ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1782 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 35621 - 35640 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
35621 | การติดตามดูแลให้ความช่วยเหลือและสำรวจทัศนคติของผู้เข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง | นร | 16/08/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบการยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงซึ่งออกตามความในพระราช กำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 อีก 3 จังหวัด คือ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และ อุบลราชธานี 2. ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการรับฟังปัญหา เยียวยา ช่วยเหลือ และทำ ความเข้าใจกับประชาชน ดำเนินการอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง 3. ให้กระทรวงสาธารณสุขรายงานผลการดำเนินโครงการช่วยเหลือด้านจิตใจผู้ได้รับผลกระทบโดย เฉพาะกิจกรรมที่ 6 การเฝ้าระวัง ให้คณะรัฐมนตรีทราบในการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||
35622 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาก่อสร้างและจ่ายค่าชดเชยพิเศษแทนการจัดสรรแปลงอพยพโครงการกิ่วคอหมา จังหวัดลำปาง | กษ | 10/08/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติขยายระยะเวลาก่อสร้างโครงการกิ่วคอหมา จังหวัดลำปาง จากเดิมระยะเวลา 6 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548-2553) เป็น ระยะเวลา 11 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548-2558) โดยไม่เพิ่มกรอบวงเงินงบประมาณของโครงการฯ (วงเงินเดิม 3,670.50 ล้านบาท) และ อนุมัติในหลักการให้จ่ายค่าชดเชยพิเศษแทนการจัดสรรแปลงอพยพให้แก่ราษฎรที่ถูกเขตชลประทานบริเวณหัวงาน และอ่างเก็บน้ำโครงการฯ โดย ให้กรมชลประทานใช้งบประมาณค่าที่ดินของโครงการฯ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ งบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามแผนงาน ก่อสร้างที่ขยายเวลาออกไป ให้กรมชลประทานเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับแผนงานก่อสร้างภายในวงเงินงบประมาณ ก่อสร้างเดิม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรจัดทำหลักเกณฑ์การจ่ายเงินชดเชยและให้ทำความตกลงที่ชัดเจนกับราษฎรที่ถูกเขตชลประทานบริเวณหัวงานและอ่างเก็บน้ำโครงการฯ เพื่อ ให้มีการดำเนินการตรวจสอบพิสูจน์สิทธิและลงลายมือชื่อและมีมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการจ่ายเงินชดเชยพิเศษซ้ำซ้อนที่ชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย 3. อนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาจ่ายค่าชดเชยพิเศษแทนการจัดสรรแปลงอพยพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดย ให้เพิ่มผู้แทนของหน่วยงานและภาคประชาชนที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นคณะกรรมการฯ เพื่อให้การพิจารณาค่าชดเชยพิเศษดังกล่าวมีความโปร่งใส เป็นธรรมสำหรับราษฎรที่ถูกเขตชลประทาน และเมื่อดำเนินการจ่ายค่าชดเชยพิเศษเสร็จสิ้นแล้วให้รายงานผลการดำเนินงานให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ตาม ความเห็นของกระทรวงการคลัง |
|||||||||||||||||||||
35623 | มาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรที่ประสบภัยจากการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ปี 2552 | กค | 10/08/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 เห็นชอบในหลักการตามมาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่ประสบภัยจากการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ปี 2552 ตามที่ ธ.ก.ส. เสนอ 1.2 อนุมัติเงินงบประมาณเพื่อชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ของเกษตรกรให้แก่ ธ.ก.ส. ในการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว วงเงินประมาณ 1,458.60 ล้านบาท โดยให้มีการชดเชยแก่ ธ.ก.ส. เป็นปี ๆ ไป ตามข้อเท็จจริงภายใน 2 ปี 1.3 ในปีบัญชี 2552 หากปรากฏว่าเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ประสบภัยจากการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลเพิ่มขึ้นทั้งในเขตพื้นที่เดิมและในพื้นที่อื่น ๆ อีก ให้ ธ.ก.ส. ใช้มาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรลูกค้าดังกล่าวเช่นเดียวกัน 2. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ให้ ธ.ก.ส. พิจารณาตรวจสอบรายชื่อผู้ซึ่งได้รับความเสียหายจากฐานข้อมูลของทางจังหวัดประกอบการให้ความช่วยเหลือตามมาตรการ นั้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
