ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 529 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 10561 - 10580 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
10561 | ร่างพระราชบัญญัติการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ. .... | สผ | 26/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการเข้าชื่อเสนอกฎหมายของประชาชนและการจัดทำร่างกฎหมาย เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และเป็นร่างกฎหมายที่ตราขึ้นเพื่อดำเนินการตามหมวด ๑๖ การปฏิรูปประเทศ ตามนัยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๗๐ วรรคสอง ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอรัฐสภาต่อไป โดยให้แจ้งประธานรัฐสภาทราบด้วยว่า ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ได้ตราขึ้นเพื่อดำเนินการตามหมวด ๑๖ การปฏิรูปประเทศของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10562 | ร่างพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อก | 26/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการพิจารณาวัตถุอันตรายเกี่ยวกับการพิจารณาคำขอ การตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร การประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถานประกอบการ หรือการดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับวัตถุอันตราย โดยการมอบอำนาจให้แก่ผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ ทำหน้าที่ประเมินเอกสารวิชาการ ตรวจวิเคราะห์ ตรวจสถานประกอบการ และอื่น ๆ แทนพนักงานเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานผู้รับผิดชอบเพื่อแก้ไขปัญหาในกระบวนการพิจารณาวัตถุอันตรายที่ใช้ในปัจจุบันที่มีความซับซ้อน ซึ่งเป็นไปตามหลักการในคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๗๗/๒๕๕๙ เรื่อง การเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพ ลงวันที่ ๒๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรติดตามประเมินผลการดำเนินงานและแสดงรายงานทางการเงินที่เกิดจากกระบวนการพิจารณาวัตถุอันตรายต่อคณะกรรมการวัตถุอันตรายทราบเป็นระยะ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10563 | เสนอแนะแนวทางในการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน (หลักสูตรสิทธิมนุษยชนศึกษาสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย และคู่มือการจัดการเรียนรู้สิทธิมนุษยชนศึกษาสำหรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน) | สม | 26/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการส่งเสริมและสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแนวทางในการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน (หลักสูตรสิทธิมนุษยชนศึกษาสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย และคู่มือการจัดการเรียนรู้สิทธิมนุษยชนศึกษาสำหรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน) ไปใช้ประโยชน์ในการสร้างความตระหนักและส่งเสริมการเคารพสิทธิมนุษยชนในสังคมไทย ซึ่งในภาพรวมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเห็นชอบด้วย และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับแนวทางดังกล่าวไปพิจารณาใช้ประโยชน์ตามความเหมาะสม และสอดคล้องกับหน้าที่และอำนาจต่อไป ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน ก.พ. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. และสถาบันพระปกเกล้ามีความเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมด้วย เช่น ๑.๑ หลักสูตรสิทธิมนุษยชนศึกษาสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย ควรมีการออกแบบโครงสร้างหลักสูตรโดยกำหนดรูปแบบและองค์ประกอบหลักสูตรที่เป็นมาตรฐาน พร้อมทั้งมีคู่มือการดำเนินการเพื่อให้หน่วยงานจัดทำและเผยแพร่ในลักษณะเดียวกัน หรืออาจนำหลักสูตรเหล่านี้ไปใช้เป็นกรอบหลักสูตรกลางเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปใช้เป็นตัวแบบในการสอนและการเรียนรู้ในอนาคต นอกจากนี้ อาจพัฒนาหลักสูตรเพิ่มเติมให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายอื่น ๆ ด้วย รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการสร้างความตระหนักในหน้าที่ของบุคคลตามกฎหมายโดยเฉพาะหน้าที่ของปวงชนชาวไทยในหมวด ๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยด้วย และควรเพิ่มช่องทางการส่งเสริมให้มีหลายช่องทาง เช่น การเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Learning) การเผยแพร่ประเด็นสำคัญทาง Infographic และควรบูรณาการการฝึกอบรมร่วมกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพที่มีภารกิจในการให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิต่าง ๆ และการส่งเสริมให้มีการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการด้านสิทธิมนุษยชนเกี่ยวกับคู่มือการจัดการเรียนรู้สิทธิมนุษยชนศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นต้น ๑.