ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 880 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 17581 - 17600 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
17581 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นางวิยดา โชติรัตนะศิริ และนายเกริกพงษ์ เกสรทอง) | นร07 | 30/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
๑. นางวิยดา โชติรัตนะศิริ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) สำนักงบประมาณ ตั้งแต่วันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ๒. นายเกริกพงษ์ เกสรทอง ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) สำนักงบประมาณ ตั้งแต่วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17582 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายอภิชา ประสงค์ธรรม) | กค | 30/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอภิชา ประสงค์ธรรม ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17583 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันงบประมาณ สำหรับโครงการปรับปรุงทำเนียบเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี | กต | 30/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันงบประมาณสำหรับโครงการปรับปรุงทำเนียบเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ แผนงานขับเคลื่อนนโยบายการต่างประเทศและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ผลผลิตความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับประเทศต่าง ๆ ในกรอบทวิภาคี กิจกรรมที่ ๑ การดำเนินกิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์ในระดับทวิภาคี งบลงทุน รายการค่าปรับปรุงทำเนียบเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี จากเดิมวงเงิน ๘๐,๖๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๘๔,๙๔๙,๐๐๐ บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ส่วนเรื่องงบประมาณให้เป็นตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยวงเงินงบประมาณที่เพิ่มขึ้นจากสัญญาดังกล่าวให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ของกระทรวงการต่างประเทศที่เหลือจ่ายจากการดำเนินงานที่บรรลุวัตถุประสงค์แล้ว ทั้งนี้ การดำเนินโครงการและการขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ให้กระทรวงการต่างประเทศปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17584 | สาธารณรัฐฝรั่งเศสขอเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐฝรั่งเศส ณ จังหวัดขอนแก่น และแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐฝรั่งเศส ณ จังหวัดขอนแก่น (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายฌ็อง-มีแชล, อีฟว์, ดีดีเย แปรัว (Mr. Jean-Michel, Yves, Didier Perroy)] | กต | 30/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐฝรั่งเศส ณ จังหวัดขอนแก่น โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดขอนแก่น และแต่งตั้ง นายฌ็อง-มีแชล, อีฟว์, ดีดีเย แปรัว (Mr. Jean-Michel, Yves, Didier Perroy) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐฝรั่งเศส ณ จังหวัดขอนแก่น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17585 | ขอปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่คณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน 3 คณะ | คค | 30/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่คณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีของกระทรวงคมนาคม จำนวน ๓ คณะ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. คณะกรรมการผู้แทนรัฐบาลเพื่อพิจารณาทำความตกลงเกี่ยวกับการขนส่งทางบกกับรัฐบาลต่างประเทศเป็นประจำ ๑.๑ ปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการ ลำดับที่ ๗ จาก ผู้แทนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็น ผู้แทนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ๑.๒ ปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ให้สอดคล้องและครอบคลุมการดำเนินงานในปัจจุบัน รวมทั้งความตกลงด้านการขนส่งทางบกที่ประเทศไทยจะจัดทำกับรัฐบาลต่างประเทศอื่น ๆ ในอนาคต ๒. คณะกรรมการอำนวยความสะดวกการขนส่งแห่งชาติ โดยปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ให้สอดคล้องและครอบคลุมการดำเนินงานในปัจจุบัน รวมทั้งการดำเนินการตามความตกลงด้านการขนส่งทางถนนระหว่างประเทศที่ประเทศไทยจะเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงภายใต้กรอบอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงในอนาคต สำหรับองค์ประกอบของคณะกรรมการคงเดิม ๓. คณะกรรมการประสานการขนส่งผ่านแดนแห่งชาติ ๓.๑ ปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการ ลำดับที่ ๑๖ จาก ผู้แทนกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็น ผู้แทนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ๓.