35624 | ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 1/2553 | กค | 10/08/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธานกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (ประธาน กนร.) เสนอผลการประชุม กนร. ครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2553 โดยที่ประชุมได้มีมติ ดังนี้ 1.1 รับทราบความคืบหน้าการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ และการทบทวนบทบาท ภารกิจ และความจำเป็นในการมีอยู่ของรัฐวิสาหกิจ โดยในส่วนของการทบทวนบทบาท ภารกิจฯ มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการ กนร. จัดประชุมรัฐวิสาหกิจที่ต้องจัดทำแผนปรับบทบาทหรือแผนพลิกฟื้นฐานะทางการเงินของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 7 แห่ง ได้แก่ องค์การสะพานปลา องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย องค์การตลาด การรถไฟแห่งประเทศไทย บริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด และองค์การคลังสินค้า และให้รัฐวิสาหกิจทั้ง 7 แห่ง รายงานความคืบหน้าในการประชุม กนร. ต่อไป รวมทั้งรับทราบความคืบหน้าในการจัดทำแผนธุรกิจเพื่อพลิกฟื้นฐานะทางการเงินของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 13 แห่ง โดยมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการ กนร. เร่งกำกับการจัดทำแผนพลิกฟื้นของรัฐวิสาหกิจ 5 แห่ง ได้แก่ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) การเคหะแห่งชาติ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เพื่อรายงานในการประชุม กนร. ต่อไป 1.2 มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมและการท่าเรือแห่งประเทศไทยดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการ กนร. ดังนี้ 1.2.1 ตรวจสอบความถูกต้องและครบถ้วนในการดำเนินการตามกฎหมายของโครงการท่าเทียบเรือ จำนวน 10 โครงการ หากพบว่าโครงการใดมีมูลค่าโครงการเกินกว่า 1,000.00 ล้านบาท ให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 ต่อไป 1.2.2 พิจารณาถึงลักษณะการผูกขาดของสัญญาของบริษัท ฮัทชิสัน แหลมฉบัง เทอร์มินัล จำกัด และผลกระทบต่อผลประโยชน์ของรัฐในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขสัญญาของบริษัทฯ ตลอดจนความเป็นธรรมในการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการท่าเทียบเรือ 1.2.3 ทบทวนความเหมาะสมและความคุ้มค่าในการลงทุนโครงการท่าเทียบเรือ A (ท่าเทียบเรือชายฝั่ง) ในกรณีการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้ลงทุนทั้งหมดกับการเปิดโอกาสให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน |
|||||||||||||||||||||
35625 | การดำเนินการเกี่ยวกับบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการอนุวัติการตรวจลงตราเดียวในกรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี - เจ้าพระยา - แม่โขง (ACMECS Single Visa - ASV) ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา | กต | 10/08/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา สำหรับการอนุวัติการตรวจลงตราเดียวในกรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS Single Visa-ASV) ที่ได้ลงนามแล้ว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้เสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบตามมาตรา 190 วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก่อนดำเนินการให้มี
ผลผูกพันต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
35626 | ร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการการให้บำเหน็จความชอบการกันเป็นพยาน การลดโทษ และการให้ความคุ้มครองพยาน พ.ศ. .... | นร | 10/08/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการการให้บำเหน็จความชอบ การกันเป็น
พยาน การลดโทษ และการให้ความคุ้มครองพยาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการให้บำเหน็จความชอบ การกันเป็นพยาน การลดโทษ และการให้ความคุ้มครองพยาน สำหรับข้าราชการพล เรือนสามัญที่ให้ข้อมูลต่อผู้บังคับบัญชาหรือให้ถ้อยคำในฐานะพยานอันเป็นประโยชน์และเป็นผลดียิ่งต่อทางราชการ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
