ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 194 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 3861 - 3880 จากข้อมูลทั้งหมด 124248 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3861 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (สินค้าน้ำมันเบนซินและน้ำมันที่คล้ายกัน) | กค. | 31/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. มีสาระสำคัญเป็นการปรับลดอัตราภาษีสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันประเภทน้ำมันเบนซิน
๑ บาทต่อลิตร โดยให้อนุพันธ์ของน้ำมันดังกล่าวมีการปรับลดอัตราภาษีตามสัดส่วนเนื้อน้ำมันที่ผสมอยู่
ตั้งแต่วันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๗
และหลังจากนั้นให้อัตราภาษีกลับสู่อัตราเดิมก่อนการปรับลด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายกระทรวงพลังงานใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อปรับราคาขายปลีกให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของคณะรัฐมนตรีในการลดราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล์
๙๑ ต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันเบนซินที่สะท้อนต้นทุนตามข้อเท็จจริง ประชาชนตระหนักถึงภาระการชดเชยต้นทุนส่วนต่าง
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์
และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการทางภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และให้ความสำคัญกับการดูแลแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบางต่อการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าและราคาน้ำมัน
และพิจารณาให้ราคาน้ำมันเบนซินเคลื่อนไหวสอดคล้องกับราคาน้ำมันในตลาดโลก
เพื่อให้ประชาชนและระบบเศรษฐกิจมีการปรับตัวไปสู่การประหยัดพลังงาน
รวมทั้งลดแรงกดดันทางด้านการคลัง
และรักษาขีดความสามารถของกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการรองรับความเสี่ยงจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดีเซล
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3862 | การยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยวให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติอินเดียและไต้หวัน เป็นกรณีพิเศษและเป็นการชั่วคราว | กต. | 31/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยวให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติอินเดียและไต้หวัน
เป็นกรณีพิเศษและเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๖-๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๗
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการการยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยวให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติอินเดียและไต้หวัน
เป็นกรณีพิเศษและเป็นการชั่วคราว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๓.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปดำเนินการ โดยแยกประกาศกระทรวงมหาดไทยเป็น
๒ ฉบับ เนื่องจากฐานอำนาจในการดำเนินการต่างกัน และดำเนินการดังนี้ ๓.๑
แก้ไขชื่อร่างประกาศกระทรวงมหาดไทยในส่วนของการยกเว้นการตรวจลงตราผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสาธารณรัฐอินเดีย
เป็น “ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดรายชื่อประเทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง
ซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว
ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา และให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกินสามสิบวัน
เป็นกรณีพิเศษ” เพื่อให้สอดคล้องกับข้อ ๑๓ (๓) (ก) แห่งกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจ การยกเว้น และการเปลี่ยนประเทศการตรวจลงตรา พ.ศ.
๒๕๔๕ และประกาศกระทรวงมหาดไทยฉบับทั่วไปที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน ๓.๒
การจัดทำร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย สำหรับกรณีไต้หวัน แยกอีกฉบับหนึ่ง
โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒
แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่ากระทรวงการต่างประเทศควรเป็นหน่วยงานหลักในการประสานความสัมพันธ์กับสาธารณรัฐประชาชนจีน
ต่อมาตรการการตรวจลงตราฯ ดังกล่าว หน่วยงานด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ
อาทิ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ควรมีการติดตามเฝ้าระวัง
และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญในกลุ่มนักท่องเที่ยวสัญชาติอินเดีย
เพื่อให้มาตรการยกเว้นการตรวจลงตราฯ เกิดประโยชน์ด้านเศรษฐกิจต่อประเทศไทยอย่างคุ้มค่าและแท้จริง
ควรเร่งประเมินความพร้อมและศักยภาพของประเทศไทยในการเปิดรับนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ
โดยจัดทำเป็นแผนงาน การดำเนินงาน (road map) ที่ระบุถึงกลุ่มประเทศที่จะมีการยกเว้นการตรวจลงตรา
และระยะเวลาที่เหมาะสมในการดำเนินการ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถสร้างโอกาส
และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวให้ดีขึ้นในระยะต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๕. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
กระทรวงมหาดไทย สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรมีการเฝ้าระวัง ติดตาม ตรวจสอบ
และประเมินผลการเข้ามาของนักท่องเที่ยวทั้งสองสัญชาติอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง
หากพบว่าผลกระทบด้านความมั่นคงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ให้หน่วยงานด้านความมั่นคงสามารถเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณายกเลิกหรือปรับเปลี่ยนมาตรการยกเว้นการตรวจลงตราฯ
ควรมีการติดตามเฝ้าระวัง
และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญในกลุ่มนักท่องเที่ยวสัญชาติอินเดีย
เพื่อให้มาตรการยกเว้นการตรวจลงตราฯ
เกิดประโยชน์ด้านเศรษฐกิจต่อประเทศไทยอย่างคุ้มค่าและแท้จริง และควรเร่งประเมินความพร้อมและศักยภาพของประเทศไทยในการเปิดรับนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ
โดยจัดทำเป็นแผนงาน การดำเนินงาน (road map) ที่ระบุถึงกลุ่มประเทศที่จะมีการยกเว้นการตรวจลงตรา
และระยะเวลาที่เหมาะสมในการดำเนินการ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถสร้างโอกาส
และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวให้ดีขึ้นในระยะต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||
3863 | ขอความเห็นชอบต่อการรับรองเอกสารร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียน-จีนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 43 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง | กษ. | 31/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียน-จีนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร
(ASEAN-China Joint Statement on Deepening
Agricultural Cooperation) ซึ่งเป็นเอกสารที่ได้มีการเสนอต่อที่ประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน
ครั้งที่ ๒๖ ในวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๖ ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย
เพื่อให้ที่ประชุมรับรอง โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านการเกษตรที่เป็นประโยชน์ร่วมกันด้วยวิสัยทัศน์ใหม่
แนวทางใหม่ และมาตรการใหม่
เพื่อให้พร้อมเผชิญกับความท้าทายที่มีอยู่และความท้าทายใหม่ อาทิ
การเพิ่มประสิทธิภาพกลไกความร่วมมือทางการเกษตรระดับทวิภาคีและพหุภาคี
และสนับสนุนให้องค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสาม (APTERR) และสำนักงานเลขานุการระบบข้อมูลสารสนเทศความมั่นคงทางอาหารในภูมิภาคอาเซียน
(AFSIS) ให้มีบทบาทมากขึ้น
การส่งเสริมระบบอาหารและการเกษตรที่ยั่งยืน การเกษตรหมุนเวียน
และการเกษตรคาร์บอนต่ำ การพัฒนาการเกษตรอัจฉริยะ
การส่งเสริมความร่วมมือด้านห่วงโซ่อุปทานทางการเกษตร
และการเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียในความร่วมมือด้านการเกษตรระดับภูมิภาค
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบเอกสารร่างแถลงการณ์ร่วมฯ แล้ว
กระทรวงการต่างประเทศจะมีหนังสือแจ้งการรับรองดังกล่าวอย่างเป็นทางการให้กับสำนักเลขาธิการอาเซียนต่อไป
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||
3864 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายเอกรัฐ พลซื่อ) | นร.04 | 31/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายเอกรัฐ พลซื่อ
เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๖) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3865 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายโกเมนทร์ ทีฆธนานนท์) | ทส. | 31/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายโกเมนทร์
ทีฆธนานนท์ เป็นข้าราชการการเมือง
ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๖) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3866 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงศึกษาธิการ) | ศธ. | 31/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง
ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีของกระทรวงศึกษาธิการ จำนวน ๑๕ คณะ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑. คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยองค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
(ซีมีโอ) ๒. คณะกรรมการพิจารณายกเว้นอากรนำเข้าสื่อ วัสดุ
เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการศึกษา ๓.
คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ
(ยูเนสโก) ๔. คณะกรรมการฝ่ายการศึกษาของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ
(ยูเนสโก) ๕.
คณะกรรมการฝ่ายวัฒนธรรมของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ
(ยูเนสโก) ๖.
คณะกรรมการฝ่ายวิทยาศาสตร์ของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ
(ยูเนสโก) ๗.
คณะกรรมการฝ่ายสังคมศาสตร์ของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ
(ยูเนสโก) ๘.
