ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 69 จากทั้งหมด 81 หน้า แสดงรายการที่ 1361 - 1380 จากข้อมูลทั้งหมด 1601 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1361 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ (นายณัฐพัชร จันทรสูตร) | พปส. | 03/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายณัฐพัชร จันทรสูตร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
(ด้านกฎหมาย) ในคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระเนื่องจากลาออก
โดยให้ผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ มีนาคม
๒๕๖๗ เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1362 | รัฐบาลสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาประจำประเทศไทย (นางเอทิริสิงเห อารัจจิลาเค ศรียานี วิชยันติ เอทิริสิงเห) | กต. | 03/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นางเอทิริสิงเห อารัจจิลาเค ศรียานี วิชยันติ เอทิริสิงเห (Mrs. Edirisinghe
Arachchilage Sriyani Wijayanthi Edirisinghe) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นางโกโลนเน อัปปุหามิลาเค จมินทะ อิโนกา
โกโลนเน (Mrs. Colonne Appuhamillage Chaminda Inoka Colonne) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1363 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายรุจ ธรรมมงคล ฯลฯ จำนวน 8 ราย) | กต. | 03/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๘ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะว่างตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มกราคม ๒๕๖๗
ซึ่งอยู่ระหว่างการนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง ตำแหน่งที่ว่าง
และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. นายรุจ ธรรมมงคล ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเม็กซิโก สหรัฐเม็กซิโก ๒. นายวรวุฒิ พงษ์ประภาพันธ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการกงสุล ๓. นางสาวศศิริทธิ์ ตันกุลรัตน์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมเอเชียใต้
ตะวันออกกลางและแอฟริกา ๔. นายจักรกฤดิ กระจายวงศ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพิธีการทูต ๕. นายพลพงศ์ วังแพน ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอาเซียน ๖. นายวัฒนวิทย์ คชเสนี ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ ๗. นางสาวกษมา สืบวิเศษ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๘. นายภูบดี ลออเงิน ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1364 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต (Future Food) ของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และอุตสาหกรรม วุฒิสภา | สว. | 03/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
การพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต (Future
Food) ของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา
ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1365 | การอำนวยความสะดวกในการตรวจคนเข้าเมือง (ยกเว้นการยื่นแบบ ตม.6) | นร. | 03/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
สืบเนื่องจากการเดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จังหวัดยะลา
ปัตตานี และนราธิวาส) ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ พบว่า
กระบวนการในการตรวจคนเข้า/ออกเมือง ณ ด่านตรวจคนเข้าเมืองต่าง ๆ ใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน
ทำให้เกิดความไม่สะดวกและความแออัดในบริเวณหน้าด่านเป็นอย่างมาก จึงขอให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับกระทรวงมหาดไทย
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาการดำเนินการเพื่อยกเว้นการยื่นรายการตามแบบรายการของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร
(แบบ ตม.๖) ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วในทุกด่านตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เดินทางและลดความแออัดบริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองได้ในทุกพื้นที่ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1366 | ร่างพระราชบัญญัติของคณะรัฐมนตรีที่ต้องเร่งรัดติดตามโดยเร่งด่วน | นร.04 | 03/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมศักดิ์
เทพสุทิน)
ในฐานะประธานกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
รายงานว่า ในคราวประชุมคณะกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
ครั้งที่ ๕/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ที่ประชุมได้มีมติเห็นควรให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดเสนอความเห็นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติดังต่อไปนี้ จำนวน
๗ ฉบับ เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป ๑.
ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกกฎหมายบางฉบับที่หมดความจำเป็นหรือซ้ำซ้อนกับกฎหมายอื่น พ.ศ.
.... ๒. ร่างพระราชบัญญัติสถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ. .... ๓. ร่างพระราชบัญญัติอาหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๔. ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
(ฉบับที่ ..) ศ. .... ๕.
ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่กำหนดความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
พ.ศ. .... ๖. ร่างพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย
และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1367 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การตลาด (1. นางชลิดา พันธ์กระวี ฯลฯ จำนวน 4 คน) | มท. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้คณะกรรมการองค์การตลาดมีจำนวนกรรมการเกินกว่าสิบเอ็ดคนแต่ไม่เกินสิบห้าคน
ตามมาตรา ๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. ๒๕๑๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การตลาด เพื่อแทนกรรมการอื่นเดิมที่พ้นจากตำแหน่ง
เนื่องจากขอลาออก จำนวน ๑ คน และแต่งตั้งเพิ่มเติม จำนวน ๓ คน รวม ๔ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) เป็นต้นไป และผู้ได้รับแต่งตั้ง ราย นายสร้างรัฐ หัตถวงษ์
อยู่ในตำแหน่งได้เพียงเท่ากำหนดเวลาของผู้ซึ่งตนแทน
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑. นางชลิดา พันธ์กระวี ๒. นายวรวงค์ ระฆังทอง ๓. นายสร้างรัฐ หัตถวงษ์ แทน นายสุรเชษฐ์
ลักษมีพงศ์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1368 | การยกระดับคุณภาพชีวิตและการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส) | นร. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในช่วงบ่ายวันนี้จะเดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่
๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส) ในระหว่างวันที่ ๒๗-๒๙
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
เพื่อสร้างโอกาสให้กับประชาชนในพื้นที่ทางด้านเศรษฐกิจและยกระดับการท่องเที่ยว
ซึ่งหลายพื้นที่เป็นจุดที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักท่องเที่ยวและสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับชุมชนได้
จึงขอความร่วมมือให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งภาคเอกชนและประชาชนในทุกภาคส่วนให้การส่งเสริม สนับสนุน และช่วยกันพัฒนา
ยกระดับคุณภาพชีวิต และดำเนินมาตรการต่าง ๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่
๓ จังหวัดดังกล่าวอย่างต่อเนื่องต่อไปหลังจากการตรวจราชการในครั้งนี้ด้วย
รวมทั้งขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรมประชาสัมพันธ์
และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์
เผยแพร่ข่าวสารและศักยภาพในด้านต่าง ๆ ของทั้ง ๓ จังหวัด
เพื่อดึงดูดการลงทุนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศให้เดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าวให้มากยิ่งขึ้นด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1369 | แนวทางการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฮาลาล เพื่อส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมฮาลาลในภูมิภาค | อก. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการดำเนินงานขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฮาลาล
ของกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมฮาลาลในภูมิภาค
และมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน
ก.พ.ร. รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ. เช่น ร่างแผนปฏิบัติการฯ
ควรมีการจัดการด้านการรับรองมาตรฐานสินค้าฮาลาลที่ส่งผล และการกำหนดตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายของร่างแผนปฏิบัติการฯ
ควรเพิ่มเติมให้มีความชัดเจนเพื่อสะท้อนความสำเร็จของการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลไทย
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1370 | รายงานกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 [เรื่อง สิทธิของมารดาในช่วงระหว่างก่อนและหลังการคลอดบุตร กรณีการบริโภคโฟลิก เอซิด (วิตามิน B9)] | สธ. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการและความเห็นในภาพรวมของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง
เรื่อง สิทธิของมารดาในช่วงระหว่างก่อนและหลังการคลอดบุตร กรณีการบริโภคโฟลิก
เอซิด (วิตามิน B9)