35627 | ขออนุมัติรายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 สำหรับไตรมาสที่ 4/2553 | กค | 10/08/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรายละอียดและเงื่อนไขการกู้เงินสำหรับไตรมาสที่ 4/2553 ด้วยวิธีการทำสัญญา
กู้เงิน (Term loan) วงเงิน 60,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับขั้นตอนการกู้เงินตามพระราชกำหนดให้ อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นเพิ่มเติมของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเร่งดำเนินการจัดสรรเงินกู้คงเหลือประมาณ 37,000 ล้านบาท และให้มีการ ผูกพันในสัญญาโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
35628 | การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2552 เรื่อง แผนปรับปรุงการบริหารจัดการและบริการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | คค | 10/08/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2552 เรื่อง แผน
ปรับปรุงการบริหารจัดการและบริการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ดังนี้ 1. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) เป็นประธานคณะทำงาน โดยมีรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ รวมทั้งผู้อำนวยการสำนักงบประมาณร่วมเป็นคณะทำงาน เพื่อพิจารณาเรื่องนี้ในรายละเอียดของประเด็น ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง 2. ให้คณะทำงานฯ พิจารณาให้ครอบคลุมถึงประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ 2.1 การดำเนินโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดของพนักงาน ขสมก. 2.2 แนวทางการดำเนินการจัดหารถโดยสารที่จะต้องสอดคล้องกับการดำเนินการตามมาตรการลด ค่าใช้จ่ายเดินทางรถโดยสารประจำทางธรรมดา (รถเมล์ฟรี) จำนวน 800 คัน ซึ่งกำหนดสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2553 และอยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับความจำเป็นเหมาะสมให้คงมีมาตรการฯ อยู่ต่อไป รวมทั้งการปรับเข้าระบบการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ (PSO) ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน ที่ 29 มิถุนายน 2553 (เรื่อง ขอขยายระยะเวลาดำเนินการมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน) 2.3 การเชื่อมโยงการดำเนินการที่จะให้เอกชนเข้าร่วมบริการเดินรถตามสัญญาการให้บริการเชิงคุณ ภาพ (PBC) จำนวน 1,000-1,200 คัน ซึ่งจะกระทบต่อรายได้/รายจ่าย รวมทั้งจะทำให้มีภาระผูกพันค่าใช้จ่ายของ ขสมก. ในระยะยาว 3. ให้กระทรวงคมนาคม ขสมก. รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดและข้อมูลที่เกี่ยวข้องเชื่อม โยงกับประเด็นตามข้อ 2 ตลอดจนข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องตามที่คณะทำงานฯ ร้องขอ เช่น แผนการดำเนินการใน เรื่องต่าง ๆ ประมาณการรายได้/รายจ่าย เป็นต้น ให้แก่คณะทำงานฯ ให้ถูกต้องครบถ้วนเพื่อประกอบการพิจารณา ของคณะทำงานฯ โดยเร็ว 4. เมื่อคณะทำงานฯ ได้รับรายละเอียดและข้อมูลต่าง ๆ ครบถ้วนแล้ว ให้คณะทำงานฯ เร่งพิจารณาเรื่อง นี้ให้แล้วเสร็จ และให้นำผลการพิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
35629 | การทบทวนระยะเวลาการใช้สิทธิชดเชยส่วนต่างราคาข้าวโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 2 | พณ | 10/08/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 9/2553 เมื่อ
วันที่ 10 มิถุนายน 2553 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยคณะกรรมการฯ มีมติ ดังนี้ 1. ให้ขยายระยะเวลาการใช้สิทธิของเกษตรกรโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 2 ในพื้นที่ทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ ที่ขึ้นทะเบียนภายในวันที่ 15 เมษายน 2553 จากสิ้นสุดวันที่ 31 กรกฎา คม 2553 เป็นสิ้นสุดวันที่ 31 สิงหาคม 2553 และในพื้นที่ภาคใต้ที่ขึ้นทะเบียนภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2553 จากสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2553 เป็นสิ้นสุดวันที่ 15 ธันวาคม 2553 2. ให้ผ่อนผันการขยายระยะเวลาการขึ้นทะเบียนของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 2 ในพื้น ที่ทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ จากภายในวันที่ 15 เมษายน 2553 เป็นภายในวันที่ 30 เมษายน 2553 พร้อมทั้งขยาย ระยะเวลาการใช้สิทธิของเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนตั้งแต่วันที่ 16-30 เมษายน 2553 จากสิ้นสุดวันที่ 31 สิงหาคม 2553 เป็นสิ้นสุดวันที่ 15 กันยายน 2553 3. ให้ขยายระยะเวลาการทำสัญญาของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โครงการประกัน รายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 2 จากสิ้นสุดวันที่ 30 พฤษภาคม 2553 เป็นสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนา ยน 2553 ภาคใต้จากสิ้นสุดวันที่ 30 สิงหาคม 2553 เป็นสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2553 |
