ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1789 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 35761 - 35780 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
35761 | สรุปผลการรับฟังความคิดเห็นชองประชาชนในงาน "6 วัน 63 ล้านความคิด" ร่วมเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย | นร | 28/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอผลการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในงาน "6 วัน 63 ล้านความคิด" ร่วมเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย ซึ่งมีประชาชนได้โทรศัพท์เข้ามาแสดงความคิดเห็นและแจ้ง ปัญหาความเดือดร้อน รวมทั้งสิ้น 61,681 ราย ซึ่งข้อมูลแสดงความคิดเห็นและแจ้งปัญหาความเดือดร้อนจำแนกตาม ประเด็นเรื่องหลัก ดังนี้ 1.1 ด้านเศรษฐกิจ จำนวน 17,502 ราย คิดเป็นร้อยละ 28.38 1.2 ด้านการเมืองและกระบวนการยุติธรรม จำนวน 16,939 ราย คิดเป็นร้อยละ 27.46 1.3 ด้านสวัสดิการสังคม จำนวน 9,407 ราย คิดเป็นร้อยละ 15.25 1.4 ด้านการศึกษา จำนวน 5,320 ราย คิดเป็นร้อยละ 8.63 1.5 ด้านสาธารณูปโภค จำนวน 4,308 ราย คิดเป็นร้อยละ 6.98 1.6 ด้านสิ่งแวดล้อมและการบริหารทรัพยากรธรรมชาติ จำนวน 2,081 ราย คิดเป็นร้อยละ 3.37 1.7 ด้านสื่อและการสื่อสารมวลชน จำนวน 927 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.50 2. มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) จัดตั้งคณะทำงานขึ้น เพื่อพิจารณากลั่นกรองข้อมูลผลการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในงาน "6 วัน 63 ล้านความคิด" ร่วมเดินหน้า ปฏิรูปประเทศไทย ก่อนส่งให้คณะกรรมการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยกรณีที่เป็นเรื่อง ราวร้องทุกข์ต่าง ๆ ให้หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องพิจารณาและจัดทำเป็นแผนปฏิบัติการในการดำเนินการ แก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยให้คณะทำงานตามข้อ 2 มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งติดตามรายงานให้คณะ รัฐมนตรีทราบ และกำหนดกรอบเวลาในการแก้ปัญหาด้วย ส่วนกรณีที่เป็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ให้ส่งคณะกรรม การหรือหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากเรื่องใดไม่สามารถกำหนด กรอบเวลาการดำเนินการได้ หรือไม่สามารถดำเนินการได้ในทางปฏิบัติ ให้ชี้แจงข้อมูลข้อเท็จจริงให้ประชาชนทราบ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
35762 | รายงานผลการหารือร่วมกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหภาพพม่าเพื่อติดตามและแก้ไขปัญหาการปิดด่านชายแดนของสหภาพพม่า | พณ | 28/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการหารือระหว่างรัฐมนตรีช่วยว่าการ
กระทรวงพาณิชย์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) ร่วมกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหภาพพม่า เกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหาจากการที่ประเทศสหภาพพม่าได้ปิดด่านเมียวดี เนื่องจากกรณีการก่อสร้างเขื่อน ริมตลิ่ง แม่น้ำเมยของไทย เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2553 ผลการหารือ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่าง ประเทศสหภาพพม่าได้กล่าวว่า นับตั้งแต่การเริ่มก่อสร้างเขื่อนริมตลิ่งแม่น้ำเมยที่ท่าอาดเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2552 พม่าได้ทำหนังสือประท้วงผ่านสถานเอกอัครราชทูตไทยผ่านคณะกรรมการชายแดนร่วม (Town Border Committee : TBC) และได้เชิญเอกอัครราชทูตไทยเข้าร่วมหารือในเรื่องดังกล่าว รวมถึงได้มีความพยายาม ประสานงานเพื่อให้มีการจัดประชุม TBC ซึ่งเป็นกลไกในการดำเนินการแก้ไขปัญหาบริเวณชายแดนไทยกับพม่า ขึ้น แต่ยังคงไม่ได้รับการตอบสนองจากรัฐบาลไทย และจากการที่เขื่อนใกล้สร้างเสร็จได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อ ตลิ่งฝั่งพม่าจำนวน 8 จุด ทำให้พม่าต้องดำเนินมาตรการโดยเริ่มตั้งแต่การปิดด่านเป็นการชั่วคราวมาระยะหนึ่ง จนกระทั่งมีการปิดด่านเป็นการถาวร เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2553 พร้อมกันนี้ได้รับทราบถึงหนังสือจาก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่มีถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของพม่า เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2553 เพื่อหารือถึงความเป็นไปได้ในการเปิดด่าน โดยพม่าได้แสดงท่าทีว่าการเปิดด่านจะมีขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทั้ง