ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 67 จากทั้งหมด 81 หน้า แสดงรายการที่ 1321 - 1340 จากข้อมูลทั้งหมด 1601 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1321 | การศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในกลุ่มประเทศแอฟริกา | นร. | 19/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่าโดยที่ได้เล็งเห็นถึงโอกาสในการขยายการค้าและการลงทุนของประเทศไทยไปยังกลุ่มประเทศแอฟริกา
เช่น สหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรีย สาธารณรัฐซิมบับเว เนื่องจากกลุ่มประเทศนี้มีศักยภาพทางเศรษฐกิจมีความมั่นคงทางการเมือง
และมีความพร้อมด้านทรัพยากรธรรมชาติเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะด้านพลังงานและด้านประมง
นอกจากนี้ ยังเป็นศูนย์กลางทางการค้าของทวีป
มีตลาดขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับสินค้าประเภทต่าง ๆ ของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปประสานงานกับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนและการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศไทยและกลุ่มประเทศแอฟริกา
ให้เสร็จโดยเร็ว แล้วรายงานผลให้นายกรัฐมนตรีทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1322 | ผลการประชุมบูรณาการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 (พะเยา เชียงราย น่าน และแพร่) เมื่อวันพุธที่ 6 มีนาคม 2567 และวันจันทร์ที่ 18 มีนาคม 2567 | นร.11 สศช | 19/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมบูรณาการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน
๒ (พะเยา เชียงราย น่าน และแพร่) เมื่อวันพุธที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๗ และวันจันทร์ที่ ๑๘
มีนาคม ๒๕๖๗ ๑.๒
เห็นชอบในหลักการโครงการของกลุ่มจังหวัดและจังหวัด จำนวน ๙ โครงการ กรอบวงเงิน
๑๕๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท
โดยให้กลุ่มจังหวัดและจังหวัดขอรับการจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
และให้สำนักงบประมาณพิจารณาความเหมาะสมของวงเงินโครงการ สำหรับโครงการเชียงรายเป็นเมืองแห่งสุขภาพ
(Chiang Rai Wellness City) วงเงิน
๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และโครงการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวเมืองเก่าแพร่ วงเงิน
๔๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรับไปหารือกับสำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาในรายละเอียดเพิ่มเติม
และนำเสนอในการประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาในโอกาสแรก
รวมทั้งให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดนำโครงการมาบรรจุไว้ในแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดต่อไป ๑.๓ เห็นชอบในหลักการของโครงการที่เป็นข้อเสนอของภาคเอกชน
(กรอ.กลุ่มจังหวัด) จำนวน ๔ โครงการ กรอบวงเงิน ๑๔๕,๘๘๐,๐๐๐ บาท
โดยให้ส่วนราชการที่เป็นหน่วยงานเจ้าของโครงการขอรับการจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งจัดทำข้อเสนอโครงการ
โดยให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณอย่างรอบคอบ
สำหรับ ๔ โครงการที่อยู่ในคำขอรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ได้แก่
(๑) โครงการปรับปรุงซ่อมแซมผิวถนน สาย บ้านฝั่งหมิ่น บ้านนาก้า อำเภอเวียงสา
จังหวัดน่าน วงเงิน ๙,๘๕๘,๐๐๐ บาท (๒) โครงการปรับปรุงซ่อมแซมผิวถนน สาย บ้านเด่น
บ้านห้วยลี่ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน วงเงิน ๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท (๓)
โครงการปรับปรุงซ่อมแซมถนน สาย บ้านนาก้อ-บ้านสบกอน ๒ อำเภอปัว อำเภอเชียงแสน
จังหวัดน่าน วงเงิน ๙,๙๐๒,๐๐๐ บาท และ (๔) โครงการปรับปรุงซ่อมแซมถนน สาย บ้านตอน
บ้านป่าต้าง อำเภอบ้านหลวง จังหวัดน่าน วงเงิน ๖,๑๑๒,๐๐๐ บาท วงเงินรวม ๓๔,๘๗๒,๐๐๐
บาท ขอให้พิจารณาเป็นโครงการที่มีลำดับความสำคัญสูง รวมทั้งให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดนำโครงการบรรจุไว้ในแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดต่อไป ๑.๔ มอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาโครงการที่เป็นข้อเสนอของภาคเอกชน
(กรอ.กลุ่มจังหวัด) ในส่วนที่เหลือจำนวน ๗๔ โครงการ
เพื่อบรรจุไว้ในแผนการปฏิบัติราชการประจำปีของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ๑.๕
มอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาโครงการที่เป็นข้อเสนอของภาคเอกชน
(กรอ.กลุ่มจังหวัด) ในส่วนที่เหลือจำนวน ๗๔ โครงการ
เพื่อบรรจุไว้ในแผนการปฏิบัติราชการประจำปีของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ๑.๕
มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอ โดยขอให้เร่งรัดผลักดันโครงการที่สำคัญเพื่อยกระดับกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน
๒ (พะเยา เชียงราย แพร่ และน่าน) ให้เป็นฐานเศรษฐกิจสร้างสรรค์มูลค่าสูง
ส่งเสริมการค้า
การลงทุนเชื่อมโยงเศรษฐกิจกับประเทศในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่
ประกอบด้วย (๑) ด้านการค้า การลงทุน เศรษฐกิจชายแดน จำนวน ๒ เรื่อง (๒)
ด้านคุณภาพชีวิต จำนวน ๒ เรื่อง และ (๓) ด้านอื่น ๆ จำนวน ๒ เรื่อง
ไปพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ๑.๖
มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามข้อ ๑.๒-๑.๕
และรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ๒.
ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) เร่งประสานงานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช)
เกี่ยวกับการขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ลุ่มน้ำ
เพื่อให้สามารถปรับปรุงและขยายสายทางตั้งแต่บริเวณสามแยกอนามัยถึงแนวเขตพรมแดนไทย
เป็นขนาด ๔ ช่องทางจราจร ระยะทาง ๒ กิโลเมตร
เพื่อรองรับการเชื่อมโยงระหว่างจุดผ่านแดนถาวรบ้านฮวก อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา
และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวต่อไป ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1323 | ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ เรื่อง การจัดตั้งภาค กลุ่มจังหวัด และกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด | นร.11 สศช | 19/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ
เรื่อง การจัดตั้งภาค กลุ่มจังหวัด
และกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
มีสาระสำคัญเป็นการจัดตั้งภาค กลุ่มจังหวัด และกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
โดยจัดตั้งภาค จำนวน ๖ ภาค (ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก
ภาคใต้ และภาคใต้ชายแดน) กลุ่มจังหวัด จำนวน ๑๘ กลุ่มจังหวัด
(กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๑-๒ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๑-๒, กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๑-๒ กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง
กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ๑-๒, กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน กลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล
กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ๑-๒, กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก ๑-๒, กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน
และกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน) และกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
เพื่อให้การบริหารงานและพัฒนาเชิงพื้นที่ระดับจังหวัด กลุ่มจังหวัด
และภาคเป็นไปด้วยความต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
รวมทั้งเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศ
ตามที่สำนักสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการบริหารเชิงพื้นที่แบบบูรณาการเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1324 | การส่งเสริมการส่งออกเนื้อโคและผลิตภัณฑ์อื่นที่เกี่ยวข้องไปยังต่างประเทศ | นร. | 19/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้การส่งออกเนื้อโคและผลิตภัณฑ์อื่นที่เกี่ยวข้องไปยังต่างประเทศมีคุณภาพ
มาตรฐาน
เป็นที่ยอมรับของประเทศผู้สั่งซื้อและสามารถจะขยายตลาดการส่งออกให้เพิ่มมากขึ้น
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมปศุสัตว์) กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับ ดูแล
และติดตามการดำเนินการต่าง ๆ ในความรับผิดชอบให้ถูกต้อง เหมาะสม
รวมทั้งการควบคุมคุณภาพของวัคซีนที่ใช้ป้องกันโรคสำหรับโคให้เป็นไปตามมาตรฐานสุขอนามัย
เพื่อให้สามารถป้องกันโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการกำกับ ดูแล
การส่งออกเนื้อโคและผลิตภัณฑ์อื่นที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโรคด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1325 | มาตรการในการให้เอกชนสามารถทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง (Direct Power Purchase Agreement: Direct PPA) | นร. | 19/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐอเมริกาและคณะ
ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๗
ซึ่งฝ่ายสหรัฐอเมริกาได้แสดงความสนใจในการเพิ่มพูนการค้าและการลงทุนในประเทศไทยให้มากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน
ซึ่งสอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาด้านพลังงานของประเทศ
และฝ่ายไทยได้ตอบรับไว้แล้วว่าจะพิจารณากำหนดมาตรการในการอนุญาตและส่งเสริมให้เอกชนสามารถทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้ากับผู้ผลิตพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทนได้โดยตรง
(Direct
Power Purchase Agreement : Direct PPA) ให้ชัดเจนก่อนสิ้นปี
๒๕๖๗ ดังนั้น
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงพลังงานรับเรื่องนี้ไปดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
แล้วนำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1326 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงกลาโหมแห่งสาธารณรัฐเช็กว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคนิคทางทหาร | กห. | 19/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงกลาโหมแห่งสาธารณรัฐเช็กว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคนิคทางทหาร
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ร่วมลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเพื่อสนับสนุนความร่วมมือด้านเทคนิคทางทหารระหว่างกัน
โดยสอดคล้องกับศักยภาพของผู้เข้าร่วมแต่ละฝ่าย และหลักการของความเสมอภาค
ต่างตอบแทน
และผลประโยชน์ร่วมกันโดยไม่ก่อให้เกิดสิทธิและพันธะภายใต้กฎหมายภายในและระหว่างประเทศ
และจะถูกนำไปปฏิบัติโดยสอดคล้องกับกฎหมายภายในและระเบียบของแต่ละประเทศ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงกลาโหมแห่งสาธารณรัฐเช็กว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคนิคทางทหารในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่เห็นว่าการจัดทำแผนปฏิบัติงานควรให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมและการฝึกเพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์รวมทั้งความเชี่ยวชาญในสาขาต่าง
ๆ โดยควรมีการติดตามผลการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม
และในระยะต่อไปอาจพิจารณาความร่วมมือทางทหารและทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์
อากาศและอวกาศ ปัญญาประดิษฐ์ในบริบทความมั่นคง (Artificial Intelligence) ที่มีผลต่อการรบและการป้องกันประเทศรวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1327 | การพัฒนาอุทยานการเรียนรู้พะเยา (TK Park Phayao) | นร. | 19/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการลงพื้นที่เยี่ยมชมนิทรรศการและผลิตภัณฑ์ชุมชน
ณ อุทยานการเรียนรู้พะเยา (TK Park Phayao) เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๖๗
ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้และส่งเสริมการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต สำหรับประชาชนทุกช่วงวัย
โดยมีการจัดพื้นที่สำหรับกิจกรรมและการเรียนรู้ที่หลากหลาย
รวมถึงกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เกิดการสร้างอาชีพและรายได้ต่อไป อย่างไรก็ตาม
ในส่วนของการหารายได้เพื่อนำมาใช้ในการปรับปรุง และพัฒนาอุทยานการเรียนรู้พะเยา
นั้น พบว่า ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของกฎระเบียบต่าง ๆ หลายประการ เช่น
การห้ามจำหน่ายสินค้าที่เป็นผลิตภัณฑ์จากการฝึกอาชีพ
การไม่เก็บค่าสมาชิกห้องสมุดและค่าปรับกรณีคืนหนังสือล่าช้า ดังนั้น จึงขอมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อส่งเสริมให้อุทยานการเรียนรู้ทุกแห่งสามารถบริหารจัดการและดำเนินภารกิจต่าง ๆ
ในกรอบหน้าที่และอำนาจของตนได้อย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1328 | การดำเนินงานโครงการ "โคแสนล้าน" นำร่อง | สทบ. | 19/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการโครงการ “โคแสนล้าน” นำร่อง ซึ่งดำเนินการภายใต้กรอบวงเงินสินเชื่อของสถาบันการเงินที่กำหนด
กรอบวงเงิน ๕,๐๐๐ ล้านบาท
เพื่อส่งเสริม สนับสนุน การสร้างงาน สร้างอาชีพ
สร้างรายได้ให้ครัวเรือนสมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง
ลดภาระค่าครองชีพให้กับครัวเรือนสมาชิก
ยกระดับการผลิตโคเนื้อที่มีคุณภาพสูงสู่ตลาดภายในและต่างประเทศ ส่งเสริมการตลาด
ขยายโอกาสทางการค้า เพิ่มศักยภาพการแข่งขันสร้างความมั่นคงทางอาหาร
และให้สมาชิกเข้าถึงโอกาสในการพัฒนาทักษะด้านอาชีพการเลี้ยงโคคุณภาพสูงอาชีพ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี
(นายสมศักดิ์ เทพสุทิน) ประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติเสนอ
และมอบหมายให้กระทรวงการคลังร่วมกับคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำนักงบประมาณ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อพิจารณารายละเอียดของแนวทางการดำเนินโครงการนี้ในประเด็นต่าง