๒ คู่มือการจัดการเรียนรู้สิทธิมนุษยชนศึกษาสำหรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ควรมีการเผยแพร่เอกสารคู่มือเพิ่มเติมและเผยแพร่ไฟล์เอกสารออนไลน์ ควรมีการอบรมผู้สอนเพื่อให้สามารถนำไปถ่ายทอดได้อย่างเหมาะสมกับช่วงวัย เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ ควรให้ความสำคัญกับการวางแนวทางการติดตามการประยุกต์ใช้คู่มือการจัดการเรียนการสอนสิทธิมนุษยชนให้เกิดผลได้จริง และควรเพิ่มเติมเนื้อหาหลักการพื้นฐานหรือความรู้ที่จำเป็นเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในส่วนของคู่มือฯ ระดับปฐมวัย ระดับประถมศึกษาตอนต้น และระดับประถมศึกษาตอนปลาย เป็นต้น ๒. เห็นชอบให้ส่งความเห็น ข้อเสนอแนะ และข้อสังเกตของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน ก.พ. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. และสถาบันพระปกเกล้า ให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเพื่อพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10564 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวน เขตอำนาจ และวันเปิดทำการของศาลแขวง ในจังหวัดกระบี่ พ.ศ. .... ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวน เขตอำนาจ และวันเปิดทำการของศาลแขวง ในจังหวัดตรัง พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้บทบัญญัติมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ. 2520 บังคับสำหรับคดีที่เกิดขึ้นในบางท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ (กำหนดวันเปิดทำการศาลแขวงกระบี่และศาลแขวงตรัง วันที่ 1 ตุลาคม 2563 และกำหนดให้ศาลจังหวัดซึ่งยังมิได้มีศาลแขวงเปิดทำการสามารถนำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัดสำหรับคดีอาญาที่อยู่ในอำนาจศาลแขวงซึ่งเกิดขึ้นในบางท้องที่ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป) | ศย | 26/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10565 | โครงการพัฒนาระบบส่งและจำหน่าย ระยะที่ 2 ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค | มท | 26/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติและเห็นชอบเกี่ยวกับโครงการพัฒนาระบบส่งและจำหน่าย ระยะที่ ๒ ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค วงเงินลงทุนรวม ๗๗,๓๓๔ ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวเป็นการดำเนินการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าระบบสายส่ง ๑๑๕ เควี ระบบจำหน่ายแรงสูง ๒๒/๓๓ เควี และระบบจำหน่ายแรงต่ำในพื้นที่ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ๑๒ เขต ทั่วประเทศ ระยะเวลาในการดำเนินการ ๖ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๘) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ ในส่วนของแหล่งเงินทุน เห็นควรให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคใช้เงินรายได้ (Internal Cash Flow) เป็นลำดับแรกก่อนใช้เงินกู้ และกำหนดแนวทางการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมเพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนของโครงการฯ และหากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมีความจำเป็นต้องกู้เงิน เห็นควรให้กู้เงินภายในประเทศโดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกันเงินกู้ ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง รวมทั้งให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคควรประสานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเรื่อง การวางแผนการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้า เพื่อให้การลงทุนโครงการฯ เป็นไปอย่างคุ้มค่าและลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อน และควรกำหนดมาตรการการดำเนินงาน การจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงทั้งด้านความพร้อมที่ดิน แบบรูปรายการ การบริหารจัดการและควบคุมการดำเนินงานด้วยความรอบคอบ ตลอดจนสำรวจและรับฟังความคิดเห็นของเอกชนในการลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเพิ่มเติมก่อนเริ่มดำเนินการ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคให้ดำเนินโครงการฯ ให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10566 | ขอความเห็นชอบแผนความต้องการอัตรากำลังโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (พ.ศ. 2564 - 2566) ภายใต้โครงการการผลิตแพทย์เพิ่มแห่งประเทศไทย (พ.ศ. 2556 - 2560) | อว | 26/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการแผนความต้องการอัตรากำลังโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๖) ภายใต้โครงการผลิตแพทย์เพิ่มแห่งประเทศไทย (พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐) เนื่องจากปัจจุบันโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มีอัตรากำลังในการปฏิบัติงานเพียง ๗๐ อัตรา รองรับการให้บริการผู้ป่วยได้เพียง ๑๕๖ เตียง จึงมีความจำเป็นต้องมีอัตรากำลังเพิ่มเติม จำนวน ๑,๕๗๕ อัตรา เพื่อให้โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง สามารถปฏิบัติงานได้เต็มศักยภาพ โดยการเพิ่มอัตรากำลังดังกล่าวจะต้องใช้งบประมาณสำหรับดำเนินการเพิ่มขึ้นประมาณ ๔๐๑.