ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 525 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 10481 - 10500 จากข้อมูลทั้งหมด 124251 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
10481 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ | นร.12 | 29/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
จำนวน ๑๐ คน ตามมติคณะกรรมการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงาน
ก.พ.ร.
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ
ดังนี้ ๑. รองศาสตราจารย์วรากรณ์ สามโกเศศ (ด้านการเงินการคลัง) ๒. นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล (ด้านเศรษฐศาสตร์) ๓. นายนรชิต สิงหเสนี (ด้านรัฐศาสตร์) ๔. นายไมตรี อินทุสุต (ด้านรัฐศาสตร์) ๕. ศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ (ด้านนิติศาสตร์) ๖. นายปกรณ์
นิลประพันธ์ (ด้านนิติศาสตร์) ๗. ศาสตราจารย์พิเศษทศพร ศิริสัมพันธ์ (ด้านบริหารรัฐกิจ) ๘. นายประเสริฐ
บุญสัมพันธ์ (ด้านบริหารธุรกิจ) ๙ หม่อมหลวงพัชรภากร เทวกุล (ด้านจิตวิทยาองค์การ) ๑๐. นายบัณฑูร
เศรษฐศิโรตม์ (ด้านสังคมวิทยา)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10482 | ขอเสนอชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ) | กค. | 29/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะว่าง เนื่องจาก นายวิรไท สันติประภพ
จะครบวาระการดำรงตำแหน่ง ในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10483 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวสุวรรณ ด่านวรพงศ์) | สธ. | 29/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นางสาวสุวรรณ ด่านวรพงศ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) โรงพยาบาลหาดใหญ่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๓
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10484 | รายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work from Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ รายสัปดาห์ ครั้งที่ 10 | นร10 | 21/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ รายสัปดาห์ ครั้งที่ ๑๐ ณ วันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ซึ่งได้รับข้อมูลจาก ๑๔๗ ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๙๙ ของส่วนราชการทั้งหมด (๑๔๘ ส่วนราชการ) ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการ (Work From Home) ๑.๑ ส่วนราชการร้อยละ ๕๓ (๗๘ ส่วนราชการ) มีการมอบหมายให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการ ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา (สัปดาห์ที่ผ่านมา คือ ร้อยละ ๗๖ จำนวน ๑๑๑ ส่วนราชการ) โดยในจำนวนนี้มีส่วนราชการร้อยละ ๑๒ (๑๗ ส่วนราชการ) มอบหมายให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง และส่วนราชการร้อยละ ๒๑ (๓๑ ส่วนราชการ) กำหนดให้มีจำนวนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งร้อยละ ๕๐ ขึ้นไป (สัปดาห์ที่ผ่านมาคือ ร้อยละ ๒๙ จำนวน ๔๓ ส่วนราชการ) ๑.๒ ส่วนราชการร้อยละ ๔๗ (๖๙ ส่วนราชการ) มีการมอบหมายให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานทุกคนปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา (สัปดาห์ที่ผ่านมาคือ ร้อยละ ๒๔ จำนวน ๓๖ ส่วนราชการ) ๒. การเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ มีส่วนราชการกำหนดให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่เหลื่อมเวลาการปฏิบัติงานเพิ่มมากขึ้น เมื่อต้องปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ ส่วนใหญ่ร้อยละ ๕๐ (๗๔ ส่วนราชการ) กำหนดการเหลื่อมเวลาการปฏิบัติงานเป็น ๓ ช่วงเวลา คือ เวลา ๐๗.๓๐-๑๕.๓๐ น. เวลา ๐๘.๓๐-๑๖.๓๐ น. และเวลา ๐๙.๓๐-๑๗.๓๐ น. (สัปดาห์ที่ผ่านมาคือ ร้อยละ ๔๔ จำนวน ๖๕ ส่วนราชการ) และส่วนราชการร้อยละ ๑๐ (๑๕ ส่วนราชการ) กำหนดให้เหลื่อมเวลาการปฏิบัติงานมากกว่า ๓ ช่วงเวลา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10485 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม 2563) | นร04 | 21/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๑๔ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ วันพุธที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๑๕ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10486 | รายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work from Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ | กค | 21/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง (สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ) จำนวน ๕๕ แห่ง ช่วงระหว่างวันที่ ๖-๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ (ปฏิบัติงานที่บ้านหรือที่พักหรือสถานที่ตามที่รัฐวิสาหกิจกำหนด) รัฐวิสาหกิจ ๑๘ แห่ง ยังคงดำเนินนโยบายการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง โดยมีรัฐวิสาหกิจ ๓๗ แห่ง ที่ให้พนักงานกลับมาปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งตามปกติแล้ว เพิ่มขึ้น ๖ แห่งจากสัปดาห์ก่อนหน้า (ช่วงระหว่างวันที่ ๒๙ มิถุนายน-๓ กรกฎาคม ๒๕๖๓) ทั้งนี้ จากจำนวนพนักงานและลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด จำนวน ๒๗๒,๔๖๖ คน มีพนักงานและลูกจ้างปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง จำนวน ๓๑,๒๑๘ คน หรือคิดเป็นร้อยละ ๕ ๒. การปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ (การปฏิบัติงานเหลื่อมเวลา) รัฐวิสากิจ ๒๓ แห่ง ยังคงดำเนินนโยบายการปฏิบัติงานเหลื่อมเวลา โดยมีรัฐวิสาหกิจยกเลิกนโยบายการปฏิบัติงานเหลื่อมเวลาเพิ่มขึ้น ๓ แห่งจากสัปดาห์ก่อนหน้า (ช่วงระหว่างวันที่ ๒๙ มิถุนายน-๓ กรกฎาคม ๒๕๖๓) โดยมีช่วงเวลาเริ่มปฏิบัติงานเหลื่อมเวลาตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐ น.-๑๐.๓๐ น.