|||||||||||||||||||||
35630 | คำขอของประเทศในภูมิภาคยุโรปในการขอรับการตรวจลงตราเข้าราชอาณาจักรไทยเพื่อการท่องเที่ยวไม่เกิน 15 วัน ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa-On-Arrival) | กต | 10/08/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ 1.1 ให้บุคคลสัญชาติโรมาเนีย บัลแกเรีย มอลตา อันดอร์รา และซานมาริโน สามารถรับการตรวจ ลงตราเข้าราชอาณาจักรไทยเพื่อการท่องเที่ยวไม่เกิน 15 วัน ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa -On-Arrival : VOA) 1.2 ให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเสนอร่างประกาศกระทรวงมหาดไทยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง มหาดไทยลงนามเพื่อประกาศใช้บังคับในราชกิจจานุเบกษาต่อไป 2. ให้กระทรวงการต่างประเทศ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่าการ พิจารณาอนุญาตให้ประเทศต่าง ๆ สามารถขอรับการตรวจลงตราเข้าราชอาณาจักรไทยเพื่อการท่องเที่ยวไม่เกิน 15 วัน ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa-On-Arrival : VOA) ได้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งการจัดให้มี ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองเป็นการเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุด้วยจะทำให้ผู้เดินทางได้รับความสะดวก และช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศให้ได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
35631 | แนวทางการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและการฟื้นฟูแหล่งทรัพยากรทรายของประเทศ | ทส | 10/08/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 3/2552 เมื่อวันที่ 9
มิถุนายน 2552 และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามมติในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ 1. เห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและการฟื้นฟูแหล่งทรัพยากรทรายในการปรับปรุงการ บริหารจัดการภายใต้กฎหมายและกฎระเบียบปัจจุบันให้มีประสิทธิภาพ โดยให้กรมที่ดินในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะ กรรมการพิจารณาอนุญาตให้ดูดทราย (ทรายในแม่น้ำ) และกรมโรงงานอุตสาหกรรม (ทรายในที่ดินกรรมสิทธิ์ของ เอกชน) เป็นหน่วยงานหลักประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงระบบระเบียบบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ 2. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม ตามข้อ 1 โดย 2.1 ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประมวลการปรับปรุงกฎหมายที่จะต้องรองรับการ เปลี่ยนแปลงกฎหมายปัจจุบันเพื่อให้ทรัพยากรทรายเป็นแร่ โดยไม่กระทบต่อหลักการของกฎหมายที่ใช้อ้างอิง หรือ อาจพิจารณาดำเนินการให้มีกฎหมายเป็นการเฉพาะ เพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรทรายในอนาคต 2.2 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลผลการศึกษาจากโครงการวางแผนการจัดการสิ่งแวดล้อมจากการ ใช้ทรัพยากรทราย ที่สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ศึกษาไว้แล้ว ไปใช้พิจารณา ประกอบการดำเนินงานต่อไป 2.3 ให้สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติงบประมาณเป็นกรณีพิเศษในการดำเนินงานตามแนวทางการ บริหารจัดการทรัพยากรทรายฯ และให้หน่วยงานหลักเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี หลังจากมีมติคณะ รัฐมนตรี |
|||||||||||||||||||||
35632 | ร่างพระราชบัญญัติสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา พ.ศ. .... | ศธ | 10/08/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้จัดตั้ง สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการตรวจ พิจารณา 2. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติฯ มาตรา 13 วรรคสอง เป็น "เงินอุดหนุนทั่วไปตาม (1) นั้น รัฐบาลพึงจัดสรรให้แก่สถาบันโดยตรงเป็นจำนวนที่ เหมาะสมตามความจำเป็นกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของสถาบันและการพัฒนาสถาบัน เพื่อ ประกันสุขภาพการศึกษา" และตัดข้อความในวรรคสามที่กำหนดว่า "ในกรณีที่รัฐบาลได้ปรับเงินเดือน เงินประจำ ตำแหน่ง ค่าตอบแทน หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดแก่ข้าราชการ ให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณในลักษณะเงินอุดหนุน ทั่วไปเพิ่มเติม..." ออก ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||