๒ ปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ให้สอดคล้องและครอบคลุมการดำเนินงานในปัจจุบัน รวมทั้งการดำเนินการตามความตกลงด้านการขนส่งทางถนนระหว่างประเทศที่ประเทศไทยจะเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงภายใต้กรอบอาเซียน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17586 | รัฐบาลราชอาณาจักรสเปนเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม แห่งราชอาณาจักรสเปนประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายเอมิลิโอ เด มิเกล กาลาเบีย (Mr. Emilio de Miguel Calabia)] | กต | 30/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเอมิลิโอ เด มิเกล กาลาเบีย (Mr. Emilio de Miguel Calabia) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรสเปนประจำประเทศไทย โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นางสาวมาเรีย เดล การ์เมน โมเรโน ไรย์มุนโด (Ms. Maria del Carmen Moreno Raymundo) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17587 | การยกฐานะสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐมาดากัสการ์ประจำประเทศไทย เป็น สถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์สาธารณรัฐมาดากัสการ์ประจำประเทศไทย และการเลื่อนฐานะกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐมาดากัสการ์ประจำประเทศไทย เป็น กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์สาธารณรัฐมาดากัสการ์ประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายดานีล เดอเลอโว (Mr. Daniel Delevaux)] | กต | 30/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. ยกฐานะสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐมาดากัสการ์ประจำประเทศไทย เป็น สถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์สาธารณรัฐมาดากัสการ์ประจำประเทศไทย ๒. เลื่อนฐานะ นายดานีล เดอเลอโว (Mr. Daniel Delevaux) กงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐมาดากัสการ์ประจำประเทศไทย เป็น กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์สาธารณรัฐมาดากัสการ์ประจำประเทศไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17588 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 เรื่อง การปฏิรูปทนายความอาสา ทนายความขอแรง และที่ปรึกษากฎหมายของเด็กหรือเยาวชน | ยธ | 30/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. ๒๕๕๗ เรื่อง การปฏิรูปทนายความอาสา ทนายความขอแรง และที่ปรึกษากฎหมายของเด็กหรือเยาวชน ในประเด็นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ (๑) การปฏิรูประบบทนายความอาสา ทนายความขอแรง และที่ปรึกษากฎหมายของเด็กหรือเยาวชน (๒) การปฏิรูปด้านการประชาสัมพันธ์ และ (๓) การปฏิรูปด้านอื่น ๆ ไปพิจารณาดำเนินการ โดยให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานติดตามผลการดำเนินการและรายงานผลความคืบหน้าการดำเนินการของหน่วยงานต่าง ๆ ให้คณะรัฐมนตรีทราบทุก ๖ เดือน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17589 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับสาธารณรัฐเยเมน | กต | 30/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบรับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council : UNSC) ที่ ๒๓๔๒ (ค.ศ. ๒๐๑๗) เกี่ยวกับสาธารณรัฐเยเมน มีสาระสำคัญในการกำหนดและต่ออายุมาตรการลงโทษสาธารณรัฐเยเมนที่จำเป็น ซึ่งรวมถึงการห้ามส่งออกและส่งผ่านอาวุธไปยังสาธารณรัฐเยเมน การห้ามการเดินทางและการอายัดทรัพย์สิน โดยมีผลบังคับใช้จนถึงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ๒. มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานอัยการสูงสุดถือปฏิบัติและแจ้งผลการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการต่างประเทศทราบ เพื่อประโยชน์ในการรายงานต่อสหประชาชาติ (United Nations : UN) ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17590 | ร่างพระราชกำหนดการประมง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กษ | 30/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอขอถอนร่างพระราชกำหนดการประมง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ไปหารือร่วมกับกระทรวงแรงงานและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาอีกครั้งหนึ่ง ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีในคราวต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17591 | การจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency: IAEA) เกี่ยวกับการเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมของทบวงการฯ ในราชอาณาจักรไทย (Agreement between the Government of the Kingdom of Thailand and IAEA concerning the Hosting of IAEA Activities in the Kingdom of Thailand) | กต | 30/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติการลงนามร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency : IAEA) เกี่ยวกับการเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมของ IAEA ในราชอาณาจักรไทย (Agreement between the Government of the Kingdom of Thailand and IAEA concerning the Hosting of IAEA Activities in the Kingdom of Thailand) เพื่อกำหนดกรอบความร่วมมือเกี่ยวกับการเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมของ IAEA ในประเทศไทย ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบภายในประเทศ ครอบคลุมกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การประชุม การประชุมเชิงปฏิบัติการ และการฝึกอบรม โดยจะมีการลงนามในช่วงประชุม International Conference on the IAEA Technical Cooperation Programme : Sixty Years and Beyond Contributing to Development ระหว่างวันที่ ๓๐ พฤษภาคม-๑ มิถุนายน ๒๕๖๐ ณ สำนักงานใหญ่ กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย ๑.