ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 66 จากทั้งหมด 81 หน้า แสดงรายการที่ 1301 - 1320 จากข้อมูลทั้งหมด 1601 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1301 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันการบินพลเรือน (1. พลเอก ดิเรก ดีประเสริฐ ฯลฯ รวม 3 คน) | คค. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันการบินพลเรือน
รวม ๓ คน
เพื่อแทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ มีนาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑. พลเอก ดิเรก ดีประเสริฐ ประธานกรรมการ ๒. ศาสตราจารย์พิสุทธิ์ เพียรมนกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1302 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (1. นายเธียรชัย ณ นคร ฯลฯ จำนวน 8 คน) | ทส. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
จำนวน ๘ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๖ มีนาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายเธียรชัย ณ นคร ด้านกฎหมายสิ่งแวดล้อม ๒. นายสุรศักดิ์ ฐานีพานิชสกุล ด้านสาธารณสุขและสุขภาพ ๓. นายขวัญชัย ดวงสถาพร ด้านทรัพยากรป่าไม้และนิเวศวิทยา ๔. นายสุทิน เวียนวิวัฒน์ ด้านเศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อม (ภาคเอกชน) ๕. นายยงธนิศร์ พิมลเสถียร ด้านอนุรักษ์ศิลปกรรม/ภูมิสถาปัตย์และสิ่งแวดล้อมเมือง (ภาคเอกชน) ๖. นายปานเทพ รัตนากร ด้านบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ภาคเอกชน) ๗. นายชวลิต รัตนธรรมสกุล ด้านมลพิษสิ่งแวดล้อม (ภาคเอกชน)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1303 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 | สม. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน และงบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว เห็นว่า ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1304 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การนำการจัดอันดับมหาวิทยาลัยมาพัฒนาการศึกษาและมหาวิทยาลัยไทย ของคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา | อว. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
การนำการจัดอันดับมหาวิทยาลัยมาพัฒนาการศึกษาและมหาวิทยาลัยไทย ของคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา โดยสรุปผลการพิจารณาว่า
เห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการดังกล่าว โดยกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมได้ดำเนินโครงการ Reinvention University เพื่อพัฒนาความเป็นเลิศของมหาวิทยาลัย
และได้มีการประยุกต์ใช้แนวคิดการประเมินในรูปแบบ U-Multirank
เพื่อกำหนดกลุ่มสถาบันอุดมศึกษาเชิงยุทธศาสตร์ตามกฎกระทรวงการจัดกลุ่มสถาบันอุดมศึกษา
พ.ศ. ๒๕๖๔ มีการกำหนดตัวชี้วัดการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกไว้ในแผน ด้านการอุดมศึกษาเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศ
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ และได้ยกร่างแผนการดำเนินงานการสนับสนุนและส่งเสริมความร่วมมือของสถาบันอุดมศึกษาไทยกับเครือข่ายนานาชาติ
รวมทั้งได้ออกประกาศคณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษา เรื่อง แนวทางการดำเนินงานคลังหน่วยกิตในระดับอุดมศึกษา
พ.ศ. ๒๕๖๕ และประกาศคณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษา เรื่อง
หลักเกณฑ์และวิธีการเทียบโอนหน่วยกิตและผลการศึกษาในระดับอุดมศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๕
เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาสำหรับผู้ที่ไม่มีสถานภาพเป็นนักศึกษาสามารถนำผลการเรียนและผลลัพธ์การเรียนรู้จากวิชาและหลักสูตรต่าง
ๆ หรือนำประสบการณ์ทำงานมาเทียบโอนและสะสมหน่วยกิตไว้ที่คลังหน่วยกิตแห่งชาติ
แล้วสามารถนำมาขอรับปริญญาบัตร จากสถาบันอุดมศึกษาของไทยได้ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1305 | ขออนุมัติงบประมาณอุดหนุนค่าอาหารกลางวันของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 ในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา | ศธ. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการอนุมัติงบประมาณอุดหนุนค่าอาหารกลางวันของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่
๑-๓ ของโรงเรียนขยายโอกาส
สำหรับโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และกรุงเทพมหานคร
