ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 14 จากทั้งหมด 84 หน้า แสดงรายการที่ 261 - 280 จากข้อมูลทั้งหมด 1664 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
261 | การกำหนดวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษในเขตกรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดสมุทรปราการ ในช่วงการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง (เพิ่มเติม) | นร. | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า
เพื่อให้การดำเนินการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจพิเศษเอเปค ครั้งที่ ๒๙ และกิจกรรมต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องดังกล่าวข้างต้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เหมาะสม เกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อประเทศ
และกระทบต่อการเดินทางและการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนให้น้อยที่สุด คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเพิ่มเติมให้ชัดเจน
รวมทั้งให้ประชาสัมพันธ์เพื่อขอความร่วมมือภาคเอกชนและประชาชนทั่วไปด้วย ดังนี้ ๑. ในช่วงการประชุมฯ ระหว่างวันที่ ๑๖-๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
จะมีการปิดการจราจรในเส้นทางโดยรอบศูนย์การประชุมสิริกิติ์ รวมทั้งให้งดใช้สวนเบญจกิติ ๒. การให้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) ในช่วงวันที่ ๑๖-๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
เปิดให้บริการปกติแต่จะงดจอดรับ-ส่งผู้โดยสารเฉพาะสถานีศูนย์การประชุมสิริกิติ์
จนกว่าการจัดการประชุมฯ จะเสร็จสิ้น ๓. ในส่วนของโรงเรียนและสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ในเขตพื้นที่ดังกล่าว ที่อาจได้รับผลกระทบจากการปิดการจราจรให้โรงเรียนและสถาบันการศึกษานั้น ๆ
พิจารณางดการจัดการเรียนการสอนหรือกิจกรรมใด ๆ ในช่วงวันที่ ๑๖-๑๘
พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ยกเว้นในกรณีที่โรงเรียนหรือสถาบันการศึกษานั้น ๆ
มีภารกิจสำคัญที่จำเป็นต้องดำเนินการในช่วงวันดังกล่าวอันมิอาจเหลีกเลี่ยงหรือเลื่อนออกไปก่อนได้ ๔. ในช่วงค่ำของวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
จะมีการจัดเลี้ยงอาหารค่ำแก่ผู้นำเอเปคที่หอประชุมกองทัพเรือ
ซึ่งจะมีการเดินทางไป-กลับของผู้นำประเทศและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจากหลายเส้นทาง
จึงขอความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วนในการอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ผู้นำประเทศและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องด้วย
โดยขอให้หลีกเลี่ยงหรืองดใช้รถใช้ถนนในเส้นทางที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งการสัญจรทางเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งจะมีการปิดการจราจรทางน้ำในวันที่ ๑๘
พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
262 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. .... ของรัฐสภา | สผ. | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม
พ.ศ. .... ของรัฐสภา ซึ่งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สรุปได้ ดังนี้ ๑) การจัดทำคู่มือเพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจเผยแพร่ให้แก่ประชาชน
สำนักงานศาลยุติธรรม
ได้จัดทำเอกสารและแผนภูมิแสดงขั้นตอนการดำเนินงานของศาลเพื่อเผยแพร่ให้ผู้มาติดต่อราชการในบริเวณศาลทราบ
และจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ในเว็บไซต์ของศาลด้วยแล้ว ๒)
หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมควรมีการตรวจสอบการปฏิบัติงานอย่างสม่ำเสมอ
หากพบว่าขั้นตอนและระยะเวลาไม่เหมาะสมควรรีบปรับปรุงทันที
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
ได้จัดให้มีการตรวจสอบการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่
โดยให้มีรายงานผลการดำเนินการทุกเดือน ๓) หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมควรเพิ่มเติมข้อมูลการตรวจสอบขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติงาน
และหากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงขั้นตอนการปฏิบัติงานเพื่อความรวดเร็วก็สมควรระบุไว้ในรายงานประจำปีที่เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาด้วย
สำนักงานอัยการสูงสุด ได้จัดเก็บข้อมูลสถิติการดำเนินคดี เพื่อตรวจสอบความเหมาะสมของระยะเวลาในแต่ละขั้นตอน
๔)
หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมควรร่วมกันพัฒนาและจัดให้มีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่เชื่อมโยงข้อมูลของแต่ละหน่วยงานให้มีความถูกต้องครบถ้วน
นำไปสู่การใช้ประโยชน์ร่วมกัน และต้องเปิดเผยแก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและประชาชน สำนักงานศาลยุติธรรม
ได้ดำเนินโครงการเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลให้บริการกับหน่วยงานภายนอก เช่น
ระบบฐานข้อมูลหมายจับ ระบบฐานข้อมูลคำสั่งห้ามออกนอกประเทศ ระบบคัดถ่ายเอกสารคำพิพากษาระหว่างศาล
และระบบจัดเก็บเอกสารคำพิพากษา ๕) หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมควรบูรณาการการดำเนินการตามร่างพระราชบัญญัตินี้ร่วมกัน
โดยคำนึงถึงความสอดคล้องของงาน และระยะเวลาการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย
สำนักงานอัยการสูงสุด ได้บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU)
ความร่วมมือเพื่อการอำนวยความยุติธรรมในคดีอาญา ร่วมกับกระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม
และสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
263 | ผลการประชุมคณะทำงานด้านการขนส่งของเอเปค ครั้งที่ 52 | คค. | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะทำงานด้านการขนส่งเอเปค
(APEC Transportation Working Group Meeting :
TPTWG) ครั้งที่ ๕๒ ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๖ กันยายน ๒๕๖๕ ณ
กรุงเทพมหานคร โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมฯ
ปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ และมีผู้เข้าร่วมการประชุมฯ
ประกอบด้วยผู้แทนจาก ๑๘ เขตเศรษฐกิจ และมอบหมายกระทรวงการต่างประเทศซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนการดำเนินงานของคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่ออำนวยความสะดวกและรื้อฟื้นการเดินทางข้ามพรมแดนในภูมิภาคอย่างปลอดภัยและไร้รอยต่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกับคณะทำงานด้านต่าง
ๆ ของเอเปคอย่างต่อเนื่อง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้กล่าวเปิดการประชุมฯ
โดยกล่าวถึงเป้าหมายหลักของการประชุมฯ คือ “การขนส่งที่ไร้รอยต่อ อัจฉริยะ
และยั่งยืน” โดยประเทศไทยมีศักยภาพในการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งในทุกมิติและมีความพร้อมในการตอบสนองต่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งและระบบโลจิสติกส์ ๒.
การประชุมเต็มคณะ ประกอบด้วย (๑)
รับทราบรายงานผลการประชุมเฉพาะสำหรับการประชุมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญรายสาขา จำนวน ๔
สาขา และรับรองหัวข้อนโยบายหลักปี ๒๕๖๕ ได้แก่ การขนส่งทางอากาศ
การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบและระบบขนส่งอัจฉริยะ การขนส่งทางบก และการขนส่งทางน้ำ
(๒) รับรองแผนปฏิบัติการด้านยุทธศาสตร์ของ TPTWG ปี ๒๕๖๕-๒๕๖๘ และ (๓) ปลัดกระทรวงคมนาคมกล่าวถึงผลการประชุมและการหารือเกี่ยวกับการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งในกลุ่มสมาชิกเขตเศรษฐกิจเอเปค
เช่น
การฟื้นตัวด้านการบินภายหลังการหยุดชะงักของการบินทั่วโลกที่ต้องตระหนักถึงการอยู่รวมกับโรคระบาด
และการให้ความสำคัญต่อการปล่อยก๊าซคาร์บอนสำหรับการขนส่งทางบก ๓.
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้นำเสนอวีดิทัศน์โครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน
ซึ่งจะเป็นเส้นทางเดินเรือใหม่ของโลกและเป็นจุดเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าทางทะเลที่เป็นจุดถ่ายลำของภูมิภาค ๔.
