ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 70 จากทั้งหมด 81 หน้า แสดงรายการที่ 1381 - 1400 จากข้อมูลทั้งหมด 1601 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1381 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ | กห. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ
(ASEAN Defence Ministers’ Meeting Retreat :
ADMM Retreat) จำนวน ๑ ฉบับ คือ ร่างแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนว่าด้วยผลสำเร็จของการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนภายใต้การดำเนินงานตามแผนงานประชาคมการเมืองและความมั่นคง
ค.ศ. ๒๐๒๕ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์เชิงนโยบายร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนบนพื้นฐานความเป็นแกนกลางอาเซียนเพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพ
เสถียรภาพ และความมั่นคงของภูมิภาค ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรวิเคราะห์
ติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง
พร้อมทั้งสื่อสารในช่องทางที่เหมาะสม
ให้ทุกภาคส่วนได้รับทราบถึงประโยชน์ที่ไทยพึงได้รับ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1382 | การจ่ายเงินชดเชยดอกเบี้ยและเงินชดเชยความเสียหายรอบแรก ครั้งที่ 1 และเงินชดเชยความเสียหายรอบแรก ครั้งที่ 2 ตามพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 | กค. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบกรอบวงเงินการจัดสรรงบประมาณสำหรับการจ่ายเงินชดเชยดอกเบี้ยและเงินชดเชยความเสียหายรอบแรก ครั้งที่ ๑ และครั้งที่ ๒ ตามมาตรา
๙ และมาตรา ๑๑ แห่งพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ (พระราชกำหนด Soft Loan) คิดเป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น ๑,๔๕๓.๑๑ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นควรให้กระทรวงการคลัง
โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ดำเนินการตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอน
และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และให้กระทรวงการคลังดำเนินการยื่นขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ต่อสำนักงบประมาณ
ตามพระราชกำหนด Soft Loan มาตรา ๑๔ วรรคสอง
ที่กำหนดให้ในกรณีที่ต้องมีการจ่ายเงินชดเชย
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการจ่ายให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1383 | การเสนอคำขอแปรญัตติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของหน่วยงานของรัฐสภา หน่วยงานของศาล หน่วยงานขององค์กรอิสระหรือองค์กรอัยการ | นร.07 | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเสนอคำขอแปรญัตติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ของหน่วยงานของรัฐสภา หน่วยงานของศาล
หน่วยงานขององค์กรอิสระหรือองค์กรอัยการ และมอบหมายให้สำนักงบประมาณนำเรื่องการเสนอคำขอแปรญัตติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ของหน่วยงานของรัฐสภา หน่วยงานของศาล หน่วยงานขององค์กรอิสระหรือองค์กรอัยการ
ตามที่คณะรัฐมนตรีรับทราบแล้ว เสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1384 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ (กปช.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | นร.02 | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบสรุปรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยผลการดำเนินงานของ กปช. มีสาระสำคัญ เช่น (๑)
การสร้างความตระหนักรู้
ความเข้าใจเรื่องสื่อสารที่สำคัญของประเทศและเกิดพฤติกรรมที่เหมาะสม
เสริมสร้างค่านิยมที่ดีในสังคม เช่น การพัฒนาประเทศด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG สังคมสูงวัย กับวิถีชีวิตในอนาคต
(๒) การสร้างการรับรู้ภาพลักษณ์เชิงบวกของประเทศไทยต่อประชาคมโลก เช่น Health
Care ความก้าวหน้าทางการแพทย์ระดับโลก (๓)
การส่งเสริมให้ประชาชนมีทักษะการรู้เท่าทันสื่อและข่าวปลอม (Fake News) สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องผ่านช่องทางที่น่าเชื่อถือ เช่น
การจัดการข่าวปลอมผ่านรูปแบบของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม และ (๔)
การเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการประชาสัมพันธ์และสื่อสารมวลชนของประเทศที่เหมาะสมกับยุคดิจิทัล
เช่น การพัฒนาหลักสูตรนักประชาสัมพันธ์และสื่อสารของภาครัฐ และมอบหมายหน่วยงานภาครัฐรับข้อเสนอของประชาชนไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม
กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ให้กระทรวงมหาดไทยเน้นย้ำผู้ว่าราชการจังหวัด ๗๖ จังหวัด ให้ความสำคัญกับงานประชาสัมพันธ์และสื่อสารมวลชนในพื้นที่และสั่งการให้หน่วยงานในระดับจังหวัดสนับสนุนและประสานการดำเนินงานร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนและพัฒนางานประชาสัมพันธ์ในภาพรวมของประเทศให้เกิดประสิทธิภาพ
ตามที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ และให้คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงศึกษาธิการ เช่น ควรพิจารณาในมิติของการเข้าถึงอย่างเท่าเทียม
การรับรู้อย่างเท่าทัน และการป้องกันความปลอดภัยข้อมูลข่าวสารจากสื่อสังคมออนไลน์ในกลุ่มเปราะบาง เพื่อให้เกิดการสื่อสารที่ถูกต้อง
