ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 196 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 3901 - 3920 จากข้อมูลทั้งหมด 124248 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3901 | การจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว | วธ. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงแถลงข่าว
วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (Memorandum of Understanding on Cultural Exchange between
the Ministry of Culture of the Kingdom of Thailand and the Ministry of
Information, Culture and Tourism of the Lao People’s Democratic Republic) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full
Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างสองประเทศ
และความเข้าใจระหว่างประชาชนให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น โดยความร่วมมือในสาขาวัฒนธรรม
อาทิ การฝึกอบรม การแลกเปลี่ยนประสบการณ์และข้อมูลข่าวสารด้านวัฒนธรรม
ตลอดจนความร่วมมือต่าง ๆ ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของกันและกัน
การส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือด้านการปกป้องมรดกทางวัฒนธรรม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านพิพิธภัณฑ์วิทยา การเก็บรักษาอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์
และการค้นคว้าทางโบราณคดี
รวมทั้งการดำเนินการร่วมกันต่อต้านการลักลอบค้าวัตถุทางวัฒนธรรม ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3902 | ขออนุมัติงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | สปสช. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติรับเรื่องนี้คืนไปเพื่อพิจารณาทบทวนในรายละเอียดร่วมกับสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนและเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3903 | ข้อเสนอแนะ กรณีปัญหามลภาวะทางอากาศในพื้นที่ 8 จังหวัด ภาคเหนือตอนบน | สม. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อเสนอแนะ กรณีปัญหามลภาวะทางอากาศในพื้นที่
๘ จังหวัด ภาคเหนือตอนบน ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน
น่าน แพร่ และพะเยา เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๔๗ (๓)
และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐
มาตรา ๒๖ (๓) ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3904 | การสนับสนุนการสร้างพลังสร้างสรรค์ หรือ Soft Power ของประเทศ | นร. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
ตามที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาไว้ว่า
รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนการสร้างพลังสร้างสรรค์ หรือ Soft Power ของประเทศ
เพื่อยกระดับและพัฒนาความรู้ ความสามารถ
และความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยให้สร้างมูลค่าและสร้างรายได้ รวมทั้งการอนุรักษ์
ฟื้นฟู และพัฒนาต่อยอดศิลปะ วัฒนธรรม และส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น
เพื่อนำมาต่อยอดในการสร้างมูลค่าเพิ่ม นั้น
ขอให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐร่วมกันขับเคลื่อนและผลักดัน Soft
Power ประเภทต่าง ๆ
ของไทยในส่วนที่อยู่ในอำนาจหน้าที่หรือที่เกี่ยวข้อง เช่น สถานที่ท่องเที่ยว ศิลปะ
ประเพณี วัฒนธรรม การแสดง อาหาร ดนตรี ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและขยายวงกว้างออกไปมากยิ่งขึ้นโดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3905 | ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน ครั้งที่ 10 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | กค. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน
ครั้งที่ ๑๐ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๖ ณ
กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในขณะนั้น
(นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนเข้าร่วมประชุม
โดยที่ประชุมได้มีการปรับปรุงร่างแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว
โดยมีบางถ้อยคำแตกต่างจากฉบับร่างที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๒๓
สิงหาคม ๒๕๖๖ เพื่อให้มีความเหมาะสม และสะท้อนข้อเท็จจริงมากขึ้น
โดยไม่กระทบสาระสำคัญ ไม่กระทบหรือขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย
และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3906 | การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ 5 | ทส. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบเรื่องการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ ๕ ซึ่งมีกำหนดจัดประชุมระหว่างวันที่ ๓๐ ตุลาคม - ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส มีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมจากการปลดปล่อยสู่บรรยากาศ และการปล่อยสู่ดินหรือน้ำของปรอทและสารประกอบปรอทจากกิจกรรมของมนุษย์ ปัจจุบันมีภาคีสมาชิก จำนวน ๑๔๗ ประเทศทั่วโลก (ข้อมูล ณ เดือนกันยายน ๒๕๖๖) กรอบการเจรจาของไทยสำหรับการประชุมฯ มีสาระสำคัญคือสนับสนุนการดำเนินการเพื่อปกป้องสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม คำนึงถึงสภาพการณ์ต่าง ๆ และความต้องการจำเพาะของประเทศกำลังพัฒนา และสอดคล้องกับนโยบายของไทย ส่วนท่าทีของไทย มีประเด็นที่สำคัญ เช่น (๑) สนับสนุนการแก้ไขภาคผนวก เอ และ บี ของอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท โดยขอเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่ห้ามผลิต นำเข้า และส่งออก และเพิ่มประบวนการผลิตที่ห้ามใช้ปรอทและสารประกอบปรอท (๒) ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกการใช้อะมัลกัมทางทันตกรรม และ (๓) สนับสนุนการกำหนดเกณฑ์ความเข้มข้นของของเสียที่ปนเปื้อนปรอทหรือสารประกอบของปรอทที่ ๒๕ มก./กก. เป็นต้น โดยรับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทย สำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ ๕ และเห็นชอบต่อกรอบการเจรจาและท่าทีของประเทศไทย สำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ ๕ รวมทั้งหากมีข้อเจรจาใดที่นอกเหนือจากกรอบการเจรจาและท่าทีของประเทศไทย และไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย (Legally binding) ต่อประเทศไทย ขอให้เป็นดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเป็นผู้พิจารณา โดยไม่ต้องนำกลับเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาใหม่จนสิ้นสุดการประชุมรัฐภาคือนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ ๕ ในวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (หนังสือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๙๐๗/๑๗๓ ลงวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๖) รวมทั้งความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศ (หนังสือกระทรวงการต่างประเทศ ที่ กต ๐๘๐๒/๕๔๗ ลงวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๖) ที่เห็นพ้องตรงกันว่า ไม่ขัดข้อง และเห็นว่าเรื่องดังกล่าวนี้ไม่มีประเด็นพิจารณาเกี่ยวกับการทำหนังสือตามสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญ อย่างไรก้ตาม หากที่ประชุมฯ รับรองการแก้ไขภาคผนวก การรับรองดังกล่าวจะมีผลต่อเมื่อไทยยื่นสัตยาบันสาร สารการยอมรับ สารการให้ความเห็นชอบ หรือภาคยานุวัติสาร โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีในภายหลัง ไปพิจารณาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3907 | การต่ออายุความตกลงประเทศเจ้าภาพระหว่างไทยกับสหประชาชาติในรูปแบบหนังสือแลกเปลี่ยนสำหรับการฝึกอบรมหลักสูตรกฎหมายระหว่างประเทศระดับภูมิภาคของสหประชาชาติ (United Nations Regional Course in International Law) ประจำปี 2566 | กต. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนเพื่อต่ออายุความตกลงประเทศเจ้าภาพระหว่างไทยกับสหประชาชาติ
ปี ๒๕๖๐ ที่แก้ไขเพิ่มเติม ปี ๒๕๖๕ ในรูปแบบหนังสือแลกเปลี่ยนสำหรับการฝึกอบรมหลักสูตรกฎหมายระหว่างประเทศระดับภูมิภาคของสหประชาชาติ
(United Nations Regional
Course in International Law) ประจำปี ๒๕๖๖ ระหว่างวันที่ ๑๓
พฤศจิกายน-๖ ธันวาคม ๒๕๖๖ ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออบรมกฎหมายระหว่างประเทศให้แก่ผู้ที่มีภูมิหลังด้านกฎหมายหรือประสบการณ์ในการทำงานด้านกฎหมายระหว่างประเทศจากภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
และอนุมัติให้เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย เป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ของฝ่ายไทยสำหรับการฝึกอบรมฯ
ประจำปี ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแลกเปลี่ยนเพื่อการต่ออายุความตกลงประเทศเจ้าภาพระหว่างไทยกับสหประชาติสำหรับการฝึกอบรมหลักสูตรกฎหมายระหว่างประเทศระดับภูมิภาคของสหประชาชาติ
(United Nations Regional Course in International Law)
ประจำปี ๒๕๖๖
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายสำหรับการจัดการฝึกอบรมฯ ให้กระทรวงการต่างประเทศใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
และควรวิเคราะห์และติดตามประเมินผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์ให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับทราบถึงประโยชน์ที่ไทยพึงจะได้รับด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3908 | ขออนุมัติกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน (กรณีรายได้ไม่พอสำหรับรายจ่าย) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | คค. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
กู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน (กรณีรายได้ไม่พอสำหรับรายจ่าย)
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ รวมจำนวน ๘,๒๖๘.๔๖๙ ล้านบาท
และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ กำหนดวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข
และรายละเอียดต่าง ๆ ในการกู้เงิน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้กระทรวงคมนาคม
(องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ) เร่งรัดการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
(ฉบับปรับปรุงใหม่) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
และนำเสนอคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพิจารณาต่อไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ที่ นร ๐๗๐๙/๙๖๕๔ ลงวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๖)
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ นร ๑๑๒๔/๒๙๓๔ ลงวันที่
๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๖) ที่เห็นควรให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพดำเนินการอย่างเคร่งครัด
พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินงานต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง
และมอบให้กระทรวงคมนาคมปฏิบัติหน้าที่ในการกำกับ ดูแล และติดตามการดำเนินการ
เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง และสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้ได้จริง
และเพื่อให้เกิดความชัดเจนเรื่องวงเงินต้นเงินกู้ที่ใช้เป็นฐานในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณชำระค่าดอกเบี้ย
โดยให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพยืนยันวงเงินต้นเงินกู้ที่ภาครัฐรับภาระต่อสำนักงบประมาณอีกครั้ง
เพื่อให้ทราบต้นเงินกู้คงเหลือ ณ ปัจจุบัน
สำหรับเป็นข้อมูลประกอบการจัดสรรงบประมาณให้เป็นไปอย่างถูกต้องและเหมาะสมต่อไป
และควรจัดเก็บข้อมูลการเดินทางของผู้ใช้บริการเพื่อนำมาใช้ในการวางแผนการเดินรถสำหรับรถโดยสารที่จะจัดหาใหม่และสอดคล้องตามแผนการปฏิรูประบบรถโดยสารประจำทางในกรุงเทพฯ
รวมทั้งเร่งรัดติดตามและกำกับบริษัทที่ปรึกษาเพื่อจัดทำแผนขับเคลื่อนองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เพื่อองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพจะได้มีกรอบแนวทางที่ชัดเจนสำหรับใช้ในการดำเนินกิจการและผลักดันสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3909 | ข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางที่เหมาะสมในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชน (กรณีระเบียบกระทรวงแรงงานกำหนดคุณสมบัติผู้มีสิทธิเลือกตั้งกรรมการในคณะกรรมการประกันสังคม โดยไม่คำนึงถึงหลักการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย) | สม. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางที่เหมาะสมในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชน
(กรณีระเบียบกระทรวงแรงงานกำหนดคุณสมบัติผู้มีสิทธิเลือกตั้งกรรมการในคณะกรรมการประกันสังคม
โดยไม่คำนึงถึงหลักการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย)
โดยให้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ดังนี้ (๑)
ให้แก้ไขระเบียบกระทรวงแรงงานว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเลือกตั้งผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตนเป็นกรรมการในคณะกรรมการประกันสังคม
พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๑๖ (๑) ที่กำหนดว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องมีสัญชาติไทย (๒)
ให้เร่งรัดจัดการเลือกตั้งเพื่อให้ได้ผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตนเป็นกรรมการในคณะกรรมการประกันสังคม
เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๔๗ (๓) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๒๖ (๓) ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3910 | รายงานผลการให้บริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2565 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย | กค. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการให้บริการสาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย
(รฟท.)
รวมทั้งข้อสังเกตของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะในการปรับปรุงการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณของ
ขสมก. และ รฟท. สรุปได้ ดังนี้ (๑) รายงานผลการให้บริการสาธารณะของ ขสมก.
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ (ตั้งแต่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔-๓๐ กันยายน ๒๕๖๕)
ส่วนใหญ่เป็นไปตามเป้าหมาย เช่น ความพึงพอใจของผู้ใช้บริการสูงกว่าเป้าหมาย
และการร้องเรียนเหตุการณ์ด้วยความปลอดภัยผ่าน Call
Center เป็นไปตามเป้าหมาย โดยมีผลขาดทุนจากการให้บริการสาธารณะ ๒,๕๓๐.๕๙ ล้านบาท และมีข้อสังเกตเกี่ยวกับผลการดำเนินการ เช่น ขสมก.
ควรรวบรวมข้อมูลร้องเรียนให้ครบทุกช่องทาง รวมทั้งนำข้อมูลที่ได้จากระบบ GPS
และระบบร้องเรียนมาวิเคราะห์สาเหตุและกำหนดแนวทางแก้ไขเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการ
และให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาทบทวนบทบาทของ ขสมก.
ในการให้บริการสาธารณะเชิงสังคมที่เหมาะสมกับความต้องการของประชาชนที่เปลี่ยนแปลงไป
และ (๒) รายงานผลการให้บริการสาธารณะของ รฟท. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ (ตั้งแต่
๑ ตุลาคม ๒๕๖๔-๓๐ กันยายน ๒๕๖๕) ส่วนใหญ่เป็นไปตามเป้าหมาย เช่น
ความพึงพอใจของผู้ใช้บริการสูงกว่าเป้าหมาย
การบริหารเวลาเดินรถให้ตรงต่อเวลาสูงกว่าเป้าหมาย
ไม่มีการเกิดอุบัติเหตุต่อการเดินรถโดยสารเชิงสังคม ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมาย
อย่างไรก็ตาม มีผลการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เช่น
จำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการน้อยกว่าเป้าหมายที่กำหนด ต้นทุนการดำเนินงานที่สูงกว่าเป้าหมาย
โดยมีผลขาดทุนจากการให้บริการสาธารณะ ๓,๐๖๓.๔๒ ล้านบาท
และมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการดำเนินการ เช่น รฟท. ควรเร่งปรับจำนวนขบวนรถให้มีความเหมาะสมต่อความต้องการเดินทาง
เพื่อให้การให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3911 | การประสานขอความร่วมมือจากคณะรัฐมนตรีในเรื่องต่าง ๆ ของคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา | นร. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรีเสนอ (นายสมศักดิ์
เทพสุทิน) ในฐานะกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา รายงานว่า
ในคราวประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา ครั้งที่ ๒๕/๒๕๖๖ เมื่อวันพุธที่
๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๖ ที่ประชุมได้ขอให้ประสานกับคณะรัฐมนตรีในเรื่องดังต่อไปนี้ ๑.๑ ขอความร่วมมือให้รัฐมนตรีมาตอบกระทู้ถามในเรื่องที่ประชุมวุฒิสภา
และหากรัฐมนตรีติดภารกิจขอให้มีหนังสือเลื่อนพร้อมระบุวันที่จะมาตอบกระทู้ในครั้งถัดไปอย่างชัดเจนด้วย ๑.๒
ขอให้รัฐบาลเร่งผลักดันร่างกฎหมายที่สำคัญ ร่างกฎหมายที่จะสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล
หรือร่างกฎหมายที่เห็นว่าเป็นประโยชน์
รวมทั้งข้อตกลงหรือพันธกรณีระหว่างประเทศที่รัฐสภาต้องให้สัตยาบันเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของรัฐสภา
ตลอดจนพิจารณาทบทวนร่างกฎหมายที่ได้เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาแล้วแต่ตกไปเพราะเหตุมีการยุบสภาผู้แทนราษฎรตามมาตรา
๑๔๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของรัฐสภาอีกครั้งให้ทันสมัยการประชุมรัฐสภาครั้งถัดไป ๑.๓
เพื่อให้การลงพื้นที่ตามโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน ของวุฒิสภา
มีการประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
จึงขอให้รัฐบาลมอบหมายให้ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมและให้การสนับสนุนการลงพื้นที่ของสมาชิกวุฒิสภาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3912 | การประชุมใหญ่ระดับโลกว่าด้วยวิทยุคมนาคม ค.ศ. 2023 (WRC - 23) ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) | กสทช. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบตามที่ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (นายเสน่ห์ สายวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ) ชี้แจงว่า
แนวคิดในการจัดทำร่างเอกสารท่าทีของประเทศไทยในการประชุมใหญ่ระดับโลกว่าด้วยวิทยุคมนาคม
ค.ศ. ๒๐๒๓ ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ
มุ่งให้ความคุ้มครองการใช้คลื่นความถี่ในกิจการโทรคมนาคมที่มีอยู่เดิม
ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศไทยในปัจจุบัน
และเปิดโอกาสในการใช้คลื่นความถี่ที่มีเทคโนโลยีใหม่ในอนาคต
รวมทั้งสนับสนุนให้เกิดการใช้คลื่นความถี่ที่มีความสอดคล้องกันทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก
เช่น กิจการโทรคมนาคมสากล (5G, 6G) ระบบสื่อสารทางการบิน
การเดินทะเล และแนวทางการใช้วงโคจรดาวเทียม เป็นต้น
โดยไม่มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงแต่ประการใด ทั้งนี้
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติได้หารือร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว ๒.