กระทรวงคมนาคมมีความเห็น/ข้อสังเกตว่า
เอเปคได้จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่ออำนวยความสะดวกและรื้อฟื้นการเดินทางข้ามพรมแดนในภูมิภาคอย่างปลอดภัยและไร้รอยต่อ
(Safe Passage Taskforce : SPTF) เพื่อหารือแนวทางการส่งเสริมการเดินทางข้ามพรมแดนอย่างปลอดภัยและไร้รอยต่อทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก
|
||||||||||||||||||||||||||||||
264 | ขอผ่อนผันยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเพื่อการขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าชายเลนขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล ท้องที่ตำบลคลองขุด อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างถนนสายบ้านเขาจีน-บ้านโคกพยอม ตำบลคลองขุด อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล | มท. | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติผ่อนผันยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเพื่อการขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าชายเลนขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล
ท้องที่ตำบลคลองขุด อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล
เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างถนนสายบ้านเขาจีน-บ้านโคกพยอม ตำบลคลองขุด
อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓
กรกฎาคม ๒๕๓๔ (เรื่อง
รายงานการศึกษาสถานภาพปัจจุบันของป่าไม้ชายเลนและปะการังของประเทศ) มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ (เรื่อง มติคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ เรื่อง
การแก้ไขปัญหาการจัดการพื้นที่ป่าชายเลน) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม
๒๕๔๓ (เรื่อง มติคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๔๓ เรื่อง
การแก้ปัญหาการจัดการพื้นที่ป่าชายเลน) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
โดยให้กระทรวงมหาดไทย (องค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล)
ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๓๐ (เรื่อง
การจำแนกการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ป่าชายเลน ประเทศไทย) ด้วย ทั้งนี้
ให้กระทรวงมหาดไทย (องค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล)
รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น
ควรให้หน่วยงานดำเนินการตามมาตรา ๖๒ “ห้ามมิให้ผู้ใดทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงที่จับสัตว์น้ำที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
ให้ผิดไปจากสภาพที่เป็นอยู่เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากพนักงานเจ้าหน้าที่”
เพื่อให้การพัฒนาโครงการถูกต้องตามบทบัญญัติกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
หากมีการดำเนินการใด ๆ ในแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบทะเล
หรือบนชายหาดของทะเลต้องดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย
พระพุทธศักราช ๒๕๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และขอให้ปฏิบัติตามมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
ควรให้เทศบาลตำบลคลองขุดเร่งดำเนินโครงการฯ
ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมรวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด
พร้อมทั้งจัดทำและเสนอรายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดไว้ในรายงาน EIA ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ครบถ้วน อย่างเคร่งครัดต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
265 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ (กปช.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | นร.02 | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบ
ตามที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑. รับทราบสรุปรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ มีสาระสำคัญ ได้แก่ (๑)
สร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจของประชาชนต่อเรื่องสื่อสารที่สำคัญ (๒)
สร้างความตระหนักรู้ ทัศนคติเชิงบวกและการมีส่วนร่วมของประชาชนไทยและชาวต่างประเทศต่อการต่างประเทศ
(๓) บริหารจัดการข้อมูลข่าวสารพัฒนาสื่อสร้างสรรค์สร้างการรู้เท่าทันและการมีส่วนร่วม
(๔) พัฒนาคลังข้อมูลข่าวสารอัจฉริยะ (๕)
ยกระดับบุคลากรด้านการประชาสัมพันธ์และสื่อสารมวลชนของประเทศ และ (๖)
ผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติระดับจังหวัดตามแนวทางการพัฒนาทั้ง
๔ แนวทาง ๒. มอบหมายหน่วยงานภาครัฐรับข้อเสนอของประชาชนไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ได้แก่ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม
กระทรวงยุติธรรม สำนักนายกรัฐมนตรี และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ๓. มอบหมายกระทรวงมหาดไทยเน้นย้ำผู้ว่าราชการจังหวัด
๗๖ จังหวัด