สองฝ่ายสามารถตกลงถึงวิธีการร่วมกันที่จะทำให้เกิดความปกติของแม่น้ำเมยอีกครั้งหนึ่ง โดยในส่วนของ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) เห็นว่า ควรแยกเรื่องการปิดด่านออกมาจาก ปัญหาอื่นที่มีกลไก Joint Boundary Commission (JBC) ในการแก้ไขอยู่แล้ว ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 30 กรกฎาคม 2553 พร้อมกันนี้จะได้มีการประสานกับกระทรวงมหาดไทยเพื่อให้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ ระงับการก่อสร้าง และจะเดินทางมาตรวจจุดก่อสร้างด้วยตนเองในทันที ร วมทั้งได้ขอความร่วมมือพม่าในการ เร่งรัดและดำเนินการสนับสนุนในเรื่อง โครงการเมกะโปรเจ็คทวาย การพิสูจน์สัญชาติ การดำเนินการตามผล การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมทางการค้าระหว่างไทยกับพม่า ครั้งที่ 5 และการสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง ภาคเอกชนของสภาธุรกิจไทยพม่าและสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมสหภาพพม่า (UMFCCI) ทั้งนี้ ให้นำ เรื่องนี้เสนอสภาความมั่นคงแห่งชาติเพื่อพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
35763 | การประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ 34 | นร | 28/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาตามความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนราชอาณาจักรไทยเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยสามัญครั้งที่ 34 ระหว่าง วันที่ 25 กรกฎาคม-3 สิงหาคม 2553 ณ กรุงบราซิเลีย สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ว่าหากที่ประชุมคณะกรรม การมรดกโลกยืนยันที่จะให้มีการพิจารณาแผนการจัดการพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ประเทศไทยจะไม่ขอร่วมประชุม พิจารณาด้วย รวมทั้งอาจจะพิจารณาทบทวนการเป็นภาคีอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ โดยมีมติดังนี้ 1. กรณีคณะกรรมการมรดกโลกยืนยันที่จะพิจารณาแผนการจัดการพื้นที่ปราสาทพระวิหารให้อยู่ในดุล พินิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่จะดำเนินการคัดค้านหรือไม่ร่วมประชุม 2. กรณีมติคณะกรรมการมรดกโลกตามข้อ 1 มีผลกระทบกระเทือนต่ออธิปไตยของไทย ประเทศไทยจะ ไม่ให้ความร่วมมือในการดำเนินการตามมติดังกล่าว โดยจะยึดถืออธิปไตยของชาติเป็นสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด และจะ แสดงเจตนาเพื่อทบทวนการเป็นภาคีอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก 3. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือถึงสำนักงาใหญ่ UNESCO ประธานคณะกรรม การมรดกโลก และประเทศภาคีอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกเพื่อชี้แจงแนวทางของไทย รวมทั้งให้จัดทำคำชี้แจงต่อ ประชาชนด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
35764 | การยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง | นร | 28/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
1. ด้วยได้มีการเรียกร้องให้มีการยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงซึ่งออกตามความใน พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ในเขตท้องที่ที่เหลืออีก 16 จังหวัด โดยที่พระ ราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ กำหนดให้นายกรัฐมนตรีสามารถยกเลิกประกาศสถานการณ์ ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงดังกล่าวได้ ดังนั้น หากได้หารือกับสภาความมั่นคงแห่งชาติเพื่อประเมินสถานการณ์แล้วก็จะขอ ดำเนินการออกประกาศยกเลิกต่อไป 2. สำหรับความเห็นเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง เช่น การตีตรวนซึ่งสมควรดำเนินการตามมาตรฐานการ ปฏิบัติต่อผู้ต้องขังของสหประชาชาติเพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติหรือไม่นั้น จะได้นำเรื่อง นี้หารือกับกรมราชทัณฑ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
35765 | การป้องกันและแก้ไขปัญหาราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น | นร | 28/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการป้องกันและแก้ไขปัญหาราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น โดยให้
กระทรวงพาณิชย์รับไปดำเนินการจัดทำแผนการเตรียมการล่วงหน้าเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาราคาสินค้าอุป โภคบริโภคที่สำคัญมีราคาสูงเกินควร และให้นำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจโดยเร็วต่อไป ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
