ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 197 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 3921 - 3940 จากข้อมูลทั้งหมด 124248 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3921 | การขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎอื่นใดตามมาตรา 22 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 (พระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558) | กษ. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘ ออกไปอีก ๑ ปี
ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
3922 | การขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 พ.ศ. 2562 | พม. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์
พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์
พ.ศ. ๒๕๕๑ พ.ศ. ๒๕๖๒ ออกไปอีก ๑ ปี นับแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
3923 | รายงานการเตรียมความพร้อมการดำเนินการช่วยเหลือแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในรัฐอิสราเอล | กษ. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเตรียมความพร้อมการดำเนินการช่วยเหลือแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในรัฐอิสราเอลจะเป็นประโยชน์ต่อการประสานงานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ภายใต้การดำเนินงานโครงการส่งเสริมความรู้ด้านเทคโนโลยีเกษตรจากแรงงานอิสราเอลสู่การพัฒนาเกษตรสมัยใหม่
เพื่อเป็นประโยชน์สูงสุดของแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในรัฐอิสราเอล
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
3924 | สรุปผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 17 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทส. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม
ครั้งที่ ๑๗ (17th ASEAN Ministerial Meeting on the
Environment : 17th AMME) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง
ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๖ ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
(สปป.ลาว) โดยมีปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ
โดยการประชุมประกอบด้วย การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๑๗
และการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมกับคู่เจรจา ซึ่งที่ประชุมได้มีการรับรองและรับทราบประเด็นต่าง
ๆ ที่สำคัญ เช่น การรับรองการขึ้นทะเบียนอุทยานมรดกอาเซียนของประเทศไทย
(เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว-อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว และอุทยานแห่งชาติภูกระดึง)
การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับการประชุมภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สมัยที่ ๒๘ และผลสรุปความสำเร็จความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์อาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
รวมถึงความก้าวหน้าในการดำเนินความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของอาเซียนร่วมกับจีน
ญี่ปุ่น และเกาหลี โดยเฉพาะประเด็นปัญหาขยะพลาสติกในทะเล นอกจากนี้ ไทยได้หารือร่วมกับ
สปป.ลาว เพื่อติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินการก่อสร้างสวนรุกขชาติไทย-ลาว
ที่สร้างขึ้น ณ โรงเรียนมัธยมสมบูนนาซอน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ |
||||||||||||||||||||||||
3925 | แต่งตั้งคณะกรรมการติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหาบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) | นร.04 | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๘๕/๒๕๖๖ เรื่อง
แต่งตั้งคณะกรรมการติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหาบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
ลงวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๖ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
3926 | รายงานการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการประมงทะเล เพื่อฟื้นฟูการประมงทะเลและอุตสาหกรรมการประมง ครั้งที่ 1/2566 | กษ. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการประมงทะเล
เพื่อฟื้นฟูการประมงทะเลและอุตสาหกรรมการประมง ครั้งที่ ๑/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๖ ซึ่งจะเป็นแนวทางการดำเนินการและกลไกในการพิจารณาเตรียมการในการแก้ไขปัญหาการประมงทะเลเพื่อฟื้นฟูการประมงทะเลและอุตสาหกรรมการประมง
และเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบผลการประชุม
และพิจารณาสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำมาตรการ แผนงาน โครงการ รองรับ
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการบรรเทาผลกระทบที่มีต่อชาวประมงและพัฒนาเศรษฐกิจในภาคประมง
ตามที่คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการประมงทะเล
เพื่อฟื้นฟูการประมงทะเลและอุตสาหกรรมการประมงทะเลเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
3927 | รายงานการประชุมคณะกรรมการเพื่อรองรับสถานการณ์เอลนีโญ (El Nino) และ ลานีญา (La Nina) ของประเทศไทย ครั้งที่ 1/2566 | ดศ. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประชุมคณะกรรมการเพื่อรองรับสถานการณ์เอลนีโญ
(El Nino) และ ลานีญา (La
Nina) ของประเทศไทย ครั้งที่ ๑/๒๕๖๖ เมื่อวันที่
๒๙ กันยายน ๒๕๖๖ ซึ่งจะเป็นแนวทางการดำเนินการและกลไกในการพิจารณาเตรียมการเพื่อรองรับสถานการณ์ปริมาณน้ำฝนและน้ำต้นทุนของประเทศไทยจะน้อยกว่าปกติ
มีแนวโน้มที่จะประสบสภาวะแห้งแล้งยาวนานถึง ๓ ปี
เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบผลการประชุมและพิจารณาสั่งการให้หน่วยงานเร่งรัดจัดทำมาตรการ
ทบทวน แผนงาน โครงการ และงบประมาณ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ภัยแล้ง
โดยพิจารณาจัดทำโครงการขนาดเล็กและแหล่งกักเก็บน้ำขนาดเล็กให้กระจายในหลายพื้นที่ทั่วประเทศให้มากที่สุด
และขอให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเป็นการเร่งด่วน
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการบรรเทาผลกระทบที่มีต่อประชาชนและระบบเศรษฐกิจ
รวมทั้งการจัดทำแผนการปรับตัว (Adaptation)
เพื่อรองรับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นต่อเนื่องมากกว่า ๓ ปี ตามที่คณะกรรมการเพื่อรองรับสถานการณ์เอลนีโญ
(El Nino) และ ลานีญา (La Nina)
ของประเทศไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
3928 | แนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎร | ปสส. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๒๖ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพุธที่ ๒๕
ตุลาคม ๒๕๖๖ และครั้งที่ ๒๗ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๖
ตุลาคม ๒๕๖๖ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
3929 | ขยายระยะเวลาในการออกกฎหรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามมาตรา 22 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 (พระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543) | นร.53 | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาในการออกกฎซึ่งออกตามความในมาตรา
๕ ประกอบมาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. ๒๕๔๓
ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ เป็นต้นไป
ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
3930 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นางสาวจอมขวัญ กลับบ้านเกาะ) | นร.04 | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นางสาวจอมขวัญ
กลับบ้านเกาะ เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
3931 | ข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เรื่อง เสรีภาพในการประกอบอาชีพและความเสมอภาคของบุคคล กรณีกำหนดให้การเป็นบุคคลล้มละลายเป็นลักษณะต้องห้ามในการรับราชการหรือเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ | สม. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เรื่อง
เสรีภาพในการประกอบอาชีพและความเสมอภาคของบุคคล กรณีกำหนดให้การเป็นบุคคลล้มละลายเป็นลักษณะต้องห้ามในการรับราชการหรือเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ
เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๔๗ (๓)
และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐
มาตรา ๒๖ (๓) ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.
เป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงยุติธรรม
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานศาลปกครอง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
โดยให้สำนักงาน ก.พ. สรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
3932 | นายกรัฐมนตรีลากิจในวันที่ 27 ตุลาคม 2566 | นร.05 | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งว่า
นายกรัฐมนตรีได้ขอลากิจในวันศุกร์ที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๖ ตั้งแต่เวลา ๑๓.๐๐-๑๖.๓๐ ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดทำหนังสือเวียนแจ้งให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบแล้ว
ทั้งนี้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔๑
กำหนดให้การลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรี ให้อยู่ในดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรี
และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
|
||||||||||||||||||||||||
3933 | มาตรการจูงใจให้แรงงานไทยในรัฐอิสราเอลเดินทางกลับประเทศ | นร. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในรัฐอิสราเอลมีแนวโน้มที่จะมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องหากคู่กรณีเปิดปฏิบัติการรบภาคพื้นดินต่อกัน
ซึ่งในส่วนของรัฐบาลไทยได้เร่งอพยพแรงงานไทยที่ทำงานในพื้นที่เสี่ยงอันตรายและแสดงความประสงค์ขอเดินทางกลับประเทศไทยให้ได้เดินทางกลับภูมิลำเนาโดยเร็วมาอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม
ยังคงมีแรงงานไทยในรัฐอิสราเอลจำนวนหนึ่งที่ตัดสินใจที่จะอยู่ทำงานไปก่อนเพื่อให้ครบกำหนดเวลาที่จะได้รับเงินเดือนหรือนายจ้างจูงใจให้อยู่ทำงานต่อไปโดยจะเพิ่มเงินเดือนค่าจ้างให้มากกว่าเดิม
ซึ่งหากเกิดสถานการณ์การสู้รบภาคพื้นดินอย่างเต็มรูปแบบ
จะทำให้การช่วยเหลือและอพยพแรงงานไทยที่เหลืออยู่ในรัฐอิสราเอลที่ประสงค์จะกลับประเทศไทยทำได้อย่างยากลำบากหรืออาจทำไม่ได้เลย
ดังนั้น ณ เวลานี้ จึงขอให้แรงงานไทยในรัฐอิสราเอลทุกคนตระหนักถึงภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้นและให้ความสำคัญต่อชีวิตและความปลอดภัยของตนเองเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด
และรีบตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทยโดยด่วนที่สุด ในการนี้ จึงขอมอบหมาย ดังนี้ ๑. ให้กระทรวงแรงงานเร่งประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้แรงงานไทยในรัฐอิสราเอลให้ทั่วถึงเพื่อรีบเดินทางกลับประเทศไทยโดยด่วนที่สุด
และให้กระทรวงแรงงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดสิทธิประโยชน์และเงินช่วยเหลือชดเชยให้แก่แรงงานไทยที่กลับจากรัฐอิสราเอลดังกล่าวข้างต้นให้เหมาะสมเป็นกรณีพิเศษ
ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒.