ให้ความสำคัญกับงานประชาสัมพันธ์และสื่อสารมวลชนในพื้นที่และสั่งการให้หน่วยงานในระดับจังหวัดสนับสนุนและประสานการดำเนินงานร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนและพัฒนางานประชาสัมพันธ์ในภาพรวมของประเทศให้เกิดประสิทธิภาพ |
||||||||||||||||||||||||||||||
266 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา | สผ. | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||
267 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สธ. | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรม
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรม
ตามที่กระทรวงสาธารสุขเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
268 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ไทย-มองโกเลีย ครั้งที่ 1 รวมทั้งดำเนินกิจกรรมส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง | พณ. | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า
(JTC) ไทย-มองโกเลีย ครั้งที่ ๑
รวมทั้งการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง ในวันที่ ๕-๖
กันยายน ๒๕๖๕ ณ กรุงอูลานบาตาร์ ประเทศมองโกเลีย และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมฯ
เพื่อให้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับมองโกเลียเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ตามตารางติดตามผลการประชุมฯ
รวมทั้งดำเนินกิจกรรมส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
สรุปผลการประชุมฯ เช่น (๑)
การค้าระหว่างไทยและมองโกเลียมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องจาก ๓๕.๕๘
ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี ๒๕๖๐ เป็น ๕๓.๙๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี ๒๕๖๔
เพิ่มขึ้นร้อยละ ๕๑.๖๐ และตั้งเป้าหมายการค้าระหว่างกันที่ ๑๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ภายในปี ๒๕๗๐ (๒) การส่งเสริมการค้าและการลงทุน เช่น
การจัดกิจกรรมจับคู่นักลงทุนระหว่างไทยกับมองโกเลียในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพร่วมกัน
(๓)
ไทยขอให้มองโกเลียเร่งพิจารณาร่างความตกลงว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน
และ (๔) ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องในการดำเนินความร่วมมือด้านต่าง
ๆ ได้แก่ เกษตร การท่องเที่ยว การขนส่งและโลจิสติกส์ และความร่วมมือทางวิชาการ ๒. การดำเนินกิจกรรมส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
ไทยได้จัดกิจกรรมสร้างเครือข่ายธุรกิจระหว่างนักธุรกิจมองโกเลียกับภาครัฐและเอกชนไทย
รวมถึงนักธุรกิจไทยที่ลงทุนในมองโกเลียเพื่อหารือเกี่ยวกับการขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกัน |
||||||||||||||||||||||||||||||
269 | ขอรับการสนับสนุนการดำเนินโครงการซ่อมแซมแหล่งน้ำขนาดเล็กของส่วนราชการที่ยังไม่ได้ถ่ายโอนให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปี พ.ศ. 2565-2570 ของมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ | นร.14 | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการโครงการซ่อมแซมแหล่งน้ำขนาดเล็กของส่วนราชการที่ยังไม่ได้ถ่ายโอนให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ปี พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗๐ ของมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริในกรอบวงเงิน
๕๓๑.๓๕๙๗ ล้านบาท ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเลื่อนระยะเวลาโครงการจากปี พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗๐ เป็น
ปี พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐ ตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำหรับการดำเนินโครงการและค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
และในปีต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมพัฒนาที่ดินและกรมชลประทาน)
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรน้ำ)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(กรมพัฒนาที่ดินและกรมชลประทาน) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(กรมทรัพยากรน้ำ) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เช่น ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการกำกับดูแลโครงการให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ หลักเกณฑ์ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมาภิบาลให้ถูกต้องและครบถ้วนในทุกขั้นตอน
เร่งรัดการถ่ายโอนแหล่งน้ำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเมื่อดำเนินโครงการซ่อมแซมแล้วเสร็จ
คำนึงถึงความจำเป็นและภารกิจของหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ควรวางระบบติดตามผลการดำเนินงานควบคู่ไปด้วยเพื่อประกอบการตัดสินใจในการดำเนินโครงการในระยะต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