ระยะเวลา ๒๐๐ วัน/ปีการศึกษา ให้มีผลในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
โดยใช้อัตราตามขนาดของโรงเรียนเช่นเดียวกับมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน
๒๕๖๕ เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
โดยในกรณีที่เป็นโรงเรียนที่มีการจัดการเรียนการสอน
ตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑-๓
ขอให้คำนวณจำนวนนักเรียนที่มีการจัดการเรียนการสอนของทั้งโรงเรียนเพื่อกำหนดเป็นขนาดของโรงเรียน
ในการประมาณการค่าอาหารกลางวันดังกล่าว ทั้งนี้
ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยคำนึงถึงการนำเงินนอกงบประมาณมาสมทบ
ตลอดจนมีการกำหนดแนวทางการบริหารจัดการงบประมาณที่มีอยู่อย่างเพียงพอและเกิดประโยชน์สูงสุด
ให้สอดคล้องกับขนาดของโรงเรียนและจำนวนนักเรียนอย่างเหมาะสมและเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในทุกมิติในการสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าว
รวมถึงการกำหนดมาตรการ กลไกและกระบวนการติดตามประเมินผลให้มีความชัดเจน
โปร่งใสและตรวจสอบได้ เกิดผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงสาธารณสุขและกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
ที่เห็นควรให้ความสำคัญและกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินดังกล่าว ให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ในอนาคตอาจมีการพิจารณาปรับเพิ่มงบประมาณอุดหนุนค่าอาหารกลางวันของเด็กนักเรียนให้มีความสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ
เพื่อให้เด็กนักเรียนได้รับประทานอาหารกลางวันที่มีความหลากหลาย เหมาะสม
และมีคุณค่าครบถ้วนตามหลักโภชนาการ รวมถึงลดความกังวลของผู้ปกครองที่มีรายได้น้อยให้ได้มีโอกาสที่เท่าเทียมในระบบการศึกษา
และเด็กนักเรียนได้รับการพัฒนาศักยภาพตามช่วงวัยอย่างเหมาะสมต่อไป ควรพิจารณาแนวทางในการส่งเสริมให้เกิดการระดมทรัพยากรและความร่วมมือจากภาคส่วนอื่น
ๆ
โดยเฉพาะการนำรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อมมาสนับสนุนและสมทบการดำเนินการ
ผ่านการหารือและปรับปรุงข้อกฎหมายร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระงบประมาณของภาครัฐ ควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบติดตามประเมินผลลัพธ์การดำเนินการที่สะท้อนถึงความก้าวหน้าทางภาวะโภชนาการของนักเรียนเพื่อประโยชน์ต่อการวิเคราะห์และจัดสรรเงินอุดหนุนในระยะต่อไป
ควรให้หน่วยงานต้นสังกัดของโรงเรียนขยายโอกาส
ติดตามการจัดอาหารกลางวันที่มีคุณภาพและมีคุณค่าทางโภชนาการให้เพียงพอตาม “มาตรฐานอาหารกลางวันโรงเรียนไทย”
และควรทำการประเมินภาวะโภชนาการที่ถูกต้องให้กับนักเรียนขยายโอกาส
เพื่อที่จะนำผลการประเมินงานดังกล่าวไปปรับปรุงพัฒนาในโอกาสต่อไป และติดตามพัฒนาการทางร่างกายและการเรียนรู้ของนักเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
เพื่อเป็นมาตรการป้องกันภาวะทุพโภชนาการและความเสี่ยงอื่น ๆ
รวมทั้งป้องกันการหลุดออกจากระบบการศึกษา ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1306 | การเสนอรายการ “ชุดไทย : ความรู้ งานช่างฝีมือ และแนวปฏิบัติการแต่งกายชุดไทยประจำชาติ” (Chud Thai : The Knowledge, Craftsmanship and Practices of The Thai National Costume) เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก | วธ. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเสนอรายการ “ชุดไทย : ความรู้ งานช่างฝีมือ
และแนวปฏิบัติการแต่งกายชุดไทยประจำชาติ” (Chud Thai : The Knowledge, Craftsmanship and Practices of The
Thai National Costume) เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก
ซึ่งเป็นแสดงถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทยและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนไทย
ก่อให้เกิดความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาช้านาน
บ่งบอกถึงความผูกพันของครอบครัว ชุมชนและสังคม
การสวมใส่ชุดไทยช่วยเสริมบุคลิกภาพของสตรีไทยให้ดูสง่างามในความเป็นไทย เป็นต้น และให้อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม
ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เป็นผู้ลงนามในเอกสารนำเสนอฯ
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้กระทรวงวัฒนธรรม