๒ อนุมัติให้เอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนา ในฐานะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติและองค์การระหว่างประเทศ ณ กรุงเวียนนา เป็นผู้แทนรัฐบาลไทยลงนามในความตกลงฯ ร่วมกับผู้อำนวยการใหญ่ IAEA โดยไม่ต้องอาศัยหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17592 | ท่าทีไทยและการลงนามในการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee: JTC) ระหว่างไทย - บังกลาเทศ ครั้งที่ 4 | พณ | 30/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบท่าทีไทยสำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย-บังกลาเทศ (Joint Trade Committee : JTC) ครั้งที่ ๔ ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ ๘-๙ มิถุนายน ๒๕๖๐ ณ กรุงธากา สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ โดยมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ การตั้งเป้าหมายทางการค้าและการขยายการลงทุน ความเป็นไปได้ในการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-บังกลาเทศ การให้สิทธิพิเศษในการยกเลิกภาษีนำเข้าและโควตาภายใต้ Duty Free Quota Free DFQF ความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ๑.๒ หากในการประชุมฯ มีผลให้มีการตกลงเรื่องความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าในประเด็นอื่น ๆ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าสองฝ่ายระหว่างไทยกับบังกลาเทศ โดยไม่มีการจัดทำเป็นความตกลงหรือหนังสือสัญญาขึ้นมา ให้กระทรวงพาณิชย์และผู้แทนไทยที่เข้าร่วมการประชุมฯ สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายรับรองผลการประชุมฯ รวมถึงเอกสารอื่น ๆ ที่เป็นผลจากการหารือขยายความร่วมมือเฉพาะด้าน (หากมี) ๑.๔ อนุมัติการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการซื้อขายข้าวระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลบังกลาเทศ เพื่อสนับสนุนความมั่นคงทางอาหาร (food security) ของบังกลาเทศ โดยมอบอำนาจให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มอบหมายให้เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิได้ทำให้สาระสำคัญในร่างบันทึกความเข้าใจฯ เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ให้อยู่ในดุลยพินิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มอบหมายที่จะดำเนินการได้ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศไม่ต้องออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มอบหมายให้เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดจุดยืนและยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนของไทยในการจัดทำความตกลงเสรีทางการค้ากับบังกลาเทศ และการใช้ศักยภาพของบังกลาเทศเพื่อเป็นประตูการค้าเชื่อมโยงไปยังกลุ่มประเทศในองค์การความร่วมมืออิสลาม (Organisation of Islamic Cooperation : OIC) และควรให้ความสำคัญกับการเจรจาในประเด็นการขจัดอุปสรรคทางการค้าทั้งมาตรการทางภาษีและมาตรการที่มิใช่ภาษีของทั้งสองประเทศ รวมทั้งพิจารณาความร่วมมือเพื่อช่วยเหลือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของบังกลาเทศเพื่อสนับสนุนการขยายมูลค่าการค้าระหว่างกันเป็นสองเท่าหรือประมาณ ๑.๘ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใน ๕ ปี (ปี ๒๕๖๕) ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนท่าทีไทย เอกสารผลการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ระหว่างไทย-บังกลาเทศ ครั้งที่ ๔ หรือบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการซื้อขายข้าวระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลบังกลาเทศ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17593 | ร่างบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารแห่งประเทศญี่ปุ่นและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และดิจิทัล | ดศ | 30/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในร่างบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารแห่งประเทศญี่ปุ่นและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และดิจิทัล (Memorandum of Cooperation between the Ministry of Internal Affairs and Communications of Japan and the Ministry of Digital Economy and Society of the Kingdom of Thailand on Cooperation in the Field of Information, Communications and Digital