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1371 | การเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.07 | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ และมอบหมายให้สำนักงบประมาณนำเรื่องการเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว
เสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1372 | การเปิดตลาดสินค้าเกษตรตามกรอบความตกลงองค์การการค้าโลก (WTO) ปี 2567-2569 | กษ. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการเปิดตลาดสินค้าเกษตรตามกรอบความตกลงองค์การการค้าโลก
(WTO) ปี
๒๕๖๗-๒๕๖๙ สินค้าเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ หอมหัวใหญ่ (แห้งเป็นผงและไม่เป็นผง)
หัวพันธุ์มันฝรั่ง และหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูป ตามมติคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๖ ดังนี้ (๑)
เมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ ปริมาณในโควตา ปีละ ๓.๑๕ ตัน อัตราภาษีในโควตาร้อยละ ๐ และอัตราภาษีนอกโควตาร้อยละ
๒๑๘ (๒) หอมหัวใหญ่ (แห้งเป็นผงและไม่เป็นผง) ปริมาณในโควตาปีละ ๑,๒๕๖.๕๐ ตัน อัตราภาษีในโควตาร้อยละ ๒๗ และอัตราภาษีนอกโควตาร้อยละ ๑๔๒ (๓)
หัวพันธุ์มันฝรั่ง ปริมาณในโควตา ไม่จำกัดจำนวน อัตราภาษีในโควตาร้อยละ ๐
และอัตราภาษีนอกโควตาร้อยละ ๑๒๕ (๔) หัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูป ปริมาณในโควตาปี
๒๕๖๗ จำนวน ๗๕,๕๐๐ ตัน ปี ๒๕๖๘ จำนวน ๗๘,๐๐๐ ตัน และปี ๒๕๖๙ จำนวน ๘๐,๐๐๐ ตัน
อัตราภาษีในโควตาร้อยละ ๒๗ และอัตราภาษีนอกโควตาร้อยละ ๑๒๕ ตามที่คณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์เสนอ
โดยให้ใช้ดำเนินการได้เฉพาะปี ๒๕๖๗ เท่านั้น
และให้คณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดช่วงเวลาการนำเข้าสินค้าเกษตรดังกล่าวให้เหมาะสมและไม่กระทบต่อผลผลิตหอมหัวใหญ่และมันฝรั่งในประเทศ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรระมัดระวังไม่ให้เงื่อนไขที่กำหนดให้ผู้นำเข้าหรือผู้แทนผู้นำเข้าต้องรับซื้อผลผลิตหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูปจากเกษตรกรของไทยถูกใช้เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่สินค้าหัวมันฝรั่งฯ
ของไทยและทำให้สินค้าหัวมันฝรั่งฯ จากต่างประเทศเสียเปรียบในด้านการแข่งขัน
ควรระมัดระวังไม่ให้มาตรการเกี่ยวกับการบริหารช่วงเวลาการนำเข้า
โดยให้นำเข้าเฉพาะช่วงเดือนที่กำหนดไว้ ถูกใช้เพื่อจำกัดโอกาสและปริมาณของการนำเข้า
ควรให้ความสำคัญกับสถานการณ์การผลิตสินค้าเกษตรแปรรูปภายในประเทศ การตรวจรับรอง
และการรับฟังความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน
เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งเกษตรกรและผู้ประกอบการแปรรูปอุตสาหกรรมการเกษตรของไทย
และให้ความสำคัญต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและคุณภาพของผลผลิตทางการเกษตรให้สอดคล้องและเพียงพอกับความต้องการของอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมต่อเนื่องเพื่อการบริโภคภายในประเทศและการส่งออก
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1373 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายสุทธิเกตติ์ ทัดพิทักษ์กุล) | นร.13 | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสุทธิเกตติ์
ทัดพิทักษ์กุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการลงทุน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1374 | การเสนอร่างแผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่าของประเทศไทย วาระปี 2566 - 2570 และร่างบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับแผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่าของประเทศไทยวาระปี 2566 - 2570 | รง. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่าของประเทศไทย
(Decent Work Country Program :
DWCP) (ร่างแผนงาน DWCP) วาระปี ๒๕๖๖-๒๕๗๐ และร่างบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับแผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่าของประเทศไทย
วาระปี ๒๕๖๖-๒๕๗๐ และให้ปลัดกระทรวงแรงงานหรือผู้แทน
เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับแผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่าของประเทศไทย
วาระปี ๒๕๖๖-๒๕๗๐ ในฐานะรัฐบาลไทยร่วมกับผู้แทนองค์กรนายจ้าง องค์กรลูกจ้าง