ให้กระทรวงแรงงานประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย
พิจารณาให้ความช่วยเหลือในการจัดหางานและส่งเสริมการมีงานทำให้กับแรงงานไทยที่เดินทางกลับจากรัฐอิสราเอลให้เหมาะสมตามความรู้ความสามารถและประสบการณ์ให้ได้มากที่สุดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
3934 | การรับโอนข้าราชการตำรวจมาบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (พลตำรวจ ภาณุรัตน์ หลักบุญ) | ยธ. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน
พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ ข้าราชการตำรวจ ตำแหน่ง
ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ
และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงยุติธรรม
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง เนื่องจากผู้ดำรงตำแหน่งเดิมเกษียณอายุราชการ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
3935 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง มาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ ที่ดินสาธารณประโยชน์แปลง “ทุ่งหนองแด” ตำบลกุดสระ อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี | กษ. | 16/10/2566 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่เมื่อวันที่
๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ และเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เรื่อง
มาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำพื้นที่ที่ดินสาธารณประโยชน์ แปลง “ทุ่งหนองแด”
ตำบลกุดสระ อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี
เพื่อให้สามารถเข้าดำเนินงานในพื้นที่ พร้อมส่งมอบพื้นที่ให้แก่
สมาคมพืชสวนโลกระหว่างประเทศ AIPH ตามกำหนดกรอบเวลา
ก่อน ๖ เดือน ในวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๙ และให้ทันพิธีเปิดงานในวันที่ ๑ พฤศจิกายน
๒๕๖๙ ซึ่งให้เกิดประโยชน์กับการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. ๒๕๖๙ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ทั้งนี้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรมีการสื่อสารแนวปฏิบัติที่ชัดเจน
ตลอดจนมีมาตรการรองรับในระหว่างการจัดงานและภายหลังเสร็จสิ้นงาน
เพื่อเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ของไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดงานพืชสวนโลกอย่างมีความรับผิดชอบ
อันจะเป็นประโยชน์ในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานของไทยในอนาคต ควรพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อทางหลวงแผ่นดิน
หมายเลข ๒ เช่น
ปริมาณจราจรที่จะเพิ่มขึ้นทั้งในระหว่างเตรียมการจัดงานและระหว่างจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกฯ
ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชาชนที่มาร่วมงานและประชาชนโดยทั่วไปได้ ควรให้ความสำคัญต่อการพิจารณากำหนดมาตรการบริหารจัดการพื้นที่ดำเนินการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกฯ
ที่สอดคล้องกับขีดความสามารถในการรองรับของพื้นที่ (Carrying Capacity) ตลอดจนกำหนดมาตรการและแนวทางในการบำรุงรักษาพื้นที่ให้ยังคงสภาพที่สมบูรณ์
สามารถใช้ประโยชน์ภายหลังการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกให้เกิดประโยชน์ต่อเนื่องทั้งทางด้านเศรษฐกิจ
สังคม และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน
ชุมชน โดยรอบได้อย่างยั่งยืนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๖ กันยายน ๒๕๖๖ (เรื่อง การจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก จังหวัดอุดรธานี พ.ศ. ๒๕๖๙) รวมทั้งการขออนุญาตเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินสาธารณประโยชน์ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||
3936 | แนวทางการแก้ไขถ้อยคำของกฎหมายในบัญชีท้ายพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565 และแนวทางการพิจารณากรณีที่ไม่ต้องเปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัยตามมาตรา 41 | นร.09 | 16/10/2566 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบแนวทางการแก้ไขถ้อยคำของกฎหมายในบัญชีท้ายพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย
พ.ศ. ๒๕๖๕ และแนวทางการพิจารณากรณีที่ไม่ต้องเปลี่ยนความผิดอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวเป็นความผิดทางพินัยตามมาตรา
๔๑ ของคณะกรรมการว่าด้วยการปรับเป็นพินัย โดยการกำหนดแนวทางการแก้ไขถ้อยคำของกฎหมายในบัญชีท้ายพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัยดังกล่าวจะอำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐในการบังคับใช้กฎหมาย
และแก่ประชาชนที่จะสามารถเข้าใจกฎหมายได้ง่ายเพื่อจะได้ปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้องตามเจตนารมณ์ของมาตรา
๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และโดยที่กฎหมายในบัญชีท้ายพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย
พ.ศ.๒๕๖๕ อยู่ในความรับผิดชอบของหลายหน่วยงาน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
3937 | ผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ครั้งที่ 4/2566 | นร.08 | 16/10/2566 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้ปรับลดพื้นที่อำเภอยี่งอ
จังหวัดนราธิวาส อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี และอำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา
ออกจากพื้นที่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ เพื่อนำพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
พ.ศ. ๒๕๕๑ มาบังคับใช้แทน ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ๒.