35766 | การสร้างความโปร่งใสในการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนให้ดำรงตำแหน่งระดับสูง | นร | 28/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) รับไปศึกษาการแต่งตั้งข้าราชการในภาพรวมให้ครอบคลุมถึงการคัดเลือกข้าราชการเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอื่น ๆ นอกเหนือจากตำแหน่งระดับสูง และให้รับเรื่องการสร้างความโปร่งใสในการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนให้ดำรงตำแหน่งระดับสูง ไปศึกษาในรายละเอียดต่อไป โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในประเด็นการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการคัดเลือกโดยกำหนดให้เป็นบุคคลภายนอกที่มาจากระบบบัญชีรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิที่คณะกรรมการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิจัดทำขึ้น ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติแห่งชาติเสนอ อาจทำให้กรรมการขาดความรู้ความเข้าใจทั้งลักษณะงานของตำแหน่งที่จะแต่งตั้งและลักษณะงานและภารกิจขององค์กร ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละองค์กรนอกจากนี้ องค์ประกอบของคณะกรรมการคัดเลือกตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ยังประกอบด้วยบุคคลที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ในส่วนราชการนั้นโดยต่อเนื่องจึงเป็นผู้ที่จะต้องรับผิดชอบต่อผลการคัดเลือกข้าราชการระดับสูง ซึ่งแตกต่างจากการให้บุคคลภายนอกเป็นผู้คัดเลือกเพียงครั้งเดียว โดยไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบต่อผลการคัดเลือกว่าจะกระทบต่อการปฏิบัติงานของส่วนราชการนั้นแต่อย่างใด ไปพิจารณาด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
35767 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 28/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุขถอนร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญา
การแพทย์แผนไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อนำกลับไปพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง ตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
35768 | ขอลดหย่อนค่ารายปีและภาษีโรงเรือนและที่ดินของโรงไฟฟ้าจะนะ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย | พน | 20/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติจ่ายค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินของโรงไฟฟ้าจะนะ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) คลองเปียะ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้
1. ค่าภาษีโรงเรือนและที่ดิน 1.1 ปี พ.ศ. 2551 (ช่วงเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 2551) เป็นเงิน 3,287,725.93 บาท 1.2 ปี พ.ศ. 2552 เป็นเงิน 6,575,451.86 บาท 2. ส่วนที่แตกต่างจาก อบต.คลองเปียะ ประเมิน ให้ กฟผ. จ่ายเป็นเงินสนับสนุนกิจกรรมของราษฎรและชุมชนตามแผนพัฒนาท้องถิ่นของ อบต.คลองเปียะ ซึ่งทำให้ อบต.คลองเปียะ ได้รับเงินตรงตามที่ประเมิน ดังนี้ 2.1 ปี พ.ศ. 2551 (ช่วงเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 2551) เป็นเงิน 3,180,326.37 บาท 2.2 ปี พ.ศ. 2552 เป็นเงิน 6,305,919.17 บาท 3. กฟผ. จะจ่ายเงินสนับสนุนกิจกรรมของราษฎรและชุมชนฯ ตามหลักเกณฑ์ข้างต้นสำหรับปี พ.ศ. 2553-2554
|
|||||||||||||||||||||||||||
35769 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากองทุนพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | ศธ | 20/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. ให้ระงับการดำเนินการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา พ.ศ. .... โดยให้จัดตั้งกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาไว้เป็นรายการหนึ่งในพระราชบัญญัติงบประมาณราย จ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ในวงเงิน 5 ล้านบาท ไปก่อน จนกว่าร่างพระราชบัญญัติเทคโนโลยีเพื่อการ ศึกษาฯ จะมีผลบังคับใช้ และให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการกำหนดหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินกองทุนต่อไป 2. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งรัดการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเทคโนโลยีเพื่อการ ศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว 3. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชกฤษฎีกากองทุนพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลา กรทางการศึกษา พ.ศ. .... ไปพิจารณาดำเนินการจัดทำเป็นร่างพระราชบัญญัติ รวมทั้งพิจารณาแนวทางการจัดตั้ง หน่วยงานธุรการของกองทุนด้วย แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