และองค์การแรงงานระหว่างประเทศ โดยร่างแผน DWCP วาระปี ๒๕๖๖-๒๕๗๐
เป็นกรอบความร่วมมือที่มีประเด็นสำคัญ ๓ ประการ ได้แก่ (๑) อนาคต (Future) พัฒนาตลาดแรงงานไทยให้ทันต่อโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (๒) เข้าถึง (Reach)
รับรองการคุ้มครองทางสังคมและงานที่มีคุณค่าที่ครอบคลุมสำหรับทุกคน
และ (๓) เชื่อมต่อ (Connect) เสริมความแข็งแกร่งในการจัดการข้อมูล
การสื่อสาร และศักยภาพของรัฐบาล เพื่อส่งเสริมงานที่มีคุณค่า
และร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์ เช่น เพื่อพัฒนาตลาดแรงงานไทยให้ทันต่อโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบการคุ้มครองทางสังคมที่ครอบคลุมและเพียงพอสำหรับแรงงานทุกคน
รวมทั้งยึดถือประเด็นสำคัญ ๓ ประการ ตามแผนงาน DWCP ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่าของประเทศไทย
วาระปี ๒๕๖๖-๒๕๗๐
และร่างบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับแผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่าของประเทศไทย
วาระปี ๒๕๖๖-๒๕๗๐ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่เห็นว่าหากมีภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการดังกล่าว
ให้กระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน ในโอกาสแรกก่อนสำหรับปีงบประมาณต่อ ๆ ไป และเห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามภารกิจความจำเป็นและเหมาะสม
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป และควรเพิ่มเติมในส่วนของ “การพัฒนา”
ที่เน้นการพัฒนาทุนมนุษย์และทุนทางสังคมเชิงพื้นที่ ซึ่งจะทำให้แผนงานฯ ฉบับนี้
มีความสมบูรณ์และสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๓ (พ.ศ.
๒๕๖๖-๒๕๗๐) พร้อมทั้งตอบประเด็นสำคัญของแผนงานฯ ฉบับนี้ ในประเด็นความสำคัญที่ ๑
อนาคต (Future) พัฒนาตลาดแรงงานไทยให้ทันต่อโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
และประเด็นความสำคัญที่ ๒ เข้าถึง (Reach) รับรองการคุ้มครองทางสังคมและงานที่มีคุณค่าที่ครอบคลุมสำหรับทุกคน ควรสร้างแนวทางการแปลงแผนงานฯ ฉบับนี้
ไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งควรสร้างแนวทางการแปลงแผนงานฯ เพื่อคุ้มครอง
“แรงงานแพลตฟอร์ม” ซึ่งปัจจุบันยังขาดทั้งกฎหมายและคำนิยามที่ชัดเจนเกี่ยวกับสถานะของผู้ใช้แรงงานแพลตฟอร์ม
ทำให้ขาดอำนาจในการต่อรอง กฎหมาย และกองทุนให้ความคุ้มครองแรงงานดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1375 | การร่วมรับรองเอกสารกรอบการอำนวยความสะดวกด้านบริการของอาเซียน สำหรับการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM Retreat) | พณ. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสารกรอบการอำนวยความสะดวกด้านบริการของอาเซียน
(ASFF) และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสารดังกล่าวในฐานะรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน
(AEM) โดยร่างเอกสาร ASFF มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลและอำนวยความสะดวกด้านการค้าบริการในภูมิภาคและพัฒนาขีดความสามารถด้านการแข่งขันของอาเซียน
มีสาระสำคัญ อาทิ การสร้างความเป็นธรรมและการเปิดโอกาสให้เศรษฐกิจบริการของอาเซียน
การส่งเสริมให้เกิดความโปร่งใสด้านกฎระเบียบภายในประเทศ
การส่งเสริมให้เกิดการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในภาคบริการ เป็นต้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารกรอบการอำนวยความสะดวกด้านบริการของอาเซียน
สำหรับการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวและให้กระทรวงพาณิชย์
สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงาน
ก.พ.ร. ที่เห็นว่าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
ควรร่วมกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)
ประสานการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อเร่งรัดการขยายผลระบบศูนย์กลางบริการภาครัฐเพื่อภาคธุรกิจ (Biz Portal) ให้ครอบคลุมการออกหนังสือรับรองและใบอนุญาตทุกประเภทรวมถึงระบบการชำระค่าธรรมเนียมและการติดตามสถานะผ่านรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างครบวงจร
ณ จุดเดียว ตลอดจนพัฒนาพื้นที่การให้บริการให้ทั่วถึงและครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