270 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (นายสุรเดช อุทัยรัตน์) | ทส. | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้ง นายสุรเดช อุทัยรัตน์
เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้
แทนนายอภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล กรรมการอื่นเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ ทั้งนี้
ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเป็นต้นไป
โดยผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
271 | รายงานประจำครึ่งปี (มกราคม - มิถุนายน 2565) ของธนาคารแห่งประเทศไทย | กค. | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำครึ่งปี (มกราคม-มิถุนายน ๒๕๖๕) ของธนาคารแห่งประเทศไทย
สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑) เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๖๕ ขยายตัวที่ร้อยละ ๒.๔
จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในประเทศโดยรวมปรับดีขึ้น
และเสถียรภาพด้านต่างประเทศของไทยอยู่ในเกณฑ์ดี และ (๒) ธนาคารแห่งประเทศไทยมีการดำเนินการ
เช่น การดำเนินนโยบายด้านอัตราดอกเบี้ย
โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ ๐.๕๐ ต่อปี
เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง การประเมินผลนโยบายสถาบันการเงินและกำกับดูแลสถาบันการเงินในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
ซึ่งมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเปราะบางเพิ่มเติม
โดยการต่ออายุมาตรการสินเชื่อรายย่อยและปรับเงื่อนไขสินเชื่อเพื่อรองรับผู้ประกอบธุรกิจ
และการประเมินนโยบายการชำระเงิน พบว่า แนวโน้มการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นทั้งในเชิงปริมาณและมูลค่า
ส่วนการให้บริการผ่าน Mobile Banking/Internet
Banking ขยายตัวสูงสุดร้อยละ ๕๐.๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
272 | ร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวกรอบ ACMECS ครั้งที่ 5 | กก. | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวกรอบ
ACMECS ครั้งที่ ๕ (Joint
Statement of the 5th Meeting of ACMECS Tourism Minister) และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิก ACMECS ในการส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวร่วมกัน ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศในประเด็นที่เกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๗๘ หรือไม่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ ๓.
ให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักประสานการดำเนินการร่วมกับกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งรัดการดำเนินการ
ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายดอน ปรมัตถ์วินัย)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
273 | การปรับปรุงหลักเกณฑ์การแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบองค์การมหาชน | นร.12 | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์การแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบองค์การมหาชน ที่กำหนดโครงสร้างและองค์ประกอบ
คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม อำนาจหน้าที่ การประชุม การประเมินผลงาน และการบังคับใช้
เพื่อให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์กระทรวงการคลัง
ว่าด้วยมาตรฐานและหลักเกณฑ์ปฏิบัติการตรวจสอบภายในสำหรับหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนเสนอ ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรเพิ่มคุณสมบัติของประธานกรรมการตรวจสอบให้มาจากการเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง
หรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การมหาชนเพื่อให้การเสนอแนะและการให้ข้อคิดเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
กรณีที่กำหนดให้คณะกรรมการตรวจสอบต้องอุทิศเวลาในการปฏิบัติหน้าที่
อาจแปลความหมายในลักษณะบทบาทเจ้าหน้าที่ประจำหรือไม่
หรือหากต้องการกำหนดชัดเจนว่าบุคคลหนึ่งห้ามเป็นคณะกรรมการตรวจสอบในองค์การมหาชนหรือคณะกรรมการอื่นที่มีลักษณะคล้ายกันก็ควรกำหนดให้ชัดเจนไปเลยในลักษณะเช่นเดียวกับคณะกรรมการองค์การมหาชน
สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเพิ่มขึ้นจากการดำเนินงานของคณะกรรมการตรวจสอบฯ
เห็นสมควรให้หน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี
พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๖ ไปดำเนินการ และ/หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณตามความเหมาะสมและจำเป็นต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
274 | การขอความเห็นชอบการขอรับความช่วยเหลือทางวิชาการจากสำนักงานส่งเสริมการค้าและการพัฒนาแห่งสหรัฐอเมริกา เพื่อดำเนินโครงการศึกษาจัดทำแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์และการขนส่งต่อเนื่องอย่างบูรณาการของประเทศไทย (Thailand Integrated Logistics and Intermodal Transport Development Plan) | คค. | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขอรับความช่วยเหลือทางวิชาการจากสำนักงานส่งเสริมการค้าและการพัฒนาแห่งสหรัฐอเมริกา