๘๗ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐที่เห็นว่า (๑) ด้านการวางแผนอัตรากำลัง ควรต้องสอดคล้องกับ (ร่าง) แผนด้านการอุดมศึกษาเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ และโครงการผลิตแพทย์เพิ่มแห่งประเทศไทย ปี พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๗๐ รวมทั้งควรบูรณาการและสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านการพัฒนาเชิงวิชาการ บุคลากรทางการแพทย์และการสาธารณสุขร่วมกับโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลของเอกชนในพื้นที่ใกล้เคียง ตลอดจนประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบบริการสาธารณสุขในภูมิภาค ความสามารถในการรับมือกับสภาวการณ์ภัยคุกคามจากโรคอุบัติใหม่หรือโรคประจำถิ่น และสนับสนุนการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub) และเห็นควรให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เข้ามามีบทบาทร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขซึ่งเป็นเจ้าภาพหลักในการจัดทำแผนการพัฒนาและผลิตบุคลากรทางการแพทย์ในภาพรวมของประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการใช้กำลังคนในและสาขา นอกจากนี้ กรณีบุคลากรสายสนับสนุนของโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ควรพิจารณาให้มีปริมาณที่เหมาะสม โดยอาจพิจารณาจ้างด้วยรูปแบบอื่น และประสานเชื่อมโยงบูรณาการการดำเนินงานร่วมกันกับหน่วยงานด้านสุขภาพที่มีอยู่แล้วของกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานด้านสุขภาพอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในทุกระดับ และ (๒) ด้านงบประมาณ เห็นควรให้มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยคำนึงถึงศักยภาพในการสรรหาและความสามารถในการบรรจุอัตรากำลัง รวมถึงการพิจารณานำเงินนอกงบประมาณ (เงินรายได้ของโรงพยาบาล) มาสมทบเป็นค่าใช้จ่ายของบุคลากรตามแผนอัตรากำลังเพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระงบประมาณรายจ่ายประจำปี (รายจ่ายประจำ) สำหรับอัตราค่าจ้างให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10567 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และคุณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รับการยกเว้นหรือลดค่าธรรมเนียมตามกฎหมายว่าด้วยแร่ พ.ศ. .... | นร09 | 26/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และคุณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รับการยกเว้นหรือลดค่าธรรมเนียมตามกฎหมายว่าด้วยแร่ พ.ศ. .... ของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้ประกอบกิจการทุกประเภทซึ่งสถานประกอบกิจการได้รับความเสียหายจากเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติ อุบัติภัย หรือได้รับผลกระทบจากโรคระบาดหรือโรคติดต่อให้ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปี รวมทั้งค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาต และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10568 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์) | อว | 26/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ผู้ครองตำแหน่งอยู่เดิมขอลาออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10569 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายภูมินทร ปลั่งสมบัติ) | นร05 | 26/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายภูมินทร ปลั่งสมบัติ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10570 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา | ศธ | 26/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา จำนวน ๘ คน ซึ่งเป็นการแต่งตั้งตามมาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง (๔) แห่งพระราชบัญญัติพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.๑ รองศาสตราจารย์ประภาภัทร นิยม ๑.๒ นางปิยาภรณ์ มัณฑะจิตร ๑.๓ นางสาวศุภธิดา พรหมพยัคฆ์ ๑.๔ นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ๑.๕ รองศาสตราจารย์ทิศนา แขมมณี ๑.๖ นายสมศักดิ์ พะเนียงทอง ๑.๗ นางเนตรชนก วิภาตะศิลปิน ๑.