คณะกรรมการฝ่ายสื่อสารมวลชนของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ
(ยูเนสโก) ๙.
คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยแผนงานความทรงจำแห่งโลกของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ๑๐.
คณะกรรมการโครงการมนุษย์และชีวมณฑลของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ๑๑. คณะกรรมการโครงการ ๑ อำเภอ ๑ ทุน ๑๒. คณะกรรมการ PISA
แห่งชาติ ๑๓.
คณะกรรมการกำหนดนโยบายผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๑๔. คณะกรรมการกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3867 | การบูรณาการการดำเนินงานเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเร่งด่วน | นร. | 31/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
เพื่อให้การดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาสำคัญเร่งด่วนของชาติ
รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือเยียวยาความเดือดร้อนของประชาชนในเรื่องต่าง ๆ
ทั้งที่เป็นภัยทางสังคมและภัยทางธรรมชาติ
สามารถดำเนินการให้เสร็จสิ้นบรรลุผลได้อย่างรวดเร็วและเท่าทันสถานการณ์ให้มากที่สุด
จึงขอให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)
ประสานความร่วมมือและร่วมดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีหน้าที่และอำนาจในการดำเนินการป้องกัน
แก้ไขปัญหา และให้ความช่วยเหลือเยียวยาความเดือดร้อนของประชาชนในเรื่องต่าง ๆ เช่น
ปัญหาภัยพิบัติและภัยธรรมชาติ ปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด
เพื่อบูรณาการการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3868 | เร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล | นร. | 31/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
เพื่อให้การพิจารณาร่างกฎหมายต่าง ๆ
ของคณะรัฐมนตรีเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา
จึงขอมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมศักดิ์ เทพสุทิน)
กำกับและติดตามให้ทุกส่วนราชการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติที่อยู่ในความรับผิดชอบต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว
เพื่อให้สามารถนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาให้ทันสมัยการประชุมรัฐสภาครั้งถัดไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3869 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง กฎหมายด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ของคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา | สว. | 31/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง กฎหมายด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ของคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา
โดยคณะกรรมาธิการฯ
มีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการเร่งรัดและผลักดันในการจัดทำกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
และการออกกฎหมายแต่ละฉบับให้มีความสอดคล้องซึ่งกันและกัน
รวมถึงการดำเนินการเพื่อเกิดการเสริมสร้างระบบธรรมาภิบาลขึ้นในสถาบันอุดมศึกษา
ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ
ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3870 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การปฏิรูปการขึ้นทะเบียนคนพิการเพื่อให้คนพิการได้รับสิทธิสวัสดิการและความช่วยเหลือได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึง ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา | สว. | 31/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
การปฏิรูปการขึ้นทะเบียนคนพิการเพื่อให้คนพิการได้รับสิทธิสวัสดิการและความช่วยเหลือได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึง
ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ
และผู้ด้อยโอกาส โดยคณะกรรมาธิการฯ มีข้อเสนอแนะต่อการปฏิรูปการขึ้นทะเบียนคนพิการเพื่อให้คนพิการได้รับสิทธิสวัสดิการและความช่วยเหลือได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึง
เช่น ควรเร่งปรับปรุงหลักเกณฑ์การประเมิน การวินิจฉัย และการรับรองความพิการ
เพื่อให้คนพิการได้เข้าสู่ระบบการขึ้นทะเบียนคนพิการได้ครอบคลุมและทั่วถึง
ควรเพิ่มเติมการออกบัตรประจำตัวคนพิการแบบชั่วคราว
และควรพัฒนาฐานข้อมูลคนพิการให้สามารถเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลอื่นแบบเรียลไทม์ (Real-time) และคนพิการเข้าถึงได้โดยสะดวก
เป็นต้น ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ
ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานสภาพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3871 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการขับเคลื่อนภายใต้แนวคิดภูมิภาษาและปัญญาแผ่นดิน ของคณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา | สว. | 31/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
แนวทางการขับเคลื่อนภายใต้แนวคิดภูมิภาษาและปัญญาแผ่นดิน ของคณะกรรมาธิการการศาสนา
คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา โดยคณะกรรมาธิการฯ
มีข้อเสนอทางกฎหมายและนโยบายเกี่ยวกับการจัดตั้งสถาบันภูมิภาษาและปัญญาแผ่นดิน (องค์การมหาชน)
เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และให้บริการทางวิชาการ ศึกษา วิจัย
รวบรวมองค์ความรู้และฐานข้อมูล
ตลอดจนสร้างสรรค์นวัตกรรมในส่วนที่เกี่ยวข้องกับศิลปวัฒนธรรมของชาติและท้องถิ่น
ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
๒.
