ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 200 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 3981 - 4000 จากข้อมูลทั้งหมด 124006 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3981 | ร่างกฎกระทรวงการขึ้นทะเบียนตำรับยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 และตำรับวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 3 หรือประเภท 4 พ.ศ. .... | สธ. | 29/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขึ้นทะเบียนตำรับยาเสพติดให้โทษในประเภท
๓ และตำรับวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ เงื่อนไข
และอัตราค่าธรรมเนียมการขอขึ้นทะเบียนตำรับยาเสพติดให้โทษในประเภท ๓
และตำรับวัตถุออกฤทธิ์ ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่เห็นควรจะต้องคำนึงถึงคุณประโยชน์และผลกระทบของประชาชนเป็นสำคัญ
เพื่อป้องกันการนำยาเสพติดไปใช้ในทางที่ให้โทษ และบั่นทอนสุขภาพของประชาชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการขอขึ้นทะเบียนและการปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมตามร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้ประชาชนทราบอย่างทั่งถึง
และแจ้งกระทรวงการคลังจัดทำงบประมาณรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
เพื่อใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินงานทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบเป็นประจำทุกสิ้นปีงบประมาณตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3982 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 11/2566 | นร.11 สศช | 29/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ เห็นชอบ และรับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๑/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม
๒๕๖๖ โดย คกง.
มีมติเกี่ยวข้องกับการพิจารณากลั่นกรองความเหมาะสมของข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายจากเงินภายใต้พระราชกำหนดกู้เงินฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยอนุมัติให้กรมควบคุมโรคเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย
จำนวน ๖๐,๐๐๐,๐๐๐ โดส (AstraZeneca) ปี พ.ศ. ๒๕๖๕ และโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
(COVID-19) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย จำนวน ๓๐,๐๐๒,๓๑๐ โดส (Pfizer) ปี พ.ศ.
๒๕๖๕ ของกระทรวงสาธารณสุข โดยขยายระยะเวลาสิ้นสุดการดำเนินโครงการจากเดือนกันยายน
๒๕๖๖ เป็นเดือนมีนาคม ๒๕๖๗ อนุมัติให้จังหวัดเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ปี ๒๕๖๕ ของกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๗ จังหวัด ๙ โครงการ กรอบวงเงิน ๗๔.๑๓๖๓ ล้านบาท
มอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการเร่งปรับปรุงรายละเอียดของโครงการในระบบ eMENSCR
ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว
พร้อมทั้งเร่งดำเนินโครงการตามกรอบระยะเวลาที่ได้รับจากคณะรัฐมนตรี
รายงานผลสัมฤทธิ์และคืนเงินกู้เหลือจ่าย (ถ้ามี) ตามระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
และรับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดกู้เงินฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ราย ๓ เดือน ครั้งที่ ๘ (๑ พฤษภาคม-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๖) ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ให้กระทรวงต้นสังกัดติดตามหน่วยงานเจ้าของโครงการในการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด
และกำกับดูแลหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนดเพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เป็นไปอย่างคุ้มค่า
มีประสิทธิภาพ และบรรลุผลสัมฤทธิ์ของโครงการตามที่ได้กำหนดไว้
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ.
๒๕๖๔ ข้อ ๒๒ และ ๒๓ สำหรับโครงการที่ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก
หากมีเงินกู้เหลือจ่ายของโครงการนั้น
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังภายใน ๓ เดือน
นับจากวันที่สิ้นสุดการดำเนินโครงการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๖
เพื่อให้การบริหารจัดการเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๕
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ควรปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วน เป็นไปตามหลักเกณฑ์
อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด รวมทั้งเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย
ตลอดจนให้ความสำคัญกับการติดตามและประเมินผลโครงการ เพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างยั่งยืน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3983 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน ในไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | นร.01 | 29/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชนในไตรมาสที่ ๓
ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ (เดือนเมษายน-มิถุนายน ๒๕๖๖)
ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.
สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน ในไตรมาสที่ ๓
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ พร้อมผลการวิเคราะห์เรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็น
รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ ผ่านช่องทางการร้องทุกข์
๑๑๑๑ รวมทั้งสิ้น ๑๓,๘๗๗ เรื่อง สามารถดำเนินการจนได้ข้อยุติ ๑๑,๗๕๗
เรื่อง โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับการประสานเรื่องร้องทุกข์ฯ มากที่สุด (๑,๒๓๒ เรื่อง) สำหรับเรื่องร้องทุกข์ที่ประชาชนยื่นเรื่องมากที่สุด คือ
เสียงรบกวน/สั่นสะเทือน (๑,๓๔๘ เรื่อง) และข้อจำกัดปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์
เช่น (๑) สถิติการใช้บริการช่องทางรับเรื่องร้องทุกข์มีจำนวนลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ และ (๒) ปัญหาเหตุเดือดร้อนรำคาญยังเป็นปัญหาที่ประชาชนร้องเรียนเป็นจำนวนมาก
ประกอบกับปัจจุบันประชาชนมีช่องทางในการเข้าถึงการร้องเรียน ร้องทุกข์ได้ง่าย
ส่งผลให้ปัญหาดังกล่าวมีจำนวนมากในทุกไตรมาส ๒.
ข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาปรับปรุงการให้บริการ/การปฏิบัติงาน เช่น (๑) ควรให้หน่วยงานส่วนกลาง
ส่วนภูมิภาค และระดับท้องถิ่นที่มีระบบสารสนเทศเรื่องร้องทุกข์
และมีความพร้อมกำหนดแนวทางเข้าร่วมร้องทุกข์กับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
เพื่อการแบ่งปันข้อมูลและเชื่อมโยงการทำงานและเพื่อขับเคลื่อนการบริการประชาชนให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
และ (๒) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับปัญหาเหตุเดือดร้อนรำคาญเคร่งครัดในการตรวจสอบ
ปรับปรุงแนวทางการปฏิบัติงานเพื่อลดการเกิดเหตุในพื้นที่
และควรประชาสัมพันธ์ให้สถานประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3984 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อถอนคืนเงินรายได้เเผ่นดิน | ตช. | 29/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวนเงิน ๑๗๕,๗๐๐,๔๔๘ บาท
เพื่อถอนคืนเงินรายได้แผ่นดิน จ่ายคืนเงินค่าปรับโครงการจัดหาเครื่องเอ็กซเรย์ตรวจค้นยาเสพติด
กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช. ปส.) แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่
กรุงเทพมหานคร จำนวน ๓ เครื่อง ให้แก่ บริษัท
เอเอ. นุ๊กเทค จำกัด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการต่อไป ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๖๗ (๓) แล้ว ทั้งนี้
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและสำนักงบประมาณเร่งดำเนินการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งเหตุผลและความจำเป็นในการขอใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบโดยด่วนต่อไป ๒.
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรจะต้องดำเนินการตามแนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร
โดยเสนอคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณา รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการควบคุมและกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓.
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจนว่า กรณีการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างของโครงการแก่เอกชนล่าช้าจนเป็นเหตุให้ต้องงดค่าปรับให้แก่เอกชนคู่สัญญา
ถือเป็นความผิดหรือความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบหรือไม่ ประการใด
และหากพบการกระทำผิดหรือความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ของรัฐ
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดชอบทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง อย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3985 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 [แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ 44 (พ.ศ. 2538)ฯ] | มท. | 29/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. ให้ความเห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ.
....) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๔ (พ.ศ. ๒๕๓๘)
แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๕๑ (พ.ศ. ๒๕๔๑)
ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมข้อกำหนดเกี่ยวกับแบบระบบบำบัดน้ำเสียของอาคารประเภท
ง และอาคารพักอาศัยประเภทบ้านเดี่ยว ห้องแถว ตึกแถว บ้านแถว หรือบ้านแฝด
เพื่อให้ระบบบำบัดน้ำเสียมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและเป็นไปตามมาตรฐานสากล ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่เห็นควรเร่งดำเนินการตามร่างกฎกระทรวงดังกล่าว
ในข้อ ๗ วรรคสอง โดยการออกประกาศหลักเกณฑ์ตามที่รัฐมนตรีกำหนด
โดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมอาคาร เพื่อให้มีผลบังคับใช้ควบคู่กับร่างกฎกระทรวงฯ
นี้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3986 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า หรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 3 หรือประเภท 4 พ.ศ. .... | สธ. | 29/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต
นำเข้า หรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตการผลิต นำเข้า
หรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน
ก.พ.ร. ในส่วนของร่างกฎกระทรวงฯ ข้อ ๗ ควรพิจารณาทบทวนระยะเวลาในการพิจารณาอนุญาตให้มีความเหมาะสม
เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน
และกำหนดระยะเวลาการแจ้งผลการพิจารณาในกรณีมีคำสั่งไม่อนุญาตเป็นระยะเวลาภายใน ๗
วัน เพื่อให้สอดคล้องตามมาตรา ๑๐
แห่งพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘
รวมทั้งกรณีที่ผู้ขออนุญาตได้ยื่นคำขออนุญาตหรือติดต่อกับผู้อนุญาตหรือหน่วยงานของรัฐโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์แล้ว
การติดต่อหรือออกเอกสารหลักฐานใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้นั้น
ให้ทำโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เว้นแต่ผู้นั้นจะได้ระบุไว้เป็นประการอื่นในการยื่นคำขออนุญาตหรือในการติดต่อ
เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์
พ.ศ. ๒๕๖๕ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3987 | ขออนุมัติผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ เพื่อให้กรมชลประทานดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำแม่สะป๊วด อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดลำพูน | กษ. | 29/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำแม่สะป๊วด อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดลำพูน และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
พิจารณาทบทวนมาตรการในการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ตามความเห็นของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และครอบคลุมถึงเรื่องการศึกษาคาร์บอนเครดิตและข้อมูลสัตว์ป่าที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ตามความเห็นของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (หนังสือกรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ ทส ๐๙๐๙.๒๐๔/๒๓๕๖๘ ลงวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕) ด้วย
แล้วให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
นำเรื่องนี้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งเพื่อขออนุมัติผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่
๑ เอ ต่อไป ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอน
เป็นไปตามกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3988 | รายงานผลการจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยการได้มาและการจำหน่ายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และการเช่าที่ดินเพื่อใช้เป็นที่ทำการและที่พักเจ้าหน้าที่สถานกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดสงขลา | กต. | 29/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
ว่าด้วยการได้มาและการจำหน่ายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง
และการเช่าที่ดินเพื่อใช้เป็นที่ทำการและที่พักเจ้าหน้าที่สถานกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน
ณ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดสงขลา
มีสาระสำคัญเป็นการรายงานผลการดำเนินงานที่ผ่านมา เช่น (๑)
การลงนามร่วมกันในหนังสือแลกเปลี่ยนความตกลงฯ และ (๒)
การอำนวยความสะดวกเรื่องการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของสถานกงสุลใหญ่จีน
ณ จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งการรายงานข้อเท็จจริงเกี่ยวกับจำนวนเนื้อที่ของที่ดินที่จะใช้เป็นสถานกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน
ณ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดเชียงใหม่
ที่มีความคลาดเคลื่อนจากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบไว้เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม
๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3989 | ขอถอนร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอและการออกใบอนุญาตขับรถยนต์หรือให้ผู้อื่นขับรถยนต์ที่มีไว้เพื่อขายหรือเพื่อซ่อม และกำหนดแบบใบอนุญาต สมุดคู่มือประจำรถ และลักษณะเครื่องหมายพิเศษ พ.ศ. .... | คค. | 29/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงคมนาคมถอนร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการขอและการออกใบอนุญาตขับรถยนต์หรือให้ผู้อื่นขับรถยนต์ที่มีไว้เพื่อขายหรือเพื่อซ่อม
และกำหนดแบบใบอนุญาต สมุดคู่มือประจำรถ และลักษณะเครื่องหมายพิเศษ พ.ศ. ....
ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตามที่เสนอได้
และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3990 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ 33 (พ.ศ. 2535)ฯ) | มท. | 29/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)
ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๓ (พ.ศ. ๒๕๓๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร
พ.ศ. ๒๕๒๒ เพื่อปรับปรุงแก้ไขข้อกำหนดบางประการด้านระบบความปลอดภัยเกี่ยวกับอัคคีภัยในส่วนที่เกี่ยวกับโครงสร้างและอุปกรณ์ที่เป็นส่วนประกอบของอาคารสูงหรืออาคารขนาดใหญ่พิเศษ
เพื่อให้มีมาตรฐานไม่ต่ำกว่าข้อกำหนดตามกฎกระทรวงการแก้ไขอาคารที่มีสภาพหรือมีการใช้ที่อาจเป็นภยันตรายต่อสุขภาพ
ชีวิต ร่างกายหรือทรัพย์สิน หรืออาจไม่ปลอดภัยจากอัคคีภัย
หรือก่อให้เกิดเหตุรำคาญหรือกระทบกระเทือนต่อการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
ที่เห็นควรกำหนดลักษณะของป้ายบอกทางหนีไฟดังกล่าวเพียงพอต่อความป้องกันภยันตรายต่อสุขภาพ
ชีวิต ร่างกาย
หรือทรัพย์สินที่อาจเกิดจากอัคคีภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้วหรือไม่
หรือควรกำหนดรายละเอียดให้มากขึ้น โดยอาจศึกษากฎหมายอื่นเพื่อเปรียบเทียบซึ่งกำหนดรายละเอียดของป้ายบอกทางหนีไฟ
นอกเหนือจากขนาดของตัวอักษรที่ต้องมองเห็นได้อย่างชัดเจนแล้ว
ยังกำหนดให้ป้ายดังกล่าวต้องมีแสงสว่างแก่ตัวเอง
หรือใช้ไฟส่องให้เห็นชัดเจนตลอดเวลาต้องไม่มีสีรูปร่างที่กลมกลืนไปกับการตกแต่งหรือป้ายอื่น
ๆ ที่ติดไว้ใกล้เคียง หรือโดยประการใดที่ทำให้เห็นป้ายไม่ชัดเจน
และอาจใช้รูปบอกทางหนีไฟตามมาตรฐานของทางสมาคมวิศวกรรมสถานฯ
โดยต้องให้เห็นได้อย่างชัดเจน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3991 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออกหรือจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 พ.ศ. .... | สธ. | 29/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตผลิต
นำเข้า ส่งออกหรือจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท ๓ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตผลิต นำเข้า
ส่งออก หรือจำหน่าย คุณสมบัติของผู้ขออนุญาต การออกใบอนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาต
การต่ออายุใบอนุญาต การแก้ไขรายการในใบอนุญาต การนำเข้าหรือส่งออกในแต่ละครั้ง
การดำเนินการของผู้รับอนุญาต เพื่อประโยชน์ในการควบคุมกำกับดูแล
การกำหนดหน้าที่เภสัชกร และการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๓
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3992 | การแต่งตั้งคณะผู้แทนไทยในการประชุมใหญ่วาระพิเศษ ครั้งที่ 4 ของสหภาพสากลไปรษณีย์ | ดศ. | 29/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบเอกสารท่าทีไทยของประเทศไทยในการเข้าร่วมการประชุมใหญ่วาระพิเศษ
ครั้งที่ ๔ ของสหภาพสากลไปรษณีย์ รวมถึงร่างข้อสงวนแนบท้ายกรรมสาร
และมอบหมายให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าคณะพิจารณาใช้ดุลยพินิจตามสถานการณ์
ตามความเหมาะสมในเรื่องที่จะเป็นประโยชน์ต่อไป
มอบอำนาจให้แก่หัวหน้าคณะและรองหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการอภิปราย
ลงมติและลงนามในกรรมสารของการประชุมใหญ่วาระพิเศษครั้งที่ ๔ ของสหภาพสากลไปรษณีย์
และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือแต่งตั้งผู้แทน (Credentials)
โดยมอบอำนาจให้แก่หัวหน้าคณะและรองหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการอภิปราย
ลงมติและลงนามในกรรมสารของการประชุมใหญ่วาระพิเศษครั้งที่ ๔ ของสหภาพสากลไปรษณีย์ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเอกสารกรอบท่าทีของประเทศไทยในการเข้าร่วมการประชุมใหญ่วาระพิเศษ
ครั้งที่ ๔ ของสหภาพสากลไปรษณีย์ และร่างข้อสงวนแนบท้ายกรรมสาร ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบหลังภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ทั้งนี้ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่เห็นว่าหากในการประชุมดังกล่าวจะมีการจัดทำความตกลงระหว่างประเทศสมาชิกซึ่งเป็นการทำหนังสือสัญญาตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
กรณีดังกล่าวจะเข้าลักษณะเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป
ซึ่งต้องห้ามตามนัยมาตรา ๑๖๙ (๑) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ไปพิจารณาด้วย ๒.
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3993 | รายงานสรุปผลการพิจารณาในภาพรวมต่อข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กรณีการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมล่าช้า | สนง. กสม. | 29/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาในภาพรวมต่อข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
กรณีการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมล่าช้า ซึ่งสำนักงาน
ก.พ. ได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๖๖
โดยมีผลสรุปในภาพรวมว่า
ข้อเสนอแนะที่ให้มีหน่วยงานที่มีหน้าที่สนองต่อภารกิจซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมโดยตรง
นั้น ที่ประชุมเห็นว่า ยังไม่มีความจำเป็นต้องจัดตั้งหน่วยงานสนับสนุนคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมแยกออกจากสำนักงาน
ก.พ. แต่ควรกำหนดแผนการแก้ไขปัญหาเป็น ๓ ระยะ ได้แก่ (๑) แผนระยะสั้น : ปรับโครงสร้าง อัตรากำลัง
การบริหารจัดการงานให้รวดเร็วมีประสิทธิภาพ (๒) แผนระยะกลาง : ให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่และข้าราชการทั่วไปเกี่ยวกับการพิทักษ์ระบบคุณธรรม
และ (๓) แผนระยะยาว : ประเมินผลการดำเนินงานตามแผนระยะสั้นและระยะกลางเพื่อวิเคราะห์ความเหมาะสมของการมีหน่วยงานอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม
ส่วนข้อเสนอแนะที่ให้ปรับปรุงการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์ให้มีความยืดหยุ่น
โดยนำกระบวนการไกล่เกลี่ยระหว่างคู่กรณีมาใช้ ที่ประชุมเห็นว่า
เป็นการเพิ่มขั้นตอนในกระบวนการพิจารณา อาจส่งผลให้เกิดความล่าช้ากว่าเดิม นอกจากนี้
ข้อเสนอแนะที่ให้ปรับปรุงกฎหมายให้ร้องทุกข์ไปยังคณะอนุกรรมการสามัญประจำกรม (อ.ก.พ.
กรม) หรือคณะอนุกรรมการสามัญประจำจังหวัด (อ.ก.พ. จังหวัด) นั้น เห็นว่า
จะไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์และหลักการของพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.
๒๕๕๑ มาตรา ๑๒๓ และกฎ ก.พ.ค.