รวดเร็ว ปลอดภัย และมีภูมิคุ้มกันต่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ (Cyber
Crime) ควรพิจารณารูปแบบการสื่อสารที่เหมาะสมให้แก่คนพิการตามประเภทความพิการ
ในทุกช่องทางการสื่อสาร เพื่อให้คนพิการทุกประเภทได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง ชัดเจน
และตรงประเด็น และในประเด็นที่ ๕ การรู้เท่าทันสื่อ สารสนเทศ และดิจิทัลควรให้มีการรณรงค์สร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม
ในมิติทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย เพื่อให้ประชาชนและเยาวชนใช้วัฒนธรรมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ตนเอง
และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้ความรู้กับประชาชนในทุกภาคส่วนให้รู้เท่าทันสังคมโลก
และประเด็นที่ ๖ ส่งเสริมค่านิยมที่ดีของไทย
ควรผลิตสื่อส่งเสริมค่านิยมไทยในรูปแบบที่หลากหลาย ทันสมัย และสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รวมทั้งภาครัฐควรพัฒนาแอปพลิเคชันทางเลือกสำหรับผู้สูงอายุ
เพื่อให้ข้อมูลและบริการครบทุกวงจร รวมถึงมุ่งเน้นการสื่อสารสร้างค่านิยมไทยร่วมสมัยให้ประชาชนตระหนักว่าการประพฤติตนตามคุณธรรมและค่านิยมพื้นฐานเป็นเรื่องที่ควรทำ ไม่ควรเป็นการบังคับ
ตลอดจนธำรงไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติด้วยรูปแบบการนำเสนอที่น่าสนใจและแปลกใหม่
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1385 | ร่างพิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลงการค้าเสรีอาเซียน - ฮ่องกง (First Protocol to Amend ASEAN – Hong Kong, China Free Trade Agreement) | พณ. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง
(ASEAN-Hong Kong, China Free
Trade Agreement : AHKFTA) บทที่ ๓ (เรื่อง
กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า เพื่อรองรับการนำบัญชีสินค้าที่ใช้กฎเฉพาะรายสินค้า (Product
Specific Rules : PSRs) ที่เจรจาใหม่ในระบบฮาร์โมไนซ์
๒๐๒๒ (HS 2022) มาบังคับใช้ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒.
อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างพิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง
เมื่อลงนามแล้วให้ส่งพิธีสารดังกล่าว
ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา แล้วเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก่อนแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันต่อไป ทั้งนี้
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ (เรื่อง แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการเสนอหนังสือสัญญาตามบทบัญญัติมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย) ๓.
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างพิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง ทั้งนี้
หากมีการแก้ไขถ้อยคำในร่างพิธีสารดังกล่าวที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๔. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้พิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง
มีผลใช้บังคับ ๖๐ วัน หลังจากวันที่ภาคีทั้งหมดได้แจ้งเลขาธิการอาเซียนเป็นลายลักษณ์อักษรว่าได้ดำเนินตามกระบวนการทางกฎหมายภายในที่จำเป็นสำหรับการมีผลใช้บังคับของพิธีสารดังกล่าวแล้วเสร็จ ๕.
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการนำส่งสัตยาบันสารของพิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง
ให้แก่เลขาธิการอาเซียนเพื่อรับทราบการให้สัตยาบันพิธีสารดังกล่าว เมื่อรัฐสภามีมติเห็นชอบพิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง
แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1386 | รัฐบาลสาธารณรัฐโปรตุเกสเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐโปรตุเกสประจำประเทศไทย (นายลูวิช มานูแวล ดือ มากาไญช์ ดือ อัลบูแกร์ก วือโลซู) | กต. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายลูวิช มานูแวล ดือ มากาไญช์ ดือ อัลบูแกร์ก วือโลซู (Mr. Luiz Manuel de Magalhaes de Albuquerque Veloso) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐโปรตุเกสประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร
สืบแทน นายจูเวา บือร์นาร์ดู ดือ โอลีเวย์รา มาร์ตินช์ ไวน์ชไตน์ (Mr. Joao
Bernardo de Oliveira Martins Weinstein) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1387 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายสุริยา จินดาวงษ์ และนายเชิดชาย ใช้ไววิทย์) | กต. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะว่างตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มกราคม ๒๕๖๗
ซึ่งอยู่ระหว่างการนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง
และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามลำดับ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. นายสุริยา จินดาวงษ์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1388 | การปรับวันพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.07 | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการปรับวันพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ เดิม ปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ (มติคณะรัฐมนตรี ๑๔
พฤศจิกายน ๒๕๖๖) เป็น มติคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบฯ ปี พ.ศ.