35633 | สถานการณ์และข้อเสนอเพื่อปรับปรุงระบบรองรับอุบัติภัยสารเคมีรั่วไหลที่มาบตาพุดและพื้นที่ใกล้เคียง | สช | 10/08/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบสถานการณ์และข้อเสนอเพื่อปรับปรุงระบบรองรับอุบัติภัยสารเคมีรั่วไหลที่มาบตาพุดและพื้น ที่ใกล้เคียง และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการต่อไป ตามมติคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ใน การประชุมครั้งที่ 3/2553 เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2553 ตามที่สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเสนอ โดยที่ ประชุมรับทราบความก้าวหน้าผลการดำเนินงานของคณะกรรมการศึกษา สนับสนุนฯ โดยเฉพาะรายงานการศึกษา สถานการณ์การแก้ไขปัญหาเหตุการณ์อุบัติภัยสารโซเดียมไฮโปคลอไรด์รั่วไหลออกจากถังกักเก็บของบริษัท อดิตยา เบอร์ล่า เคมิคัลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ตั้งอยู่ภายในนิคมเหมราชตะวันออก (มาบตาพุด) จังหวัดระยอง ซึ่งเป็น โรงงานผลิตสารเคมีหลายชนิด เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2553 และข้อเสนอเพื่อการปรับปรุงระบบรองรับอุบัติภัยสาร เคมีรั่วไหลที่มาบตาพุดและพื้นที่ใกล้เคียงต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ดัง นี้ 1.1 พัฒนาระบบการแบ่งระดับของเหตุฉุกเฉินให้สอดคล้องกันทุกโรงงานและหน่วยงาน 1.2 กำหนดให้โรงงานต้องแจ้งไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในกรณีฉุกเฉินในทุกระดับ โดยความรุนแรงระดับ หนึ่งอาจแจ้งบางหน่วยงานแต่ต้องไม่จำกัดเฉพาะการนิคมฯ ควรรวมถึงหน่วยงานสาธารณสุข (สายด่วน 1669) และ ป้องกันภัยจังหวัดด้วย ส่วนความรุนแรงระดับสองและสามต้องแจ้งหน่วยงานและชุมชนทันที 1.3 กำหนดมาตรการและขั้นตอนในการเผชิญเหตุการระงับและการแก้ไขให้ครบถ้วน ชัดเจน โดยต้อง มีการบังคับใช้อย่างจริงจังและมีการลงโทษที่เหมาะสม 1.4 ทางจังหวัดต้องตัดสินใจประกาศเหตุฉุกเฉินให้เหมาะสมกับสถานการณ์อุบัติภัย เพื่อให้หน่วยงาน ต่าง ๆ ออกมาทำหน้าที่อย่างเป็นทางการและเป็นระบบโดยมีการประสานงานที่ดี 1.5 การสืบสวนกรณีการเกิดอุบัติภัย (After Incident Investigation) ต้องดำเนินการโดยหน่วยงานที่ มีความเชี่ยวชาญและต้องไม่รับค่าจ้างและไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับโรงงานต้นเหตุ และต้องสืบสวนให้แล้วเสร็จโดย ไม่ล้าช้าเกินไปและเปิดเผยรายงานต่อสาธารณะ 1.6 บริษัท อดิตยาฯ ต้องแสดงความรับผิดชอบอย่างชัดเจน โดยมีการตรวจสอบของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งทางแพ่ง ได้แก่ ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด ค่าความเสียหายต่อพืช และการประกอบอาชีพของชาวบ้าน และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งความรับผิดทางอาญา 2. ให้เพิ่มกรมโรงงานอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานรับผิดชอบอีกหน่วยงานหนึ่งเพื่อให้ครอบคลุมถึงโรงงาน ภายนอกนิคมอุตสาหกรรม ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ทั้งนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขที่เห็นควรมีมาตรการเข้มงวด ในการติดตามตรวจสอบ เพื่อให้มีการปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดอยู่ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
35634 | ขออนุมัติการปรับปรุงโครงสร้างกรมสอบสวนคดีพิเศษ ขออัตราข้าราชการและพนักงานราชการ | ยธ | 10/08/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติกรอบอัตรากำลังข้าราชการและพนักงานราชการ ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม เสนอ โดยให้ถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลตามนัยมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 (เรื่อง นโยบายการพัฒนาระบบราชการ) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 มกรา คม 2553 (เรื่อง การขยายระยะเวลาของมาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงานตามมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552) ทั้งนี้ ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษนำเรื่องนี้เสนอ อ.