35770 | มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 2 ที่มีข้อเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเป็นการเฉพาะ (มติ 2 เรื่อง แผนพัฒนาที่ยั่งยืนบนฐานการพึ่งตนเองด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม กรณีภาคใต้ ฯลฯ) | สช | 20/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2552 มติ 2 เรื่อง แผนพัฒนาที่ยั่งยืนบนฐานการพึ่ง ตนเองด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม กรณีภาคใต้ มติ 4 เรื่อง ยุติการส่งเสริมการขายยาที่ขาดจริยธรรม : เพื่อลด ความสูญเสียทางเศรษฐกิจ และสุขภาพของผู้ป่วย มติ 5 เรื่อง ยุทธศาสตร์นโยบายแอลกอฮอล์ระดับชาติ และมติ 8 เรื่อง การจัดการปัญหาภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน ซึ่งคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ในการประชุมครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2553 เห็นชอบแล้ว และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามมติในส่วนที่ เกี่ยวข้อง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) เสนอ 2. ให้ สช. รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ มนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วน ที่เกี่ยวข้องด้วย ดังนี้ 2.1 มติ 2 ควรเพิ่มนโยบายการสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับเยาวชนภาคใต้ได้สามารถเรียนรู้วิชา ชีพที่เชื่อมต่อกับการประกอบอาชีพ พัฒนาทักษะวิชาชีพที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตจริงควบคู่ไป การให้ความสำคัญกับการ พัฒนาอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ตามความต้องการและความจำเป็นของท้องถิ่นโดยไม่กระทบวิถี ชีวิตและสุขภาพชุมชนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมทั้งยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวปฏิบัติในการเชื่อม โยงวิถีชีวิต เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และการเมืองที่มีความสมดุล มั่นคง เป็นธรรม ยั่งยืน พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงตาม หลักของความพอประมาณ 2.2 มติ 5 และมติ 8 ควรสนับสนุนให้มีการเรียนรู้หรือกิจกรรมนอกหลักสูตร เพื่อเพิ่มพื้นที่เรียนรู้ ในรูปแบบของทักษะชีวิต ทักษะสังคม (Socialization) กิจกรรมที่เน้นการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรมความเป็นผู้นำที่ ทำให้เยาวชนสามารถเรียนรู้การใช้ชีวิตในสังคมอย่างมีเหตุผล เพื่อเพิ่มทางเลือกของเยาวชน นักศึกษา ในการใช้เวลา ว่างให้เกิดประโยชน์ และห่างไกลภาวะความเสี่ยงต่าง ๆ ในสังคม 2.3 ในการจัดทำร่างแผนแม่บทการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจภาคใต้อย่างยั่งยืนมีความสอดคล้องและให้ ความสำคัญตามประเด็นในมติสมัชชาสุขภาพแล้ว ทั้งนี้ การทบทวนร่างแผนแม่บทฯ และแผนพัฒนาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ควรมอบให้คณะกรรมการพัฒนาเขตอุตสาหกรรมเชิงนิเวศน์เป็นผู้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2552 เนื่องจากมีหน้าที่ในการพิจารณาและกำหนดนโยบาย แผนงาน โครงการและมาตรการในการพัฒนาอุตสาห กรรมภาคการผลิตเชิงนิเวศน์ให้สามารถดำรงอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างยั่งยืนในภาพรวมทั้งระบบ 2.4 การดำเนินงานตามมติ 5 ควรให้มีการทบทวนมาตรการด้านสุขภาพที่ดำเนินการอยู่ปัจจุบันทั้ง ระบบ ทั้งนี้ การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ต้องดำเนินการร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน ชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครือข่ายประชาคมด้านสุขภาพ โดยคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เช่น ปัจจัยทาง ด้านเศรษฐกิจและสังคม สภาพแวดล้อม พฤติกรรมสุขภาพ ระบบบริการสุขภาพ เป็นต้น |
|||||||||||||||||||||||||||