มอบหมายให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ
ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงาน ก.พ.
สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ และศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอทางกฎหมายและนโยบายดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3872 | การเร่งรัดการดำเนินการเพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลการดำเนินงานของรัฐบาล | นร. | 31/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๖) ให้โฆษกประจำกระทรวงดำเนินการเผยแพร่ผลการดำเนินงานของรัฐบาลในเรื่องต่าง
ๆ ในภารกิจ หน้าที่และอำนาจของแต่ละกระทรวง
รวมทั้งผลการปฏิบัติงานของรัฐมนตรีในช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ ให้รวดเร็ว สม่ำเสมอ
และต่อเนื่อง ทั้งนี้ ให้ประสานข้อมูลข่าวสาร ผลการดำเนินงานของกระทรวงในเรื่องสำคัญต่าง
ๆ กับโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องด้วย
เพื่อให้การประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลการดำเนินงานของรัฐบาลในภาพรวมเป็นไปอย่างถูกต้อง
รวดเร็ว และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน นั้น
ขอให้ทุกกระทรวงเร่งดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
รวมทั้งให้เร่งดำเนินการแต่งตั้งโฆษกประจำกระทรวงให้ชัดเจนโดยเร็ว
เพื่อจะได้เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนและประสานการดำเนินการตามภารกิจดังกล่าวข้างต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3873 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการจัดการศูนย์ฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพคนไร้บ้าน ศึกษากรณี : องค์กรภาคเอกชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา | สว. | 31/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง แนวทางการจัดการศูนย์ฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพคนไร้บ้าน ศึกษากรณี : องค์กรภาคเอกชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ
และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา โดยคณะกรรมาธิการฯ มีข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาในด้านต่าง ๆ
อาทิ
การผลักดันให้คนไร้บ้านมีอาชีพเพื่อเป็นการส่งเสริมอาชีพให้เกิดการทำงานสร้างรายได้อันเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอาชีพและพัฒนาตนเอง
การเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานในการทำบัตรประชาชน สิทธิการรักษาพยาบาล
การจัดทำระบบฐานข้อมูลกลางเพื่อรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับคนไร้บ้าน
การจัดบุคลากร เจ้าหน้าที่หรือผู้ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ เข้ามาดูแลคนไร้บ้าน
รวมถึงการพัฒนาศูนย์พักพิงชั่วคราวให้มีประสิทธิภาพ
ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ
ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ
กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3874 | การปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำและการปรับอัตราเงินเดือนสำหรับกลุ่มข้าราชการพลเรือนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ | นร. | 31/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาไว้ว่า
รัฐบาลมีนโยบายในการสร้างรายได้ สร้างชีวิตของคนไทยให้มีเกียรติ
มีเงินเดือนและค่าแรงขั้นต่ำที่เป็นธรรมสอดคล้องและเพียงพอต่อปัจจัยด้านการดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี
นั้น จึงขอมอบหมาย ดังนี้ ๑. ให้กระทรวงแรงงานเร่งการศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำ
และรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายปานปรีย์ พหิทธานุกร)
ในฐานะประธานกรรมการข้าราชการพลเรือนรับไปเร่งรัดให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนร่วมกับกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ แนวทาง กรอบระยะเวลา
และผลกระทบของการปรับอัตราเงินเดือนสำหรับกลุ่มข้าราชการพลเรือนและเจ้าหน้าที่ของรัฐให้ชัดเจน
และรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยเร็วภายในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๖
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3875 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การนำการจัดอันดับมหาวิทยาลัยมาพัฒนาการศึกษาและมหาวิทยาลัยไทย ของคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา | สว. | 31/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
การนำการจัดอันดับมหาวิทยาลัยมาพัฒนาการศึกษาและมหาวิทยาลัยไทย
ของคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา
โดยคณะกรรมาธิการฯ มีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการวัดผลการพัฒนามหาวิทยาลัย
โดยใช้วิธีการประเมินแบบ U-Multirank การปรับภาพลักษณ์ระบบการศึกษาระดับอุดมศึกษาของประเทศให้มีความเป็นสากลเพื่อให้เกิดการยอมรับมากขึ้น
การผลักดันการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษาเป็นกลไกสำคัญตามมาตรา ๔๕ (๓)
ประกอบมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๒
เพื่อช่วยให้สถาบันอุดมศึกษาลดอุปสรรคด้านงบประมาณ
