ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 61 จากทั้งหมด 81 หน้า แสดงรายการที่ 1201 - 1220 จากข้อมูลทั้งหมด 1601 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1201 | รายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ สภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาศึกษา
เรื่อง ศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment
Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ
ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment
Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ
สภาผู้แทนราษฎร ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑
ด้านผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการมีสถานบันเทิงครบวงจร เช่น
การเปิดสถานบันเทิงครบวงจรจะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในประเทศ
รัฐมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น
และรัฐสามารถควบคุมหรือกำกับดูแลการประกอบธุรกิจบางประเภทที่มีผลกระทบต่อประชาชนในภาพรวมได้ดีขึ้น
ก่อให้เกิดการสร้างงานสร้างอาชีพในประเทศ
รวมทั้งรัฐควรต้องสร้างการรับรู้และมีการสร้างความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ให้รอบด้านด้วย ๑.๒
ด้านโครงสร้างทางธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรและการเก็บรายได้เข้ารัฐ
โดยการศึกษารูปแบบของการตั้งสถานบันเทิงครบวงจรและมีกาสิโนรวมอยู่ด้วย
เพื่อเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศด้วยการหารายได้เข้ารัฐ การส่งเสริมการท่องเที่ยวและการกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่น
โดยมีแนวทางดำเนินการในรูปแบบการให้ใบอนุญาตกับเอกชนตามระยะเวลาที่กำหนด
ซึ่งจะทำให้รัฐไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงในการลงทุนหากแต่เป็นการกำกับควบคุมและดูแลการดำเนินงานให้เป็นไปตามข้อกำหนดเงื่อนไขและข้อจำกัดต่าง
ๆ รวมถึงการกำหนดขั้นตอนการตรวจสอบให้รัดกุม
พื้นที่ที่มีความเหมาะสมในการจะตั้งเป็นสถานบันเทิงครบวงจร เช่น
ต้องอยู่ใกล้กับสนามบินนานาชาติ
มีโครงสร้างพื้นฐานที่มีมาตรฐานสามารถรองรับการเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก
ควรมีการตั้ง “ภาษีกาสิโน” ขึ้นมาโดยเฉพาะ ควรมีการกำหนดอัตราภาษีและค่าธรรมเนียมต่าง
ๆ อย่างเหมาะสม และเป็นการเฉพาะต่างหากจากอัตราภาษีปกติทั่วไปที่มีอยู่
ควรมีการศึกษามาตรการป้องกันและการลดผลกระทบจากการตั้งสถานบันเทิงครบวงจร เช่น
ควรจัดตั้งหน่วยงานในกำกับดูแลการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรเพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
และควรมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อลดผลกระทบจากการพนันและสถานบันเทิงครบวงจรโดยมีคณะกรรมการเป็นผู้ดูแลและบริหารจัดการกองทุนดังกล่าวมีตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐและผู้เชี่ยวชาญจากหลายภาคส่วนร่วมกันพิจารณาใช้เงินกองทุนเพื่อการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว
โดยจัดสรรเงินรายได้จากธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรและการพนันเข้ากองทุน ๑.๓
ด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงครบวงจร เช่น ควรปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ
หลักเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงครบวงจรอย่างเป็นระบบ
โดยการถอดบทเรียนที่เกิดขึ้นในอดีตมาเป็นแนวทาง พร้อมทั้งทำการปรับปรุงกฎหมายเดิมที่มีอยู่แล้วและเกี่ยวข้องควบคู่กันไป
เพื่อให้นโยบายการมีสถานบันเทิงครบวงจรสามารถดำเนินไปอย่างเป็นระบบ
รวมทั้งมีมาตรการต่าง ๆ รองรับ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการได้ยกตัวอย่างร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร
พ.ศ. .... ด้วยแล้ว ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักรับรายงานพร้อมทั้งข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการดังกล่าว
ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ
กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1202 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น หรืองบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น แล้วแต่กรณี สำหรับจ้างเหมาบริการนักการภารโรง | ศธ. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น หรืองบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๖๑๘,๗๙๕.๐๐๐ บาท แล้วแต่กรณี สำหรับจ้างเหมาบริการนักการภารโรง
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้กระทรวงศึกษาธิการ
(สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๐/๔๑๐๙ ลงวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๗)
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดูแลรักษาความปลอดภัยของโรงเรียนอันจะสามารถลดการใช้กำลังคนและสามารถประหยัดงบประมาณในระยะยาว
ทั้งนี้ วงเงินที่เห็นควรอนุมัติเกินกว่าหนึ่งร้อยล้านบาท ให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานดำเนินการนำเรื่องดังกล่าวเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรี
โดยเสนอผ่านรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีเจ้าสังกัดหรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแล
หรือผู้ที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้เป็นผู้กำกับดูแลแผนงานบูรณาการ
กรณีเป็นการดำเนินการภายใต้แผนงานบูรณาการ
แล้วแต่กรณีตามนัยระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙ (๓) รวมทั้งควรพิจารณาแนวทางเลือกอื่น
