ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 524 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 10461 - 10480 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
10461 | การแต่งตั้งผู้ไปปฏิบัติงานตามมติคณะรัฐมนตรีกลับเข้ารับราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายพสิษฐ์ อัศววัฒนาพร) | ยธ | 09/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายพสิษฐ์ อัศววัฒนาพร ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเฉพาะด้านกฎหมายมหาชน (นิติกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ ทั้งนี้ ในส่วนของเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และค่าตอบแทนพิเศษนอกเหนือจากเงินเดือน ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10462 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้เหรียญตัวเปล่าโลหะเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ | 09/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้เหรียญตัวเปล่าโลหะเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๙๓) พ.ศ. ๒๕๓๖ ลงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๓๖ โดยกำหนดให้เหรียญตัวเปล่าโลหะเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร และกำหนดชนิดราคา ลักษณะ ขนาด น้ำหนัก และส่วนผสมของเหรียญตัวเปล่าโลหะให้สอดคล้องกับเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนที่ใช้ในปัจจุบัน จำนวน ๙ ชนิดราคา ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10463 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มกรณีการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ (e-Service)] | กค | 09/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มกรณีการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ (e-Service)] ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปรับปรุงหลักเกณฑ์ในการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักรซึ่งประกอบกิจการให้บริการโดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามประมวลรัษฎากร โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ในต่างประเทศแก่ผู้ที่ไม่ได้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในประเทศ และได้มีการใช้บริการนั้นในประเทศ หากผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ในต่างประเทศมีรายรับจากการให้บริการดังกล่าวเกิน ๑.๘ ล้านบาทต่อปี ให้ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และให้มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10464 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. .... | นร11 | 09/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. ๒๕๕๖ และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารการพัฒนาพื้นที่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. ๒๕๕๘ และปรับปรุงขึ้นใหม่ โดยกำหนดพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจ และกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ รวมทั้งกำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรกำหนดบทเฉพาะกาลให้มีความชัดเจน เพื่อรองรับการดำเนินการเกี่ยวกับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ได้ดำเนินการไว้แล้วก่อนวันที่ร่างระเบียบฯ มีผลใช้บังคับ ไปประกอบการตรวจพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เช่น (๑) การกำหนดเป้าหมายการพัฒนาในแต่ละเขตเศรษฐกิจพิเศษ ควรพิจารณาเชื่อมโยงการลงทุนทางเศรษฐกิจให้สอดรับกับการเพิ่มศักยภาพสินค้าเกษตรที่สำคัญของแต่ละพื้นที่ เพื่อให้นโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าวเป็นไปอย่างยั่งยืน และตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้ในทุกมิติ (๒) การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษควรดำเนินการโดยคำนึงถึงความเหมาะสมและสอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ และ (๓) ควรมีการวางแผนภาพรวมของเขตพัฒนาพิเศษแต่ละแห่ง เพื่อกำหนดบทบาทของการพัฒนาไม่ให้แข่งขันกัน แต่สามารถสนับสนุนกัน และควรเปิดโอกาสให้ประชาชน หรือตัวแทนชุมชนในพื้นที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาด้วย รวมทั้งควรมีการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ เพื่อให้เกิดการยอมรับจากประชาชนและชุมชนในพื้นที่ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาสนับสนุนให้มีการลงทุนและการจ้างแรงงานในด้านการสาธารณสุขในเขตเศรษฐกิจพิเศษโดยให้มีการประเมินผลการดำเนินการและเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ รวมทั้งร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามนโยบาย BCG Model |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10465 | ร่างพระราชกฤษฎีกายกเว้นคุณสมบัติและลักษณะในเรื่องทุนและอำนาจการบริหารกิจการของผู้ขอรับใบอนุญาตผลิตอากาศยาน ผู้ขอรับใบอนุญาตผลิตส่วนประกอบสำคัญของอากาศยาน และผู้ขอรับใบรับรองหน่วยซ่อมประเภทที่หนึ่ง พ.ศ. .... | คค | 09/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10466 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบูรณาการเพื่อพัฒนาความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางสังคม พ.