เพื่อดำเนินโครงการศึกษาจัดทำแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์และการขนส่งต่อเนื่องอย่างบูรณาการของประเทศไทย
(Thailand Integrated Logistics and Intermodal
Transport Development Plan) โดยให้ทุน วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑๓๖๐๗๔๐
ดอลลาร์สหรัฐ แก่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยสำหรับการลงนามในบันทึกความตกลงการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการฯ
ดังกล่าว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้กระทรวงคมนาคม
(สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการ โดยให้คำนึงถึงความเหมาะสมในการเข้าถึงข้อมูลและการใช้ประโยชน์จากรายงานผลการศึกษาอย่างละเอียด
รอบคอบ และรัดกุมด้วย ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความตกลงการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการจากสำนักงานส่งเสริมการค้าและการพัฒนาแห่งสหรัฐอเมริกา
เพื่อดำเนินโครงการศึกษาจัดทำแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์และการขนส่งต่อเนื่องอย่างบูรณาการของประเทศไทย
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
275 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สผ. | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ของวุฒิสภา เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติฯ บางประการ
และคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
ได้มีข้อสังเกตเกี่ยวกับการเร่งปรับปรุงประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๓
หุ้นส่วนและบริษัท เพื่อรองรับการดำเนินการทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์
เพื่อให้กฎหมายมีความทันสมัยสอดคล้องกับการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายนี้ การรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียอย่างรอบด้านในการออกกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัตินี้
การออกกฎกระทรวงเพื่อกำหนดให้ลดหรือยกเว้นค่าธรรมเนียม
ควรเรียกเก็บเพียงเท่าที่จำเป็นและเป็นจำนวนเงินที่เหมาะสม
เพื่อไม่เป็นภาระแก่ประชาชนเกินสมควร และการจัดทำตัวอย่างข้อบังคับที่มีกลไกในการแก้ปัญหาข้อพิพาทให้ผู้มาจดทะเบียนสามารถเลือกใช้ได้
ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ ๒.
ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ของวุฒิสภา
เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓.
ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานรับหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาดังกล่าว ไปพิจารณารวมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
276 | สรุปผลการพิจารณาแนวทางและความเหมาะสมของรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง “การจัดการตำบลเข้มแข็งตามแนวทางยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ” ของคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา | สว. | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาแนวทางและความเหมาะสมของรายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง “การจัดการตำบลเข้มแข็งตามแนวทางยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ”
ของคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา ซึ่งสำนักงาน
ก.พ.ร. ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณารายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ
แล้ว สรุปว่า หากจะกำหนดประเด็น “ตำบลเข้มแข็ง” ให้เป็นวาระแห่งชาติ
ควรเป็นการกำหนดให้เป็นวาระสำคัญ (Agenda) หรือประเด็นสำคัญ (Issue)
เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีอำนาจหน้าที่ร่วมระดมกำลังในการแก้ไขปัญหา
โดยจะต้องมีกระบวนการระดมความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความชัดเจนในกระบวนการปฏิบัติเพื่อให้วาระแห่งชาติขับเคลื่อนได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
การกำหนดตัวชี้วัดร่วมของส่วนราชการที่มีภารกิจในระดับตำบลเพื่อให้การทำงานของทุกส่วนราชการได้ให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมการพัฒนาระบบการจัดการตำบลเข้มแข็งแบบหุ้นส่วนอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง
จะทำให้เกิดความร่วมมือในการทำงานทั้งในด้านฐานข้อมูล งบประมาณ บุคลากร
และฐานข้อมูล (Database) การจัดให้มี “แผนงานโครงการและงบประมาณสนับสนุนการพัฒนาระบบการจัดการตำบลเข้มแข็งแบบหุ้นส่วน”
ในระดับตำบล
ควรให้คณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาคพิจารณาความเหมาะสมตามข้อเสนอแนะดังกล่าวต่อไป
การจัดทำหลักสูตรการจัดการตำบลเข้มแข็ง สำนักงาน ป.ย.ป.