รวมถึงช่วยทำให้บรรลุผลในการดำเนินงานตามแผนและเป้าหมายให้สะดวกขึ้นตามภารกิจ
และการผลักดันระบบคลังหน่วยกิตระดับอุดมศึกษาเพื่อให้ผู้เรียนสามารถสะสมผลการเรียนและผลลัพธ์การเรียนรู้ที่ได้รับจากการศึกษาในระบบการศึกษานอกระบบ
การศึกษาตามอัธยาศัย และจากประสบการณ์บุคคลไว้ในคลังหน่วยกิต
ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ
ไปพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3876 | ญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันการทุจริตฉ้อโกงของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ | สผ. | 31/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันการทุจริตฉ้อโกงของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3877 | การประสานความร่วมมือด้านการเกษตรและปศุสัตว์กับซาอุดีอาระเบีย | นร. | 31/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
สืบเนื่องจากการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ
(ASEAN-Gulf Cooperation Council Summit : ASEAN- GCC
Summit) เมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๖ ณ กรุงริยาด
ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย
และได้ใช้โอกาสดังกล่าวหารือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนของซาอุดีอาระเบียเพื่อประสานความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนให้เพิ่มมากขึ้น
ทำให้ทราบว่าซาอุดีอาระเบียมีความสนใจที่จะจัดทำความร่วมมือและดำเนินธุรกิจด้านการเกษตรและปศุสัตว์กับไทยเป็นอย่างมาก
ในการนี้ จึงขอมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินความร่วมมือกับซาอุดีอาระเบียในด้านการเกษตรและปศุสัตว์
รวมทั้งด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องและทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3878 | ญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน | สผ. | 31/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน
ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ๒.
มอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักรับญัตติพร้อมทั้งข้อเสนอแนะ
ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ กรุงเทพมหานคร
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของญัตติพร้อมทั้งข้อเสนอแนะดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3879 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง - ล้านช้าง ประจำปี พ.ศ. 2566 ระหว่างกระทรวงพาณิชย์และสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยและร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับสถาบันความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง | พณ. | 31/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖
ระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย
และร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับสถาบันความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง
และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖
ระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย
และร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับสถาบันความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ระหว่างกระทรวงพาณิชย์ และสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย
และร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์และสถาบันความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรวิเคราะห์และติดตามประเมินผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์ให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับทราบถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
3880 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ข้อเสนอการสร้างเสริมสุขภาวะระยะสุดท้ายของชีวิตรองรับสังคมสูงวัย ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา | สว. | 31/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง ข้อเสนอการสร้างเสริมสุขภาวะระยะสุดท้ายของชีวิตรองรับสังคมสูงวัย
ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ
และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา โดยคณะกรรมาธิการฯ
มีข้อเสนอแนะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการกำหนดทิศทางการพัฒนาระบบการดูแลแบบประคับประคองและการแสดงเจตนาไม่รับการรักษาพยาบาลในระยะสุดท้ายของชีวิต
การจัดทำนโยบายแห่งชาติว่าด้วยการสร้างเสริมสุขภาวะระยะสุดท้ายของชีวิต
รวมทั้งแผนมาตรการ และแนวทางการพัฒนาครอบคลุมทุกมิติให้ชัดเจนและเป็นระบบ
การจัดตั้งหน่วยบริการดูแลแบบประคับประคอง (Palliative
Care Unit) และการพัฒนากฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาแก้ปวดกลุ่ม
Opioids เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดการเข้าถึงยาจำเป็นสำหรับผู้ป่วยระยะสุดท้าย
ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ
ไปพิจารณาร่วมกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงแรงงาน
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
แพทยสภา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|