เห็นชอบให้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส
เป็นระยะเวลา ๓ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๖๗ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ๓. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส
ยกเว้นอำเภอยี่งอ อำเภอศรีสาคร อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน
จังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอยะหริ่ง อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอกะพ้อ
และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง อำเภอกาบัง และอำเภอกรงปินัง
ออกไปอีก ๓ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๖๗
ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ๔. เห็นชอบและรับทราบร่างประกาศ ดังนี้ ๔.๑
เห็นชอบร่างประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ๔.๒
เห็นชอบร่างประกาศขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส
ยกเว้นอำเภอยี่งอ อำเภอศรีสาคร อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดปัตตานี
ยกเว้นอำเภอยะหริ่ง อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอกะพ้อ
และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง อำเภอกาบัง และอำเภอกรงปินัง ๔.๓
เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง
การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ ๔.๔
รับทราบร่างประกาศ เรื่อง
การให้ประกาศและคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ ๔.๕
รับทราบร่างประกาศ เรื่อง
ยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่อำเภอยี่งอ
จังหวัดนราธิวาส อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี และอำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา รวม
๕ ฉบับ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๕.
เห็นชอบข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการขับเคลื่อนไปสู่การยกเลิกกฎหมายพิเศษในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๖
ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ๖.
ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติจัดทำประกาศและคำสั่งตามที่พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๔๘ กำหนดไว้
เพื่อรองรับการออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตพื้นที่อำเภอศรีสาคร
จังหวัดนราธิวาส ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
3938 | ร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการสร้างอนาคตทางพลังงานที่มั่นคง ยั่งยืน และเชื่อมโยงกัน สำหรับภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก | พน. | 16/10/2566 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการสร้างอนาคตทางพลังงานที่มั่นคง
ยั่งยืน และเชื่อมโยงกันสำหรับภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก
และอนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
เป็นผู้ให้การรับรองปฏิญญาฯ ในระหว่างวันที่ ๑๙-๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๖ ณ
ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพฯ โดยร่างปฏิญญาฯ
มีสาระสำคัญที่มุ่งเน้นสนับสนุนการเข้าถึงพลังงานสมัยใหม่ในราคาที่หาซื้อได้
เชื่อถือได้ และยั่งยืนสำหรับทุกคน
ผ่านความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกเอสแคปในด้านต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการบรรลุวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน
ค.ศ. ๒๐๓๐ และการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เป้าหมายที่ ๗ (SDG7) ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพลังงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
3939 | การรายงานผลการเดินทางไปราชการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน | ดศ. | 16/10/2566 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วยที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมสาธารณรัฐประชาชนจีน
(นายสุทธิเกียรติ วีระกิจพานิช) เดินทางไปเข้าร่วมการประชุม National ICT Roundtable ภายใต้งาน Huawei
Connect 2023 ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๑ กันยายน ๒๕๖๖ ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน
โดยมีสาระสำคัญ ได้แก่ (๑) งาน Huawei Connect 2023
ภายใต้หัวข้อหลัก “Accelerate Intelligence”
หรือการเร่งรัดให้อุตสาหกรรมไปสู่ความเป็นอัจฉริยะ (๒) การประชุม National
ICT Roundtable ภายใต้หัวหข้อ “Strengthen Digital
Infrastructure. Accelerate Digital Economy” ประกอบด้วย
โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ดีขึ้น สู่ประเทศดิจิทัลที่ดีขึ้น
และการเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของรัฐบาลและบริการสาธารณูปโภค (๓) การหารือระหว่างกระทรวงดิจิทัลและบริษัท
หัวเว่ย เทคโนโลยี่ จำกัด
โดยไทยเน้นย้ำการผลักดันการเปลี่ยนผ่านไปสู่รัฐบาลดิจิทัลและได้ประกาศนโยบาย Go
Cloud First และประธานกรรมการบริหารหัวเว่ย คลาวด์ (นายจาง ผิงอัน)
ได้เน้นย้ำเรื่อง Cloud AI และการพัฒนาบุคลากร และ (๔)
การเยี่ยมชมนิทรรศการภายในงาน Huawei Connect 2023 เช่น
การเปลี่ยนแปลงเมืองสู่ดิจิทัล การให้บริการภาครัฐแบบ One-Stop และอุตสาหกรรมรถยนต์ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
3940 | แนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎร | ปสส. | 16/10/2566 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๒๓ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ ๑) วันพุธที่ ๑๘ ตุลาคม
๒๕๖๖ ครั้งที่ ๒๔ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ ๑) วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๖
และครั้งที่ ๒๕ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ ๑) เป็นพิเศษ วันศุกร์ที่ ๒๐ ตุลาคม
๒๕๖๖ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|