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10487 | รายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทาน | นร01 | 21/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทาน ประจำเดือนเมษายน ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดตั้งชุดปฏิบัติการจิตอาสาภัยพิบัติประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ปัจจุบัน อปท. ทุกแห่ง ได้จัดตั้งชุดปฏิบัติการจิตอาสาภัยพิบัติฯ ครบเรียบร้อยแล้ว และมีการบันทึกรายชื่อผู้สมัครในระบบรายงานแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Report) ของกรมการปกครองแล้ว ๔๒๕,๔๑๘ คน และมีการฝึกอบรมชุดปฏิบัติการจิตอาสาภัยพิบัติประจำ อปท. ๕๘ จังหวัด ๑,๑๙๓ อปท. โดยมีผู้ผ่านการอบรม ๖๑,๙๖๔ คน ๒. การสำรวจข้อมูลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด ๒๐๑๙ มีผลการดำเนินการ ได้แก่ (๑) ประชาชนมีความประสงค์ได้รับการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพในโครงการฟาร์มตัวอย่างอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ๓,๔๖๗ คน (๒) ประชาชนที่อาศัยอยู่รอบพระราชวัง/พระตำหนักในพื้นที่ ๕ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (พระราชวังบางปะอิน) จังหวัดเชียงใหม่ (พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์) จังหวัดสกลนคร (พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (พระราชวังไกลกังวล) และจังหวัดนราธิวาส (พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์) ได้รับความเดือดร้อน ๒, ๓๕๗ คน และ (๓) ประชาชนได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่จังหวัดที่มีคำสั่ง/ประกาศปิดพื้นที่เป็นการชั่วคราว ได้รับถุงยังชีพ ๘๓,๐๓๐ คน ๓. การดำเนินการจัดกิจกรรม “จิตอาสาต้านภัยแล้ง การประสานความร่วมมือการแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างยั่งยืน” ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทานได้ดำเนินการจัดกิจกรรมในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา (จังหวัดต้นแบบ) และจังหวัดที่มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) แล้ว ๑,๔๐๔ ครั้ง ๔. การประชุมติดตามความก้าวหน้าการดำเนินโครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองเปรมประชากร โดยกระทรวงมหาดไทยได้จัดประชุม เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๓ โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยาสำรวจข้อมูลสะพานไม้ข้ามคลองเปรมประชากรในพื้นที่ว่า มีสภาพเหมาะสมต่อการใช้งานมากน้อยเพียงใด และจังหวัดได้มีการบริหารจัดการหรือกำหนดแนวทางการพัฒนา เช่น การก่อสร้างสะพานคอนกรีตทดแทน รวมทั้งแนวทางอื่น ๆ ที่เหมาะสมอย่างไร ๕. ข้อมูลจำนวนจิตอาสาและกิจกรรมจิตอาสา ณ วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๓ มีจิตอาสาลงทะเบียน ๖,๖๓๔,๕๘๕ คน จัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา ๔๕,๖๙๔ ครั้ง และกิจกรรมจิตอาสาภัยพิบัติ ๔๗๒ ครั้ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10488 | รายงานประจำปี 2562 ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | ศธ | 21/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๒ ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานของ สสวท. ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้แก่ (๑) การพัฒนาหลักสูตร สื่อ และกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นปฏิบัติการและการสร้างความเข้าใจในระดับที่เหมาะสมกับนักเรียนแต่ละกลุ่มโดยใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ (๒) ขับเคลื่อนการพัฒนาและยกระดับการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีผ่านเครือข่าย สสวท. ให้มีคุณภาพทั่วประเทศอย่างเป็นระบบ (๓) การขับเคลื่อนกระบวนการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ให้เน้นความเข้าใจ ลงมือปฏิบัติการ และสามารถนำไปใช้จริงทั้งในและนอกระบบตามแนวทาง สสวท. (๔) เร่งรัดพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี เพื่อเป็นกำลังในการพัฒนาประเทศด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมตามนโยบายประเทศไทย ๔.๐ (๕) ส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กรและประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มการยอมรับ สสวท. ในฐานะผู้นำการเปลี่ยนแปลงการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ของเยาวชนให้ทันสมัย (๖) การปรับการเรียนเปลี่ยนวิธีการสอนของครูวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ตามแนวทางสะเต็มศึกษาในทุกจังหวัดและทุกเขตพื้นที่การศึกษาทุกจังหวัด และ (๗) การพัฒนาเด็กปฐมวัยอย่างมีคุณภาพด้วยการจัดประสบการณ์เรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และสะเต็มศึกษา ๒. รายงานการเงินของ สสวท. ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบแล้วเห็นว่า รายงานการเงินของ สสวท. และผลการดำเนินงานทางการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกัน โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายทางการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10489 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำ ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. .... | กษ | 21/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เพื่อลดภาระและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องและประโยชน์ที่จะได้รับให้แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมถึงการพิจารณาหาแนวทางที่เหมาะสมเพื่อให้กลุ่มผู้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) สามารถดำรงอยู่ได้ท่ามกลางสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยการให้คำปรึกษาและให้ความรู้แก่ผู้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน การวางแผนการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาด การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแบบผสมผสาน ตลอดจนการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ทั้งในด้านการแปรรูปผลผลิตส่วนเกิน และการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าในทุกมิติ นอกจากนี้ ควรดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓ ในการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานภาครัฐในการบริหารราชการ และให้บริการประชาชนในสภาวะวิกฤต ที่มุ่งเน้นการนำระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) รวมทั้งเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารงานและให้บริการประชาชน โดยเร่งดำเนินการพัฒนาการให้บริการทั้งในการยื่นคำขอ ชำระค่าธรรมเนียม และรับใบอนุญาตดังกล่าว ผ่านระบบ e-Service เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายต้นทุนการผลิตของผู้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในอีกทางหนึ่ง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10490 | ขอความเห็นชอบต่อการตอบรับคำเชิญผูกพันต่อกรรมสารของ CECD Council ที่เกี่ยวกับการยอมรับร่วมของข้อมูลเรื่องการประเมินสารเคมี | สธ | 21/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการตอบรับคำเชิญผูกพันต่อกรรมสารของ OECD Council ที่เกี่ยวกับการยอมรับร่วมของข้อมูลเรื่องการประเมินสารเคมี ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยควรพิจารณาประเด็นกฎหมาย กฎระเบียบในปัจจุบันว่าสามารถดำเนินการและยอมรับข้อมูลจากประเทศภาคี OECD มาใช้ในประเทศได้หรือไม่ รวมทั้งการนำมาตรฐานขององค์การระหว่างประเทศอื่น มาใช้หรือยึดโยงในบริบทของไทยในหลายเรื่อง จะต้องมีการเลือกสรรโดยมุ่งประโยชน์สูงสุดที่ไทยจะได้รับ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุข (กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์) เร่งจัดทำแผนการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางการค้าสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องทดสอบความปลอดภัยที่ไม่ได้ทดลองในคนตามหลักปฏิบัติที่ดีของห้องปฏิบัติการของ OECD และรายงานความคืบหน้าให้คณะกรรมการมาตรฐานแห่งชาติทราบ ตามมติคณะกรรมการมาตรฐานแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๘-๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๑ เพื่อรองรับการเข้าร่วมผูกพันต่อกรรมสารของ OECD Council ของไทยในครั้งนี้ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10491 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนมิถุนายน 2563 | นร11 | 21/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนมิถุนายน ๒๕๖๓ ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น การจัดทำโครงการสำคัญเพื่อบรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ การเตรียมการปรับปรุงแผนแม่บท และการรายงานสรุปผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ ประจำปี ๒๕๖๒ และรายงานสรุปผลการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ ประจำปี ๒๕๖๒ ต่อสภาผู้แทนราษฎร และต่อสมาชิกวุฒิสภา เป็นต้น ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10492 | การเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร07 | 21/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10493 | รายงานผลการดำเนินงานของระบบประกันภัยและพัฒนาการที่สำคัญ รอบ 12 เดือน ปี 2562 | กค | 21/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของระบบประกันภัยและพัฒนาการที่สำคัญในรอบ ๑๒ เดือน ปี ๒๕๖๒ ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ประกอบด้วย ภาพรวมธุรกิจประกันภัยของไทยในรอบ ๑๒ เดือน ปี ๒๕๖๒ ผลการดำเนินงานที่สำคัญตามนโยบายรัฐบาลและภายใต้แผนพัฒนาการประกันภัย ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓) การประเมินผลการดำเนินงานตามมาตรการและแผนการดำเนินงานปี ๒๕๖๒ ของสำนักงาน คปภ. และผลการสำรวจความพึงพอใจของผู้รับบริการด้านการประกันภัยกับสำนักงาน คปภ. ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคในปี ๒๕๖๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10494 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 3/2563 | สกพอ | 21/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10495 | การแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี | นร | 21/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๑๔/๒๕๖๓ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10496 | โครงการพัฒนาระบบไฟฟ้าแบบโครงข่ายไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (Microgrid) บนพื้นที่เกาะพะลวย จังหวัดสุราษฎร์ธานี | มท | 21/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10497 | ขอความเห็นชอบต่อร่างแผนปฏิบัติการด้านความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจอาเซียน - ญี่ปุ่น | พณ | 21/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการด้านความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น (ASEAN-Japan Economic Resilience Action Plan) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างเอกสารดังกล่าว โดยร่างแผนปฏิบัติการด้านความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น เป็นเอกสารที่จะมีการรับรองโดยไม่มีการลงนาม ในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น (AEM-METI) สมัยพิเศษ ว่าด้วยโควิด-๑๙ ผ่านระบบการประชุมทางไกล ในวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๓ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแนวทางความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับญี่ปุ่นในการตอบสนองต่อความท้าทายทางเศรษฐกิจต่าง ๆ จากการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการรักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจอันใกล้ชิดระหว่างอาเซียนกับญี่ปุ่น การบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ และการเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ รวมทั้งการกำหนดมาตรการทางยุทธศาสตร์และแนวทางการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10498 | ร่างกรอบความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการระดมทุนและการสร้างตลาดทุนเพื่อโครงสร้างพื้นฐานไทย - สหรัฐอเมริกา | กค | 21/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10499 | ผลการคัดเลือกเอกชนและร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 81 สายบางใหญ่ - กาญจนบุรี สำหรับการให้เอกชนร่วมลงทุนในการดำเนินงานและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance : O&M) และการชี้แจงประเด็นข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุดและความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ | คค | 21/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10500 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารชุดที่พักอาศัยข้าราชการพร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ จำนวน 1 หลัง สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนนทบุรี | ยธ | 21/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม (กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน) เปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณจากที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม จากรายการอาคารชุดที่พักอาศัยข้าราชการ ขนาด ๑๘ ยูนิต จำนวน ๑ หลัง สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนนทบุรี เป็นรายการก่อสร้างอาคารชุดที่พักอาศัยข้าราชการ ขนาด ๑๒ ยูนิต จำนวน ๑ หลัง พร้อมส่วนประกอบ สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดนนทบุรี ตำบลไทรน้อย อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี วงเงิน ๑๖,๔๑๙,๐๐๐ บาท และให้กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนเร่งดำเนินโครงการดังกล่าวให้ทันต่อสถานการณ์ รวมทั้งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วน อย่างโปร่งใส คุ้มค่า ประหยัด โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ และเมื่อกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามนัยพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ จนได้ข้อยุติแล้ว กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจะต้องขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบความเหมาะสมของราคาก่อนทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงยุติธรรม (กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน) รับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการจัดองค์ประกอบโครงการที่อยู่อาศัยให้ครอบคลุมกับการใช้ชีวิตของผู้อาศัยทุกเพศวัย ภายใต้แนวคิดการออกแบบเพื่อคนทั้งมวล (Universal Design) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. การดำเนินการแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ในครั้งต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน) ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการ และการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ) อย่างเคร่งครัดด้วย
|