อย่างทั่วถึง
ควรส่งเสริมให้มีการทบทวนระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้เอื้อต่อการบริหารจัดการภาครัฐด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
และเอื้อต่อการทำธุรกรรมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลของประชาชน
โดยต้องให้ความคุ้มครองผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในระบบอย่างเป็นธรรม
และควรคำนึงถึงการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและรักษาความลับทางการค้าอันเป็นที่ยอมรับร่วมกันในระดับภูมิภาค
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1376 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการดำเนินการด้านความปลอดภัยของผู้รับใบอนุญาต กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงมาตรฐานเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรงและความปลอดภัยในการก่อสร้างสถานประกอบการทางนิวเคลียร์และสถานที่ให้บริการจัดการกากกัมมันตรังสี พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | อว. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการดำเนินการด้านความปลอดภัยของผู้รับใบอนุญาตกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และหน้าที่ของผู้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ
พ.ศ. ๒๕๕๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ในการจัดทำและดำเนินการให้เป็นไปตามแผนป้องกันอันตรายจากรังสี กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี
และร่างกฎกระทรวงมาตรฐานเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรงและความปลอดภัยในการก่อสร้างสถานประกอบการทางนิวเคลียร์และสถานที่ให้บริการจัดการกากกัมมันตรังสี
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักความปลอดภัยทางนิวเคลียร์สำหรับก่อสร้างสถานประกอบการทางนิวเคลียร์และสถานที่ให้บริการจัดการกากกัมมันตรังสี
รวม ๒ ฉบับดังกล่าว ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าควรพิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ
คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิต ของประชาชนในชุมชนอย่างรุนแรง ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ในลำดับที่ ๑๑.๔ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ทุกขนาด โดยให้เสนอรายงานฯ
ในขั้นขออนุญาตก่อสร้างเพื่อประกอบกิจการ หรือในขั้นขออนุญาตประกอบกิจการ
แล้วแต่กรณี และควรพิจารณากำหนดแนวทางในการบูรณาการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามแผน
๓ ด้าน ได้แก่ (๑) แผนป้องกันอันตรายจากรังสี (๒) แผนฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี
และ (๓) แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ และควรพิจารณาเร่งกำหนดระเบียบประกาศ
หรือคู่มือในการดำเนินงานอย่างชัดเจน เพื่อเป็นการป้องกันมิให้เกิดข้อโต้แย้งในทางปฏิบัติรวมถึงประเด็นการกำหนดมาตรฐานในการติดตั้งและใช้อุปกรณ์ที่มีความสำคัญต่อความปลอดภัยในสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ต้องไม่ต่ำกว่ามาตรฐานสากล
สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติต้องพิจารณาในแง่ของมาตรฐานสากลที่ได้รับการยอมรับในปัจจุบัน
เพื่อนำมากำหนดเป็นระเบียบหรือคู่มือเกี่ยวกับมาตรฐานสำหรับสถานประกอบการฯ
สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างเหมาะสมต่อไป ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1377 | สรุปผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต กรณีโครงการที่ได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในกลุ่มงานส่งเสริมอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนเศรษฐกิจฐานราก โครงการระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเกษตร สำหรับบ่อบาดาล | พน. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต
กรณีโครงการที่ได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
(กองทุนฯ) ในกลุ่มงานส่งเสริมอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนเศรษฐกิจฐานราก
โครงการระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเกษตร สำหรับบ่อบาดาล ซึ่งกระทรวงพลังงานได้พิจารณาข้อเสนอแนะฯ
ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว มีผลการดำเนินงานในภาพรวม เช่น (๑) การจัดสรรงบประมาณ
เช่น องค์ประกอบของคณะทำงานบูรณาการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านพลังงาน
ควรมีนักวิชาการในแต่ละสาขาที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมพิจารณาจัดสรรงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยกระทรวงพลังงานชี้แจงว่า ได้แต่งตั้งคณะทำงานบูรณาการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านพลังงานเชิงพื้นที่
เมื่อปี ๒๕๖๔ มีองค์ประกอบ เช่น พลังงานจังหวัด เกษตรจังหวัด
และผู้แทนจากทุกภาคส่วน และหากพื้นที่ใดขาดนักวิชาการในแต่ละสาขาสามารถเชิญบุคลากรจากหน่วยงานอื่นนอกพื้นที่มาร่วมเป็นคณะทำงานฯ
เพิ่มเติมได้ (๒) กรรมสิทธิ์ในการบำรุงรักษา กองทุนฯ
ควรมีตัวอย่างแผนบริหารจัดการการใช้งานร่วมกันและแผนบำรุงรักษาเพื่อให้ทรัพย์สินของโครงการได้รับการดูแลบำรุงรักษาและสามารถใช้ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ในระยะยาว
โดยกองทุนฯ จะจัดทำแนวทางและแผนบริหารจัดการการใช้งานร่วมกันและแผนบำรุงรักษาให้แก่ผู้รับเงินสนับสนุน
(๓) การเปิดเผยข้อมูลโครงการเพื่อให้เกิดความโปร่งใส กองทุนฯ ควรเปิดเผยข้อมูลการดำเนินงานในแต่ละขั้นตอนต่อสาธารณะ
โดยกองทุนฯ ชี้แจงว่า จะปรับรูปแบบการแจ้งผลการดำเนินงาน โดยจะแจ้งผลของผู้ที่ผ่านและไม่ผ่านการพิจารณาพร้อมเหตุผลประกอบไปยังสำนักงานพลังงานจังหวัดและหน่วยงานที่ยื่นขอรับการสนับสนุน
รวมทั้งจะประกาศผลการพิจารณาผ่านเว็บไซต์ของกองทุนฯ โดยเริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ
๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1378 | การเสนอรายการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมต่อยูเนสโก (ชุดไทยพระราชนิยม) | นร. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม
ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นประธาน
ได้มีมติให้จัดทำข้อมูลเกี่ยวกับรายการตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม (ชุดไทยพระราชนิยม)
เสนอต่อองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations
Educational, Scientific and Cultural Organization: UNESCO)
หรือยูเนสโก
เพื่อพิจารณาขึ้นทะเบียนตามอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้
ต่อไปนั้น รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างเต็มที่
เพื่อผลักดันวัฒนธรรมไทยให้แพร่หลายและยกระดับไปสู่ระดับโลกต่อไป ดังนั้น
จึงขอให้กระทรวงวัฒนธรรมเร่งรัดติดตามการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จ
แล้วนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบโดยเร็ว
ก่อนนำเสนอต่อยูเนสโกพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1379 | ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ปปง. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง
พ.ศ. ๒๕๕๙
เพื่อกำหนดหลักการให้บุคคลที่ถูกกำหนดให้เป็นผู้ที่มีการกระทำอันเป็นการก่อการร้ายหรือการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง
(บุคคลที่ถูกกำหนด) ให้สามารถนำทรัพย์สินที่ถูกระงับการดำเนินการมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายจำเป็นพื้นฐานของตนเองและครอบครัว
รวมทั้งเพิ่มหน้าที่และอำนาจของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ในการรวบรวมข้อมูลและหลักฐานเพื่อใช้ประกอบการกำหนดหรือเพิกถอนรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนดเพื่อให้มีมาตรการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงที่มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับมาตรฐานสากลมากยิ่งขึ้น
ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1380 | รายงานผลการศึกษา เรื่อง การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการศึกษา
เรื่อง การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
ของคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
๒.
มอบหมายให้สำนักงบประมาณเป็นหน่วยงานหลักรับรายงานพร้อมทั้งข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการดังกล่าว
ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
(สำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|