ก.พ. กระทรวงยุติธรรม พิจารณา แล้วดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป รวมทั้งให้รับความเห็นของนายกรัฐมนตรีที่ว่าหากในอนาคตมีการเปลี่ยน แปลงภารกิจก็ให้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างและอัตรากำลังตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปดำเนินการด้วย 2. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอเพิ่มเติมว่า เพื่อให้การดำเนินการในเรื่องนี้เป็นไป อย่างมีประสิทธิภาพ จึงขอรับไปปรับปรุงรูปแบบการทำงานและระบบการจ่ายค่าตอบแทนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น |
|||||||||||||||||||||
35635 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 6 | กห | 10/08/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายงานผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา
ครั้งที่ 6 ซึ่งกัมพูชาเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ณ จังหวัดเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา ระหว่างวันที่ 28-29 เมษายน 2552 ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้เสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบตามมาตรา 190 วรรค สองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก่อนดำเนินการให้มีผลผูกพันต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
35636 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก ครั้งที่ 1/2553 | นร | 10/08/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 1/2553 ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธานกรรมการ กพอ. เสนอ โดยที่ประชุม ได้พิจารณาเรื่องต่าง ๆ รวม 6 เรื่อง ดังนี้ 1.1 สถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมและความก้าวหน้าการแก้ปัญหามลพิษในพื้นที่มาบตาพุด 1.2 ความก้าวหน้าการดำเนินงานคณะทำงานแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของมาบตาพุด 1.3 แผนการยกระดับศูนย์อาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อมระยองเป็นสถาบันภายใต้ กระทรวงสาธารณสุข 1.4 แผนงานพัฒนาระบบเฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่มาบตาพุดและบริเวณใกล้เคียง จังหวัดระยอง 1.5 แนวทางการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมนิเวศมาบตาพุด จังหวัดระยอง 1.6 รายงานการศึกษาเบื้องต้นเรื่องประชากรแฝงในพื้นที่จังหวัดระยอง 2. ในส่วนของแผนงานพัฒนาระบบเฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่มาบตาพุดและบริเวณใกล้เคียง จังหวัดระยอง ที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ จำนวน 31 ล้านบาท อนุมัติให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และให้กรมควบคุม มลพิษและเทศบาลเมืองมาบตาพุดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป 3. ให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีประสานงานกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำแนวป้องกัน (Protection Strip) แนวกันชน (Buffer Zone) และศึกษาขีดความสามารถด้านสิ่งแวดล้อม (Carrying Capacity) ของพื้นที่มาบตาพุดให้มีผลในทางปฏิบัติโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||
35637 | ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 1/2553 | กค | 10/08/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ 1. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธานกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (ประธาน กนร.) เสนอผลการประชุม กนร. ครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2553 โดยที่ประชุมได้มีมติ ดังนี้ 1.1 รับทราบความคืบหน้าการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ และการทบทวนบทบาท ภารกิจ และความจำเป็นในการมีอยู่ของรัฐวิสาหกิจ โดยในส่วนของการทบทวนบทบาท ภารกิจฯ มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการ กนร. จัดประชุมรัฐวิสาหกิจที่ต้องจัดทำแผนปรับบทบาทหรือแผนพลิกฟื้นฐานะทางการเงินของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 7 แห่ง ได้แก่ องค์การสะพานปลา องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย องค์การตลาด การรถไฟแห่งประเทศไทย บริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด และองค์การคลังสินค้า และให้รัฐวิสาหกิจทั้ง 7 แห่ง รายงานความคืบหน้าในการประชุม