Technology) มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนในสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และดิจิทัล ระหว่างสองประเทศใน ๖ สาขา ได้แก่ ความร่วมมือด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและข้อมูลที่เกี่ยวข้องในการตรวจอากาศและการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ การแบ่งปันความรู้ในด้านเทคโนโลยีนวัตกรรม การบริการและแอปพลิเคชันด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และดิจิทัล การพัฒนาบุคลากรในสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และดิจิทัล ความร่วมมือด้านไปรษณีย์ และความร่วมมือด้านอื่น ๆ ของไอซีทีและแอปพลิเคชันดิจิทัลที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงร่วมกัน โดยจะมีการลงนามร่างบันทึกความร่วมมือฯ ในวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๐ ระหว่างการเยือนประเทศญี่ปุ่นของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และคณะ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมอบหมาย เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความร่วมมือฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความร่วมมือฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17594 | ผลการเยือนญี่ปุ่นของรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) | นร04 | 30/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนญี่ปุ่นของรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๙ เมษายน ๒๕๖๐ มีวัตถุประสงค์เพื่อหารือแนวทางปฏิบัติของญี่ปุ่นเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินสะอาด การฝึกอบรมและการวิจัยและพัฒนาเพื่อเตรียมบุคลากรรองรับกิจการด้านดาวเทียม ระบบรางและรถไฟความเร็วสูง การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (smart city) และนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยได้ประชุมและหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (METI) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน คมนาคมและการท่องเที่ยวญี่ปุ่น (JETRO) และประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) ในเรื่องการนำเทคโนโลยีของญี่ปุ่นไปใช้กับโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะ การสนับสนุนบริษัทญี่ปุ่นในโครงการปิโตรเลียมแหล่งเอราวัณ โครงการพัฒนาดาวเทียมในไทย การสนับสนุนการพัฒนาโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) การพัฒนาบุคลากรด้านระบบราง โครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ-กัวลาลัมเปอร์ รวมทั้งศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้บริหารของบริษัท/หน่วยงานต่าง ๆ ในญี่ปุ่น เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินนะคะโสะ จังหวัดฟุคุชิมะ บริษัท Mitsubishi Electric และ Tokyo Institute of Technology เป็นต้น และมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17595 | การจัดทำสนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับยูเครนว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันทางกฎหมายในเรื่องทางอาญา | กต | 30/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบการลงนามและให้สัตยาบันสนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับยูเครนว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันทางกฎหมายในเรื่องทางอาญา โดยสาระสำคัญของร่างสนธิสัญญาฯ เป็นไปตามสนธิสัญญาฉบับเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติ (๓ เมษายน ๒๕๕๐) อนุมัติให้มีการลงนามและให้สัตยาบันสนธิสัญญาดังกล่าวแล้ว ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย ๓. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนามในข้อ ๒ ในกรณีที่ผู้ลงนามไม่ใช่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ๔. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำสัตยาบันสารเพื่อให้สัตยาบันสนธิสัญญาฯ ในโอกาสอันเหมาะสมตามที่จะตกลงกับฝ่ายยูเครนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17596 | ขอให้พิจารณานำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน 3 ฉบับ) | สลธ.คสช. | 30/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน ๓ ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๗/๒๕๖๐ เรื่อง การพัฒนาการศึกษาของประเทศด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ลงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ ๒. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๘/๒๕๖๐ เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ลงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ ๓. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๙/๒๕๖๐ เรื่อง การส่งเสริมการจัดการศึกษาโดยสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศ ลงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17597 | การระดมทุนผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund) ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย | กค | 30/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการระดมทุนผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund) ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยไม่มีกลไกการรับประกันผลตอบแทนสำหรับการระดมทุนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทยผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา อาทิ การกำหนดอัตราคิดลดลงให้อยู่ในระดับที่ไม่สูงไปกว่าการระดมทุนของกองทุนรวมอื่น ๆ และใกล้เคียงกับต้นทุนทางการเงินในการกู้เงินหรือการออกพันธบัตร การปรับลดระยะเวลาของสัญญาโอนและรับโอนสิทธิในรายได้ค่าผ่านทาง (RTA) ความคล่องตัวและความเป็นอิสระในการบริหารงานของ กทพ. การศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบในการใช้แหล่งเงินจากการระดมทุนผ่านกองทุนรวมฯ และให้ความสำคัญกับการพัฒนาและถ่ายทอดความรู้ด้านการบริหารจัดการการเงินสมัยใหม่ให้แก่บุคลากรของ กทพ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมายที่จะดำเนินการระดมทุนผ่านกองทุนรวมฯ ในระยะต่อไป รวมทั้งความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงคมนาคม กทพ. ร่วมกับกระทรวงการคลังเร่งจัดทำร่างสัญญาโอนและรับสิทธิโอนในรายได้ (Revenue Transfer Agreement : RTA) รวมทั้งรายละเอียดในด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จเพื่อส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจพิจารณาโดยเร็วต่อไป ๑.๒ ให้คณะกรรมการเพื่อเตรียมการจัดตั้งและกำกับการดำเนินงานของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (กองทุนรวมฯ) พิจารณากำหนดสัดส่วนผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมฯ ให้ชัดเจน เหมาะสม โดยให้ประชาชนรายย่อยในประเทศเป็นสัดส่วนหลักของกองทุนรวมฯ และให้ภาครัฐร่วมถือหน่วยลงทุนด้วยในระดับที่เหมาะสมเพื่อให้กองทุนรวมฯ มีความมั่นคงและสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน รวมทั้งให้กำหนดแผนปฏิบัติการและระยะเวลาในการดำเนินการเพื่อการจัดตั้งกองทุนรวมฯ ตามขั้นตอนที่เหลืออยู่ให้มีความชัดเจน เหมาะสม เพื่อให้กองทุนรวมฯ สามารถเริ่มระดมทุนได้ตามแผนที่กำหนดไว้ รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคม และ กทพ. เร่งเตรียมการในส่วนของโครงการที่จะใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนของกองทุนรวมฯ ให้แล้วเสร็จเพื่อให้สอดรับกับแผนการระดมทุนของกองทุนรวมฯ และให้ทั้งสองส่วนสามารถดำเนินการควบคู่กันไปอย่างมีประสิทธิภาพตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงความคืบหน้าของการจัดตั้งกองทุนรวมฯ เหตุผลความจำเป็น และผลประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศในภาพรวม ตลอดจนผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการลงทุนผ่านกองทุนรวมฯ ซึ่งเป็นแหล่งออมเงินรูปแบบใหม่ที่มีความมั่นคง เพื่อดึงดูดให้ประชาชนที่สนใจเข้าร่วมลงทุนในกองทุนรวมฯ ได้อย่างทั่วถึง ทั้งนี้ ให้เสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมฯ แก่ประชาชนรายย่อยในประเทศเป็นลำดับแรก ก่อนดำเนินการเสนอขายให้นักลงทุนรายใหญ่และนักลงทุนสถาบันต่อไป ๓. ในการสรรหาผู้บริหารกองทุนรวมฯ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับการดำเนินการให้ถูกต้อง โปร่งใส เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยให้พิจารณาคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการบริหารกองทุนโดยตรง เพื่อให้การบริหารงานเป็นไปด้วยความมีประสิทธิภาพและเป็นแหล่งเงินทุนใหม่ในการสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ ๔. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17598 | ท่าทีไทยในการประชุม United Nations Conference to Support the Implementation of Sustainable Development Goal 14 | ทส | 30/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติท่าทีไทยสำหรับการประชุม United Nations Conference to Support the Implementation of Sustainable Development Goal 14 ซึ่งกำหนดจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๕-๙ มิถุนายน ๒๕๖๐ ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยในการประชุมฯ จะมีการแสดงท่าทีว่า ประเทศไทยมีเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากมหาสมุทร ทะเล และทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนกับประชาคมโลก มีความก้าวหน้าที่ชัดเจนตามเป้าประสงค์ต่าง ๆ และมีการดำเนินงานสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยจะประกาศคำมั่นโดยสมัครใจ (Voluntary Commitments) ใน ๓ หัวข้อ ได้แก่ (๑) การประมงยั่งยืน (๒) หัวข้อมลพิษทางทะเล และ (๓) หัวข้อการบริหารจัดการ ปกป้องและอนุรักษ์ระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง ๒. เห็นชอบร่างเอกสาร Our Ocean, Our Future : Call for Action ซึ่งจะมีการรับรองในการประชุมฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองในการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเป้าหมายที่ ๑๔ ให้ได้ตามกำหนดเวลา ๓. เห็นชอบร่างเนื้อหาคำมั่นโดยสมัครใจ (Voluntary Commitments) ที่ประเทศไทยจะประกาศ ๔. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสาร Our Ocean, Our Future : Call for Action และร่างเนื้อหาคำมั่นโดยสมัครใจที่ประเทศไทยจะประกาศที่มิใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้เป็นดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเป็นผู้พิจารณาโดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาใหม่