ๆ ให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจนและหมาะสม (เช่น อัตราดอกเบี้ยที่รัฐต้องรับภาระชดเชย
กรอบวงเงินงบประมาณที่ต้องใช้สำหรับการดำเนินโครงการ “โคแสนล้าน” นำร่อง
และการกำหนดระยะเวลาที่เกษตรกรจะต้องชำระคืนเงินกู้ให้สอดคล้องกับระยะเวลาที่เกษตรกรจะคืนทุนจากการเลี้ยงโค
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น ควรมีการวิเคราะห์หาแนวทางบริหารความเสี่ยงในการดำเนินโครงการฯ
จากประเด็นปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานตามโครงการโคที่ผ่านมา อาทิ
การสร้างองค์ความรู้ การถ่ายทอดเทคโนโลยีในการเลี้ยงโคเนื้อ
การป้องกันไม่ให้เกิดอุปทานส่วนเกิน และความซ้ำซ้อนของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการโคที่ผ่านมา
รวมทั้งควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้เกษตรกรทราบถึงรายละเอียดของโครงการฯ
โดยเฉพาะภาระค่าใช้จ่ายที่เกษตรกรต้องรับผิดชอบ ควรมีกระบวนการควบคุมเพื่อปิดประเด็นข้อบกพร่องและจุดอ่อนจากการดำเนินโครงการในอดีต
รวมถึงการพัฒนาเพิ่มองค์ความรู้ให้เกษตรกรที่ชัดเจนและเป็นระบบเพื่อพิจารณากำหนดแนวทางที่เหมาะสมในการดำเนินโครงการให้ครอบคลุมถึงปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวข้องในทุกมิติ
อาทิ การสนับสนุนแหล่งเงินทุน การจัดหาและคัดกรองแม่พันธุ์โค
กระบวนการเพาะเลี้ยงที่เป็นมาตรฐาน ตลอดจนตลาดในการจัดจำหน่าย ควรกำหนดแนวทางควบคุมดูแลประสิทธิภาพการดำเนินโครงการที่ชัดเจน
เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการเลี้ยงโคเนื้อที่มีคุณภาพสูง
และป้องกันมิให้เกิดปัญหาภาระหนี้สินต่อเกษตรกรในระยะยาว อาทิ กำหนดคุณสมบัติเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการที่มีศักยภาพและมีความรู้ความสามารถ
รวมทั้งจัดให้มีกระบวนการพัฒนาทักษะเพื่อให้เกษตรกรสามารถเพาะเลี้ยงโคเนื้อคุณภาพสูงได้ต่อไป
เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วให้นำเรื่องนี้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งก่อนดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1329 | กำหนดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 2/2567 | นร.04 | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกำหนดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่
ครั้งที่ ๒/๒๕๖๗ ณ จังหวัดพะเยา และติดตามการตรวจราชการกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน
๒ (เชียงราย น่าน พะเยา และแพร่) จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำปาง ระหว่างวันที่
๑๘-๑๙ มีนาคม ๒๕๖๗ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1330 | มาตรการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ (Classic Cars) | กค. | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการของมาตรการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ
(Classic Cars) เป็นการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ (Classic Cars) ซึ่งคาดว่าจะมีศักยภาพในการขยายตัว โดยการใช้ทุนวัฒนธรรมกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับงานศิลปะและรถยนต์โบราณ
(Classic Cars) เช่น ภาคการท่องเที่ยว แฟชั่น
การออกแบบอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงวัฒนธรรม ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ให้เหมาะสม ถูกต้อง รอบคอบ เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ
ด้วย ดังนี้ ๑.๑
ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์พิจารณาดำเนินมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการซื้องานศิลปะโดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมงานศิลปะจากศิลปินชาวไทย
รวมทั้งพิจารณากำหนดมาตรการส่งเสริมการส่งออกงานศิลปะที่ผลิตโดยศิลปินชาวไทยไปยังต่างประเทศด้วย
เพื่อสนับสนุนงานศิลปะและช่วยสร้างรายได้ให้แก่ศิลปินชาวไทย ๑.๒
หารือร่วมกับคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติอย่างใกล้ชิด
เพื่อให้การดำเนินมาตรการลดหรือยกเว้นอากรขาเข้างานศิลปะเป็นไปอย่างมีเอกภาพและต่อเนื่องกัน ๑.๓
ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดคำนิยาม
หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และคุณลักษณะสำหรับรถยนต์โบราณ (Classic Cars) ให้เหมาะสมชัดเจน เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ตามวัตถุประสงค์และกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้อย่างแท้จริง ๑.๔
ร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และมาตรฐานเกี่ยวกับการใช้งาน