ได้ให้ความร่วมมือโดยใช้ประสบการณ์จากการดำเนินโครงการนักบริหารระดับสูง : ผู้นำการเปลี่ยนแปลง (หลักสูตร ป.ย.ป.)
และโครงการต้นแบบแนวทางลดความเหลื่อมล้ำด้วยนวัตกรรมภาครัฐ
เพื่อประกอบการดำเนินการจัดทำหลักสูตรของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนในระยะต่อไป ส่วนการจัดให้มี
“สมัชชาตำบลเข้มแข็งแห่งชาติ” ทุกปี อาจใช้กลไกการประชุมสภาองค์กรชุมชนตำบล
ซึ่งจัดปีละ ๑ ครั้ง เพื่อสรุปปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาชนในจังหวัด
และข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาสั่งการ ตามที่สำนักงาน
ก.พ.ร. เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
277 | ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 พ.ศ. .... [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม 2565)] | ปสส. | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
พ.ศ. ๒๕๓๔ พ.ศ. ....
ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
278 | การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะศึกษาด้านการบริหารและค้นคว้าทางภาษีอากรแห่งเอเชียแปซิฟิก (Study Group on Asia-Pacific Tax Administration and Research : SGATAR) ครั้งที่ 52 | กค. | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณซึ่งเห็นชอบในหลักการให้กรมสรรพากรเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะศึกษาด้านการบริหารและค้นคว้าทางภาษีอากรแห่งเอเชียแปซิฟิก
(Study Group on Asia-Pacific Tax
Administration and Research : SGATAR) ครั้งที่ ๕๒ ณ จังหวัดภูเก็ต
และเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณ จำนวน ๑๔,๕๘๔,๙๐๐ บาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการประชุม SGATAR ครั้งที่ ๕๒
และการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นขอให้กระทรวงการคลัง
โดยกรมสรรพากรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
โดยคำนึงถึงความประหยัดและประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ |
||||||||||||||||||||||||||||||
279 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (ร้อยตำรวจเอก ไพรัตน์ เทศพานิช) | ปปง. | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
ร้อยตำรวจเอก ไพรัตน์ เทศพานิช ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเลขานุการกรม
สำนักงานเลขานุการกรม สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
(นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
ตั้งแต่วันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
280 | ขอความเห็นชอบต่อการแก้ไขเพิ่มเติมอนุสัญญาว่าด้วยองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (Convention on the International Maritime Organization : IMO Convention) | คค. | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อการแก้ไขเพิ่มเติมอนุสัญญาว่าด้วยองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ
(Convention on the International Maritime
Organization : IMO Convention)
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบทเกี่ยวกับองค์ประกอบ วาระการดำรงตำแหน่ง
องค์ประชุมของคณะมนตรี และภาษาที่ใช้ในการจัดทำอนุสัญญาว่าด้วยองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ
ซึ่งที่ประชุมสมัชชา IMO ได้มีมติเมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๔
รับรองการแก้ไขเพิ่มเติมอนุสัญญาดังกล่าวแล้ว โดยจะมีผลใช้บังคับภายใน ๑๒ เดือน
กับสมาชิกทั้งหมด หลังจากที่สมาชิก IMO มีสมาชิกรวม ๑๗๕
ประเทศ ไม่น้อยกว่า ๒ ใน ๓
ยอมรับการแก้ไขเพิ่มเติมอนุสัญญาดังกล่าวด้วยการนำส่งตราสารยอมรับต่อเลขาธิการ IMO
โดยไทยในฐานะรัฐภาคีจะต้องส่งตราสารยอมรับการแก้ไขซึ่งเป็นการแสดงเจตนาให้การแก้ไขเพิ่มเติมมีผลผูกพันรัฐภาคีตามเนื้อหาที่แก้ไข
และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ
จัดทำตราสารยอมรับการแก้ไขเพิ่มเติมอนุสัญญาดังกล่าว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|