(กรมส่งเสริมวัฒนธรรม) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1307 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีการแก้ไขปัญหากลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอย อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี | ทส. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
กรณีการแก้ไขปัญหากลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอย อำเภอแก่งกระจาน
จังหวัดเพชรบุรี ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป สรุปได้ดังนี้ ๑. การเร่งรัดพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์
พ.ศ. .... ให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว ๒. การพิจารณาจัดตั้งกลไกในการฟื้นฟูวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอยให้เป็นรูปธรรม
มีความเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ร่วมกับหน่วยงานต่าง
ๆ จัดตั้งกลไกในการดำเนินงาน ได้แก่ ๑) สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดเพชรบุรี
ได้แต่งตั้งคณะทำงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนในด้านต่าง
ๆ ๒) มีหน่วยงานหลายภาคส่วน เช่น กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
กรมทรัพยากรน้ำ ได้เข้าไปพัฒนาคุณภาพชีวิตในด้านต่าง ๆ เช่น ที่อยู่อาศัย ที่ดินทำกิน
การเกษตร ระบบน้ำ - ไฟฟ้า ชีวิตความเป็นอยู่ ๓) มีหน่วยงานต่าง ๆ
ได้ให้ความช่วยเหลือโดยให้สามารถเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการต่าง ๆ ของรัฐได้ เช่น กระทรวงสาธารณสุขให้เข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานด้านการรักษาพยาบาล
และกระทรวงศึกษาธิการ ให้ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ ๔) กระทรวงมหาดไทยได้สำรวจการถือครองที่ดินจัดทำทะเบียนประวัติสถานะบุคคลและส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ของชุมชน ๓. การบูรณาการการแก้ไขปัญหาโดยใช้กลไกตามข้อ ๒
นั้น
กระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกันใน
๕ ขั้นตอน ดังนี้ ๑) ให้มีคณะทำงานที่มีองค์ประกอบทั้ง ๓ ฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง และคณะกรรมการอิสระ ๒) ให้มีการสำรวจที่อยู่อาศัย ที่ทำกินของประชาชนในพื้นที่บ้านบางกลอยให้แล้วเสร็จ
๓) จัดทำแผนบริหารจัดการพื้นที่ ๔) ให้ชาวบ้านได้เข้าไปทดลองใช้ประโยชน์ในพื้นที่
โดยมีหน่วยงานเข้าไปกำกับดูแล และ ๕) ให้มีการประเมินผลการทดลอง รวมทั้งได้มีคณะทำงานและคณะกรรมการหลายชุด
เพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาในการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอยมาโดยตลอดด้วยแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1308 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ พ.ศ. .... | กษ. | 19/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำการประมงพาณิชย์
พ.ศ. ๒๕๖๒ และกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์และการอนุญาตให้ทำการประมงพาณิชย์ กำหนดหลักเกณฑ์การโอนใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์และใบอนุญาตในลักษณะควบรวมปริมาณสัตว์น้ำ
การแก้ไขรายการในใบอนุญาต การยกเลิกสิทธิการทำการประมงให้ผู้รับใบอนุญาตรายอื่น และกำหนดหลักเกณฑ์การทดแทนเรือประมง
เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทการทำประมงของชาวประมงในปัจจุบันควบคู่ไปกับการบริหารจัดการทรัพยากรประมงทะเลอย่างยั่งยืน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1309 | การแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศและฝุ่นละออง PM2.5 ที่เกิดจากการเผา | นร. | 19/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗)
มอบหมายให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับแนวทางเพิ่มเติมในเรื่องต่าง ๆ
ไปพิจารณาดำเนินการแก้ไขและบรรเทาปัญหามลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งการตัดสิทธิในการรับความช่วยเหลือจากรัฐ
ที่ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อกำหนดมาตรการลดหรือห้ามนำเข้าสินค้าเกษตรจากประทศเพื่อนบ้านที่พิสูจน์ได้ว่ามีกระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับการเผา
นั้น โดยที่ปัจจุบันประเทศไทยยังคงได้รับผลกระทบข้ามแดนจากการเผาแปลงเพาะปลูกข้าวโพดในประเทศเพื่อนบ้านเป็นอย่างมาก
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องและรวดเร็ว