เห็นชอบเอกสารท่าที ข้อเสนอ
และแนวทางการดำเนินการของประเทศไทยสำหรับการประชุมใหญ่ระดับโลกว่าด้วยวิทยุคมนาคม
ค.ศ. ๒๐๒๓ (World Radiocommunication Conference :
WRC-23) โดยมอบอำนาจเต็มให้แก่คณะผู้แทนไทยในการเข้าร่วมการประชุม WRC-23
ในการอภิปราย ลงมติ และลงนามในกรรมสารสุดท้ายของการประชุม WRC-23
รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือแต่งตั้งผู้แทน (Credentials)
เพื่อมอบอำนาจเต็มให้แก่คณะผู้แทนไทยในการเข้าร่วมการประชุม WRC-23
เพื่อให้ประเทศไทยแสดงบทบาทและมีส่วนร่วมในการกำหนดแนวทางพัฒนาและการขับเคลื่อนประโยชน์ในด้านกิจการโทรคมนาคมของประเทศในเวทีสมาชิกระหว่างประเทศ
ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยสามารถบริหารคลื่นความถี่ให้มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับหลักสากล
รวมทั้งรองรับกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนท่าทีของประเทศไทยในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3913 | การขยายบทบาทของผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ของไทย | นร. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า โดยที่จะมีการจัดประชุมผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ
(ทูตพาณิชย์) ของไทยที่ประจำประเทศต่าง ๆ ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๖ นี้
จึงขอให้กระทรวงพาณิชย์รับไปกำชับให้ทูตพาณิชย์เร่งดำเนินการส่งเสริมการค้า
การลงทุน การส่งออกให้ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการผลักดันอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในเชิงรุก
เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประเทศโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้
ให้เร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในด้านต่าง
ๆ ให้แพร่หลายและมีความต่อเนื่องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3914 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงที่ดินสำหรับก่อสร้างอาคารสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมอาคารชุดพักอาศัยและสิ่งก่อสร้างประกอบ | ปช. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเปลี่ยนแปลงที่ดินสำหรับก่อสร้างอาคารสำนักงาน
ป.ป.ช. ประจำจังหวัดฉะเชิงเทรา จาก ค่าก่อสร้างอาคารสำนักงาน ป.ป.ช.
ประจำจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมอาคารชุดพักอาศัยและสิ่งก่อสร้างประกอบ ตำบลบางแก้ว อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา
จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็น ค่าก่อสร้างอาคารสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดฉะเชิงเทรา
พร้อมอาคารชุดพักอาศัยและสิ่งก่อสร้างประกอบ ตำบลคลองนา อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา
จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งกองทัพบกได้อนุญาตให้ใช้พื้นที่แล้ว
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติรับความความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ
ที่เห็นว่าสำนักงาน ป.ป.ช. จะต้องดำเนินการส่งคืนและขอใช้ที่ราชพัสดุให้เป็นไปตามกฎ
ระเบียบ กฎหมายที่ราชพัสดุ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
สำหรับการขอขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
การขอทำความตกลงความเหมาะสมของราคาก่อนทำสัญญาก่อหนี้ผูกพัน
และการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายในแต่ละปีงบประมาณนั้น
และให้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ไปดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3915 | ขอความเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนอินดอร์และมาเชี่ยลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2564 (ค.ศ. 2021) | กก. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบการเลื่อนวันจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนอินดอร์และมาเชี่ยลอาร์ทเกมส์
ครั้งที่ ๖ พ.ศ. ๒๕๖๔ (ค.ศ. ๒๐๒๑) จากเดิมระหว่างวันที่ ๑๗-๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
เลื่อนเป็นระหว่างวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์-๖ มีนาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การกีฬาแห่งประเทศไทย)
รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ทั้งนี้
ให้คำนึงถึงความปลอดภัยด้านสุขอนามัยของนักกีฬา และผู้เข้าร่วมงานเป็นสำคัญ
และให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
รวมทั้งควรเร่งประสานภาคเอกชนใหเข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนการจัดการแข่งขัน โดยเฉพาะจากการรับสิทธิประโยชน์ทางการตลาดและโฆษณา
เพื่อให้การจัดการแข่งขันเป็นไปตามวัตถุประสงค์การเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางด้านกีฬา
และการกระชับความสัมพันธ์กลุ่มประเทศที่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันโดยไม่ก่อให้เกิดภาระทางด้านงบประมาณของประเทศจนเกินความจำเป็น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