35771 | มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 2 ที่มีข้อเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเป็นการเฉพาะ (มติ 9 เรื่อง การแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน) | สช | 20/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2552 มติ 9 การแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน ซึ่ง คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ในการประชุมครั้งที่ 2/2553 เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2553 เห็นชอบแล้ว และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามมติในส่วนเกี่ยวข้องต่อไป ตามที่สำนักงาน คสช. เสนอ 2. ให้สำนักงาน คสช. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงศึกษาธิการ โดยในส่วนของกระทรวงการคลังมีความเห็นเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถจักรยานยนต์ โดยกำหนดอัตรา ภาษีตามลักษณะเครื่องยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หากต้องการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตรถจักรยานยนต์ตาม ขนาดเครื่องยนต์เพื่อลดปริมาณรถจักรยานยนต์ในถนนในการลดอุบัติเหตุตามที่สมัชชาสุขภาพแห่งชาติเสนอ ควร พิจารณาถึงเหตุผลการกำหนดอัตราภาษีตามขนาดเครื่องยนต์ว่ามีความสัมพันธ์กับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในถนนอย่าง ไร รวมทั้งพิจารณาถึงผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตรถจักรยานยนต์ของประเทศ จากการปรับเพิ่มอัตราภาษี สรรพสามิตรถจักรยานยนต์ดังกล่าว ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
35772 | มติสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็น (เรื่อง การพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพแห่งชาติ) | สช | 20/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ พ.ศ. 2553-2562
ตามมติสมัชชาสุขภาพ ซึ่งคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ในการประชุมครั้งที่ 2/2553 เมื่อวันที่ 23 เมษา ยน 2553 เห็นชอบแล้ว และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ฯ ในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อ ไป ตามที่สำนักงาน คสช. เสนอ ดังนี้ 1. แต่งตั้งคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสุขภาพแห่งชาติ เพื่อดูแลและบริหารแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา ระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ พ.ศ. 2553-2562 โดยให้กระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าว สารสุขภาพร่วมกันทำหน้าที่ฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการ 2. ให้คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสุขภาพแห่งชาติติดตามและรายงานผลการดำเนินงานตามแผนยุทธ ศาสตร์ฯ ต่อการประชุมวิชาการข้อมูลข่าวสารสุขภาพแห่งชาติ ทุก 2 ปี 3. ให้กระทรวงสาธารณสุข เป็นหน่วยงานหลักในการระดมทรัพยากรในการดำเนินงาน โดยระดมทั้ง จากกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการฯ และฝ่าย เลขานุการ |
|||||||||||||||||||||||||||
35773 | โครงการจัดทำข้อเสนอประเทศไทยเพื่อผลักดันเป็นข้อกำหนดสหประชาชาติ ว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำ และมาตรการที่มิใช่การคุมขังสำหรับผู้กระทำผิดหญิง | ยธ | 20/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบผล/ความคืบหน้าการดำเนินโครงการจัดทำข้อเสนอประเทศไทยเพื่อผลักดันเป็นข้อกำหนด สหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำ และมาตรการที่มิใช่การคุมขังสำหรับผู้กระทำผิดหญิง (Enhancing Lives of Female Inmates-ELFI) ในพระดำริของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ในเวที การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา สมัยที่ 12 (Twelfth United Nations Congress on Crime Prevention and Criminal Justice-12th UN Congress) ที่เมืองซัลวาดอร์ ประเทศ บราซิล ระหว่างวันที่ 12-19 เมษายน 2553 และในการประชุมคณะกรรมาธิการสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกัน อาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา (Commission on Crime Prevention and Criminal Justice-CCPCJ) สมัยที่ 19 ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อวันที่ 17-21 พฤษภาคม 2553 ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ 2. เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศให้การสนับสนุนกระทรวงยุติธรรมในฐานะเป็นหน่วยงานรับผิด ชอบหลักในการดำเนินโครงการ ELFI ในพระดำริของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งในส่วนของการใช้ช่องทางทางการทูตทั้งในกรอบทวิภาคี และในเวทีสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก รวมทั้งการ อำนวยความสะดวกอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์การผลักดันร่างข้อกำหนดสหประชาชาติสำหรับ การปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำและมาตรการที่มิใช่การคุมขังสำหรับผู้กระทำผิดหญิง (Draft United Nations rules for the treatment of women prisoners and non-custodial measures for women offenders) หรือ "The Bangkok Rules" ให้บรรลุผลสำเร็จในขั้นตอนสุดท้าย ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ 3. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงยุติธรรมจัดทำแผนการจัดตั้ง "สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศ" (Thailand Institute for Justice-TIJ) ตามข้อเสนอประเทศไทยต่อสหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิง ในเรือนจำ และมาตรการที่มิใช่การคุมขังสำหรับผู้กระทำผิดหญิง (Enhancing Lives of Female Inmates-ELFI) ในพระดำริของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิตติยาภา ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงยุติ ธรรมพิจารณาทบทวน บทบาทภารกิจของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรมที่รับผิดชอบภารกิจด้านการฝึก อบรม ด้านการพัฒนาความร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศประกอบด้วย เพื่อความเป็นเอกภาพไม่เกิดความซ้ำ ซ้อนกับหน่วยงานที่มีอยู่เดิม ส่วนการพิจารณาจัดตั้งส่วนราชการต้องดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 เรื่อง นโยบายการพัฒนาระบบราชการ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2553 เรื่อง การขยายระยะเวลาของมาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่ หรือขยายหน่วยงาน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ไปพิจารณาด้วย แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา อีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||
35774 | ร่างพระราชบัญญัติเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 20/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 2) ที่เห็นควรให้มีการทบทวน
หลักการของร่างพระราชบัญญัติเงินเดือนและเงินเดือนประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยปรับอำนาจหน้าที่ของ คณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติหรืออาจต้องจัดให้มีหน่วยงานกลางขึ้นดำเนินการเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ เพื่อ ศึกษาและเสนอแนะการกำหนดค่าตอบแทนทั้งระบบให้เหมาะสมกับการดำรงชีพ สถานภาพของตำแหน่งและการสรร หาผู้ที่มีความสามารถเข้ามาสู่ระบบการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณา แนวทางที่เหมาะสมต่อไป และให้กระทรวงการคลังรับไปจัดทำร่างกฎหมายร่วมกับสำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และคณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะกรรมการกฤษฎีกา คณะ ที่ 2) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
35775 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ เข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน พ.ศ. .... | พณ | 20/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศ จำนวน 2 ฉบับ ที่คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและ
ร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ดำเนิน การต่อไปได้ ดังนี้ 1. ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์เข้ามาในราชอาณา จักรตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญดังนี้ 1.1 ให้ข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งมีถิ่นกำเนิดและส่งตรงมาจากประเทศสมาชิกสมาคม ประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรอง แสดงต่อกรมศุลกากรในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อประกอบการใช้สิทธิพิเศษทางด้านภาษีศุลกากร 1.2 การขอและการออกหนังสือรับรองให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรม การค้าต่างประเทศประกาศกำหนด 2. ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำกากถั่วเหลืองเข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลง เขตการค้าเสรีอาเซียน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญดังนี้ 2.1 ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์และกาก ถั่วเหลืองเข้ามาในราชอาณาจักร ภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) พ.ศ. 2546 2.2 ให้กากถั่วเหลือง ซึ่งมีถิ่นกำเนิดและส่งตรงมาจากประเทศภาคีความตกลงว่าด้วยการใช้มาตร การกำหนดอัตราอากรร่วมเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียนและพิธีสารแก้ไขความตกลงว่าด้วยการใช้มาตรการ กำหนดอัตราอากรร่วมเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียนเป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดเพื่อแสดงต่อ กรมศุลกากรประกอบพิธีการนำเข้ามาในราชอาณาจักร