ศ. .... | นร11 | 09/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบูรณาการเพื่อพัฒนาความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางสังคม พ.ศ. .... ที่คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ ได้ตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีคณะกรรมการบูรณาการเพื่อพัฒนาความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางสังคม เพื่อเป็นเครื่องมือและกลไกในการพัฒนาความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางสังคมอย่างบูรณาการ มีประสิทธิภาพ และยั่งยืนตามแนวทางการพัฒนาประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายรัฐบาล และการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10467 | รายงานผลการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำฤดูแล้ง ปี 2562/63 และการเตรียมความพร้อมรองรับฤดูฝน ปี 2563 | นร14 | 09/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูแล้ง ปี ๒๕๖๒/๖๓ และการเตรียมความพร้อมรองรับฤดูฝน ปี ๒๕๖๓ โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับสรุปผลการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำฤดูแล้ง ปี ๒๕๖๒/๖๓ การวางแผนการจัดสรรน้ำและการเพาะปลูกในฤดูฝน ปี ๒๕๖๓ เช่น การประเมินปริมาณน้ำต้นทุนฤดูฝน ปี ๒๕๖๓ และการบริหารจัดการอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ๓๕ แห่ง ในช่วงฤดูฝน ปี ๒๕๖๓ เป็นต้น และการเตรียมการบริหารจัดการน้ำเพื่อรองรับในฤดูฝน ปี ๒๕๖๓ ซึ่งได้เริ่มดำเนินการบางมาตรการแล้ว เช่น การคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงอุทกภัย การปรับแผนการเพาะปลูกพืช และการจัดทำหลักเกณฑ์และมาตรการที่สำคัญในการบริหารจัดการน้ำ เป็นต้น และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการเตรียมความพร้อมรองรับฤดูฝน ปี ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติร่วมกับกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบรวมข้อมูลแหล่งกักเก็บน้ำทั่วประเทศและแหล่งกักเก็บน้ำตามธรรมชาติ รวมทั้งปริมาณน้ำที่กักเก็บได้ เพื่อเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการปริมาณน้ำต้นทุน และจัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำในระยะยาวต่อไป ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการกำหนดพื้นที่ป่าเป็นแหล่งซับน้ำฝน โดยมีการสร้างเขื่อนหรือฝายเพื่อกักกันหรือชะลอการไหลของน้ำในจุดที่เหมาะสม เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณน้ำใต้ดินและเป็นประโยชน์ต่อการขุดเจาะน้ำบาดาลในระยะต่อไป ๔. ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๓ (เรื่อง การเร่งรัดบรรเทาสถานการณ์ภัยแล้ง และการบริหารจัดการน้ำ) ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งรัดการดำเนินการขุดเจาะบ่อบาดาลให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้ดำเนินการในพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำเป็นลำดับแรก นั้น ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ในการสำรวจและขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลในที่ดินของประชาชน เพื่อพัฒนาระบบการกระจายน้ำบาดาล และให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภคและมีน้ำใช้เพื่อการเกษตรมากยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10468 | การติดตามการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2562/63 | พณ | 09/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10469 | รายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทาน | นร01 | 09/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทาน ประจำเดือนมีนาคม ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดฝึกอบรมชุดปฏิบัติการจิตอาสาภัยพิบัติประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ปัจจุบัน อปท. ทุกแห่ง ได้มีการจัดตั้งชุดปฏิบัติการจิตอาสาภัยพิบัติฯ ครบเรียบร้อยแล้ว (ตามเป้าหมาย ๗,๕๕๐ แห่ง ๓๗๗,๕๐๐ คน) โดยมีผู้เข้ารับการอบรมและผ่านการอบรมแล้ว ๑๘,๘๕๐ คน ๒. การดำเนินการจัดกิจกรรม “จิตอาสาต้านภัยแล้ง การประสานความร่วมมือการแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างยั่งยืน” ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน (ศอญ.จอส.) ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อจัดกิจกรรมจิตอาสาต้านภัยแล้งฯ โดยกำหนดเป้าหมายการดำเนินการในพื้นที่ ๒๓ จังหวัด ที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) รวม ๑๓๙ อำเภอ ๗๑๔ ตำบล ๖,๐๖๕ หมู่บ้าน ซึ่งการดำเนินกิจกรรมฯ ประสบความสำเร็จ มีความยั่งยืน สามารถนำไปต่อยอดในอนาคตได้ โดยไม่ใช้งบประมาณเพิ่มเติมจากงบประมาณเดิมที่มีแผนอยู่แล้ว ๓. ข้อมูลจำนวนจิตอาสาและกิจกรรมจิตอาสา ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓ มีจิตอาสาลงทะเบียน ๖,๖๒๗,๘๗๐ คน โดยจัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา ๔๕,๐๒๓ ครั้ง และจิตอาสาภัยพิบัติ ๓๙๗ ครั้ง ๔. สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมติดตามงานประจำสัปดาห์ ศอญ.จอส.