๒๕๖๗ (๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) ซึ่งจะมีการพิจารณาอนุมัติงบประมาณ จากเดิมวันที่ ๓-๔
เมษายน ๒๕๖๗ เป็นวันที่ ๒๐-๒๑ มีนาคม ๒๕๖๗ สภาผู้แทนราษฎร
พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบฯ ปี พ.ศ. ๒๕๖๗ วาระที่ ๒-๓ วันที่ ๙-๑๐ เมษายน ๒๕๖๗
เป็นวันที่ ๒๕-๒๖ มีนาคม ๒๕๖๗ วุฒิสภา พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบฯ ปี พ.ศ. ๒๕๖๗ และวันที่
๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ เป็นวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๗ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
นำร่างพระราชบัญญัติงบฯ ปี พ.ศ. ๒๕๖๗ ขึ้นทูลเกล้าฯ
ถวายเพื่อประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1389 | ขอความร่วมมือในการใช้ลายผ้าพระราชทาน จำนวน 4 ลาย | นร. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗
และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา
ได้พระราชทานลายผ้า จำนวน ๔ ลาย ได้แก่ ลายวชิรภักดิ์ ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณรีฯ
๒๕๖๙ ลายหัวใจ และลายดอกรักราษฎร์ภักดี จึงขอความร่วมมือให้คณะรัฐมนตรี ส่วนราชการ และหน่วยงานของรัฐ รวมทั้งประชาชนทุกภาคส่วนใช้ลายผ้าพระราชทานดังกล่าวในการแต่งกายในวาระและโอกาสต่าง
ๆ ตามความเหมาะสม เพื่อส่งเสริมการใช้ลายผ้าทั้ง ๔ ลาย ให้แพร่หลาย
โดยพร้อมเพรียงกันด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1390 | ร่างพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ กับคณะ เป็นผู้เสนอ และนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ) | ปสส. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รับร่างพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ กับคณะ เป็นผู้เสนอ
และนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ)
ไปพิจารณาก่อนรับหลักการภายใน ๖๐ วัน นับแต่วันที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1391 | มาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ | นร. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการรายงานภาพรวมการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน ณ เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ของสำนักงบประมาณ พบว่า ผลการเบิกจ่ายงบลงทุนในภาพรวมมีจำนวนต่ำกว่าที่วางแผนไว้เกือบหนึ่งหมื่นล้านบาท
ซึ่งการลงทุนของภาครัฐเป็นมาตรการสำคัญประการหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศได้โดยตรง
ดังนั้น
จึงขอให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเร่งรัดการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างและการเบิกจ่ายเงินทั้งในส่วนของเงินงบประมาณและเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง โปร่งใส เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1392 | แนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎร | นร. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๒๑ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) ในวันพุธที่ ๒๘
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๒๒
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1393 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. 2562) | มท. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1394 | ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ (ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. ....) | นร.09 | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบข้อสังเกตและผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ
(ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. .... ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล กับคณะ เป็นผู้เสนอ นายวิสุทธิ์
ไชยณรุณ กับคณะ เป็นผู้เสนอ นายพิทักษ์เดช เดชเดโช กับคณะ เป็นผู้เสนอ นายคอซีย์ มามุ กับคณะ เป็นผู้เสนอ นายวรภพ วิริยะโรจน์
กับคณะ เป็นผู้เสนอ พันตำรวจเอก ทวี
สอดส่อง กับคณะ เป็นผู้เสนอ และนายวิชัย สุดสวาสดิ์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ รวม ๗
ฉบับ) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒.
ให้ส่งคืนร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. ....
(นายอนุทิน ชาญวีรกูล กับคณะ เป็นผู้เสนอ
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ กับคณะ เป็นผู้เสนอ นายพิทักษ์เดช เดชเดโช กับคณะ
เป็นผู้เสนอ นายคอซีย์ มามุ กับคณะ เป็นผู้เสนอ นายวรภพ วิริยะโรจน์ กับคณะ
เป็นผู้เสนอ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง กับคณะ เป็นผู้เสนอ และนายวิชัย สุดสวาสดิ์
กับคณะ เป็นผู้เสนอ) รวม ๗ ฉบับ
ที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการไปยังสภาผู้แทนราษฎรภายในกำหนดเวลา
พร้อมให้แจ้งความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปด้วยว่า
คณะรัฐมนตรีรับหลักการร่างพระราชบัญญัติฯ รวม ๗ ฉบับดังกล่าว
และให้ส่งความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าวไปเพื่อประกอบการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรด้วย
โดยขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฯ รวม ๗ ฉบับดังกล่าว
พร้อมกับร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. ....
.ของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการประมงทะเลเพื่อฟื้นฟูการประมงทะเลและอุตสาหกรรมการประมง
ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอไปในคราวเดียวกันต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1395 | การกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2565/2566 | อก. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๕/๒๕๖๖ เป็นรายเขต ๙ เขต โดยมีอัตราเฉลี่ยทั่วประเทศ ดังนี้ ๑)
ราคาอ้อยขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๕/๒๕๖๖ ในอัตรา ๑,๑๙๗.๕๓ บาทต่อตันอ้อย ณ
ระดับความหวานที่ ๑๐ ซี.ซี.เอส. ๒) อัตราขึ้น/ลงของราคาอ้อย เท่ากับ ๗๑.๘๕ บาท ต่อ
๑ หน่วย ซี.ซี.เอส. ๓) ผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๕/๒๕๖๖ เท่ากับ ๕๑๓.๒๓ บาทต่อตันอ้อย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
และให้กระทรวงอุตสาหกรรม (สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้กระทรวงอุตสาหกรรม
โดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายดำเนินการให้โรงงานน้ำตาลนำส่งเงินเข้ากองทุนตามส่วนต่างระหว่างรายได้สุทธิและราคาอ้อยขั้นสุดท้าย
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๕/๒๕๖๖ ให้กับกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย ตามมาตรา ๕๗
แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ และแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๕ เพื่อรักษาเสถียรภาพของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายต่อไป
ควรกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดเพื่อประโยชน์ของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายในภาพรวม
และกระทรวงอุตสาหกรรมควรพิจารณาเร่งรัดติดตามประเมินผลมาตรการลดการเผาอ้อยในระยะที่ผ่านมาเพื่อรับทราบปัญหาอุปสรรค
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเกษตรกรชาวไร่อ้อย
และ/หรือความจำเป็นในการทบทวนแนวทางตามมาตรการดังกล่าวเพื่อให้เกิดความเหมาะสม
ซึ่งจะส่งผลในการรักษาสภาพดินและลดมลพิษที่เกิดจากการเผาอ้อย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1396 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายศุภรัชต์ อินทราวุธ และนายวิกรม คัยนันทน์) | กปร. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเสนอ ดังนี้ ๑. นายศุภรัชต์ อินทราวุธ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1397 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายเกิดโชค เกษมวงศ์จิตร ฯลฯ จำนวน 4 ราย) | ยธ. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑. นายเกิดโชค เกษมวงศ์จิตร ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางสาวศิริประกาย วรปรีชา ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายโกมล พรมเพ็ง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1398 | ร่างกฎกระทรวงค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | รง. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย
พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยปรับอัตราค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย จากเดิม ๕๐,๐๐๐ บาท เป็น ๖๕,๐๐๐ บาท
และแก้ไขลักษณะการบาดเจ็บรุนแรงของศีรษะ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรมีการกำหนดมาตรการในการติดตามประเมินผลการใช้จ่ายเงินกองทุนเงินทดแทนในกรณีดังกล่าว
เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับเสถียรภาพของกองทุนเงินทดแทน และควรเตรียมความพร้อมและสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้แก่นายจ้างและลูกจ้าง
รวมทั้งวางแผนการดำเนินการทางการเงินของกองทุนเงินทดแทนอย่างเหมาะสมทั้งในระยะสั้น
ระยะกลาง และระยะยาว โดยคำนึงถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ
เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อสภาพคล่องและเสถียรภาพของกองทุนเงินทดแทนในอนาคตด้วย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1399 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. .... [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567)] | ปสส. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง
พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎร
เพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1400 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (1.นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ฯลฯ รวม 10 คน) | พน. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
รวม ๑๐ คน
แทนประธานกรรมการและกรรมการอื่นเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบหกสิบห้าปีบริบูรณ์
และขอลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑. นายประเสริฐ
สินสุขประเสริฐ ประธานกรรมการ ๒. รองศาสตราจารย์กุลยศ อุดมวงศ์เสรี กรรมการ ๓. พลโท เจียรนัย วงศ์สอาด กรรมการ ๔. รองศาสตราจารย์ฐากูร ศิริยุทธ์วัฒนา กรรมการ ๕. นางสาวนิรมาณ ไหลสาธิต กรรมการ ๖. นายปกรณ์ อาภาพันธุ์ กรรมการ ๗. นายพรพจน์ เพ็ญพาส กรรมการ ๘. ศาสตราจารย์พิสุทธิ์
เพียรมนกุล กรรมการ ๙. นายวรากร พรหโมบล กรรมการ (ผู้แทนกระทรวงพลังงาน) ๑๐. นายอัครุตม์ สนธยานนท์ กรรมการ (ผู้แทนกระทรวงการคลัง)
|