ว่าด้วยการร้องทุกข์และการพิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์ พ.ศ. ๒๕๕๑ และสำนักงาน
ก.พ. อยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้ไขกฎ ก.พ.ค.
ว่าด้วยการอุทธรณ์และการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ พ.ศ. .... และกฎ ก.พ.ค.
ว่าด้วยการร้องทุกข์และการพิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์ พ.ศ. ....
เพื่อให้การพิจารณาเรื่องอุทธรณ์และร้องทุกข์เป็นไปอย่างยุติธรรมและรวดเร็วยิ่งขึ้น
ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3994 | การดำเนินการเพื่อรองรับการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศ | นร. | 29/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอว่า
ตามที่ได้มีการเปลี่ยนชื่อ “กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม” เป็น
“กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม” ตั้งแต่วันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๖
เป็นต้นมา เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับปรุงภารกิจของส่วนราชการ
เพื่อรองรับการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศ
นั้น เนื่องจากปัจจุบันปัญหาที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศของโลก (Climate
Change) หรือภาวะโลกร้อน
กำลังเป็นปัญหาสำคัญเร่งด่วนที่ทั่วโลกเร่งดำเนินการสร้างความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างจริงจัง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อองค์การสหประชาชาติได้แจ้งถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่บ่งชี้ว่าโลกได้เปลี่ยนแปลงจากภาวะโลกร้อน
(Global Warming) เข้าสู่ภาวะโลกเดือด (Global
Boiling) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น
เพื่อให้การดำเนินการในเรื่องดังกล่าวของประเทศไทยเป็นไปอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
จึงเห็นควรให้ทุกส่วนราชการให้ความสำคัญในการดำเนินงานต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างพร้อมเพรียงกัน
โดยให้แต่งตั้งคณะทำงานหรือเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในการกำกับดูแลการดำเนินงานต่าง
ๆ รวมทั้งการประสานการดำเนินการกับกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ชัดเจนและมีความต่อเนื่องต่อไปด้วย
และให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3995 | การรับรองร่างปฏิญญาผู้นำอาเซียนว่าด้วยการเป็นภูมิภาคที่มีภูมิคุ้มกันอย่างยั่งยืน (ASEAN Leaders' Declaration on Sustainable Resilience) | มท. | 29/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างปฏิญญาผู้นำอาเซียนว่าด้วยการเป็นภูมิภาคที่มีภูมิคุ้มกันอย่างยั่งยืน
(ASEAN Leaders' Declaration on Sustainable
Resilience) และอนุมัติให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างปฏิญญาฯ
ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๔๓ (43rd ASEAN Summit) ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๔-๗ กันยายน ๒๕๖๖ ณ กรุงจาการ์ตา
สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของผู้นำอาเซียนในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของประชาคมอาเซียนต่อความไม่แน่นอน
ความซับซ้อน
และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอย่างเป็นระบบทั้งจากภัยพิบัติและผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
รวมถึงการใช้ทรัพยากรที่ส่งผลกระทบด้านลบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ เป็นต้น
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ทั้งนี้
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณในกรณีหากมีค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น
ให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
หรือโอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ มาดำเนินการ
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติ
รวมทั้งจัดให้มีระบบการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องและเปิดเผยต่อสาธารณชน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3996 | ขอความเห็นชอบการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค | พน. | 29/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจำหน่ายที่ดิน ซึ่งเป็นที่ตั้งสถานีไฟฟ้าแรงสูงชลบุรี
๒ (บางส่วน)
ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตามหลักฐานโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๔๕๙๗๘
ท้องที่ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ ๑๔-๐-๒๐ ไร่