ๆ ควบคู่กันไป โดยเฉพาะในกลุ่มโรงเรียนขนาดใหญ่ที่มีความพร้อมด้านทรัพยากรและงบประมาณที่สามารถนำครุภัณฑ์/เทคโนโลยี
(เช่น กล้องโทรทัศน์วงจรปิด) มาช่วยดูแลความปลอดภัยของอาคาร สถานที่
และทรัพย์สินของโรงเรียน
ซึ่งจะช่วยลดค่าเสียโอกาสต่อการใช้งบประมาณของภาครัฐในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1203 | รายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2566 | กค. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ ๔ ปี ๒๕๖๖
ของคณะกรรมการกองทุนนโยบายการเงิน (กนง.) สรุปได้ ดังนี้ (๑)
เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทยมีแนวโน้มขยายตัว โดยเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาขยายตัวตามแรงส่งจากการบริโภคภาคเอกชน
ขณะที่เศรษฐกิจจีนและญี่ปุ่นมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นในปี ๒๕๖๗
ในภาพรวมเศรษฐกิจโลกจึงอยู่ในทิศทางฟื้นตัว (๒) เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัว
โดยได้รับแรงส่งจากการบริโภคภาคเอกชน แรงสนับสนุนจากการจ้างงาน
และรายได้แรงงานที่ปรับตัวดีขึ้น
ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวและภาคการส่งออกฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด (๓)
ภาวะการเงินโดยรวมตึงตัวขึ้นเล็กน้อย จากต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนที่สูงขึ้นตามการส่งผ่านอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ในช่วงที่ผ่านมา
และ (๔) การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงไตรมาสที่ ๔ ปี ๒๕๖๖ ในการประชุมเมื่อวันที่
๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ ๒.๕๐
ต่อปี เนื่องจาก กนง.
ประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับปัจจุบันเหมาะสมกับบริบทที่เศรษฐกิจกำลังทยอยฟื้นตัวกลับสู่ระดับศักยภาพและเอื้อให้เงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายอย่างยั่งยืน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1204 | ร่างกฎกระทรวงยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ 6 (พ.ศ. 2515) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พุทธศักราช 2479 พ.ศ. .... | มท. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเลิกกฎกระทรวง
ฉบับที่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๑๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร
พุทธศักราช ๒๔๗๙ พ.ศ. .... ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๑๕)
ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พุทธศักราช ๒๔๗๙
เนื่องจากมีการบังคับใช้มานาน ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ประกอบกับบริเวณพื้นที่ตามกฎกระทรวงดังกล่าวมีกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมสมุทรปราการ
พ.ศ. ๒๕๕๖ ควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินไว้แล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1205 | การแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกองทุนตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (1. นายประยูร อินสกุล ฯลฯ จำนวน 15 คน) | อก. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการบริหารกองทุนตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย
พ.ศ. ๒๕๒๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน ๑๕ คน เนื่องจากกรรมการเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ เมษายน ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายประยูร อินสกุล ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์) ๒. นายเกียรติณรงค์ วงศ์น้อย ผู้แทนกระทรวงการคลัง (ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง) ๓. นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ (ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบาย และยุทธศาสตร์การค้า) ๔. นายใบน้อย สุวรรณชาตรี ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม (รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม) ๕. นางสาวประนิอร เตียวตรานนท์ ผู้แทนสำนักงบประมาณ (ผู้อำนวยการกองจัดทำงบประมาณ ด้านเศรษฐกิจ
๑) ๖. นายสุรจิต ลักษณะสุต ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย (ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจ การเงินภูมิภาค
สายองค์กรสัมพันธ์) ๗. นายมนตรี วิศณุพรประสิทธิ์ ผู้แทนชาวไร่อ้อย ๘. นายไพบูลย์ ธิติศักดิ์ ผู้แทนชาวไร่อ้อย ๙. นายเอกชัย อริยมงคลชัย ผู้แทนชาวไร่อ้อย ๑๐. นายสุวิทย์ พันธุ์วิทยากูล ผู้แทนชาวไร่อ้อย ๑๑. นายประพันธ์ศักดิ์ ว่องไพฑูรย์ ผู้แทนโรงงาน ๑๒. นายคมกริช นาคะลักษณ์ ผู้แทนโรงงาน ๑๓. นายปริวัฒก์ กาญจนธนา ผู้แทนโรงงาน ๑๔. นายวรพจน์ จันทรา ผู้แทนโรงงาน ๑๕. นายอาทิตย์ วุฒิคะโร ผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1206 | ญัติติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงในเยาวชน | สผ. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบญัตติด่วน เรื่อง
ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงในเยาวชน ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1207 | การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ครั้งที่ 3 | นร.07 | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ครั้งที่ ๓ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1208 | ขออนุมัติงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | สปสช. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณสำหรับกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๘ ภายในวงเงิน ๒๓๕,๘๔๒,๘๐๐,๙๐๐ บาท สำหรับงบประมาณบริหารงานของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
