๓/๒๕๖๕
ในการให้กองทัพเรือเป็นหน่วยงานดำเนินโครงการ (Implementing
Agency) สำหรับโครงการก่อสร้างทางวิ่งและทางขับที่ ๒
(โครงการทางวิ่งและทางขับที่ ๒)
โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก (โครงการสนามบินอู่ตะเภา)
ทั้งนี้ ทางวิ่งและทางขับที่ ๒ เป็นทรัพย์สินราชพัสดุ
เมื่อกองทัพเรือดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ ให้ส่งมอบสิทธิการใช้ประโยชน์ให้กับ
สกพอ. เพื่อดำเนินการตามสัญญาร่วมลงทุนต่อไป
โดยหากไม่มีข้อทักท้วงหรือไม่มีความเห็นเป็นอย่างอื่น
ให้ถือว่าคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหรือเห็นชอบตามมติ กพอ. ๑.๒ พิจารณาทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๑ เรื่อง ขออนุมัติโครงการสนามบินอู่ตะเภา จากเดิม
“อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณจำนวน ๑๗,๗๖๘ ล้านบาท ให้กับกองทัพเรือเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการสนามบินอู่ตะเภา
และให้กองทัพเรือดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไป” เป็น
“อนุมัติกรอบวงเงินจำนวน ๑๗,๗๖๘ ล้านบาท ให้กับกองทัพเรือเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการสนามบินอู่ตะเภา
และให้กองทัพเรือดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไป ทั้งนี้
สำหรับแหล่งเงินเพื่อการดำเนินงานการก่อสร้างโครงการทางวิ่งและทางขับที่ ๒
โครงการสนามบินอู่ตะเภา อนุมัติให้กระทรวงการคลังจัดหาเงินกู้ตามมาตรา ๒๒
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ในกรอบวงเงิน ๑๖,๒๑๐ ล้านบาท ให้กับกองทัพเรือ
โดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณสมทบในอัตราส่วนของแหล่งเงินกู้และเงินงบประมาณเป็นไปตามที่กระทรวงการคลังตกลงกับแหล่งเงินกู้ ๒. ให้
สกพอ. ในฐานะหน่วยงานเลขานุการของ กพอ. และกองทัพเรือรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงคมนาคม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เช่น (๑)
ให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้ตามมาตรา ๒๒ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในกรอบวงเงิน ๑๖,๒๑๐.๙๐ ล้านบาท ให้กับกองทัพเรือ
(๒) ให้กองทัพเรือ และ สกพอ. จัดเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องตามเงื่อนไขในการพิจารณาอนุมัติเงินกู้ของแหล่งเงินกู้ต่างประเทศ
และ (๓) ให้กองทัพเรือจัดเตรียมงบประมาณสำหรับโครงการทางวิ่งและทางขับที่ ๒
รวมทั้งจัดทำแผนการใช้จ่ายเงินในแต่ละปีส่งให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้
ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
294 | รัฐบาลสมาพันธรัฐสวิสเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย (นายเปโดร สวาห์เลน) | กต. | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเปโดร สวาห์เลน (Mr. Pedro Zwahlen)
ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นางเฮเลเนอ บุดลีเกอร์ อาร์ทิเอดา (Mrs.
Helene Budliger Artieda) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
295 | การจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านไปรษณีย์ โทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และเทคโนโลยีดิจิทัล ระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงเทคโนโลยีและการสื่อสารแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว | ดศ. | 25/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านไปรษณีย์
โทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และเทคโนโลยีดิจิทัล
ระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทย
และกระทรวงเทคโนโลยีและการสื่อสารแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
และอนุมัติให้มีการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
รวมทั้งอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมอบหมาย
เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านไปรษณีย์
โทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศ และเทคโนโลยีดิจิทัลระหว่างสองกระทรวง
โดยกำหนดรูปแบบความร่วมมือในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การแลกเปลี่ยนข้อมูล
การแลกเปลี่ยนการเยือนของเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญ ตลอดจนการจัดนิทรรศการ
การประชุมเชิงปฏิบัติการ และการสัมมนา ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
และให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศในประเด็นที่เกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๗๘ หรือไม่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
296 | รายงานการโอนงบประมาณรายจ่ายตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 มาตรา 51 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | นร.07 | 25/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการโอนงบประมาณรายจ่ายตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๕๑ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
ในระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔-๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
และให้รายงานต่อรัฐสภาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
297 | การเป็นเจ้าภาพการประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาอาเซียน ครั้งที่ 13 และการประชุมที่เกี่ยวข้องระหว่างปี พ.ศ. 2567-2568 และการรับรองปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของระบบการศึกษาในอาเซียน | ศธ. | 25/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑) เห็นชอบให้ประเทศไทย โดยกระทรวงศึกษาธิการ เป็นเจ้าภาพและประธานการประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาอาเซียน
ครั้งที่ ๑๓ และการประชุมที่เกี่ยวข้องระหว่างปี ๒๕๖๗-๒๕๖๘ (๒)
เห็นชอบร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของระบบการศึกษาในอาเซียน
(Declaration on the Digital Transformation of
Education Systems In ASEAN) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายรับรองร่างปฏิญญาอาเซียนฯ โดยร่างปฏิญญาอาเซียนฯ
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนในการส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษาในบริบทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดิจิทัล
(๓) อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ในฐานะประธานคณะมนตรีประชาสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน [ASEAN Socio-Cultural
Community Council (ASCC)] หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างปฏิญญาอาเซียนฯ
ในการประชุมคณะมนตรี ASCC ในเดือนตุลาคม ๒๕๖๕ และ (๔)
อนุมัติให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายรับรอง (adoption) ร่างปฏิญญาอาเซียนฯ
ร่วมกับผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ ๔๐ และ ๔๑
ในวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาอาเซียนฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงบประมาณและข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเพื่อเป็นเจ้าภาพการประชุมฯ
ซึ่งอยู่ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ เห็นควรให้กระทรวงศึกษาธิการ
โดยสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
พร้อมรายละเอียดค่าใช้จ่ายให้ชัดเจน
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามขั้นตอนต่อไป
และในการดำเนินงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามปฏิญญาอาเซียนฯ
ควรคำนึงถึงการวางระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่ครอบคลุมและทั่วถึงในทุกพื้นที่ของประเทศเพื่อให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงการเรียนรู้ได้อย่างเท่าเทียมและได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
298 | การประเมินการปฏิบัติตามกฎอนามัยระหว่างประเทศโดยผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลกของประเทศไทย ครั้งที่สอง ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม-4 พฤศจิกายน 2565 | สธ. | 25/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการประเมินการปฏิบัติตามกฎอนามัยระหว่างประเทศโดยผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลกของประเทศไทย
ครั้งที่สอง ระหว่างวันที่ ๓๑ ตุลาคม-๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
มีสาระสำคัญที่ครอบคลุมที่อยู่ในอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของกรมต่าง ๆ
เป็นจำนวนมาก ในการปฏิบัติงาน และการรายงานประจำปีตามมาตรา ๕๔ (๑)
ของกฎอนามัยระหว่างประเทศฯ รวมทั้งการขอรับการประเมินจากองค์การอนามัยโลกในทุก ๕
ปี โดยการประเมินครั้งที่ ๒ นี้ ประเทศไทยจะได้รับการประเมิน โดยใช้คู่มือการประเมินขององค์การอนามัยโลกฉบับปรับปรุงใหม่
ครั้งที่สาม ประกอบด้วยตัวชี้วัดต่าง ๆ ตามประเด็นทางเทคนิค ๑๙ ด้าน ซึ่งจัดเป็น ๔
กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มป้องกัน (P) ๘
ด้าน กลุ่มตรวจจับ (D) กลุ่มตอบโต้ (R) ๕ ด้าน และกลุ่มเฉพาะภาวะอันตราย ๓ ด้าน โดยข้อเสนอแนะจากการประเมินจะเป็นแนวทางในการพัฒนาสมรรถนะตามข้อกำหนดของกฎอนามัยระหว่างประเทศของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในด้านต่าง
ๆ ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่ง ๆ ขึ้นไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
299 | การรับรองเอกสารสำคัญ 2 ฉบับ ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 40 และ 41 | กก. | 25/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบต่อผลการศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับการดำเนินการตามข้อตกลงยอมรับร่วมกันในคุณสมบัติของบุคลากรวิชาชีพท่องเที่ยวอาเซียน
และร่างกรอบการดำเนินงานของอาเซียนด้านการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) มีสาระสำคัญกล่าวถึงวิสัยทัศน์ระยะยาว
และการระบุเป้าหมายการดำเนินงานที่ครอบคลุม
รวมถึงเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
เพื่อส่งเสริมให้อาเซียนเป็นภูมิภาคที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยั่งยืนและมีคุณภาพส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ
สวัสดิภาพ รวมทั้งการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่น และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาให้การรองรับผลการศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับคุณสมบัติบุคลากรวิชาชีพท่องเที่ยวอาเซียนและร่างกรอบการดำเนินงานของอาเซียนด้านการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) โดยการแจ้งเวียน (ad-referendum) ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างกรอบการดำเนินงานของอาเซียนด้านการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
300 | ขออนุมัติจ่ายเงินค่าขนย้าย (ค่าที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ) เป็นกรณีพิเศษให้แก่เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการฝายห้วยหลวง จังหวัดอุดรธานี | กษ. | 25/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เลื่อนการพิจารณาเรื่อง ขออนุมัติจ่ายเงินค่าขนย้าย
(ค่าที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ)
เป็นกรณีพิเศษให้แก่เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการฝายห้วยหลวง
จังหวัดอุดรธานี ออกไปก่อน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|