๘ นายปกรณ์ นิลประพันธ์ ๒. ในครั้งต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัดด้วย ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10571 | การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับปัญหาบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) | นร | 26/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10572 | ข้อเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร07 | 26/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการรับฟังความคิดเห็นร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ และเห็นชอบข้อเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อสำนักงบประมาณจะได้ดำเนินการจัดพิมพ์ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ และเอกสารประกอบงบประมาณ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบในวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๓ และนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10573 | การขยายกรอบระยะเวลาและของบประมาณโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2562/63 (เพิ่มเติม) | พณ | 26/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10574 | แนวทางการนำยางพารามาใช้เพื่อปรับปรุงเพิ่มความปลอดภัยทางถนน โดยใช้แผ่นยางธรรมชาติครอบกำแพงคอนกรีต (Rubber Fender Barrier : RFB) และหลักนำทางยางธรรมชาติ (Rubber Guide Post : RGP) ของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท | คค | 26/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10575 | ขอความเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงร่วมของรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-จีน ว่าด้วยการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) และการกระชับความร่วมมือภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน | พณ | 26/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมของรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-จีน ว่าด้วยการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-๑๙) และการกระชับความร่วมมือภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน [ASEAN-China Economic Ministers’ Joint Statement on Combating the Coronavirus Disease (COVID-19) and Enhancing ACFTA Cooperation] และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมฯ โดยร่างถ้อยแถลงร่วมฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของรัฐมนตรีเศรษฐกิจของอาเซียนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการร่วมกันป้องกันและควบคุมปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลวิชาการ การส่งเสริมความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนา การให้ความช่วยเหลือด้านบุคลากรวิชาชีพ เทคโนโลยีและเวชภัณฑ์ รวมทั้งให้ความสำคัญกับความร่วมมือเพื่อขยายการค้าและการลงทุนระหว่างอาเซียนกับจีน เช่น การอำนวยความสะดวกและการส่งเสริมการเคลื่อนย้ายของสินค้าและบริการอย่างเสรีตามความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน และการขจัดอุปสรรคทางการค้าด้านภาษีและมิใช่ภาษี เป็นต้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10576 | รายงานความคืบหน้าการจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานสำหรับผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | รง | 26/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานสำหรับผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ตามกฎกระทรวงการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานอันเนื่องจากได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๖๓ และกฎกระทรวงการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยอันเกิดจากการระบาดของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงแรงงาน (สำนักงานประกันสังคม) ได้พิจารณาวินิจฉัยสั่งจ่ายไปแล้ว ณ วันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓ จำนวน ๑,๐๙๕,๓๙๙ ราย เป็นเงิน ๖,๐๕๒ ล้านบาท ๒. กระทรวงแรงงาน (สำนักงานประกันสังคม) ได้มีการติดตามนายจ้างที่ยังไม่ได้ออกหนังสือรับรองการขอรับประโยชน์ทดแทน จำนวน ๒๙,๔๐๖ ราย โดยให้หน่วยปฏิบัติดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ จัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์/อุทธรณ์ COVID-19 ณ สำนักงานประกันสังคม กรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทั่วประเทศ รวมทั้งส่วนกลาง ณ สำนักงานประกันสังคม สำนักงานใหญ่ ตั้งแต่วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ๒.๒ มีหนังสือแจ้งสถานประกอบการที่ยังไม่ได้ออกหนังสือรับรองการขอรับประโยชน์ทดแทน ให้ตรวจสอบและส่งชื่อลูกจ้างที่ยังไม่ได้รับเงิน เพื่อดำเนินการจ่ายเงินประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน โดยให้ยื่นเรื่องได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทั่วประเทศ ๒.