|
|||||||||||||||||||||||||||
35776 | กรอบแนวทางการกำหนดรูปแบบและกลไกการประกันรายได้เกษตรกรแห่งชาติ | พณ | 20/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) รับไปจัดตั้งคณะทำงานเพื่อ
ดำเนินการจัดทำเป็นแนวปฏิบัติ (Operation Manual) เกี่ยวกับเรื่อง การดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรใน ทุกประเภทสินค้า เพื่อให้มีรูปแบบกลไกการปฏิบัติที่ชัดเจน เป็นระบบ และมีเอกภาพในภาพรวมให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
35777 | การรับรองข้อตกลงการเป็นพันธมิตรสำหรับการอนุรักษ์นกอพยพและการใช้ประโยชน์ถิ่นที่อยู่อาศัยของนกอพยพอย่างยั่งยืนในเส้นทางการบินเอเชียตะวันออก - ออสเตรเลีย (Partnership for the Conservation of Migratory Waterbirds and the Sustainable Use of their Habitats in the East Asian - Australasian Flyway) | ทส | 20/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 2/2553 เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2553 ซึ่งคณะกรรมการฯ มีมติดังนี้ 1.1 เห็นชอบในการรับรองข้อตกลงการเป็นพันธมิตรสำหรับการอนุรักษ์นกอพยพและการใช้ประโยชน์ ถิ่นที่อยู่อาศัยของนกอพยพอย่างยั่งยืนในเส้นทางการบินเอเชียตะวันออก-ออสเตรเลีย 1.2 มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหน่วยงานประสานงานกลางโครงการความร่วมมือพันธมิตรสำหรับการอนุรักษ์นก อพยพ และการใช้ประโยชน์ถิ่นที่อยู่อาศัยของนกอพยพอย่างยั่งยืนในเส้นทางการบินเอเชียตะวันออก-ออสเตรเลีย (Partnership for the Conservation of Migratory Waterbirds and the Sustainable Use of their Habitats in the East Asian-Australasian Flyway) 1.3 เห็นชอบตามความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการเสนอพื้นที่ชุ่มน้ำที่มี ความสำคัญระดับนานาชาติของประเทศไทยตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2543 และวันที่ 3 พฤศจิกา ยน 2552 เป็นพื้นที่เครือข่ายอนุรักษ์นกอพยพตามโครงการความร่วมมือฯ 2. เห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ดังนี้ 2.1 การเข้าร่วมเป็นพันธมิตรของโครงการความร่วมมือฯ เป็นความสมัครใจในการดำเนินงานและไม่มี การจ่ายเงินบริจาค 2.2 พันธกิจที่สำคัญ คือ การเสนอพื้นที่เข้าเป็นเครือข่ายนกอพยพ การอนุรักษ์นกอพยพและถิ่นที่อยู่ อาศัย คือ พื้นที่ชุ่มน้ำด้วยการใช้ประโยชน์ถิ่นที่อยู่อาศัยของนกอย่างยั่งยืนภายในประเทศของตนโดยทางโครงการ ความร่วมมือฯ อาจสนับสนุนงบประมาณดำเนินงานผ่านทางองค์กรพัฒนาเอกชนหรือหน่วยงานในพื้นที่ 2.3 โครงการอนุรักษ์นกอพยพและการใช้ประโยชน์ถิ่นที่อยู่อาศัยของนกอพยพอย่างยั่งยืนในเส้นทาง การบินเอเชียตะวันออก-ออสเตรเลียจะมีส่วนสนับสนุนเจ้าหน้าที่องค์กรที่เข้าร่วมเป็นภาคีและประชาชนในพื้นที่ให้ มีความรู้ และเกิดความตระหนักถึงความสำคัญของแหล่งที่อยู่อาศัยของนกอพยพ มีการสร้างกลไกการทำงานร่วม กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้มีการอนุรักษ์แหล่งที่อยู่อาศัย คือ พื้นที่ชุ่มน้ำโดยมีการใช้ประโยชน์อย่างชาญฉลาด และ กำหนดให้พื้นที่แห่งนั้นเป็นพื้นที่อนุรักษ์ 2.4 โครงการความร่วมมือฯ จะช่วยสนับสนุนการดำเนินการภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำและ อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีลำดับที่ 110 เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2541 โดยมีสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานประสานงานกลาง |
|||||||||||||||||||||||||||
35778 | ขออนุมัติให้ข้าราชการสตรีซึ่งไปถือศีลปฏิบัติธรรมโครงการปฏิบัติธรรม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 78 พรรษา 12 สิงหาคม 2553 เป็นเวลา 9 วัน โดยไม่ถือเป็นวันลา เป็นกรณีพิเศษ | นร | 20/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ข้าราชการสตรีซึ่งไปถือศีลปฏิบัติธรรมโครงการปฏิบัติธรรมเพื่อถวายเป็นพระ
ราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 78 พรรษา 12 สิงหาคม 2553 เป็นเวลา 9 วัน โดยไม่ถือเป็นวันลา เป็นกรณีพิเศษ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
35779 | ขออนุมัติคณะรัฐมนตรีใช้เงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร ตามโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล โรคเขียวเตี้ย และโรคใบหงิก | กษ | 20/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติตามมติคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร ครั้งที่ 3/2553 เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2553 และครั้ง ที่ 4/2553 เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2553 ที่เห็นชอบให้กรมส่งเสริมการเกษตรขยายพื้นที่ดำเนินงานโครงการช่วย เหลือเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล โรคเขียวเตี้ย และโรคใบหงิก จากเดิม 8 จังหวัด เพิ่มอีก 3 จังหวัด รวมเป็น 11 จังหวัด และให้กรมการข้าวใช้เงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรเพื่อสนับสนุน เมล็ดพันธุ์ข้าวพันธุ์ดีที่ต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล โรคเขียวเตี้ย และโรคใบหงิกให้แก่เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 8,652.03 ตัน วงเงิน 155,736,480 บาท จากกรอบวงเงินจำนวน 739 ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตร และสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่ให้ตรวจสอบการใช้จ่าย เงินให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดและติดตามดำเนินการให้ครอบคลุมพื้นที่อย่างทั่วถึง เพื่อให้การใช้จ่ายเงินเกิด ประโยชน์สูงสุดไปพิจารณาดำเนินการด้วย 2. ให้กรมการข้าวรับข้อสังเกตจากการประชุมคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร ครั้งที่ 4/2553 เมื่อ วันที่ 27 พฤษภาคม 2553 ที่ให้กรมการข้าวจัดทำบันทึกข้อตกลงพร้อมรายละเอียดการขอใช้จ่ายเงินเพื่อสนับสนุน เมล็ดพันธุ์ข้าวให้เกษตรกรทั้งในเรื่องพื้นที่ จำนวน และเกษตรกร เพื่อเสนอประกอบการพิจารณาเบิกจ่ายเงินที่ชัด เจนด้วย โดยสำนักงบประมาณเสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายใน การชดใช้กองทุนสงเคราะห์เกษตรกรให้กรมส่งเสริมการเกษตรแล้วจำนวน 350 ล้านบาท ตามความเห็นของสำนัก งบประมาณ ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายส่วนที่เหลือ ให้สำนักงบประมาณตั้งงบประมาณให้แก่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรม ส่งเสริมการเกษตรและกรมการข้าว) ตามที่เบิกจ่ายจริงต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
35780 | โครงการพัฒนาบุคลากรด้านสุขภาพจิต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2553 - 2559) | สธ | 20/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการให้ดำเนินงานโครงการพัฒนาบุคลากรด้านสุขภาพจิต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2553-2559) ซึ่งเป็นการดำเนินงานต่อเนื่องจากโครงการฯ ระยะที่ 1 และระยะที่ 2 รวมทั้งขยายผลการดำเนินงานในสถานศึกษา ซึ่งมีความพร้อมและยินดีเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มจำนวนผู้ที่มีความรู้ความสามารถด้านสุขภาพจิตและจิตเวช ให้มากขึ้น ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยให้กรมสุขภาพจิตรับไปปรับปรุงกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมเฉพาะ บุคลากรที่ปฏิบัติงานในด้านสุขภาพจิตในสังกัดกรมสุขภาพจิตและสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขตามหลักการ เดิมที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของ กระทรวงการคลังและกระทรวงศึกษาธิการที่เห็นว่าการดำเนินโครงการฯ ควรเน้นการกระจายผู้รับทุนให้ครอบคลุม พื้นที่ที่ขาดแคลนอย่างทั่วถึง พร้อมทั้งมีการติดตามและประเมินผลโครงการฯ เป็นระยะ ๆ เพื่อพิจารณาถึงผลกระทบ ต่อระบบสาธารณสุขของประเทศและต่อสุขภาพของประชาชนเพื่อให้การลงทุนของรัฐเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างแท้ จริง และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรกำหนดมาตรการ ที่ชัดเจนเกี่ยวกับการจัดสรรทุนการศึกษา โดยใช้เกณฑ์มาตรฐานความต้องการด้านสุขภาพจิตของแต่ละพื้นที่เป็นตัว กำหนด เพื่อให้มีการกระจายบุคลากรที่เหมาะสมกับสภาพปัญหาของพื้นที่ รวมทั้งสร้างระบบจูงใจที่มีประสิทธิภาพ และสะท้อนถึงผลการปฏิบัติงาน พัฒนาระบบการบริหารจัดการบุคคลให้มีความก้าวหน้าในวิชาชีพ ตลอดจนปรับ ปรุงกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคในการทำงานเพื่อลดการสูญเสียบุคลากรด้านสุขภาพจิตในระบบ ไปดำเนินการด้วย 2. ส่วนงบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินการตามโครงการฯ วงเงิน 133,912,600 บาท ให้ใช้จ่ายจากงบ ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกรมสุขภาพจิตซึ่งได้เสนอตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้วจำนวน 15,672,400 บาท และค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555-2559 ให้เสนอขอตั้งงบประมาณตามความจำเป็น และเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
.....