ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1787 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 35721 - 35740 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
35721 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 03/08/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันพุธที่ 28 กรกฎาคม 2553 และวันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม 2553 โดยที่ประชุมได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติของคณะรัฐมนตรี จำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และพิจารณาระเบียบวาระ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 ปีที่ 3 ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพุธที่ 4 สิงหาคม 2553 และครั้งที่ 2 (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม 2553 2. ให้ปรับเพิ่มหลักการของร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... กรณีร่างมาตรา 3 (แก้ ไขมาตรา 67 วรรคสี่) ให้ชัดเจนในกรณีการปรับเพิ่มเงินที่ต้องกระทำโดยการตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ตามความเห็น ของคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35722 | ขอความเห็นชอบการดำเนินโครงการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟที่ท่าเรือแหลมฉบัง | คค | 03/08/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. ให้กระทรวงคมนาคม โดยการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เร่งดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2553 ที่ให้ กทท. ทบทวนแผนดำเนินงานของโครงการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟที่ท่าเรือแหลมฉบังให้มีความเหมาะสมของอัตราค่าภาระในการให้บริการและรูปแบบการให้เอกชนเข้าร่วมทุนในโครงการตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 ภายใต้กรอบวงเงินสำหรับการศึกษาและออกแบบรายละเอียดของโครงการ จำนวน 39 ล้านบาท และให้นำเสนอโครงการให้คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาอีกครั้งหนึ่งโดยด่วน 2. ให้ กทท. รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่ให้ กทท. พิจารณาความเหมาะสมและเป็นไปได้กรณีที่จะให้ภาคเอกชนเข้าร่วมพัฒนาโครงการฯ และความคุ้มค่าในการลงทุนให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติฯ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35723 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการสนับสนุนการปฏิบัติงานของศูนย์ติดตามคนหายและระบบพิสูจน์ศพนิรนาม พ.ศ. .... | ยธ | 03/08/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการสนับสนุนการปฏิบัติงานของศูนย์ติดตามคนหายและระบบพิสูจน์ศพนิรนาม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดแนวทางสนับสนุนการปฏิบัติงานของศูนย์ติดตามคนหายและระบบพิสูจน์ศพนิรนาม ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยไม่ให้มีการจัดตั้งหน่วยงานขึ้นใหม่ 2. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 2.1 การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการติดตามคนหายและการพิสูจน์ศพนิรนาม นั้น อยู่ในอำนาจหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยตรง ในการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา รวมทั้งมีหน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัดครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ มีกลไกการทำงานและระเบียบต่าง ๆ รองรับอยู่แล้ว 2.2 สถาบันนิติวิทยาศาสตร์เป็นเพียงหน่วยงานทางวิชาการหรือปฏิบัติหน้าที่เมื่อได้รับคำร้องขอ จึงควรมีสถานะเป็นหน่วยงานเสริมการทำงานให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และการมีระเบียบดังกล่าวย่อมทำให้กลไกการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติตกอยู่ภายใต้การควบคุม กำกับติดตาม และสั่งการของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นการไม่ถูกต้อง เหมาะสม ในระบบการบริหารราชการที่หน่วยงานหนึ่งจะเข้ามาควบคุมกำกับติดตามและสั่งการข้ามหน่วยงาน 2.3 ในการจัดตั้งศูนย์ติดตามคนหายและระบบพิสูจน์ศพนิรนามเป็นการจัดตั้งหน่วยงานที่กำหนดภารกิจซ้ำซ้อนกับการปฏิบัติงานในอำนาจหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 2.4 การดำเนินการเกี่ยวกับการพบศพนิรนาม เจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานสอบสวนต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา หากจะกำหนดให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องดำเนินการส่งศพหรือชิ้นส่วนอวัยวะและข้อมูลต่าง ๆ ให้ศูนย์ฯ ถือเป็นการขัดต่อระบบกระบวนการยุติธรรม 2.5 ร่างระเบียบฯ นี้ กำหนดขึ้นเพื่อการปฏิบัติงานภายในกระทรวงยุติธรรม โดยไม่มีหลักเกณฑ์ข้อใดที่กำหนดถึงหน้าที่และการควบคุมการปฏิบัติงานของศูนย์ฯ และหากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ประสงค์ให้มีระบบงานภายในอำนาจหน้าที่ของตนควรจะเป็นเพียงการวางระเบียบปฏิบัติภายในสถาบันเพื่อให้การทำงานมีลักษณะเสริมการปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เป็นหน่วยงานหลักอยู่แล้ว ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น หรือเป็นการทำงานเชิงคู่ขนานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35724 | แนวนโยบายในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง | วธ | 03/08/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบหลักการแนวนโยบายและหลักปฏิบัติในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติต่อไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ 2. ให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่ให้หน่วยงานต่าง ๆ รับข้อเสนอตามแนวนโยบายฯ ไปพิจารณาและร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการให้มีความชัดเจนและสอดคล้องกับระยะเวลาที่กำหนดไว้ไปพิจารณาดำเนินการด้วย 3. ให้หน่วยงานและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับแนวนโยบายการจัดสรรทรัพยากร โดยเฉพาะการส่งเสริมและยอมรับระบบการทำไร่หมุนเวียนของชาวกะเหรี่ยง เป็นประเด็นที่จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อประโยชน์ในการรักษาและจัดการทรัพยากรธรรมชาติโดยเฉพาะทรัพยากรที่ดินที่มีอยู่จำกัดให้คงอยู่อย่างยั่งยืนและพิจารณาประเด็นข้อขัดแย้งระหว่างกลุ่มชนชาติพันธุ์และระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับกลุ่มชนชาติพันธุ์ที่อาจจะเกิดขึ้นจากประเด็นดังกล่าวด้วย และความเห็นของสำนักงานหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดงบประมาณเหมาจ่ายรายหัวเพื่อการจัดระบบบริการด้านสุขภาพควรให้ชาวกะเหรี่ยงที่ได้ผ่านการจัดทำประวัติและได้รับสิทธิในการอาศัยในประเทศไทยแล้วได้รับสิทธิการรับบริการสาธารณสุขเช่นเดียวกับกลุ่มบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2553 ที่กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35725 | ร่างกฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับเงินเดือนสูงกว่าหรือต่ำกว่าขั้นต่ำ หรือสูงกว่าขั้นสูงของอันดับ พ.ศ. .... | ศธ | 28/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบร่างกฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับเงินเดือนสูงกว่า หรือต่ำกว่าขั้นต่ำ หรือสูงกว่าขั้นสูงของอันดับ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตาม ที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎ ก.ค.ศ.ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1.1 กำหนดให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับเงินเดือนสูงกว่า หรือต่ำกว่าขั้นต่ำของ อันดับในกรณีต่าง ๆ 1.2 กำหนดอัตราเงินเดือนในอันดับที่สูงกว่าในขั้นที่เทียบได้ตรงกันกับขั้นเงินเดือนของอันดับเดิม 1.3 กำหนดให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งและวิทยฐานะ ใด ถ้าได้รับเงินเดือนสูงกว่าเงินเดือนขั้นสูงของอันดับเงินเดือนสำหรับตำแหน่งและวิทยฐานะนั้นอยู่แล้วให้ได้รับเงิน เดือนในอัตราเท่ากับเงินเดือนที่ได้รับอยู่แล้ว 1.4 กำหนดให้การได้รับเงินเดือนสูงกว่าหรือต่ำกว่าขั้นต่ำหรือสูงกว่าขั้นสูงของอันดับสำหรับข้าราช การครูและบุคลากรทางการศึกษาตามมาตรา 38 ก. (3) (4) (5) และ (6) และตามมาตรา 38 ค. (2) ให้นำกฎ ระเบียบ หลักเกณฑ์และวิธีการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา และกฎหมาย ว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนในส่วนที่เกี่ยวข้องมาใช้บังคับโดยอนุโลม 2. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับกรณีการเห็นชอบร่างกฎ ก.ค.ศ. ครั้ง นี้จะต้องไม่ทำให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามุ่งเข้าสู่ตำแหน่งประเภทบริหารโดยไม่ให้ความสนใจต่อ การผลิตผลงานทางวิชาการเพื่อดำรงตำแหน่งด้านวิชาการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35726 | ร่างแผนแม่บทสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคม พ.ศ. 2553 - 2557 และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติ พ.ศ. .... | สสส. | 28/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่ประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบร่างแผนแม่บทสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคม พ.ศ. 2553-2557 และให้ดำเนินการต่อไปได้ 2. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้จัดตั้งสำนักงานสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานภายในกอง ทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และกำหนดให้มีคณะกรรมการสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติ กำหนด วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง รวมทั้งการกำหนดให้นำกฎหมายว่าด้วยกองทุนสนับสนุนการสร้าง ฃเสริมสุขภาพ ระเบียบ ข้อบังคับและมติคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพมาใช้กับการบริหาร สำนักงานฯ โดยอนุโลม และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรสร้างความชัดเจนในบทบาทภาครัฐทั้งส่วนกลางและระดับจังหวัดเกี่ยวกับการส่งเสริมความเข้าใจและการ จัดโครงสร้างสิ่งจูงใจให้เป็นระบบ รวมทั้งโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนที่หลากหลายเพื่อให้สามารถกระตุ้นและผลัก ดันให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนในกิจการเพื่อสังคมอย่างกว้างขวาง เชื่อมโยงมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และ วัฒนธรรมอย่างสมดุล และควรจัดลำดับความสำคัญของประเภทและกิจการเพื่อสังคมที่จะให้การส่งเสริมให้เชื่อม โยงกับโครงสร้างสิ่งจูงใจ เน้นการต่อยอดขยายผลกิจการที่ดำเนินการอยู่แล้วที่มีผลกระทบต่อกลุ่มคนในวงกว้าง ควบคู่กับการกระตุ้นการลงทุนจากผู้ประกอบการรายใหญ่ผ่านคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน นอกจากนี้ ควรมีการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของสำนักงานสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติถึงความคุ้มค่าและประสิทธิ ภาพในการดำเนินงาน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ 3. เห็นชอบแนวทางการจัดสรรงบประมาณจากภาครัฐ และให้ดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35727 | การสร้างความโปร่งใสในการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนให้ดำรงตำแหน่งระดับสูง | นร | 28/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) รับไปศึกษาการแต่งตั้งข้าราชการในภาพ
รวมให้ครอบคลุมถึงการคัดเลือกข้าราชการเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอื่น ๆ นอกเหนือจากตำแหน่งระดับสูง และ ให้รับเรื่องการสร้างความโปร่งใสในการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนให้ดำรงตำแหน่งระดับสูง ไปศึกษาในรายละเอียด ต่อไป โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในประเด็นการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการคัดเลือก โดยกำหนดให้เป็นบุคคลภายนอกที่มาจากระบบบัญชีรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิที่คณะกรรมการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิจัดทำ ขึ้น ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติแห่งชาติเสนอ อาจทำให้กรรมการขาดความรู้ความเข้าใจ ทั้งลักษณะงานของตำแหน่งที่จะแต่งตั้งและลักษณะงานและภารกิจขององค์กร ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละองค์กร นอกจากนี้ องค์ประกอบของคณะกรรมการคัดเลือกตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ยัง ประกอบด้วยบุคคลที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ในส่วนราชการนั้นโดยต่อเนื่องจึงเป็นผู้ที่จะต้องรับผิดชอบต่อผลการคัดเลือก ข้าราชการระดับสูง ซึ่งแตกต่างจากการให้บุคคลภายนอกเป็นผู้คัดเลือกเพียงครั้งเดียว โดยไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ ต่อผลการคัดเลือกว่าจะกระทบต่อการปฏิบัติงานของส่วนราชการนั้นแต่อย่างใด ไปพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35728 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยระบบการประเมินผลและการจัดสรรงบประมาณของสถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐ พ.ศ. .... | นร | 28/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยระบบการประเมินผล
และการจัดสรรงบประมาณของสถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐ พ.ศ. .... ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงบประมาณ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35729 | รายงานการพัฒนาระบบราชการไทย ประจำปี พ.ศ. 2552 | นร | 28/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. รายงานการพัฒนาระบบราชการไทย ประจำปี พ.ศ. 2552 ประกอบ ด้วย 3 ส่วน ดังนี้ 1.1 ส่วนที่ 1 ภาพรวมของระบบราชการที่สะท้อนขีดสมรรถนะเชิงกายภาพ และสัมฤทธิผลของระบบ ราชการไทย 1.2 ความก้าวหน้าของการพัฒนาระบบราชการไทย ประกอบด้วย 1.2.1 ผลประเมินการปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ของกระทรวง กรม จังหวัด สถาบันอุดมศึกษา และองค์การมหาชน 1.2.2 การผลักดันการพัฒนาระบบราชการไทย เพื่อบรรลุเป้าประสงค์หลัก 4 ประการของแผน ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย (พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2555) ที่จะนำพาระบบราชการไทยให้เป็นองค์การที่ เก่ง ดี มีส่วนร่วม และตอบสนองทันต่อการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งแนวทางที่ ก.พ.ร. จะดำเนินงานขั้นต่อไป 1.3 ส่วนที่ 3 ผลการดำเนินงานของสำนักงาน ก.พ.ร. ในฐานะหน่วยงานด้านธุรการที่รับผิดชอบกิจ กรรม วิชาการและแผนงานภายใต้นโยบายของ ก.พ.ร. 1.4 การนำเสนอเหตุการณ์สำคัญและกิจกรรมที่เกี่ยวกับการพัฒนาระบบราชการไทย ในรอบปี พ.ศ. 2552 2. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. แก้ไขรายงานฯ ตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอว่า รายงานในเรื่องนี้มี การรายงานรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 โดยจำแนกเป็นงบรายจ่ายด้านบุคลากร ซึ่งเป็นการรายงาน ในลักษณะเปรียบเทียบงบรายจ่ายด้านบุคลากรกับงบอื่นๆ ได้แก่ งบเงินอุดหนุน งบลงทุน และงบดำเนินการ การ เปรียบเทียบในลักษณะเช่นนี้อาจจะมีประเด็นปัญหาในการรายงานต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาได้สมควรที่จะ แก้ไขรายงานในเรื่องนี้ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป 3. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. นำข้อมูลขององค์การระหว่างประเทศซึ่งเปรียบเทียบระบบราชการไทยกับ ประเทศอื่น ๆ มาประกอบการจัดทำรายงานฯ ในครั้งต่อ ๆ ไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35730 | การทบทวน ปรับปรุง หรือยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับสิทธิพิเศษของหน่วยงานต่างๆ | กค | 28/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ 1. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 มติคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ ในการประชุมครั้งที่ 4/2551 เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2551 ครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2552 ครั้งที่ 2/2552 เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2552 ดังนี้ 1.1.1 ให้หน่วยงานคงได้รับสิทธิพิเศษต่อไปตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขเดิม จำนวน 1 หน่วยงาน ได้แก่ สิทธิพิเศษของหน่วยงานสร้างอาวุธ ของกระทรวงกลาโหม 1.1.2 ให้หน่วยงานคงได้รับสิทธิพิเศษต่อไปโดยปรับปรุงหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขในการได้รับสิทธิพิเศษ จำนวน 5 หน่วยงาน ได้แก่ สิทธิพิเศษของโรงกลั่นน้ำมันฝาง กรมการพลังงานทหาร สิทธิพิเศษขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) สิทธิพิเศษของสภากาชาดไทย สิทธิพิเศษของโรงพิมพ์ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอื่นที่มีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ และโรงพิมพ์ที่อยู่ในความควบคุมของหน่วยงานดังกล่าว และสิทธิพิเศษของโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา 1.1.3 ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีที่ให้สิทธิพิเศษแก่หน่วยงานต่างๆ จำนวน 2 หน่วยงาน ได้แก่ สิทธิพิเศษของโรงเรียนผู้ใหญ่รวมช่าง โรงเรียนผู้ใหญ่สายอาชีวศึกษา และโรงเรียนฝึกฝนอาชีพเคลื่อนที่ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2517 แจ้งตามนัยหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ สร 0203/ว 118 ลงวันที่ 10 ตุลาคม 2517 และสิทธิพิเศษของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยเดิม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2531 แจ้งตามนัยหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0205/ว 190 ลงวันที่ 12 ธันวาคม 2531 1.2 มติคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ ในการประชุมครั้งที่ 2/2551 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2551 ครั้งที่ 3/2551 เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2551 ดังนี้ 1.2.1 ให้หน่วยงานคงได้รับสิทธิพิเศษต่อไปตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขเดิม จำนวน 1 หน่วยงาน ได้แก่ สถานศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ 1.2.2 ให้หน่วยงานคงได้รับสิทธิพิเศษต่อไป โดยปรับปรุงหลักเกณฑ์ หรือเงื่อนไขการได้รับสิทธิพิเศษของหน่วยงานต่าง ๆ จำนวน 4 หน่วยงาน ได้แก่ วิทยาลัยเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมการต่อเรือพระนครศรีอยุธยา (โรงเรียนต่อเรือพระนครศรีอยุธยา เดิม) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กรมอาชีวศึกษา เดิม) บริษัท ไม้อัดไทย จำกัด และองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ 1.2.3 ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีที่ให้สิทธิพิเศษแก่หน่วยงาน จำนวน 1 หน่วยงาน ได้แก่ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2541 แจ้งตามนัยหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ นร 0205/ว(ล) 12361 ลงวันที่ 23 กันยายน 2541 เนื่องจากไม่มีภารกิจในการผลิต รับจ้างทำ จำหน่าย ให้บริการหรือหมดความจำเป็นที่จะได้รับสิทธิพิเศษต่อไปและให้แจ้งเวียนมติคณะรัฐมนตรีให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และ หน่วยงานอื่นของรัฐ ทราบต่อไป 2. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการด้วยว่า กรณีสิทธิพิเศษของหน่วยงานต่าง ๆ ที่ให้ดำเนินการโดยวิธีกรณีพิเศษได้นั้น สมควรกำหนดให้มีการตรวจสอบราคาตลาดเพื่อใช้เป็นเกณฑ์ราคาอ้างอิงด้วย เพื่อให้การดำเนินการมีความโปร่งใสและประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35731 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อใช้ปรับปรุงซ่อมแซมอาคารมหิดลวิทยานุสรณ์ 2 ที่ประสบปัญหาอัคคีภัย | ศธ | 28/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ปรับปรุงซ่อม
แซมอาคารมหิดลวิทยานุสรณ์ 2 และจัดหาครุภัณฑ์ที่ประสบอัคคีภัย ในวงเงิน 128,346,900 บาท โดยให้เบิกจ่าย จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 72,641,200 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารดังกล่าว ส่วนการจัดหาครุภัณฑ์ ในวงเงิน 55,705,700 บาท ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 โดยปรับแผนการปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ไปดำเนินการก่อน หากไม่เพียงพอจึงขอทำความตกลงกับ สำนักงบประมาณใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 มีผลใช้บังคับ แล้ว เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณค่าปรับปรุงซ่อมแซมอาคารดังกล่าวที่จะ แล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2554 ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35732 | ร่างพระราชบัญญัติการส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน พ.ศ. .... | ศธ | 28/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการส่งเสริมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ คือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน เพื่อส่งเสริมการศึกษาในรูปแบบต่าง ๆ โดยมีสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชนเป็นหน่วยงานรับผิดชอบดำเนินการตามที่กระทรวง ศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตเพิ่มเติมของกระทรวง ศึกษาธิการ เกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน แทนการจัด ตั้งสถาบันส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน ซึ่งจะต้องเปลี่ยนแปลงชื่อและสาระสำคัญของร่างพระราช บัญญัติในเรื่องนี้ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง 2. ให้กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงการคลังรับไปพิจารณากำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการให้สถาบันฯ มีอำนาจจัดเก็บเงินบำรุงสถาบันจากผู้มีหน้าที่เสียภาษีตามกฎหมายว่าด้วยสุราและยาสูบ (ร่างมาตรา 11) และให้ เสนอสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35733 | การใช้กระบวนการอนุญาโตตุลาการในสัญญาการให้สินเชื่อโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังความร้อน Hongsa Mine-Mouth Power Project กับ Hongsa Power Co.,Ltd | กค | 28/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้มีการกำหนดในสัญญาสินเชื่อ สัญญาค้ำประกัน และสัญญาทางการเงินอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ การให้สินเชื่อระยะยาว Syndicated Loan เพื่อใช้ในการลงทุนดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าหงสาลิกไนต์ในสาธารณรัฐประชา ธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ระหว่างธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (บมจ.ธนาคารกรุงไทย) และธนาคาร ออมสินกับ Hongsa Power Company Limited (HPC) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนใน สปป.ลาว โดยมอบข้อพิพาทให้ อนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศเป็นผู้ชี้ขาดตามที่ธนาคารทั้ง 2 แห่ง เสนอ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ 2. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุดที่เห็นว่าในกรณีที่จำเป็นต้องใช้วิธีกระบวน การอนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทในสัญญาดังกล่าว บมจ.ธนาคารกรุงไทย และธนาคารออมสิน ควรเจรจา กับธนาคารผู้ให้สินเชื่อรายอื่น เพื่อยอมรับเงื่อนไขในการกำหนดให้สถานที่ดำเนินกระบวนพิจารณาเป็นประเทศไทย โดยใช้อนุญาโตตุลาการตามข้อบังคับของสถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรม โดยใช้ภาษาไทยในการ ดำเนินกระบวนวิธีพิจารณา ซึ่งจะทำให้เกิดความสะดวกและลดภาระค่าใช้จ่ายสำหรับการระงับข้อพิพาทของคู่สัญญา ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมากกว่า ไปดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35734 | ขอความเห็นชอบในการอนุมัติร่างกฎบัตรสมาคมความร่วมมือแห่งภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย ฉบับแก้ไข | กต | 28/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบร่างกฎบัตรสมาคมความร่วมมือแห่งภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย (Indian Ocean Rim Association for Regional Co-operation : IOR-ARC) โดยร่างกฎบัตรฯ มีหลักการพื้นฐานเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ รวมทั้งเสริมสร้างและเพิ่มพูนความเข้าใจและความร่วมมือเพื่อประโยชน์ร่วมกันโดยยึดมั่นในหลักฉันทามติและตั้งอยู่บน พื้นฐานของความเคารพในหลักการเรื่องความเท่าเทียมกันทางอธิปไตย บูรณภาพเหนือดินแดน ความเป็นอิสระทาง การเมือง การไม่แทรกแซงกิจการภายใน การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และผลประโยชน์ร่วมกันของทุกฝ่าย โดยไม่กระทบ ต่อสิทธิและพันธกรณีของรัฐสมาชิกในกรอบความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้าอื่น ๆ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนอนุมัติ (approve) ร่างเอกสารดังกล่าว ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ ไขเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการโดยไม่ ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก 2. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติ เกี่ยวกับประเด็นการจัดการงบประมาณและการเงินควรให้มีความชัดเจนว่าจะไม่มีการปิดกั้นการรับการสนับสนุน ด้านงบประมาณและ/หรือการสนับสนุนทางวิชาการจากประเทศ หรือหน่วยงานภายนอกหากเห็นสมควร โดยไม่เป็น การขัดแย้ง หรือสร้างผลกระทบในด้านสิทธิในการมีส่วนร่วมของประชาชาติสมาชิก ตลอดจนความมั่นคงภายในของ ประเทศสมาชิก ไปพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35735 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดโบสถ์ ตำบลวัดโบสถ์ อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... | พศ | 28/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดโบสถ์ ตำบลวัดโบสถ์
อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดโบสถ์ ตามโฉนดที่ดิน เลขที่ 8181 (บางส่วน) ตำบลวัดโบสถ์ อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ 2 งาน 25 ตาราง วา ให้แก่กรมชลประทาน เพื่อก่อสร้างฝายและคลองส่งน้ำสายใหญ่ ตามโครงการท่าลาด ตามที่สำนักงานพระพุทธ ศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35736 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัด วัดสามแก้ว ตำบลนาชะอัง อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... | พศ | 28/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัด วัดสามแก้ว ตำบลนาชะอัง
อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนกรรมสิทธิ์ที่วัด วัดสามแก้ว ตามโฉนดที่ดิน เลขที่ 7660 (บางส่วน) ตำบลนาชะอัง อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร เนื้อที่ 1 ไร่ 1 งาน 09.6 ตารางวา ให้แก่กรมชลประทาน เพื่อดำเนินการก่อสร้างประตูระบายน้ำและช่องลัดคลองระบายน้ำสามแก้ว ตาม โครงการชุมพร ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ พิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35737 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดท่าช้าง ตำบลท่าช้าง กิ่งอำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... | พศ | 28/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดท่าช้าง ตำบลท่าช้าง กิ่งอำเภอบางกล่ำ
จังหวัดสงขลา ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนที่วัด วัดท่าช้าง ตามส.ค. 1 เลขที่ 517 (บางส่วน) ตำบลท่าช้าง กิ่งอำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา เนื้อที่ 4 ไร่ 1 งาน 67 ตารางวา ให้แก่กรมชลประทานเพื่อดำเนินการ ก่อสร้างคลอง ท่าช้าง-บางกล่ำ ตามโครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่ง ชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35738 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตปฏิรูปที่ดิน ในท้องที่จังหวัดลพบุรี และจังหวัดนครราชสีมา จำนวน 2 ฉบับ | กษ | 28/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน 2 ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1.1 ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลวังทอง ตำบลโคกเจริญ ตำบลยางราก ตำบลโคกแสมสาร อำเภอโคกเจริญ ตำบลมหาโพธิ ตำบลนิยมชัย ตำบลสระโบสถ์ อำเภอสระโบสถ์ และตำบล ดงมะรุม ตำบลวังเพลิง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... 1.2 ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลบ้านปรางค์ อำเภอคง ตำบลหนองหอย ตำบลพังเทียม อำเภอพระทองคำ และตำบลโนนเมือง ตำบลชีวึก อำเภอขามสะแกแสง จังหวัดนครราชสีมา ให้ เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากรณีร่างพระราช กฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับมีแนวเขตปฏิรูปที่ดินบางส่วนอยู่ในพื้นที่ควรสงวนไว้ไม่นำไปปฏิรูปที่ดิน สมควรที่สำนักงาน การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจะต้องประสานกับกรมป่าไม้เมื่อจะเข้าดำเนินการปฏิรูปที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว ไป พิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35739 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 28/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ
จังหวัดลำปาง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ กำหนดเขตปฏิรูปที่ดิน ในท้องที่ตำบลแม่เมาะ อำเภอ แม่เมาะ จังหวัดลำปาง ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35740 | รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี 2552 | นร | 28/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.)
เสนอรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี พ.ศ. 2552 ซึ่งประกอบด้วย 1. ผลงานขององค์การในปีที่ผ่านมาเมื่อเปรียบเทียบกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2. โครงการ แผนงานและแผนงบประมาณสำหรับปีถัดไป 3. ผังรายการในปีที่ผ่านมา และแผนการที่จะเปลี่ยนแปลงผังรายการสำหรับปีถัดไป 4. งบการเงินและรายงานของผู้สอบบัญชี รายงานการตรวจสอบภายใน และรายงานของคณะกรรม การประเมินผล 5. รายการที่องค์การให้การสนับสนุนการผลิตแก่ผู้ผลิตรายการอิสระ วิธีการว่าจ้างการผลิตรายการ พร้อมชื่อของผู้ผลิตรายการเหล่านั้น และรายละเอียดในการเผยแพร่รายการที่สนับสนุน 6. ความคิดเห็นที่ได้รับจากสภาผู้ชมและผู้ฟังรายการตามมาตรา 45 และจากประชาชนทั่วไปและการ ปรับปรุงที่ดำเนินการตามความคิดเห็นที่ได้รับ 7. ข้อมูลร้องเรียนจากผู้ชมและผู้ฟังรายการ และผล และวิธีการแก้ไข
|