๓ มีหนังสือแจ้งผู้ประกันตนที่ยังไม่ได้รับเงิน ให้ยื่นร้องทุกข์/อุทธรณ์ ได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทั่วประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10577 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ศบค.) ครั้งที่ 6/2563 | นร | 26/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ ๖/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๓ โดยสาระสำคัญของการประชุมฯ ได้แก่ (๑) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ (๒) รายงานการประเมินผลการดำเนินมาตรการผ่อนคลาย (๓) การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร และ (๔) เรื่องอื่น ๆ ได้แก่ การเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดสถานศึกษาเพื่อป้องกันปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10578 | รายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ รายสัปดาห์ ครั้งที่ 2 | นร10 | 26/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ รายสัปดาห์ ครั้งที่ ๒ โดยสรุปข้อมูล ณ วันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๓ จาก ๑๔๒ ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ ของส่วนราชการทั้งหมด ๑๔๒ ส่วนราชการ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการ (Work From Home) ส่วนราชการร้อยละ ๑๐๐ (๑๔๒ ส่วนราชการ) มีการมอบหมายให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง ส่วนใหญ่ร้อยละ ๕๔ (๗๖ ส่วนราชการ) กำหนดสัดส่วนให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ร้อยละ ๕๐ ขึ้นไป ปฏิบัติงานที่บ้าน เช่น ส่วนราชการที่เน้นงานระดับนโยบาย โดยมีการมอบหมายให้ปฏิบัติงานที่บ้านในหลายรูปแบบ เช่น ปฏิบัติงานที่บ้านสลับกับมาปฏิบัติงาน ณ สถานที่ตั้งของส่วนราชการวันเว้นวัน สัปดาห์ละ ๑ วัน สัปดาห์ละ ๒ วัน สัปดาห์เว้นสัปดาห์ เป็นต้น และส่วนใหญ่เริ่มให้ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งตั้งแต่เดือนมีนาคม ๒๕๖๓ ๒. การเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ ส่วนใหญ่ร้อยละ ๕๖ กำหนดการเหลื่อมเวลาการปฏิบัติงานเป็น ๓ ช่วงเวลา คือ เวลา ๐๗.๓๐-๑๕.๓๐ น. เวลา ๐๘.๓๐-๑๖.๓๐ น. และเวลา ๐๙.๓๐-๑๗.๓๐ น. รวมทั้งมอบหมายให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งตามวันเวลาปกติในลักษณะงาน เช่น งานให้บริการประชาชน งานรักษาพยาบาล และงานในห้องปฏิบัติการ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10579 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ในคราวประชุม ครั้งที่ 4/2563 | นร11 | 26/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบเจตนารมณ์ของผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เรื่อง แผนงานโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยการให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรตามกลุ่มเป้าหมายของแผนงานโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่มีรายได้หลักมาจากการประกอบอาชีพเกษตรกร และได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีพ ซึ่งกรณีที่ข้าราชการ (ข้าราชการประจำและลูกจ้าง รวมถึงข้าราชการบำนาญ) ที่ประกอบอาชีพเกษตรกรไม่เข้าข่ายเป็นผู้มีสิทธิรับเงินช่วยเหลือภายใต้มาตรการฯ เนื่องจากได้รับค่าตอบแทนและสวัสดิการของภาครัฐอยู่แล้ว และหากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จ่ายเงินช่วยเหลือให้กับกลุ่มข้าราชการดังกล่าวแล้ว ขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประสานกรมบัญชีกลาง ในการพิจารณาดำเนินการหักเงินดังกล่าวจากค่าตอบแทนคืนที่กระทรวงการคลังต่อไป ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ๒. รับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๓ เรื่อง โครงการเพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชย ให้แก่ประชาชนซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในส่วนของมาตรการช่วยเหลือเยียวยากลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ประกอบด้วย (๑) เด็กจากครัวเรือนยากจน (๐-๖ ปี) ๑,๔๕๑,๔๖๘ คน (๒) ผู้สูงอายุ ๙,๖๖๔,๑๑๑ คน และ (๓) ผู้พิการ ๒,๐๒๗,๕๐๐ คน รวมทั้งหมด ๑๓,๑๔๓,๐๗๙ คน วงเงินรวมไม่เกิน ๓๙,๔๒๙,๒๓๗,๐๐๐ บาท (โดยใช้เงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ไม่เกิน ๓๙,๔๒๙,๒๓๗,๐๐๐ บาท) และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาทบทวนร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจนและเหมาะสมในประเด็นเกี่ยวกับการช่วยเหลือเยียวยากลุ่มเปราะบาง แล้วให้นำเสนอต่อคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้พิจารณาก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10580 | การขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร | นร08 | 26/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ออกไปอีก ๑ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓ ๒. เห็นชอบและรับทราบร่างประกาศ รวม ๔ ฉบับ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ ๒) ร่างประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ และร่างประกาศ เรื่อง การกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ๒.๒ รับทราบร่างประกาศ เรื่อง การให้ข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนด ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ๓. ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเตรียมการเพื่อรองรับการผ่อนคลายมาตรการบังคับใช้กฎหมายในระยะที่ ๓ โดยให้คำนึงถึงปัจจัยด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยต่อไปด้วย ๔. ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
.....