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17599 | ท่าทีไทยและแถลงข่าวร่วมสำหรับการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงไทย - ญี่ปุ่น ครั้งที่ 3 | กต | 30/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ท่าทีไทยสำหรับการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงระหว่างไทย-ญี่ปุ่น (Thailand-Japan High Level Joint Commission : HLJC) ครั้งที่ ๓ มีประเด็นสำคัญ เช่น (๑) ความร่วมมือในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) (๒) ความร่วมมือด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) (๓) แผนแม่บทเพื่อพัฒนาประเทศ CLMVT (๔) การพัฒนาระบบรางในไทย และ (๕) ความร่วมมือเรื่องสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นต้น และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องใช้ท่าทีไทยข้างต้นประกอบการหารือสำหรับการประชุม HLJC ครั้งที่ ๓ ระหว่างวันที่ ๔-๘ มิถุนายน ๒๕๖๐ ณ ประเทศญี่ปุ่น ๑.๒ ร่างแถลงข่าวร่วมเพื่อใช้เป็นผลการประชุม HLJC ครั้งที่ ๓ ทั้งนี้ หากฝ่ายญี่ปุ่นมีข้อแก้ไขต่อร่างแถลงข่าวร่วมดังกล่าว แต่ไม่มีนัยสำคัญต่อนโยบายของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศมีอำนาจแก้ไขเพิ่มเติมได้ โดยไม่ต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดให้มีกลไกติดตามและประเมินผลการขับเคลื่อนดำเนินงานตามผลการประชุม HLJC ครั้งที่ ๓ เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้โดยเฉพาะด้านการทบทวนทั่วไปความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) ซึ่งยังคงมีประเด็นการปฏิบัติตามพันธกรณีในโครงการพัฒนาบุคคลในอุตสาหกรรมยานยนต์ สำหรับท่าทีไทยด้านการลงทุน เห็นควรให้ญี่ปุ่นแก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคด้านลงทุนแก่นักธุรกิจไทยด้วยทั้งในเรื่องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในญี่ปุ่น การขอวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน และขั้นตอนการหักชำระภาษี เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนท่าทีไทยและร่างแถลงข่าวร่วมสำหรับการประชุม HLJC ครั้งที่ ๓ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17600 | ร่างบันทึกความร่วมมือด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในภาคอุตสาหกรรมของไทยและอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงระหว่างกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทย | กต | 30/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามร่างบันทึกความร่วมมือด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในภาคอุตสาหกรรมของไทยและอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงระหว่างกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทย (Memorandum of Cooperation between the Ministry of Foreign Affairs of Japan and the Ministry of Foreign Affairs of the Kingdom of Thailand on Industrial Human Resources Development in Thailand and the Mekong Sub-region) มีสาระสำคัญครอบคลุมประเด็นสำคัญ ได้แก่ (๑) ข้อริเริ่มระหว่างไทยกับญี่ปุ่นด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในภาคอุตสาหกรรมของไทย (Thai-Japanese Industrial HRD Cooperation Initiative) ที่เกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาไทย-ญี่ปุ่น และความร่วมมือระหว่างอุตสาหกรรมไทย-ญี่ปุ่น (๒) การส่งเสริมความร่วมมือด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ยานยนต์ ระบบราง การเกษตร เป็นต้น (๓) การหารือความร่วมมือด้านทุนมนุษย์ในภาคอุตสาหกรรมของไทยเพิ่มเติมผ่านคณะอนุกรรมการว่าด้วยการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และ (๔) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงให้มากขึ้นในด้านเกษตรอัจฉริยะ เครื่องจักรกลอัจฉริยะ และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยจะมีการลงนามในบันทึกความร่วมมือฯ ในการเยือนญี่ปุ่นของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ระหว่างวันที่ ๔-๘ มิถุนายน ๒๕๖๐ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล) เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความร่วมมือฯ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้มีการสร้างความร่วมมือในการพัฒนาแรงงานในอุตสาหกรรมในระยะสั้น โดยร่วมมือกับสถาบันเฉพาะทางของอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สถาบันยานยนต์ เป็นต้น เพื่อให้สามารถยกระดับทักษะแรงงานรองรับการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมเป้าหมายในระยะเร่งด่วน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความร่วมมือฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
.....