เห็นชอบในหลักการกรอบวงเงินค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันดังกล่าว
วงเงินทั้งสิ้น ๑,๗๔๕,๐๐๒,๕๕๒ บาท และให้การกีฬาแห่งประเทศไทยดำเนินการต่อไป โดยใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ
๑,๒๐๗.๐๑ ล้านบาท ใช้จ่ายจากรายได้จาการแข่งขันฯ ๒๐๒.๕๐
ล้านบาท และขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๓๓๕.๔๔ ล้านบาท
ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้การกีฬาแห่งประเทศไทยใช้จ่ายจากเงินสะสมของการกีฬาแห่งประเทศไทย
และเงินกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ รวมทั้งเงินรายได้จากการจัดการแข่งขันฯ
ในโอกาสแรกก่อน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3916 | การขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 มาตรา 42 สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | พณ. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศทำสัญญาเช่าสำนักงานในต่างประเทศและเช่าทรัพย์สินในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗-๒๕๗๒ รวมทั้งสิ้น ๗ รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๙๗,๓๘๙,๖๐๐ บาท หรือไม่เกินวงเงินตามสกุลเงินท้องถิ่น
สำหรับค่าใช้จ่ายในการเช่าสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศและการเช่าทรัพย์สินที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๒๕,๙๑๘,๔๐๐ บาท
ให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3917 | การประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลการดำเนินงานของรัฐบาล | นร. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้การประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลการดำเนินงานของรัฐบาลทั้งในระดับกระทรวงและระดับรัฐบาลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
จึงขอให้โฆษกประจำกระทรวงดำเนินการเผยแพร่ผลการดำเนินงานของรัฐบาลในเรื่องต่าง ๆ
ในภารกิจและอำนาจหน้าที่ของแต่ละกระทรวง รวมทั้งผลการปฏิบัติงานของรัฐมนตรีในช่องทางการสื่อสารต่าง
ๆ ให้รวดเร็ว สม่ำเสมอ และมีความต่อเนื่อง
และให้ประสานข้อมูลข่าวสารผลการดำเนินงานของกระทรวงในเรื่องสำคัญต่าง ๆ กับโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา เพื่อให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีใช้เป็นข้อมูลในการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลการดำเนินงานของรัฐบาลในภาพรวมให้ถูกต้อง
รวดเร็ว และเป็นไปในทิศทางเดียวกันต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3918 | การแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ | นร. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้การแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐต่าง
ๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้อง และเหมาะสม
จึงขอให้รัฐมนตรีทุกท่านกำชับปลัดกระทรวง
หัวหน้าส่วนราชการ/หน่วยงานในกำกับดูแลให้ดำเนินการเกี่ยวกับการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการ
เจ้าหน้าที่ของส่วนราชการ และหน่วยงานของรัฐต่าง ๆ ตามอำนาจหน้าที่ให้ถูกต้อง
โปร่งใส เป็นธรรม เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงความรู้
ความสามารถ ความเหมาะสมกับตำแหน่ง และประโยชน์ของทางราชการเป็นสำคัญด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3919 | รายงานความคืบหน้าการใช้ประโยชน์ที่ดินของรัฐในความครอบครองของกระทรวงกลาโหม | กห. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการใช้ประโยชน์ที่ดินของรัฐในความครอบครองของกระทรวงกลาโหม
โดยรวบรวมข้อมูลจากแผนการพัฒนาและใช้ประโยชน์ที่ดินในความครอบครองของกระทรวงกลาโหม
พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๘๐ และได้กำหนดแนวทางการอนุญาตให้ประชาชนเข้าใช้ประโยชน์เพื่อทำกิน
โดยจะใช้ที่ดินประเภทที่ราชพัสดุซึ่งมีประชาชนอยู่อาศัยถาวร ชุมชนหนาแน่น
หรือหมดความจำเป็นในการใช้ประโยชน์ในราชการทหาร มาดำเนินการ ทั้งนี้
ให้กระทรวงกลาโหมกำหนดพื้นที่นำร่องที่จะดำเนินการแล้ว คือ พื้นที่สนามยิงปืนใหญ่
อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๖
และจะขยายการดำเนินการในพื้นที่อื่นต่อไป ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3920 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานเศรษฐกิจการลงทุน ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี | นร.13 | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนทำสัญญาเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานเศรษฐกิจการลงทุน
ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗-พ.ศ. ๒๕๗๑ วงเงินรวม ๕,๘๕๐,๐๐๐ บาท หรือ ๑๕๖,๐๐๐ ยูโร (อัตราแลกเปลี่ยน ๑ ยูโร
เท่ากับ ๓๗.๕๐ บาท) หรือไม่เกินวงเงินตามสกุลเงินท้องถิ่น
สำหรับกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน ตามนัยมาตรา ๔๒ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๑,๑๗๐,๐๐๐ บาท ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|