รวมทั้งมาตรการควบคุมและตรวจสอบคุณภาพเครื่องยนต์ของรถยนต์โบราณ (Classic Cars) โดยคำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและการปล่อยมลพิษทางอากาศด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1331 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์เพื่อพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา ของคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา | สว. | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์
เพื่อพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา ของคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา
ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1332 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการค่าเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งของผู้ตรวจการแผ่นดิน ระหว่างเดือนเมษายน 2567 - เดือนมีนาคม 2572 (ระยะเวลา 60 เดือน หรือ 5 ปี) | สผผ. | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน
เช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งของผู้ตรวจการแผ่นดินพร้อมพนักงานขับรถ จำนวน ๑ คัน
ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗-พ.ศ. ๒๕๗๒ ระยะเวลา ๖๐ เดือน
(ตั้งแต่เดือนเมษายน ๒๕๖๗-มีนาคม ๒๕๗๒) วงเงินทั้งสิ้น ๕,๑๐๐,๐๐๐ บาท ตามนัยมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๕๑๐,๐๐๐ บาท
ให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1333 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางกอบเพชร หาญพัฒนพานิชย์ และพันตำรวจเอก ประทีป เจริญกัลป์) | นร.01 | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. นางกอบเพชร
หาญพัฒนพานิชย์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1334 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติเรือไทย พุทธศักราช 2481 | คค. | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)
ออกตามความในพระราชบัญญัติเรือไทย พุทธศักราช ๒๔๘๑ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราส่วนคนประจำเรือที่มีสัญชาติไทยสำหรับเรือบรรทุกน้ำมันสัญชาติไทยที่มีขนาดเกินกว่า
๕๐,๐๐๐ เดทเวทตัน (มากกว่า ๒๐,๐๐๐ ตันกรอสขึ้นไป) ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน
เพื่อให้ผู้ประกอบการเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่สามารถดำเนินธุรกิจไปได้อย่างต่อเนื่องและเกิดความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน
ตลอดจนเสริมสร้างประสิทธิภาพกองเรือพาณิชย์ให้มีขีดความสามารถในการประกอบการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศและจัดเก็บน้ำมันขนาดใหญ่ของไทยเพิ่มมากขึ้น
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1335 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดอุบลราชธานี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. 2558) | มท. | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดอุบลราชธานี
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงผังเมืองให้สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐที่จะรองรับการพัฒนาด้านอุตสาหกรรม
และให้สอดคล้องกับนโยบายการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1336 | แนวทางการพัฒนาบุคลากรภาครัฐ พ.ศ. 2566-2570 | นร.10 | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการพัฒนาบุคลากรภาครัฐ พ.ศ.
๒๕๖๖-๒๕๗๐ ตามมติคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๖ เมื่อวันที่
๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติสำหรับให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐใช้ในการพัฒนาองค์กร
และบุคลากรภาครัฐใช้ในการวางแผนพัฒนาตนเองและพัฒนางานต่อเนื่องจากแนวทางการพัฒนาบุคลากรภาครัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ รวมทั้งได้นำแนวทางการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลของข้าราชการและบุคลากรภาครัฐเพื่อการปรับเปลี่ยนเป็นรัฐบาลดิจิทัล
(ระยะเวลาดำเนินการ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕) ผนวกรวมเข้ามาเป็นฉบับเดียวกัน กำหนดประเด็นการพัฒนา
๓ ประเด็น ได้แก่ (๑) การพัฒนาองค์กร เพื่อเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้และพัฒนา (๒)
การพัฒนากรอบแนวคิดและทักษะให้มีความพร้อมในการปฏิบัติงานเพื่อขับเคลื่อนภารกิจภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพ
และ (๓)
การพัฒนากรอบความคิดและทักษะด้านดิจิทัลเพื่อขับเคลื่อนการเป็นรัฐบาลดิจิทัล ตามที่สำนักงาน
ก.พ. เสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานศาลยุติธรรม และข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข สำนักงาน ก.พ.ร.
สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงศึกษาธิการ เช่น
ควรคำนึงถึงความเชื่อมโยงกับมาตรการบริหารอัตรากำลังปกติ เนื่องจากการควบคุมอัตรากำลังควรมีความสอดคล้องกับการพัฒนาทรัพยากรบุคคลที่มีอยู่ให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงที่สุด
รวมทั้งอาจพิจารณาความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการเพื่อให้การพัฒนาบุคลากรเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ควรมีคำอธิบายและคำนิยามของตัวชี้วัดส่วนราชการและหน่วยงานภาครัฐ หลักเกณฑ์
วิธีการประเมิน
เครื่องมือการวัดผลที่สามารถสะท้อนการปฏิบัติงานตามตัวชี้วัดได้อย่างชัดเจน ควรมีการกำหนดหลักสูตรกลาง
เพื่อให้ส่วนราชการสามารถส่งบุคลากรไปพัฒนาได้ตรงกับแนวทางที่ ก.พ. กำหนด
และมีการจัดอบรมให้กับบุคลากรที่รับผิดชอบด้านพัฒนาทรัพยากรบุคคลอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้เกิดความรู้ ความเชี่ยวชาญ
และสามารถนำความรู้ไปปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1337 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ) | กค. | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวินิจ
วิเศษสุวรรณภูมิ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพากร
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาฐานภาษี (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ)
กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๖
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1338 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการระดมทุนด้วยโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token)] | กค. | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินส่วนแบ่งของกำไร
(เงินปันผล) หรือผลประโยชน์อื่นใดที่ได้รับจากการถือหรือครอบครองโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน
และได้หักภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ณ ที่จ่าย (ในอัตราร้อยละ ๑๕) ไว้แล้ว
ไม่ต้องนำเงินได้ส่วนดังกล่าวไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอีก ทั้งนี้
สำหรับเงินส่วนแบ่งของกำไรหรือผลประโยชน์อื่นใดที่ได้รับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม
๒๕๖๗ เป็นต้นไป เพื่อยกระดับการกำกับดูแลโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนให้มีมาตรฐานใกล้เคียงกับหลักทรัพย์
รวมทั้งส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการระดมทุน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1339 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 13/2566 | นร.11 สศช | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ เห็นชอบ
และรับทราบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๓/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ดังนี้ (๑) อนุมัติให้กรมควบคุมโรค
กระทรวงสาธารณสุข เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ
กรณีโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-๑๙)
สำหรับบริการประชากรในประเทศไทยจำนวน ๖๐,๐๐๐,๐๐๐ โดส (AstraZeneca) ปี พ.ศ. ๒๕๖๕
โดยเปลี่ยนแปลงรายละเอียดรายการวัคซีน AstraZeneca ที่ยังไม่ได้รับการส่งมอบจำนวน
๑๙.๐๗๔๔ ล้านโดส เป็นการจัดซื้อภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปหรือแอนติบอดี้ออกฤทธิ์ยาว (Long-acting
antibody : LAAB) รุ่นใหม่ จำนวน ๓๖,๐๐๐ โดส
ส่งผลให้กรอบวงเงินโครงการฯ ลดลงจาก๑๘,๓๘๒.๕๖๔๓ ล้านบาท เป็น
๑๓,๖๓๔.๘๗๑๒ ล้านบาท หรือลดลงจำนวน ๔,๗๔๗.๕๙๓๑
ล้านบาท (๒) มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขกำกับให้กรมควบคุมโรค เร่งประสานกับบริษัท AstraZenecaฯ และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เกี่ยวกับการขึ้นทะเบียน
เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีไว้ภายในเดือนมีนาคม
๒๕๖๗ และให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการ LAAB ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
(๓) อนุมัติให้จังหวัดกระบี่
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ปี ๒๕๖๕ โดยขยายระยะเวลาดำเนินโครงการปรับภูมิทัศน์แหล่งท่องเที่ยวหาดอ่าวนางและหาดนพรัตน์ธารา
ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ วงเงิน ๕.๔๐๐๐ ล้านบาท จากเดิมสิ้นสุดเดือนธันวาคม
๒๕๖๕ เป็นเดือนธันวาคม ๒๕๖๖ โดยขอแก้ไขข้อเสนอเกี่ยวกับระยะเวลาสิ้นสุดของโครงการดังกล่าว
จากเดิม “สิ้นสุดเดือนธันวาคม ๒๕๖๖” เป็น “สิ้นสุดเดือนเมษายน ๒๕๖๗” (๔) มอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการ
เร่งแก้ไขข้อมูลโครงการในระบบ eMENSCR ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงรายละเอียดโครงการภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโดยเร็ว
และ (๕) รับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ราย ๓ เดือน ครั้งที่ ๙ (๑ สิงหาคม-๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๖)
พร้อมทั้งมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ
ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และที่เสนอเพิ่มเติม ทั้งนี้
ให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานเจ้าของโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ให้กระทรวงต้นสังกัดติดตามหน่วยงานเจ้าของโครงการในการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิดและกำกับดูแลหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ.