รวมทั้งไม่ให้ขัดต่อข้อตกลงขององค์การการค้าโลก (WTO) เพื่อลดปัญหามลพิษทางอากาศที่จะเกิดขึ้นต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1310 | สรุปผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 | นร.11 สศช | 19/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ในการปฏิบัติราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน
๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1311 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางชนิดา เกษมศุข) | นร.04 | 19/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางชนิดา เกษมศุข ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1312 | การเพิ่มมูลค่าของลำไยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ | นร. | 19/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
สืบเนื่องจากการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ
(กรอ.) กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๒ (จังหวัดเชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน)
เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๖๗
หลายจังหวัดมีข้อเสนอให้ผลักดันเรื่องการเพิ่มมูลค่าของลำไย
เนื่องจากลำไยเป็นพืชเศรษฐกิจของภาคเหนือที่มีตลาดรองรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ
และจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดในปริมาณมากในอีก ๓ เดือนข้างหน้า ดังนั้น
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม
และหน่วยงานทีเกี่ยวข้องเร่งบูรณาการการดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องเพื่อบริหารจัดการผลผลิตลำไยให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำเพื่อให้ผลผลิตมีคุณภาพและปลอดภัย
(Food Safety)
มีปริมาณและการกระจายผลผลิตที่สมดุลกับความต้องการของตลาดทั้งเพื่อการบริโภคในประเทศและเพื่อการส่งออกไปต่างประเทศ
รวมทั้งมีการส่งเสริมให้มีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากลำไยที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ราคาลำไยมีเสถียรภาพและไม่เกิดปัญหาลำไยล้นตลาดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1313 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินงบประมาณ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา จำนวน 14 ตอน และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเพิ่มเติม โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา จำนวน 10 ตอน ของกรมทางหลวง | คค. | 19/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมทางหลวงเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา จำนวน ๑๔
ตอน วงเงินรวม ๑,๗๔๐,๙๘๘,๒๐๔ บาท ตามปริมาณงานและวงเงินค่างานจริง
ซึ่งไม่เกินกรอบวงเงินที่สำนักงบประมาณได้พิจารณาให้ความเห็นชอบไว้แล้ว
เมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๕ และอนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
จำนวน ๑๐ ตอน ตามนัย ข้อ ๗ (๓) ของระเบียบว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ ทั้งนี้ ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี
และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยการดำเนินการจะต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุและกรมบัญชีกลาง ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ
รวมทั้งข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น เมื่อกรมทางหลวงได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณแล้ว
กรมทางหลวงจะต้องดำเนินการแก้ไขสัญญาให้เป็นไปตามหลักการของระเบียบฯ พ.ศ. ๒๕๓๕
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๑๓๖ ให้ถูกต้อง ให้กรมทางหลวงพิจารณาถอดบทเรียนจากกรณีความล่าช้าของการก่อสร้างโครงการฯ
โดยเฉพาะความเหมาะสมของรูปแบบการบริหารจัดการโครงการ พร้อมทั้งติดตามและตรวจสอบผลการดำเนินโครงการว่าสอดคล้องกับผลการศึกษาความเหมาะสมของโครงการที่บริษัทที่ปรึกษาศึกษาไว้หรือไม่
โดยในกรณีที่พบว่าผลการดำเนินโครงการไม่เป็นไปตามผลการศึกษาความเหมาะสมของโครงการ
อันเกิดขึ้นจากความผิดพลาดของบริษัทที่ปรึกษา ให้กรมทางหลวงรายงานผลการประเมินดังกล่าวให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
เพื่อพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมกับบริษัทดังกล่าว เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1314 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายโกวิท ผกามาศ และนายประสพ เรียงเงิน) | วธ. | 19/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย
เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑. นายโกวิท ผกามาศ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1315 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม 2567) | ปสส. | 19/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๖๗ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๒๗ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ วันพุธที่
๒๐ มีนาคม ๒๕๖๗ พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑
ครั้งที่ ๒๘ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ มีนาคม
๒๕๖๗ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๒๙
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ วันศุกร์ที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๗
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1316 | การขอความเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงร่วมสำหรับการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ 31 (Joint Statement of the Thirty - First ASEAN Socio - Cultural Community (ASCC) Council) | พม. | 19/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงร่วมสำหรับการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
ครั้งที่ ๓๑ [Joint Statement of the Thirty-First
ASEAN Socio-Cultural Community (ASCC) Council] และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
ครั้งที่ ๓๑ ให้การรับรอง (adopt) ร่างถ้อยแถลงร่วมสำหรับการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
ครั้งที่ ๓๑ ในวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๗ ณ เมืองหลวงพระบาง
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการรับทราบความคืบหน้าของการดำเนินงานตามแผนงานประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
พ.ศ. ๒๕๖๘ (ASCC Blueprint 2025) และสนับสนุนการดำเนินการด้านสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนอย่างเต็มที่ภายใต้หัวข้อหลัก
“อาเซียน : การยกระดับความเชื่อมโยงและความยืดหยุ่น” (ASEAN :
Enhancing Connectivity and Resilience) ผ่านการให้ความสำคัญไปที่หัวข้อย่อย
๒ ประเด็น คือ “การยกระดับการเชื่อมโยง” และ “การยกระดับความยืดหยุ่น”
ภายใต้การเป็นประธานอาเซียนของ สปป. ลาว โดยหัวข้อย่อย “การยกระดับการเชื่อมโยง”
มีการให้ความสำคัญใน ๔ ประการ ได้แก่ (๑) การบูรณาการและการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ
(๒) การสร้างอนาคตที่ครอบคลุมและยั่งยืน (3) การเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลแห่งอนาคต (๔)
วัฒนธรรมและศิลปะ : การส่งสริมบทบาทของวัฒนธรรมและศิลปะของอาเซียนเพื่อให้เกิดความบูรณาการและความยั่งยืน
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมสำหรับการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
ครั้งที่ ๓๑
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1317 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าตอบแทนที่กระทรวงสาธารณสุขจ่ายให้แก่เจ้าหน้าที่และบุคคลภายนอกซึ่งปฏิบัติงานเกี่ยวกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง) | กค. | 19/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ.
....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าตอบแทนที่กระทรวงสาธารณสุขจ่ายให้แก่เจ้าหน้าที่และบุคคลภายนอกซึ่งปฏิบัติงานเกี่ยวกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ โดยเป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้
ออกไปอีก ๑ ปีภาษี (สำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปีภาษี ๒๕๖๖) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1318 | ขอความเห็นชอบแผนอัตรากำลังโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยพะเยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568-2571 | อว. | 19/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการแผนอัตรากำลังโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยพะเยา
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘-๒๕๗๑ ของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จำนวน ๗๓๑ งบประมาณรวมทั้งสิ้น ๒๐๘,๐๗๕,๓๒๐ บาท และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมและมหาวิทยาลัยพะเยารับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร.