ให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในราคาที่ดินไร่ละ ๕,๖๑๖,๙๖๖ บาท เป็นเงิน
๗๘,๙๑๘,๓๗๒ บาท และค่าดำเนินการร้อยละ
๒๐ ของราคาที่ดิน เป็นเงิน ๑๕,๗๘๓,๖๗๔
บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๙๔,๗๐๒,๐๔๖
บาท ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้กระทรวงพลังงาน
(การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3997 | การรับรองร่างกรอบงานเครือข่ายหมู่บ้านอาเซียน (ASEAN Villages Network Framework) | มท. | 29/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการต่อร่างกรอบงานเครือข่ายหมู่บ้านอาเซียน (ASEAN Villages Network Framework) และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ในฐานะรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน
มีหนังสือแจ้งความเห็นชอบรับรองร่างกรอบงานเครือข่ายหมู่บ้านอาเซียนไปยังสำนักเลขาธิการอาเซียนภายหลังจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแล้ว
โดยร่างกรอบงานเครือข่ายหมู่บ้านอาเซียนเป็นเอกสารที่รัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจนจะให้การรับรองและจะมีการเสนอเป็นวาระเพื่อทราบในการประชุมสุดยอดอาเซียน
ครั้งที่ ๔๓ (43rd ASEAN Summit) ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่
๔-๗ กันยายน ๒๕๖๖ ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย เป็นการกำหนดรายละเอียดแนวทางการขับเคลื่อนงานในระดับหมู่บ้านของอาเซียนผ่านกลไกเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศ
อาทิ หลักการและสาขาที่ให้ความสำคัญ ผลลัพธ์เชิงยุทธศาสตร์ การใช้ระบบ
และแผนปฏิบัติการระหว่างปี ๒๕๖๖-๒๕๖๘
โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจนในภูมิภาคอาเซียนและมีเป้าหมายหลักเพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของพลเมืองอาเซียน
มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านให้มีความเข้มแข็งในลักษณะจากล่างขึ้นบน (bottom-up)
ซึ่งเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพลเมืองจากฐานราก
และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้หญิงและกลุ่มเปราะบางอื่น ๆ รวมทั้งเสริมสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนกับหุ้นส่วนภายนอก
โดยใช้เวทีการเรียนรู้และความร่วมมือเป็นตัวขับเคลื่อนเพื่อแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดี
ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาเชิงพื้นที่
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างกรอบงานเครือข่ายหมู่บ้านอาเซียนในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3998 | องค์ประกอบและท่าทีของราชอาณาจักรไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 45 ที่ขยายออกมา | ทส. | 29/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๑.
เห็นชอบการกำหนดท่าทีของราชอาณาจักรไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ
ครั้งที่ ๔๕ ที่ขยายออกมา ดังนี้ ๑.๑ หากคณะผู้แทนไทยเห็นว่า (ร่าง) ข้อมติ
วาระการประชุมที่ 7B รายงานสถานภาพการอนุรักษ์แหล่งมรดกโลก
พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ (7B.19) และพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน
(7B.88) ไม่เป็นผลดีต่อไทย หรือสุ่มเสี่ยงต่อการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกในภาวะอันตราย
เห็นชอบให้คณะผู้แทนไทยดำเนินการชี้แจงทำความเข้าใจและโน้มน้าวคณะกรรมการมรดกโลก
องค์กรที่ปรึกษา และศูนย์มรดกโลก เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน
และการดำเนินการของราชอาณาจักรไทยในการให้ความสำคัญต่อการดำเนินการเพื่อดูแลและอนุรักษ์พื้นที่กลุ่มป่าฯ
ให้คงคุณค่าความโดดเด่นอันเป็นสากลอย่างยั่งยืน
รวมทั้งจัดให้มีการส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมกับชุมชนต่าง ๆ และองค์กรต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องในการอนุรักษ์ ปกป้อง คุ้มครอง และบริหารจัดการพื้นที่กลุ่มป่าฯ
ร่วมกัน และขอปรับแก้ (ร่าง) ข้อมติที่จะส่งผลต่อผลการดำเนินงานของไทยในอนาคต ๑.๒ กรณีมีประเด็นอื่นที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า
หรือได้รับการร้องขอจากรัฐภาคีสมาชิก ให้อยู่ในดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทย
ในการพิจารณากำหนดท่าทีในประเด็นนั้น ๆ ทั้งนี้
ให้คณะผู้แทนไทยพิจารณาร่วมกันระหว่างการประชุมฯ โดยคำนึงถึงหลักการขออนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
และข้อมูลด้านเทคนิคและวิชาการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและองค์กรที่ปรึกษา ๒.
รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๕
ที่ขยายออกมา ได้แก่ (๑) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เป็นที่ปรึกษา (๒) นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว
ทำหน้าที่กรรมการในคณะกรรมการมรดกโลกและหัวหน้าคณะผู้แทนไทย และ (๓)
ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวัฒนธรรม
กระทรวงการต่างประเทศ และผู้แทนที่เกี่ยวข้อง
ในคณะทำงานเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในการดำรงตำแหน่งกรรมการมรดกโลก วาระปี พ.ศ.
๒๕๖๒-๒๕๖๖ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3999 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตนำเข้าหรือส่งออกยาเสพติดให้โทษหรือวัตถุออกฤทธิ์ กรณีเป็นผู้ป่วยหรือสัตว์ป่วยเดินทางระหว่างประเทศโดยนำยาเสพติดให้โทษหรือวัตถุออกฤทธิ์ซึ่งจำเป็นต้องใช้รักษาโรคเฉพาะตัวติดตัวเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... | สธ. | 29/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตนำเข้าหรือส่งออกยาเสพติดให้โทษหรือวัตถุออกฤทธิ์
กรณีเป็นผู้ป่วยหรือสัตว์ป่วยเดินทางระหว่างประเทศโดยนำยาเสพติดให้โทษหรือวัตถุออกฤทธิ์ซึ่งจำเป็นต้องใช้รักษาโรคเฉพาะตัวติดตัวเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข
ในการขออนุญาตนำเข้า หรือส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๒ และประเภท ๓
สำหรับบุคคล หรือวัตถุออกฤทธิ์ประเภท ๒ ประเภท ๓ และประเภท ๔ สำหรับบุคคลหรือสัตว์
ซึ่งจำเป็นต้องใช้รักษาโรคเฉพาะตัวติดตัวนำเข้าในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่เห็นว่าเมื่อร่างกฎกระทรวงฉบับนี้มีผลใช้บังคับแล้วจำเป็นต้องมีการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยได้รับทราบข้อมูล
เพื่อให้เกิดความารู้ความเข้าใจ และถือปฏิบัติได้อย่างถูกต้องต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4000 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 3 หรือประเภท 4 พ.ศ. .... | สธ. | 29/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท
๓ หรือประเภท ๔ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการขออนุญาตจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นว่าในส่วนของร่างกฎกระทรวงฯ ข้อ ๖ ควรพิจารณาระยะเวลาในการพิจารณาอนุญาตให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับระยะเวลาดำเนินงานจริงในปัจจุบัน
เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน
และกำหนดระยะเวลาการแจ้งผลการพิจารณาในกรณีมีคำสั่งไม่อนุญาตเป็นระยะเวลาภายใน ๗
วัน เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา ๑๐แห่งพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ
พ.ศ. ๒๕๕๘ และในกรณีที่ผู้ขออนุญาตได้ยื่นคำขออนุญาตหรือติดต่อกับผู้อนุญาตหรือหน่วยงานของรัฐโดยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์แล้ว
การติดต่อหรือออกเอกสารหลักฐานใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้นั้น
ให้ทำโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เว้นแต่ผู้นั้นจะได้ระบุไว้เป็นประการอื่นในการยื่นคำขออนุญาตหรือในการติดต่อ
เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์
พ.ศ. ๒๕๖๕ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|