๒๕๖๔ ข้อ ๒๑ และ ๒๒ สำหรับโครงการที่ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก
หากมีเงินกู้เหลือจ่ายของโครงการนั้น
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังภายใน
๓ เดือน นับจากวันที่สิ้นสุดการดำเนินโครงการตามมติ ครม. เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม
๒๕๖๖ เพื่อให้การบริหารจัดการ เงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ควรกำกับติดตามหน่วยงานในสังกัดให้ดำเนินการตามแผนงาน/โครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้เป็นไปตามเป้าหมาย
และกรอบระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด
และหน่วยงานรับผิดชอบโครงการจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน เป็นไปตามหลักเกณฑ์
อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1340 | การรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด สมัยที่ 67 และการขอความเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงระดับรัฐมนตรีและการประกาศคำมั่นในนามประเทศไทยตามเอกสารแนวคิดข้อริเริ่ม "Pledge4Action" ของประธานคณะกรรมาธิการยาเสพติด สมัยที่ 67 ในห้วงการประชุมระดับสูงของการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด สมัยที่ 67 | ยธ. | 12/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมระดับสูง
(High-Level
Segment) ในห้วงการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด สมัยที่ ๖๗ [67th
session of the Commission on Narcotic Drugs (CND)] ซึ่งกำหนดจัดขึ้น ณ ออสเตรีย ระหว่างวันที่ ๑๔-๒๒
มีนาคม ๒๕๖๗ และเห็นชอบให้ประเทศไทย โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ดังกล่าว
ในห้วงพิธีเปิดการประชุมระดับสูงของการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด สมัยที่ ๖๗
โดยไม่มีการลงนาม ในวันพฤหัสบดีที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๗ รวมทั้งเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงระดับรัฐมนตรีและการประกาศคำมั่นในนามประเทศไทย
โดยเห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมกล่าวถ้อยแถลงระดับรัฐมนตรี
และร่วมประกาศคำมั่นในนามประเทศไทย และอนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงาน
ป.ป.ส. แก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ ร่างถ้อยแถลงระดับรัฐมนตรี และการประกาศคำมั่นในนามประเทศไทยดังกล่าว
โดยการรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ มีสาระสำคัญเป็นการทบทวนแผนงานต่อเนื่องในห้วงครึ่งแผน
ปี ค.ศ. ๒๐๒๔ ในการดำเนินการตามพันธกรณีด้านนโยบายยาเสพติดระหว่างประเทศ
ซึ่งประกอบด้วย ๓ ส่วน ได้แก่ ๑) การให้คำมั่นร่วมกัน ๒)
การประมวลติดตามผลการดำเนินการ และ ๓) ข้อเรียกร้องในการดำเนินการ รวมทั้งการกล่าวถ้อยแถลงระดับรัฐมนตรี
และการประกาศคำมั่นในนามไทยตามเอกสารแนวคิดข้อริเริ่ม “Pledge4Action” ของประธาน CND สมัยที่
๖๗ และการประกาศคำมั่นในนามไทยที่จะลดความรุนแรงของปัญหายาเสพติดภายในประเทศให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมภายใน
๑ ปี ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมระดับสูงในห้วงการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด
สมัยที่ ๖๗ ร่างถ้อยแถลงระดับรัฐมนตรี และการประกาศคำมั่นในนามประเทศไทยในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|