และข้อสังเกตของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรดำเนินการโดยคำนึงถึงหลักการและแนวทางการบริหารจัดการอัตรากำลัง
การจ้างงานบุคลากรในสายสนับสนุนควรพิจารณารูปแบบตามความจำเป็นและความเหมาะสมสอดคล้องกับภารกิจ
โดยใช้เงินรายได้ของมหาวิทยาลัยมาสมทบเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับบุคลากรดังกล่าวให้สอดคล้องกับศักยภาพในการจัดการศึกษาและรายได้ของมหาวิทยาลัย
การขยายศักยภาพของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยพะเยาในการให้บริการจาก ๕๖ เตียง เป็น ๒๖๔
เตียง ภายในปี ๒๕๗๑ ควรพิจารณาให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์การจัดตั้งและปรับศักยภาพของหน่วยบริการสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับงบประมาณรองรับแผนอัตรากำลังดังกล่าว
ให้มหาวิทยาลัยพะเยาขอรับการจัดสรรงบประมาณโดยพิจารณาดำเนินการเท่าที่จำเป็นตามภารกิจหลักอย่างประหยัดและคุ้มค่า
และคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงินที่จะนำมาใช้จ่าย
โดยเฉพาะรายได้หรือเงินนอกงบประมาณอื่นใดที่มหาวิทยาลัยมีอยู่หรือสามารถนำมาใช้จ่ายเป็นลำดับแรก
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณ
และเกิดผลสัมฤทธิ์ในการบริหารจัดการภาครัฐอย่างยั่งยืน
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1319 | ร่างแผนการความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ไทย-สหราชอาณาจักร (Thailand-UK Strategic Partnership Roadmap) | กต. | 19/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแผนการความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ไทย-สหราชอาณาจักร
(Thailand-UK Strategic
Partnership Roadmap) และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
เป็นผู้ลงนามในร่างแผนฯ โดยร่างแผนฯ เป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองร่วมกันของทั้งสองประเทศในการประกาศยกระดับความสัมพันธ์ไทย-สหราชอาณาจักรสู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างเป็นทางการ
เพื่อส่งเสริมและขับเคลื่อนความร่วมมือในสาขาที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน
ซึ่งครอบคลุมมิติรอบด้าน เช่น เศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน การเมือง ความมั่นคง
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พลังงาน เศรษฐกิจสีเขียว เกษตรกรรม ความสัมพันธ์ระดับประชาชน
และการศึกษา รวมทั้ง วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และนวัตกรรม
อันจะเป็นกรอบแนวทางสำคัญสำหรับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และหน่วยงานอื่น ๆ ของไทยในการดำเนินความร่วมมือกับสหราชอาณาจักรในอนาคต ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแผนการความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ไทย-สหราชอาณาจักร
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ประเด็นการเมือง รัฐสภา และพหุภาคี
ควรให้ความสำคัญกับการส่งเสริมเสถียรภาพและสันติภาพในระดับภูมิภาคและประชาคมระหว่างประเทศท่ามกลางการแข่งขันและความขัดแย้งระหว่างประเทศในทางภูมิรัฐศาสตร์
ภูมิเศรษฐศาสตร์ และสนับสนุนการส่งเสริมการมีระบบพหุภาคี กรณีที่ต้องมีการปรับแก้ร่างแผนการฯ
เพื่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ตามความเหมาะสม
โดยให้รวบรวมผลการปรับแก้ร่างแผนการดังกล่าวกับผลการปรับแก้เอกสารผลลัพธ์ความตกลงระหว่างประเทศของกรอบความร่วมมืออื่น
ๆ พร้อมทั้งผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องรายงานต่อคณะรัฐมนตรีทราบในคราวเดียวกัน
ทั้งนี้
กระทรวงการต่างประเทศควรสื่อสารผลลัพธ์ให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1320 | เรื่องสืบเนื่องจากการเยือนเครือรัฐออสเตรเลีย สาธารณรัฐฝรั่งเศส และสหพันธรัฐเยอรมนีของนายกรัฐมนตรี | นร. | 19/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|