กนร. ต่อไป รวมทั้งรับทราบความคืบหน้าในการจัดทำแผนธุรกิจเพื่อพลิกฟื้นฐานะทางการเงินของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 13 แห่ง โดยมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการ กนร. เร่งกำกับการจัดทำแผนพลิกฟื้นของรัฐวิสาหกิจ 5 แห่ง ได้แก่ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) การเคหะแห่งชาติ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เพื่อรายงานในการประชุม กนร. ต่อไป 1.2 มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมและการท่าเรือแห่งประเทศไทยดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการ กนร. ดังนี้ 1.2.1 ตรวจสอบความถูกต้องและครบถ้วนในการดำเนินการตามกฎหมายของโครงการท่าเทียบเรือ จำนวน 10 โครงการ หากพบว่าโครงการใดมีมูลค่าโครงการเกินกว่า 1,000.00 ล้านบาท ให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 ต่อไป 1.2.2 พิจารณาถึงลักษณะการผูกขาดของสัญญาของบริษัท ฮัทชิสัน แหลมฉบัง เทอร์มินัล จำกัด และผลกระทบต่อผลประโยชน์ของรัฐในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขสัญญาของบริษัทฯ ตลอดจนความเป็นธรรมในการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการท่าเทียบเรือ 1.2.3 ทบทวนความเหมาะสมและความคุ้มค่าในการลงทุนโครงการท่าเทียบเรือ A (ท่าเทียบเรือชายฝั่ง) ในกรณีการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้ลงทุนทั้งหมดกับการเปิดโอกาสให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน
|
|||||||||||||||||||||
35638 | ขอความเห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทยกู้เงินสำหรับใช้ในการดำเนินงาน | คค | 10/08/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ถอนเรื่อง ขอความเห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทยกู้เงินสำหรับใช้ใน
การดำเนินงาน คืนไปได้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอเพิ่มเติม |
|||||||||||||||||||||
35639 | ผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย - กัมพูชา สมัยวิสามัญ | กต | 10/08/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
1. อนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ 1.1 บันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา รวม 3 ฉบับ ได้แก่ 1.1.1 บันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ณ เมืองเสียม ราฐ วันที่ 10-12 พฤศจิกายน 2551 1.1.2 บันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 4 ณ กรุงเทพมหา นคร วันที่ 3-4 กุมภาพันธ์ 2552 1.1.3 บันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ณ กรุงพนม เปญ วันที่ 6-7 เมษายน 2552 1.2 เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบบันทึกการประชุมฯ ทั้ง 3 ฉบับแล้วให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้ง ยืนยันบันทึกการประชุมฯ ทั้ง 3 ฉบับ ให้ฝ่ายกัมพูชาทราบเพื่อให้มีผลใช้บังคับต่อไป 2. มอบให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ประธานคณะกรรมการ ประสานงานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อดำเนินการให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการในการพิจารณาบันทึกการประชุมฯ ดัง กล่าว
|
|||||||||||||||||||||
35640 | การลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์อาเซียน - จีน | กต | 10/08/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์อาเซียน-จีน ระหว่างรัฐบาลแห่งรัฐ
สมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ได้ลงนามแล้ว โดย บันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการจัดตั้งศูนย์ฯ ซึ่งมีสถานะเป็นองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร และทำหน้าที่ เป็นศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จที่ให้บริการข้อมูล คำแนะนำ และจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว การศึกษา และวัฒนธรรม จีนและอาเซียน โดยจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการดำเนินการ ของศูนย์ในอัตราส่วน 9 : 1 (จีน 9 ส่วน อาเซียน 1 ส่วน) มีผลบังคับใช้เป็นเวลา 5 ปี และสามารถต่ออายุได้ ตาม ที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้เสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบตามมาตรา 190 วรรคสองของรัฐธรรม นูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก่อนดำเนินการให้มีผลผูกพันต่อไป
|