พระราชทาน และประสานติดตามผลการดำเนินการที่สำคัญ เช่น การพัฒนาระบบบำบัดน้ำเสียและระบบความปลอดภัยทางน้ำในคลองแสนแสบ การบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ และบทบาทของจิตอาสาในด้านสาธารณสุข เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาด และการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาภัยแล้งปี ๒๕๖๓ ในพื้นที่ต่าง ๆ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10470 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทยกำหนดหลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์และอาคารชุด ตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ 3 รวม 2 ฉบับ | มท | 09/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า ในร่างประกาศกระทรวงมหาดไทยตามข้อ ๑.๑ เห็นควรให้ตัดการอ้างข้อ ๒ (๗) (ฎ) แห่งกฎกระทรวงฉบับที่ ๔๗ (พ.ศ. ๒๕๕๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ออก และในร่างประกาศกระทรวงมหาดไทยตามข้อ ๑.๒ เห็นควรตัดการอ้างข้อ ๑ (๗) (ช) แห่งกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคารชุด พ.ศ. ๒๕๕๓ ออก ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีการควบรวมกิจการของธนาคารพาณิชย์ตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ ๓ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์กรณีที่มีทุนทรัพย์ ในอัตราร้อยละศูนย์จุดศูนย์หนึ่ง สำหรับธนาคารพาณิชย์ที่ควบเข้ากันหรือโอนกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนให้แก่กัน ตั้งแต่วันถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ ๑.๒ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด กรณีการควบรวมกิจการของธนาคารพาณิชย์ตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ ๓ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียนการจำนองห้องชุดกรณีที่มีทุนทรัพย์ ในอัตราร้อยละศูนย์จุดศูนย์หนึ่ง สำหรับธนาคารพาณิชย์ที่ควบเข้ากันหรือโอนกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนให้แก่กัน ตั้งแต่วันถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับร่างประกาศกระทรวงมหาดไทยทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าว ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10471 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคมของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรณีศึกษา กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ | ปช | 09/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคม ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรณีศึกษา กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติได้มีข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตออกเป็น ๓ ด้าน ได้แก่ (๑) ด้านการจัดทำระบบฐานข้อมูลผู้ประสบปัญหาทางสังคมของประเทศไทย เช่น ปรับปรุงและจัดทำฐานข้อมูลผู้ประสบปัญหาทางสังคมโดยเชื่อมโยงฐานข้อมูลกับเลขประจำตัวประชาชน ๑๓ หลัก ฐานข้อมูลบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และฐานข้อมูลอื่น ๆ (๒) ด้านเบิกจ่ายเงินงบประมาณงบเงินอุดหนุน โดยให้มีการทบทวน/ปรับปรุงกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง ให้มีระบบการจ่ายเงินผ่านระบบธนาคารโดยใช้บัตรใบเดียว และการจัดให้มีบัตรสงเคราะห์ผู้ประสบปัญหาทางสังคม และ (๓) ด้านการติดตาม ประเมินผล และตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณงบเงินอุดหนุน โดยให้มีคณะกรรมการตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผล รวมถึงให้มีการจัดทำแผนการตรวจสอบประเด็นที่มีความเสี่ยงต่อการทุจริต ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เช่น (๑) ควรมีการเชื่อมโยงฐานข้อมูลผู้มีสิทธิได้รับการสงเคราะห์ทั้งจากส่วนราชการภายในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และจากส่วนราชการอื่น (๒) ควรมีการใช้ประโยชน์จากชิปการ์ดบนบัตรประจำตัวประชาชน โดยการบรรจุข้อมูลการเป็นผู้ได้รับการสงเคราะห์ตามสิทธิต่าง ๆ รวมไว้ในบัตรประชาชนเพียงใบเดียว (๓) ควรมีการตรวจสอบการได้รับเงินอย่างต่อเนื่อง และ (๔) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมควรพิจารณาดำเนินการพัฒนากระบวนการทำงานของหน่วยงานของรัฐให้มีความสอดคล้องและมีความเชื่อมโยง และมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10472 | ของดการจัดสรรเงินส่งเข้ากองทุนสงเคราะห์เกษตรกร ตามมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 | อก | 09/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติของดการจัดสรรเงินเข้ากองทุนสงเคราะห์เกษตรกร ตามมาตรา ๒๙ แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ ในทุกฤดูการผลิต เป็นการชั่วคราวจนกว่าการแก้ไขพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ จะแล้วเสร็จ ตามมติคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ในคราวประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และข้อสังเกตของกระทรวงพาณิชย์ เช่น ควรมีการติดตามและรายงานผลการดำเนินการของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ และพิจารณาเร่งรัดการเพิ่มผลิตภาพการผลิตอ้อยให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยสามารถเพิ่มผลผลิตและมีรายได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งช่วยรักษาเสถียรภาพของราคาผลิตผลเกษตรกรรมต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10473 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับการประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. .... | มท | 09/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับการประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับการประกอบธุรกิจโรงแรม ปีละ ๔๐ บาทต่อห้องพัก ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๕ เพื่อช่วยเหลือเยียวยาและลดค่าใช้จ่ายให้ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม อันจะทำให้สามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรมีมาตรการเพิ่มเติมในการช่วยเหลือผู้ประกอบการโรงแรมเพื่อปรับปรุงที่พักและการให้บริการต่าง ๆ ที่คำนึงถึงความปลอดภัย ความสะอาดและมาตรฐานด้านสาธารณสุข ให้รองรับกับการท่องเที่ยวตามวิถีใหม่ (New Normal) และให้ความสำคัญกับการพัฒนาการท่องเที่ยวในชุมชนต่าง ๆ โดยใช้แนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในการพัฒนาชุมชนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อให้สามารถใช้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการกระจายรายได้สู่ภูมิภาคและท้องถิ่น รวมทั้งเร่งสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10474 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา) | อก | 09/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ มิถุนายน ๒๕๖๓) ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10475 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการธนาคารออมสิน | กค | 09/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. ให้คณะกรรมการธนาคารออมสินมีจำนวนรวมทั้งสิ้น ๑๓ คน (นับรวมกรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งไว้แล้ว และผู้อำนวยการธนาคารออมสินซึ่งเป็นกรรมการและเลขานุการโดยตำแหน่ง) ตามมาตรา ๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๑๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๒. แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการธนาคารออมสิน จำนวน ๒ คน แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ มิถุนายน ๒๕๖๓) เป็นต้นไป และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว ได้แก่ ๒.๑ นายวิจักษณ์ อภิรักษ์นันท์ชัย กรรมการ ๒.๒ นายก้อง รุ่งสว่าง กรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10476 | โครงการเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยเพื่อซื้อปัจจัยการผลิต ฤดูการผลิตปี 2562/2563 | อก | 09/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบอัตราการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่เหมาะสม ตามโครงการเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยเพื่อซื้อปัจจัยการผลิต ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๒/๒๕๖๓ ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง โดยกำหนดอัตราการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย ในวงเงิน ๖,๕๐๐ ล้านบาท แก่ชาวไร่อ้อยที่ส่งอ้อยเข้าโรงงานทุกราย ในอัตราตันละ ๘๕ บาท รายละไม่เกิน ๕,๐๐๐ ตัน และวงเงิน ๓,๕๐๐ ล้านบาท ช่วยเหลือเฉพาะชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดเข้าโรงงานทุกตันอ้อย ในอัตราตันละ ๙๒ บาท ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10477 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหา บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) | กค | 09/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10478 | การขอความเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนาว่าด้วยการบรรเทาผลกระทบของโควิด - 19 ต่อกลุ่มเปราะบางในอาเซียน (Joint Statement of the ASEAN Ministerial Meeting on Social Welfare and Development on Mitigating Impacts of COVID - 19 on Vulnerable Groups in ASEAN) | พม | 09/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนาว่าด้วยการบรรเทาผลกระทบของโควิด-๑๙ ต่อกลุ่มเปราะบางในอาเซียน (Joint Statement of the ASEAN Ministerial Meeting on Social Welfare and Development on Mitigating Impacts of COVID-19 on Vulnerable Groups in ASEAN) และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนาสมัยพิเศษ ว่าด้วยการบรรเทาผลกระทบของโควิด-๑๙ ต่อกลุ่มเปราะบางในอาเซียน ร่วมรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมฯ โดยร่างถ้อยแถลงร่วมฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของรัฐมนตรีอาเซียนด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนา ในการตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ซึ่งส่งผลทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อชีวิตความเป็นอยู่ของเด็ก สตรี คนพิการ ผู้สูงอายุ กลุ่มเปราะบางและกลุ่มคนชายขอบในสังคม โดยให้คำมั่นว่าจะดำเนินการและผลักดันในประเด็นต่าง ๆ เช่น การสร้างหลักประกันการเข้าถึงการคุ้มครองทางสังคมด้วยการจัดสรรงบประมาณภาครัฐที่เพียงพอสำหรับการช่วยเหลือสังคม การปกป้องสิทธิความปลอดภัย และศักดิ์ศรี การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในระดับชาติ และความร่วมมือระหว่างสาขาในระดับอาเซียน รวมทั้งการมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงการฟื้นฟูเยียวยาภายหลังการสิ้นสุดของการแพร่ระบาดแบบบูรณาการและครอบคลุม เป็นต้น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายในการสร้างหลักประกันการเข้าถึงการคุ้มครองทางสังคมที่อาจเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เห็นควรให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณไปดำเนินการ ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณถัดไปเห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10479 | รายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ รายสัปดาห์ ครั้งที่ 4 | นร10 | 09/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ รายสัปดาห์ ครั้งที่ ๔ โดยสรุปข้อมูล ณ วันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๖๓ ซึ่งได้รับข้อมูลจาก ๑๔๖ ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๙๙ ของส่วนราชการทั้งหมด (๑๔๗ ส่วนราชการ) ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการ (Work From Home) ส่วนราชการร้อยละ ๙๔ (๑๓๘ ส่วนราชการ) มีการมอบหมายให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการ และส่วนราชการร้อยละ ๔๕ (๖๖ ส่วนราชการ) กำหนดให้มีจำนวนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งร้อยละ ๕๐ ขึ้นไป (ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ซี่งมี ๘๓ ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๕๗) โดยในจำนวนนี้มีส่วนราชการร้อยละ ๑๔ (๒๑ ส่วนราชการ) มอบหมายให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ซี่งมี ๒๙ ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๑๘) ทั้งนี้ มีการมอบหมายให้ปฏิบัติงานที่บ้านในหลายรูปแบบ เช่น ปฏิบัติงานที่บ้านสลับกับการมาปฏิบัติงาน ณ สถานที่ตั้งของส่วนราชการ วันเว้นวัน สัปดาห์ละ ๑ วัน สัปดาห์ละ ๒ วัน สัปดาห์เว้นสัปดาห์ เป็นต้น ๑.๒ การเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ ส่วนใหญ่ร้อยละ ๕๕ กำหนดการเหลื่อมเวลาการปฏิบัติงานเป็น ๓ ช่วงเวลา คือ เวลา ๐๗.๓๐-๑๕.๓๐ น. เวลา ๐๘.๓๐-๑๖.๓๐ น. และเวลา ๐๙.๓๐-๑๗.๓๐ น. รวมทั้งมอบหมายให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งตามวันเวลาปกติในบางลักษณะงาน คือ งานให้บริการประชาชน งานรักษาพยาบาลในโรงพยาบาล งานในห้องปฏิบัติการ งานควบคุมผู้ต้องขัง และงานจัดเก็บภาษี ๒. ให้ทุกส่วนราชการพิจารณาแนวทางการดำเนินมาตรการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work From Home) ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันและลักษณะงานขององค์กร รวมทั้งให้นำมาตรการเหลื่อมเวลาในการปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งไปดำเนินการให้เกิดผลอย่างจริงจัง และต่อเนื่องเพื่อลดปัญหาการคับคั่งของการจราจรด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10480 | รายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ (ช่วงระหว่างวันที่ 25 - 29 พฤษภาคม 2563) | กค | 09/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work Form Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง (สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ) จำนวน ๕๕ แห่ง (เนื่องจากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) พ้นสภาพการเป็นรัฐวิสาหกิจ) ในสัปดาห์ช่วงระหว่างวันที่ ๒๕-๒๙ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ (ปฏิบัติงานที่บ้านหรือที่พักหรือสถานที่ตามที่รัฐวิสาหกิจกำหนด) รัฐวิสาหกิจ ๕๐ แห่ง ยังคงดำเนินนโยบายการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง และมีรัฐวิสาหกิจ ๕ แห่ง ที่ให้พนักงานกลับมาปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งตามปกติแล้ว เช่นเดียวกับสัปดาห์ก่อนหน้า (ช่วงระหว่างวันที่ ๑๘-๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๓) ทั้งนี้ จากจำนวนพนักงานและลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด จำนวน ๒๗๒,๓๔๐ คน มีพนักงานและลูกจ้างปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง จำนวน ๕๕,๑๖๖ คน หรือคิดเป็นร้อยละ ๒๐ ๑.๒ การปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ มีรัฐวิสาหกิจ ๓๒ แห่ง ยังคงดำเนินนโยบายการปฏิบัติงานเหลื่อมเวลา โดยมีช่วงเวลาเริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐ น.-๑๐.๓๐ น. เช่นเดียวกับสัปดาห์ก่อนหน้า (ช่วงระหว่างวันที่ ๑๘-๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๓) ๒. ให้ทุกรัฐวิสาหกิจพิจารณาแนวทางการดำเนินมาตรการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work From Home) ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันและลักษณะงานขององค์กร รวมทั้งให้นำมาตรการเหลื่อมเวลาในการปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งไปดำเนินการให้เกิดผลอย่างจริงจัง และต่อเนื่องเพื่อลดปัญหาการคับคั่งของการจราจรด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
.....