วงเงิน ๒,๒๓๘,๘๓๖,๒๐๐ บาท นั้น ให้สำนักงบประมาณพิจารณาสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้ตามความจำเป็น
เหมาะสม ประหยัดและสอดคล้องกับภารกิจการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และให้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติดำเนินการและบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
เพื่อให้ประชาชนคนไทยทุกคนเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ
ในด้านบริการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี
บริการสาธารณสุขร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บริการสาธารณสุขสำหรับผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงในชุมชน
บริการสาธารณสุขร่วมกับกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพระดับจังหวัด
และบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค
สำหรับการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรครายบุคคลและครอบครัว ตามมาตรา ๑๘ (๑๔)
แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ และควบคุมดูแลสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้บริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นไปตามการมอบหมายดังกล่าว
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย
และสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น จัดทำตัวชี้วัดการจัดบริการสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
(P&P) ในกลุ่มบุคคลที่ไม่ใช่สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
เช่น ข้าราชการและบุคคลในครอบครัว ผู้ประกันตนตามกฎหมายว่าด้วยประกันสังคม เป็นต้น
และให้มีการรายงานผลทุกครั้งที่เสนอขอรับงบประมาณจากคณะรัฐมนตรี การค้นหาประชาชนผู้ที่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขได้
เช่น คนไร้ที่พึ่ง คนไร้บ้าน กลุ่มชาติพันธุ์ เป็นต้น
โดยอาจขอความร่วมมือกับหน่วยงาน
ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเครือข่ายระบบสุขภาพให้แก่ประชาชนคนไทยทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขได้อย่างครอบคลุม
สอดรับกับการได้รับสวัสดิการสังคมขั้นพื้นฐาน ซึ่งจะก่อให้เกิดความครอบคลุมแก่ประชากรทุกกลุ่ม
และนำไปสู่ความเข้มแข็งของการได้รับการคุ้มครองสิทธิและมีหลักประกันทางสังคมที่เพิ่มขึ้น
และให้ดำเนินการตามนัยมาตรา ๙ และมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๔๕ เพื่อให้ประชาชนคนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุข
ตลอดจนปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี
หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง และมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1209 | ร่างกฎกระทรวงการขอและการออกหนังสือรับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ขยายกำหนดระยะเวลาการขอให้รับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงานตามกฎกระทรวงการขอและการออกหนังสือรับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงาน พ.ศ. 2566) | กค. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขอและการออกหนังสือรับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงาน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงการขอและการออกหนังสือรับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงาน
พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยขยายกำหนดระยะเวลาการขอให้รับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงาน
สำหรับปีปฏิทินที่สิ้นสุดก่อนวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ (ปี พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๖) ให้ดำเนินการภายในวันที่
๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ (จากเดิมภายในวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๖) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นว่าควรพิจารณาให้ผู้ประสงค์ยื่นคำขอหนังสือรับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงานมีระยะเวลาเพียงพอในการดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนดได้
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1210 | การทบทวนวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | นร.07 | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการทบทวนวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1211 | แผนการใช้จ่ายเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ปีงบประมาณ 2567 (แผนปฏิบัติการประจำปี 2567) | พณ. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนการใช้จ่ายเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
ปีงบประมาณ ๒๕๖๗ ซึ่งเป็นโครงการของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวม ๘ หน่วยงาน จำนวน
๒๑๒ โครงการ ซึ่งแบ่งเป็น (๑) แผนปฏิบัติการด้านการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศ
จำนวน ๔๙ โครงการ (๒) แผนปฏิบัติการด้านการเจรจาเชิงรุกเพื่อเปิดตลาด จำนวน ๑๔๘
โครงการ และ (๓) แผนปฏิบัติการด้านการเร่งรัดทำการตลาดเชิงกลยุทธ์จำนวน ๑๕ โครงการ
วงเงินทั้งสิ้น ๕๓๐.๐๙ ล้านบาท โดยเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
รวมถึงสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล
และยุทธศาสตร์ของกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศที่กำหนดไว้
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1212 | ร่างถ้อยแถลงร่วมระหว่างนายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ | กต. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมระหว่างนายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์
และให้นายกรัฐมนตรีร่วมรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในการหารือกับนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์
ในวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ โดยถ้อยแถลงร่วมฯ จะเป็นเอกสารผลลัพธ์ของการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์
โดยแสดงเจตนารมณ์ที่ทั้งสองประเทศจะร่วมกันขับเคลื่อนและการเสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือกันในสาขาที่เป็นความสนใจและผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ
มีเนื้อหาครอบคลุมความร่วมมือไทย-นิวซีแลนด์ ด้านความสัมพันธ์ทวิภาคี ความร่วมมือด้านความมั่นคง
เศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน พลังงานทดแทน การส่งเสริมความสัมพันธ์ระดับประชาชน
รวมถึงความร่วมมือในระดับภูมิภาค โดยมีประเด็นสำคัญ เช่น (๑) การประกาศเป้าหมายการยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกันในปี
๒๕๖๙ เพื่อเพิ่มความร่วมมือด้านการทหารและความมั่นคงให้แน่นแฟ้นมากขึ้น (๒)
การส่งเสริมความร่วมมือด้านพลังงานหมุนเวียน (๓)
ความร่วมมือด้านการศึกษาและการส่งเสริมการท่องเที่ยว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมระหว่างนายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรสื่อสารผลลัพธ์ให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับ
ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1213 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับหลักปฏิบัติในการตรวจและรับผลทุเรียนสำหรับโรงรวบรวมและโรงคัดบรรจุเป็นมาตรฐานบังคับ พ.ศ. .... | กษ. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับหลักปฏิบัติในการตรวจและรับผลทุเรียนสำหรับโรงรวบรวมและโรงคัดบรรจุเป็นมาตรฐานบังคับ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มาตรฐานสินค้าเกษตร เลขที่ มกษ. ๙๐๗๐-๒๕๖๖
ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตร : หลักปฏิบัติในการตรวจและรับผลทุเรียนสำหรับโรงรวบรวมและโรงคัดบรรจุเป็นมาตรฐานบังคับ
ตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑ ลงวันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๖
เป็นมาตรฐานบังคับ
เพื่อกำหนดหลักปฏิบัติในการตรวจและรับผลทุเรียนสำหรับโรงรวบรวมและโรงคัดบรรจุทุเรียน
เพื่อให้ได้ผลทุเรียนทั้งผลที่แก่ตามข้อกำหนดของมาตรฐานสำหรับจำหน่าย ส่งออก
และนำเข้า เพื่อช่วยสนับสนุนการจำหน่ายผลทุเรียนที่แก่มีคุณภาพตามมาตรฐาน
สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคและเวทีการค้า
ซึ่งเป็นการยกระดับคุณภาพของทุเรียนไทยเพื่อรองรับการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดโลก ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้
ความรู้ความเข้าใจในหลักปฏิบัติดังกล่าวแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างทั่วถึง รวมทั้งเตรียมความพร้อมที่จะดำเนินการตามข้อกำหนดมาตรฐานดังกล่าว
รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการทราบถึงความจำเป็นและผลประโยชน์ในระยะยาวจากการดำเนินการตามมาตรฐานดังกล่าว
กำหนดแนวทางที่จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเพื่อเตรียมความพร้อมให้ทุกภาคส่วนก่อนที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้
นอกจากนี้ ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวควรบังคับใช้ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
โดยครอบคลุมสถานประกอบการทุกขนาดที่มีการประกอบกิจการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1214 | ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง อัตราค่าใช้จ่ายสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้ยื่นคำขอในกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง อัตราค่าขึ้นบัญชีสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ทำหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถานประกอบการ หรือการตรวจสอบผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | สธ. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข
เรื่อง
อัตราค่าใช้จ่ายสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้ยื่นคำขอในกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าใช้จ่ายสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้ยื่นคำขอในกระบวนการพิจารณาผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์
และร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง
อัตราค่าขึ้นบัญชีสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ
หน่วยงานของรัฐหรือองค์กรเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ที่ทำหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถานประกอบการ
หรือการตรวจสอบผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าขึ้นบัญชีสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้เชี่ยวชาญ
องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ที่ทำหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถานประกอบการ
หรือการตรวจสอบผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ รวม ๒ ฉบับดังกล่าว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นว่าในส่วนของร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข
เรื่อง อัตราค่าขึ้นบัญชีสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ
หน่วยงานของรัฐ
หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ทำหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ
การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถานประกอบการ หรือการตรวจสอบผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์
พ.ศ. .... ที่มีการตัดข้อความ “การขึ้นบัญชีมีอายุ ๓ ปี” ในหมายเหตุ
ในบัญชีแนบร่างประกาศฯ
หากแต่การตัดข้อความก่อให้เกิดประโยชน์ต่อภาครัฐหรือผู้เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสม
กรมปศุสัตว์ ก็ควรอนุมัติในหลักการร่างประกาศทั้ง ๒ ฉบับ และในการพิจารณากำหนดอัตราค่าขึ้นบัญชีสูงสุดและอัตราค่าใช้จ่ายสูงสุดกระทรวงสาธารณสุขควรถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๔ เรื่อง หลักเกณฑ์ว่าด้วยการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมและค่าบริการ โดยต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนในการดำเนินการของรัฐ
ภาระที่จะเกิดขึ้นแก่ประชาชน และปัจจัยอื่น ๆ ตามที่กำหนดในหลักเกณฑ์ดังกล่าว
ไปประกอบการพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1215 | ผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ครั้งที่ 2/2567 | นร.08 | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส
ยกเว้นอำเภอยี่งอ อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดปัตตานี
ยกเว้นอำเภอยะหริ่ง อำเภอปะนาเระ อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง
อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง อำเภอรามัน อำเภอกาบัง
และอำเภอกรงปินัง ออกไปอีก ๓ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๑๙
กรกฎาคม ๒๕๖๗ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ๒. เห็นชอบและรับทราบร่างประกาศ ดังนี้ ๒.๑
เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง
การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส
ยกเว้นอำเภอยี่งอ อำเภอสไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดปัตตานี
ยกเว้นอำเภอยะหริ่ง อำเภอปะนาเระ อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง
อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง อำเภอรามัน อำเภอกาบัง
และอำเภอกรงปินัง และร่างประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ ๒.๒
รับทราบร่างประกาศ เรื่อง
การให้ประกาศและคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ รวม
๓ ฉบับ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1216 | มาตรการป้องกันการทุจริตในการดำเนินนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมในบัญชีนวัตกรรมไทย | ปช. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๗ ว่า ๑. รับทราบข้อเสนอแนะตามมาตรการป้องกันการทุจริตในการดำเนินนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมในบัญชีนวัตกรรมไทย
ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
(สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ) กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติ
โดยให้กระทรวงการคลังสรุปผลการพิจารณา/ผลการดำเนินการ/ความเห็นในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับจากวันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1217 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมสำหรับความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 8 | คค. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมสำหรับความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๘ ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๖ ณ เมืองไหโขว่ สาธารณรัฐประชาชนจีน
โดยผ่านระบบประชุมทางไกล โดยการประชุมคณะกรรมการร่วมฯ มีผลลัพธ์การประชุม เช่น ให้ขยายระยะเวลาการมีผลบังคับใช้ของการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจฯ
“ระยะแรก” ออกไปอีก ๓ ปี โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๑
ธันวาคม ๒๕๖๙
เพื่อให้ประเทศสมาชิกอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงสามารถกลับมาเดินรถระหว่างประเทศภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ
“ระยะแรก” อีกครั้ง ให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินการขนส่งระหว่างประเทศได้ตั้งแต่วันที่
๑ เมษายน ๒๕๖๗
โดยรวมถึงเส้นทางและจุดผ่านแดนที่เพิ่มเติมไว้ในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเปิดเส้นทางการขนส่งระหว่างประเทศและจุดข้ามแดนเพิ่มเติม
ภายใต้พิธีสาร ๑ ของความตกลง GMS CBTA ให้มีการประชุมคณะอนุกรรมการด้านการขนส่ง
ในช่วงไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๗
เพื่อหารือเกี่ยวกับเส้นทางและจุดผ่านแดนเพิ่มเติมภายใต้พิธีสาร ๑ ของความตกลง GMS
CBTA เป็นต้น ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1218 | การตรวจสอบการขนย้ายกากสังกะสีปนแคดเมียม | นร. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
จากกรณีที่มีการขนย้ายกากสังกะสีปนแคดเมียมจากสถานที่ฝังกลบในจังหวัดตากมายังพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครและส่งต่อบางส่วนไปยังพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อนำกลับไปใช้ประโยชน์อีก
อาจเป็นกระบวนการจัดการที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง
และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอนามัยของประชาชนเป็นอย่างมาก
จึงมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วนเพื่อจัดการกากสังกะสีปนแคดเมียมดังกล่าวให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ
และดำเนินการขนย้ายกลับไปยังสถานที่ฝังกลบเดิมในจังหวัดตากอย่างปลอดภัย ดังนั้น
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวขึ้น
โดยมีปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธาน ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม
กระทรวงทรัพยากรธรรชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการ
โดยมีหน้าที่และอำนาจในการตรวจสอบ สืบสวน แสวงหาข้อเท็จจริง
ข้อบกพร่องของการดำเนินการในเรื่องนี้ในแต่ละขั้นตอน รวมทั้งกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหา
และกำกับดูแลการขนย้ายกากสังกะสีปนแคดเมียมกลับไปยังสถานที่ฝังกลบเดิมในจังหวัดตาก
และให้รายงานผลการดำเนินการต่อนายกรัฐมนตรีโดยด่วน ทั้งนี้
เพื่อให้การสื่อสารต่อสาธารณชนเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นไปอย่างถูกต้อง เหมาะสม
และมีเอกภาพ มอบหมายให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นผู้มีหน้าที่ชี้แจงข้อมูลข่าวสารต่าง
ๆ แก่สาธารณชนตามความจำเป็นต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1219 | มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ และการเตรียมการเพื่อรองรับการดำเนินการยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก (Thailand Vision) | กค. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบข้อเสนอการปรับปรุงมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม สำหรับที่อยู่อาศัย
ปี ๒๕๖๗ และมาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้าน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. เห็นชอบ ๒.๑
ร่างกฎกระทรวงยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับการโอนและการจำนองจากการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
พ.ศ. ๒๕๖๖ พ.ศ. .... ๒.๒
ร่างกฎกระทรวงยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับการโอนและการจำนองจากการซื้อขายห้องชุดเพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
พ.ศ. ๒๕๖๖ พ.ศ. .... ๒.๓
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน
กรณีอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์หรือที่ดินพร้อมอาคารที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์
ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ๒.๔
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
กรณีห้องชุด ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ๒.๕
ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ ..(พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
รวม ๕ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓. เห็นชอบในหลักการของโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home พร้อมทั้งมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๔. รับทราบโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Life และรับทราบความคืบหน้าของการดำเนินการของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเกี่ยวกับการส่งเสริมก่อสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยให้กับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๕.
มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินการมาตรการอื่น
ๆ
ซึ่งผู้ประกอบการเอกชนในภาคอสังหาริมทรัพย์มีข้อเสนอให้ภาครัฐพิจารณาก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี
เพื่อพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1220 | การนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม "สงขลา และชุมชนที่เกี่ยวเนื่องริมทะเลสาบสงขลา" เข้าสู่บัญชีรายชื่่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก | ทส. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบเอกสารนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม
“สงขลา และชุมชนที่เกี่ยวเนื่องริมทะเลสาบสงขลา” ภายใต้ชื่อ Songkhla and is Associated Lagoon Settlements เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก ๑.๒
เห็นชอบให้ประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกลงนามในเอกสารนำเสนอฯ
ต่อศูนย์มรดกโลก ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ๑.๓ มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ในฐานะหน่วยประสานงานกลางอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาตินำเสนอเอกสารนำเสนอฯ
เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้นของศูนย์มรดกโลกต่อศูนย์มรดกโลก ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรรไว้แล้วหรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ หรือโอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ แล้วแต่กรณี ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเท่าที่จำเป็น โดยคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงิน ความประหยัด ความคุ้มค่า ผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่จะได้รับการบูรณาการของหน่วยงานหลักและหน่วยงานสนับสนุน และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |