ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1589 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 31761 - 31780 จากข้อมูลทั้งหมด 124233 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
31761 | รัฐบาลนิวซีแลนด์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย | กต | 15/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายแอนโทนี จอห์น ลินช์ (Mr. Anthony John Lynch) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทนนายบีด กิลเบิร์ต คอร์รี (Mr. Bede Gilbert Corry) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31762 | รัฐบาลสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย | กต | 15/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายฮุซัยน์ กะมาลียัน (Mr. Hossein Kamalian) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทนนายมาจิด บิซมาร์ก (Mr. Majid Bizmark) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31763 | รัฐบาลรัฐพหุชนชาติแห่งโบลิเวียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย | กต | 15/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายกิเยร์โม ชาลุป เลียนโด (Mr. Guillermo Chalup Liendo) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งรัฐพหุชนชาติแห่งโบลิเวียประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงปักกิ่ง สืบแทนนายอูโดโร กาลินโด อันเซ (Mr. Eudoro Galindo Anze) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31764 | ผลการประชุมรัฐมนตรีด้านการขนส่งอาเซียน (ATM) ครั้งที่ 17 และการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน - ประเทศคู่เจรจา | คค | 15/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีด้านการขนส่งอาเซียน (ASEAN Transport Ministers Meeting : ATM) ครั้งที่ ๑๗ และการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน - ประเทศคู่เจรจา ประกอบด้วย การประชุมรัฐมนตรีด้านการขนส่งอาเซียน - จีน ครั้งที่ ๑๐ การประชุมรัฐมนตรีด้านการขนส่งอาเซียน - ญี่ปุ่น ครั้งที่ ๙ และการประชุมรัฐมนตรีด้านการขนส่งอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๓ ระหว่างวันที่ ๑๕ - ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยในส่วนของผลการประชุมรัฐมนตรีด้านการขนส่งอาเซียน (ATM) ครั้งที่ ๑๗ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบผลการประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit) ครั้งที่ ๑๙ ณ เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ซึ่งมีมติเร่งรัดการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน และพัฒนาบทบาทของอาเซียนในเวทีโลก พร้อมทั้งยินดีที่การดำเนินการตามแผนปฏิบัติการบรูไน ๒๐๑๑ - ๒๐๑๕ และการดำเนินตามมาตรการต่าง ๆ ด้านการขนส่งภายใต้แผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน (Master Plan on ASEAN Connectivity : MPAC) มีความคืบหน้าไปมาก ๒. ที่ประชุมยินดีกับการมีผลบังคับใช้ของความตกลงพหุภาคีอาเซียนว่าด้วยการเปิดเสรีอย่างเต็มที่ของบริการขนส่งผู้โดยสารทางอากาศ และพิธีสารที่เกี่ยวข้อง ๒ ฉบับ ซึ่งได้มีการลงนามไปแล้ว โดยจะช่วยอำนวยความสะดวกและส่งเสริมบริการการขนส่งทางอากาศของอาเซียน ๓. ที่ประชุมสนับสนุนการที่เลขาธิการอาเซียนได้มีหนังสือถึงคณะกรรมาธิการยุโรป เพื่อคัดค้านกฎการค้าสิทธิ์การปล่อยมลพิษ ซึ่งจะมีผลต่อเที่ยวบินของประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกสหภาพยุโรป รวมทั้งประเทศสมาชิกอาเซียนที่ทำการบินไปยังสหภาพยุโรป โดยขอให้องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศเป็นผู้นำในการหารือร่วมกับสหภาพยุโรป อาเซียน และประชาคมระหว่างประเทศอื่น ๆ ในเรื่องผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากการบินระหว่างประเทศ ๔. ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องการขนส่งสินค้าอย่างไร้รอยต่อในภูมิภาค และเห็นว่าการดำเนินงานตามมาตรการต่าง ๆ ภายใต้แผนงานของคณะกรรมการประสานการขนส่งผ่านแดนอาเซียน (ASEAN Transit Transport Coordinating Board : TTCB) เกี่ยวข้องกับความร่วมมือสาขาอื่น ๆ ด้วย เช่น คณะทำงานพิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า คณะกรรมการด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช และสมาคมประกันภัยยานพาหนะระหว่างประเทศ เป็นต้น โดยขอให้สาขาความร่วมมือดังกล่าวพิจารณามาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและประสานงานกับ TTCB เพื่อรายงานความคืบหน้าอย่างใกล้ชิดต่อไป ๕. ที่ประชุมรับทราบการจัดทำการศึกษาเพื่อจัดทำแผนแม่บทและการศึกษาความเป็นไปได้ในการกำหนดโครงข่ายการเดินเรือที่ใช้การขนส่งสินค้าขึ้นและลงเรือด้วยการใช้สินค้าบรรทุกบนรถที่แล่นผ่านแผ่นเหล็กที่ทอดจากเรือมายังท่า (Ro - Ro) ในอาเซียน และการเดินเรือระยะใกล้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสำคัญ ๑๕ โครงการภายใต้แผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน เพื่อเชื่อมการเดินเรือระหว่างประเทศแผ่นดินใหญ่และประเทศหมู่เกาะ เพื่อมุ่งสู่การรวมตัวเป็นตลาดการขนส่งทางทะเลร่วมของอาเซียน (ASEAN Single Shipping Market : ASSM) ๖. ที่ประชุมได้ให้การรับรองแถลงการณ์เพื่อให้การรับรองกรอบการดำเนินงานเพื่อการจัดตั้งตลาดบินร่วมอาเซียน (Declaration on the Adoption of the Implementation Framework of the ASEAN Single Aviation Market : ASAM) เพื่อยืนยันความมุ่งมั่นของอาเซียนในการจัดตั้งตลาดการบินร่วมอาเซียนในปี ๒๕๕๘ ๗. รัฐมนตรีขนส่งอาเซียนได้ลงนามเอกสาร รวม ๒ ฉบับ ได้แก่ พิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ ๗ ของบริการขนส่งทางอากาศ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน (Protocol to Implement the 7th Package of Commitments on Air Transport Services under the ASEAN Framework Agreement on Services) และพิธีสาร ๖ พรมแดนสำหรับรถไฟและสถานีชุมทาง ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน (Protocol 6 on Railways Border and Interchange Stations under the ASEAN Framework Agreement on Facilitation of Goods in Transit)
|
|||||||||||||||||||||||||||
31765 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนทุ่งควายกิน - กองดิน จังหวัดระยอง พ.ศ. .... | นร | 15/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนทุ่งควายกิน - กองดิน จังหวัดระยอง พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญ คือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลทุ่งควายกิน - ตำบลกองดิน และตำบลคลองปูน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
31766 | ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงน้ำหนักของรถที่ใช้ในการประกอบการขนส่งส่วนบุคคล) และร่างพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการกำหนดน้ำหนักรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล) จำนวน 2 ฉบับ | คค | 15/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ จำนวน ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ดังนี้
๑. ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดบทนิยาม “การขนส่งส่วนบุคคล” หมายความว่า การขนส่งเพื่อการค้าหรือธุรกิจของตนเองด้วยรถที่มีน้ำหนักเกินสองพันสองร้อยกิโลกรัม ๑.๒ กำหนดให้พระราชบัญญัตินี้มิให้ใช้บังคับแก่รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกินเจ็ดคนแต่ไม่เกินสิบสองคน และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลที่มีน้ำหนักรถไม่เกินสองพันสองร้อยกิโลกรัมตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ซึ่งมิได้ใช้ประกอบการขนส่งเพื่อสินจ้าง ๑.๓ กำหนดให้นายทะเบียนกลางและนายทะเบียนประจำจังหวัดอาจมอบหมายให้ข้าราชการในสังกัดกรมการขนส่งทางบกกระทำการแทนได้ ๑.๔ ตัดบทบัญญัติเกี่ยวกับการประกอบการขนส่งระหว่างประเทศ เนื่องจากข้อตกลงเรื่องการประกอบการขนส่งระหว่างประเทศที่ประเทศไทยทำกับประเทศต่าง ๆ ส่วนใหญ่เป็นข้อตกลงระดับทวิภาคี ซึ่งมีเงื่อนไขตามข้อตกลงที่แตกต่างกัน การนำมาบัญญัติเป็นหลักการทั่วไปอาจไม่ครอบคลุมข้อตกลงหรือสัญญาที่ประเทศไทยทำไว้กับประเทศต่าง ๆ โดยสมควรให้เป็นไปตามข้อตกลงหรืออนุสัญญาแต่ละฉบับ ๑.๕ กำหนดอัตราค่าบริการตรวจสภาพรถ ให้เป็นไปตามที่อธิบดีประกาศกำหนด และบทกำหนดโทษกรณีเก็บค่าบริการผิดจากอัตราค่าบริการที่กำหนด ๑.๖ ตัดบทบัญญัติที่ให้ผู้ประจำรถมีหน้าที่ต้องจัดให้มีสำเนาภาพถ่ายหนังสืงแสดงการจดทะเบียนไว้ประจำรถเพื่อแสดงต่อนายทะเบียนหรือผู้ตรวจการ ๒. ร่างพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๒.๑ กำหนดบทนิยาม “รถยนต์ส่วนบุคคล” หมายความว่า รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลซึ่งมิได้ใช้ประกอบการขนส่งตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก ๒.๒ กำหนดห้ามมิให้ใช้รถที่ยังมิได้จดทะเบียน รถที่ถูกเพิกถอนการจดทะเบียน รถที่ยังมิได้เสียภาษีประจำปี รถที่แจ้งการไม่ใช้รถ รถที่ทะเบียนระงับ ๒.๓ กำหนดให้รถที่ยังมิได้จดทะเบียนสามารถนำมาใช้ได้ชั่วคราว ได้แก่ รถที่จดทะเบียนในต่างประเทศที่นำเข้ามาใช้ในราชอาณาจักรชั่วคราว หรือใช้ในกิจการใดโดยเฉพาะเป็นการชั่วคราว หรือรถที่ใช้เพื่อการทดสอบ หรือรถที่ใช้ในกรณีอื่นที่มีกฎกระทรวงกำหนด ๒.๔ กำหนดให้นายทะเบียนและผู้ตรวจการมีอำนาจเข้าตรวจในสถานที่จำหน่าย เช่า เช่าซื้อ หรือประกอบธุรกิจเกี่ยวกับรถ เมื่อมีเหตุสงสัยว่ามีรถที่ค้างชำระภาษี หรือมีการใช้รถที่สิ้นอายุการใช้งาน และยึดแผ่นป้ายทะเบียนรถนั้นไว้ได้ ๒.๕ กำหนดให้การยึดรถที่ค้างชำระภาษีรถประจำปีเป็นการยึดแผ่นป้ายทะเบียนรถแทน ๒.๖ กำหนดให้ยกเลิกมาตรา ๓๙ ที่เกี่ยวกับการขายทอดตลาดรถที่ยึดมาตามมาตรา ๓๕ หรือมาตรา ๓๗ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการใหม่ที่ให้ยกเลิกการยึดรถโดยเปลี่ยนมาเป็นการยึดแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์แทน ๒.๗ กำหนดให้ใบอนุญาตขับรถชั่วคราวตามมาตรา ๔๓ (๑) มีอายุสองปีนับแต่วันออกใบอนุญาตขับรถ ๒.๘ กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ขอใบอนุญาตขับรถต้องไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกยึดหรือพักใช้ใบอนุญาตขับรถ ไม่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ เว้นแต่ได้พ้นกำหนดสามปีนับแต่วันที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ ๒.๙ กำหนดให้นายทะเบียนหรือผู้ตรวจการมีอำนาจเรียกเจ้าของรถหรือผู้ขับรถมาให้ถ้อยคำหรือยื่นคำชี้แจงหากมีเหตุอันควรสงสัยว่าฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ๒.๑๐ ปรับปรุงบทกำหนดโทษให้สอดคล้องกับการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติ ๒.๑๑ ปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมและภาษีประจำปี
|
|||||||||||||||||||||||||||
31767 | ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงประเภทของหน่วยงานราชการที่ได้รับการยกเว้นภาษีประจำปีและนิรโทษกรรมภาษีประจำปีที่ค้างชำระของหน่วยงานราชการ) และร่างพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงประเภทของหน่วยงานราชการที่ได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียม และภาษีประจำปีและนิรโทษกรรมค่าธรรมเนียมและภาษีประจำปีค้างชำระของหน่วยงานราชการ) จำนวน 2 ฉบับ | คค | 15/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ จำนวน ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ดังนี้
๑. ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดมิให้นำมาตรา ๒๓ เกี่ยวกับการห้ามมิให้ผู้ใดประกอบการขนส่งประจำทาง การขนส่งไม่ประจำทาง การขนส่งโดยรถขนาดเล็ก หรือการขนส่งส่วนบุคคล เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน มาใช้บังคับแก่การขนส่งส่วนบุคคลซึ่งหน่วยงานของรัฐ มหาวิทยาลัยและสถาบันอุดมศึกษา วัด มัสยิด มิซซัง มูลนิธิ สภากาชาดไทย และสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล เป็นผู้ประกอบการขนส่ง แต่ผู้ประกอบการขนส่งต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติอื่นแห่งพระราชบัญญัตินี้เสมือนดังเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งส่วนบุคคลทุกประการ ๑.๒ กำหนดให้รถที่ใช้ในการขนส่งส่วนบุคคลของส่วนราชการ องค์กรตามรัฐธรรมนูญ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มหาวิทยาลัยและสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ องค์การมหาชน หน่วยงานอื่นของรัฐตามที่กำหนดในกฎกระทรวง วัด มัสยิด มิซซัง มูลนิธิ และสภากาชาดไทย ให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี ๑.๓ กำหนดให้บรรดาภาษีประจำปีของรถของหน่วยงานตามมาตรา ๘๘ แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ที่ค้างชำระไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้เป็นอันระงับไป ๒. ร่างพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๒.๑ กำหนดให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมและภาษีประจำปีให้แก่รถของส่วนราชการ องค์กรตามรัฐธรรมนูญ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มหาวิทยาลัยและสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ องค์การมหาชน และหน่วยงานอื่นของรัฐ ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ทั้งนี้ เฉพาะรถที่มิได้ใช้ในทางการค้าหรือหากำไร ๒.๒ กำหนดให้บรรดาค่าธรรมเนียมและภาษีประจำของรถของหน่วยงานตามมาตรา ๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ที่ค้างชำระไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับให้เป็นอันระงับไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
31768 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สผ | 15/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาสถานะของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาก่อน หากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นว่าส่วนราชการสังกัดรัฐสภาทั้งสองแห่งมิใช่หน่วยงานของรัฐภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ อีกต่อไปแล้ว ให้อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กำหนดให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเป็นหน่วยงานของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่) ตามที่คณะกรรมการข้าราชการรัฐสภาเสนอ แล้วให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
31769 | ร่างพระราชบัญญัติเพื่ออนุวัติการภาคผนวกแนบท้ายความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง รวม 3 ฉบับ | คค | 15/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ จำนวน ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญโดยสรุปคือ ๑.๑.๑ กำหนดให้การดำเนินพิธีการของเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลไทยในพื้นที่ควบคุมร่วมกันนอกราชอาณาจักร เป็นการดำเนินพิธีการในราชอาณาจักร ๑.๑.๒ กำหนดให้เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลประเทศภาคีตามความตกลงมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ในข้อตกลงที่รัฐบาลไทยได้ทำไว้กับรัฐบาลของประเทศภาคีตามความตกลงสำหรับการดำเนินพิธีการในพื้นที่ควบคุมร่วมกันแต่ละแห่ง และกำหนดข้อยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลประเทศภาคีตามความตกลงที่เข้ามาดำเนินพิธีการในพื้นที่ควบคุมร่วมกันในราชอาณาจักร ๑.๑.๓ กำหนดให้การกระทำที่เป็นความผิดตามกฎหมายไทยเกี่ยวกับการขนส่งข้ามพรมแดนในพื้นที่ควบคุมร่วมกันนอกราชอาณาจักรเป็นการกระทำความผิดในราชอาณาจักร ๑.๑.๔ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการดำเนินการกับผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการขนส่งข้ามพรมแดนที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบในพื้นที่ควบคุมร่วมกันในราชอาณาจักรและพื้นที่ควบคุมร่วมกันนอกราชอาณาจักร ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติการรับขนของทางถนนระหว่างประเทศ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญโดยสรุปคือ ๑.๒.๑ กำหนดขอบเขตการใช้บังคับแก่การรับขนของทางถนนด้วยรถ จากสถานที่ที่ผู้ขนส่งรับมอบของในราชอาณาจักรไปยังสถานที่ที่จะระบุให้ส่งมอบของนอกราชอาณาจักร หรือจากสถานที่ที่ผู้ขนส่งรับมอบของนอกราชอาณาจักรไปยังสถานที่ที่ระบุให้ส่งมอบของในราชอาณาจักร หรือจากสถานที่ที่ผู้ขนส่งรับมอบของในประเทศหนึ่งไปยังสถานที่ที่ระบุให้ส่งมอบของในอีกประเทศหนึ่งโดยผ่านเข้ามาในราชอาณาจักร ๑.๒.๒ กำหนดหลักเกณฑ์ผู้ขนส่งต้องออกใบตราส่งให้แก่ผู้ส่ง และการกำหนดรายการในใบตราส่ง ได้แก่ ชื่อและที่อยู่ของผู้ส่ง ชื่อและที่อยู่ของผู้ขนส่งและผู้ขนส่งช่วง ชื่อและที่อยู่ของผู้รับตราส่ง เป็นต้น ๑.๒.๓ กำหนดหน้าที่และสิทธิของผู้ขนส่งในการตรวจสอบความถูกต้องของรายการที่ปรากฏในใบตราส่งเมื่อได้รับมอบของจากผู้ส่ง และบันทึกข้อแตกต่างไว้ในใบตราส่งในกรณีที่ความแตกต่างนั้นสามารถเห็นได้ประจักษ์ มีหน้าที่ถามเอาคำสั่งจากผู้ส่งทั้งในกรณีที่การรับขนของกลายเป็นพ้นวิสัยหรือดำเนินการต่อไปได้แต่ด้วยเงื่อนไขที่แตกต่างไปจากสัญญา และในกรณีที่มีพฤติการณ์ขัดขวางการส่งมอบหรือผู้รับตราส่งปฏิเสธไม่ยอมรับมอบของ ๑.๒.๔ กำหนดให้ผู้ส่งต้องรับผิดในความสูญหายหรือเสียหายอันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วน หรือไม่เพียงพอของรายละเอียดในใบตราส่ง ความรับผิดต่อผู้ขนส่งในความเสียหายอันเกิดแก่บุคคลอื่น ทรัพย์สินของบุคคลอื่น อุปกรณ์ที่ใช้ในการขนส่ง และค่าใช้จ่ายอื่นอันเนื่องมาจากความบกพร่องในการบรรจุหีบห่อ และให้ผู้ส่งมีหน้าที่ในการจัดเอกสารที่จำเป็นเพื่อประโยชน์แก่พิธีการทางศุลกากรไปกับใบตราส่ง รวมทั้งจัดเอกสารหรือข้อมูลอื่นที่ผู้ขนส่งต้องการหรือดำเนินการให้ผู้ขนส่งสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลเช่นว่านั้นได้ และต้องรับผิดแก่ผู้ขนส่งในกรณีที่เอกสารและข้อมูลดังกล่าวมีความไม่ถูกต้อง ไม่เพียงพอ หรือไม่ครบถ้วน ๑.๒.๕ กำหนดให้ผู้ส่งมีหน้าที่ในการแจ้งสภาพอันตรายแห่งของให้ผู้ขนส่งทราบ และความรับผิดในการไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ดังกล่าว ๑.๒.๖ กำหนดความรับผิดและข้อยกเว้นความรับผิดของผู้ขนส่งในกรณีของสูญหาย เสียหาย หรือส่งมอบชักช้า กรณีที่ถือว่าของนั้นได้สูญหายสิ้นเชิงเนื่องจากล่วงพ้นระยะเวลาส่งมอบของมานานแล้ว และกรณีความเสียหายอันเกิดจากการกระทำของผู้อื่น ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการรับขนคนโดยสารและสัมภาระทางถนนระหว่างประเทศ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญโดยสรุปคือ ๒.๑ กำหนดขอบเขตการใช้บังคับกับสัญญารับขนคนโดยสารและสัมภาระทางถนน โดยรถจากจุดต้นทางจากประเทศหนึ่งไปยังจุดปลายทางอีกประเทศหนึ่ง ๒.๒ กำหนดรูปแบบและรายการของตั๋วโดยสารและใบรับสัมภาระลงทะเบียน และกำหนดหน้าที่ของผู้รับขนส่งในการบันทึกสัญญารับขนว่าจะต้องมีการบันทึกไว้โดยการออกตั๋วโดยสาร การออกใบรับสัมภาระลงทะเบียน การตรวจสภาพเท่าที่เห็นได้จากภายนอกของสัมภาระลงทะเบียนในเวลาลงทะเบียนสัมภาระ ๒.๓ กำหนดหลักเกณฑ์ความรับผิดของผู้ขนส่ง ให้ต้องรับผิดต่อความสูญหายหรือความเสียหาย อันเป็นผลมาจากการตาย การบาดเจ็บทางร่างกายหรือจิตใจของคนโดยสารที่เป็นผลมาจากอุบัติเหตุเกี่ยวกับการขนส่งระหว่างคนโดยสารที่อยู่บนรถหรือขณะกำลังขึ้น หรือลงจากรถคันนั้น รับผิดเพื่อความสูญหายหรือความเสียหายอันเป็นผลมาจากการที่คนโดยสารและสัมภาระไปถึงจุดหมายปลายทางล่าช้า รับผิดเพื่อความสูญหายหรือความเสียหายที่เกิดแก่สัมภาระลงทะเบียนนับแต่เวลาที่ผู้ขนส่งได้รับมอบสัมภาระจนถึงเวลาที่ผู้ขนส่งได้ส่งมอบสัมภาระ รับผิดเพื่อความสูญหายหรือความเสียหายของสัมภาระติดตัวเป็นผลมาจากอุบัติเหตุเกี่ยวกับการขนส่งที่เกิดขึ้นระหว่างคนโดยสารที่อยู่บนรถหรือขณะกำลังขึ้น หรือลงจากรถคันนั้น ๒.๔ กำหนดให้ผู้ขนส่งต้องรับผิดในความสูญหายหรือความเสียหายอันเป็นผลมาจากการตาย การบาดเจ็บทางร่างกายหรือจิตใจของคนโดยสารที่เป็นผลมาจากอุบัติเหตุเกี่ยวกับการขนส่งที่เกิดขึ้นระหว่างคนโดยสารอยู่บนรถ หรือขณะกำลังขึ้น หรือลงจากรถคันนั้น ให้สันนิษฐานว่าผู้ขนส่งต้องรับผิด เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ถึงข้อยกเว้นความรับผิดที่กฎหมายกำหนด ๒.๕ กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งกรณีที่คนโดยสารตาย หรือบาดเจ็บทางร่างกายหรือจิตใจ กรณีการสูญหายหรือการเสียหายของสัมภาระลงทะเบียน กรณีการสูญหายหรือการเสียหายของสัมภาระติดตัวของคนโดยสาร และกรณีความเสียหายอันเกิดจากการล่าช้าที่มิใช่ความเสียหายของสัมภาระหรือการบาดเจ็บของคนโดยสาร
|
|||||||||||||||||||||||||||
31770 | การลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสาธารณสุขไทยและกระทรวงสาธารณสุขเวียดนามว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุข | สธ | 15/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสาธารณสุขไทยและกระทรวงสาธารณสุขเวียดนามว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุข มีสาระสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมือด้านสาธารณสุขและแลกเปลี่ยนทางวิชาการระหว่างประเทศไทยและเวียดนาม ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าว ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำหรือประเด็นที่มิใช่สาระสำคัญ ให้อยู่ในดุลยพินิจของผู้ลงนาม โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก และให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
|
|||||||||||||||||||||||||||
31771 | การกำหนดปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 | นร | 15/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกำหนดปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ เพื่อให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นใช้เป็นแนวทางการวางแผนและจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) รับไปพิจารณาร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำประมาณการรายได้และรายจ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยให้รวมถึงภาระงบประมาณที่รัฐบาลจะต้องดำเนินการตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ แผนปฏิบัติการเพื่อบรรเทาปัญหาอุทกภัยระยะเร่งด่วน และแผนปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำแบบบูรณาการและยั่งยืน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๕๕ (เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๕) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
31772 | นโยบายรัฐบาลในการสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำในการใช้ประโยชน์ที่ดิน และทรัพยากรธรรมชาติ | นร | 15/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการบูรณาการบริหารจัดการที่ดินเชิงระบบ เพื่อดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา นโยบายที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง การสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำในการใช้ประโยชน์ที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ มีการดำเนินการอย่างเป็นระบบ ชัดเจน และมีความครอบคลุม และสามารถบูรณาการให้นำไปปฏิบัติให้บังเกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม โดยให้คณะกรรมการฯ มีอำนาจหน้าที่ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรผู้ยากจน และไม่มีที่ดินทำกิน พร้อมทั้งปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวทั้งหมด ตลอดจนเสนอความเห็น และแนวทางในการบริหารจัดการที่ดิน เพื่อสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำในการใช้ประโยชน์ที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ อย่างเป็นระบบ ชัดเจน มีความครอบคลุม และสามารถบูรณาการให้บังเกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ตามนโยบายรัฐบาล ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) เป็นประธานกรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31773 | โครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี 2554/55 | พณ | 15/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบกรอบราคา ปริมาณ ระยะเวลา วิธีการ หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการดำเนินการโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี ๒๕๕๔/๕๕ และเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอเพิ่มเติม ดังนี้ ๑.๑ ให้ปรับเป้าหมายปริมาณรับจำนำหัวมันสด จากเดิม ๑๕ ล้านตัน เป็น ๑๐ ล้านตัน ๑.๒ ให้ปรับระยะเวลาดำเนินโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี ๒๕๕๔/๕๕ จากเดิมวันที่ ๑๕ มกราคม - ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เป็นวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ - ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ๑.๓ สำหรับราคารับจำนำที่มีการกำหนดราคาหัวมันสดตามเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งที่ ๒๕% ให้กระทรวงพาณิชย์รับไปพิจารณาทบทวนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและนำเสนอคณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลังพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ก่อนดำเนินการต่อไป ๒. อนุมัติในหลักการให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๔/๕๕ ใช้เงินในกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไปดำเนินการในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๔/๕๕ จำนวน ๔๑๐,๐๐๐ ล้านบาท และหากวงเงินรับจำนำข้าวเปลือกเหลือไม่เพียงพอ ให้กระทรวงการคลังจัดหาให้เพิ่มเติม ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้ ในส่วนที่เป็นวงเงินจ่ายขาด จำนวนรวม ๑๐,๓๙๘.๔๕ ล้านบาท ให้กระทรวงพาณิชย์รับไปพิจารณาทบทวนในรายละเอียดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเสนอคณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลังพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอเพิ่มเติม ๓. เห็นชอบให้เพิ่มอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศในองค์ประกอบคณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๔. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์รับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้น เพื่อกำหนดแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าให้แก่มันสำปะหลังเพื่อขยายตลาดสินค้าและให้เกษตรกรได้รับราคาที่เป็นธรรมมากยิ่งขึ้น เช่น การนำมันสำปะหลังไปผลิตเป็นเอทานอลเพื่อการส่งออก เป็นต้น ทั้งนี้ ให้พิจารณาครอบคลุมไปถึงพืชผลการเกษตรชนิดอื่น ๆ ที่กำลังประสบปัญหาทางการตลาดด้วย เช่น ส้ม เป็นต้น ๕. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการส่งเสริมและให้สินเชื่อแก่เกษตรกรเพื่อให้เกษตรกรมีเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพได้มากยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
31774 | สรุปผลการพิจารณาค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ด้านโครงสร้างพื้นฐาน | นร | 15/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ตามที่สำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. หลักเกณฑ์การพิจารณาแผนงาน/โครงการ ๑.๑ เป็นโครงการที่ดำเนินการในพื้นที่ที่อยู่ในเขตประกาศอุทกภัย และได้รับคำยืนยันจากจังหวัดแล้ว ๑.๒ ไม่มีความซ้ำซ้อนกับโครงการของส่วนราชการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว หรือตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ รองรับไว้แล้ว ๑.๓ เป็นการซ่อมแซม ปรับปรุงให้คืนสภาพเดิมโดยไม่เป็นโครงการในลักษณะการก่อสร้างใหม่ ๑.๔ เป็นโครงการที่มีความพร้อม สามารถดำเนินการได้ทันที และจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ๒. ผลการพิจารณาแผนงาน/โครงการตามหลักเกณฑ์ในข้อ ๑. เห็นควรดำเนินการเป็นเงินรวม ๑๕,๑๕๗,๓๗๒,๑๐๐ บาท ประกอบด้วย ด้านแหล่งน้ำและระบบชลประทาน ๑,๓๑๘,๐๖๓,๖๐๐ บาท ด้านคมนาคมขนส่ง ๑๑,๗๗๐,๑๐๗,๗๐๐ บาท ด้านสถานศึกษา ๔๖๓,๖๐๔,๘๐๐ บาท ด้านศาสนสถานและโบราณสถาน ๒๒๐,๒๖๖,๖๐๐ บาท และด้านสถานที่ราชการและระบบสาธารณูปโภค ๑,๓๘๕,๓๒๙,๔๐๐ บาท ๓. ในการขอรับการจัดสรรงบประมาณ ให้สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยจัดทำข้อมูลให้ครบถ้วนตามที่สำนักงบประมาณกำหนด พร้อมทั้งจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อประกอบการขอรับการจัดสรรงบประมาณด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
31775 | ร่างแผนปฏิบัติการว่าด้วยโครงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินเดีย ระหว่างปี พ.ศ. 2555 - 2557 | วธ | 15/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนปฏิบัติการว่าด้วยโครงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินเดีย ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นแผนปฏิบัติการฯ ฉบับที่ ๒ ต่อเนื่องจากแผนปฏิบัติการฯ ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๕๐ - ๒๕๕๒ โดยมีเนื้อหาสาระครอบคลุมการแลกเปลี่ยนการเยือนและจัดกิจกรรมทางด้านวัฒนธรรมระหว่างกัน เน้นการส่งเสริมความร่วมมือในด้านที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจและมีศักยภาพ อาทิ ด้านโบราณคดี การอนุรักษ์โบราณสถาน ศิลปวัตถุและศาสนสถาน การจัดนิทรรศการด้านพุทธศาสนา การแลกเปลี่ยนการจัดการแสดงของคณะนาฏศิลป์และศิลปะการแสดงพื้นบ้าน รวมทั้งขยายความร่วมมือในสาขาใหม่ ๆ อาทิ สาขาทัศนศิลป์ จดหมายเหตุ หอสมุด สื่อสิ่งพิมพ์ หัตถกรรมพื้นบ้าน และการแปลงานวรรณกรรม เป็นต้น ๒. อนุมัติให้ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมหรือผู้แทนในระดับรองปลัดกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในแผนปฏิบัติการฯ ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full power) ให้แก่ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม หรือรองปลัดกระทรวงวัฒนธรรมที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในแผนปฏิบัติการฯ ๔. หากมีความจำเป็น สามารถปรับปรุงถ้อยคำของแผนปฏิบัติการฯ ได้เท่าที่ไม่ขัดกับหลักการและสาระสำคัญที่จะได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีหรือเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง
|
|||||||||||||||||||||||||||
31776 | การจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษาตามพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2551 | ศธ | 15/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๔ (เรื่อง การจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษาตามพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๑) โดยไม่ยืนยันการจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษาเฉพาะทาง ๔ แห่ง ได้แก่ สถาบันการอาชีวศึกษาเทคโนโลยีการเกษตรพิจิตร สถาบันการอาชีวศึกษาอุตสาหกรรมยานยนต์อุบลราชธานี สถาบันการอาชีวศึกษาเทคโนโลยีการจัดการโรงแรมกรุงเทพ และสถาบันการอาชีวศึกษาพาณิชย์นาวีนครศรีธรรมราช ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอคณะรัฐมนตรีขอให้ทบทวนการออกกฎกระทรวงฯ ในกรณีการจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษาเฉพาะทาง ๔ แห่ง ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่าหากฝ่ายบริหารประสงค์จะยกฐานะสถานศึกษาอาชีวศึกษาแห่งใดแห่งหนึ่งเพียงแห่งเดียวขึ้นเป็นสถาบันการอาชีวศึกษาตามมาตรา ๑๔ การดำเนินการเช่นว่านั้นจะต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการการอาชีวศึกษากำหนด ๒. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการรวมสถานศึกษาอาชีวศึกษาเพื่อจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ การรวมสถานศึกษาอาชีวศึกษา จำนวน ๑๖๑ แห่ง เพื่อจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษาแบบกลุ่มจังหวัด ๑๙ แห่ง ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้เชิญส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเข้าร่วมพิจารณาโดยเฉพาะในประเด็นการรวมสถานศึกษา และการจัดตั้งสถาบันอาชีวศึกษารูปแบบกลุ่มจังหวัดด้วย แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||
31777 | ผลการประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ครั้งที่ 1/2555 | นร | 15/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ในภูมิภาค ครั้งที่ ๑/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๕๕ ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้มีการพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ ๑.๑.๑ ให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลังเร่งพิจารณารายละเอียดโครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพ - เชียงใหม่ โดยกำหนดรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนตามที่ได้มีการตกลงร่วมกันเมื่อวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ รวมทั้งศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment : EIA) และทำการศึกษาความเหมาะสมทางการเงินและเศรษฐศาสตร์ของโครงการโดยละเอียด ๑.๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) ศึกษาและสำรวจเส้นทางของการพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (Motorway) เส้นทางเชียงใหม่ - เชียงราย โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองเพื่อเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน ๑.๑.๓ ให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย) พิจารณาความเป็นไปได้ในการเร่งรัดแผนการพัฒนารถไฟทางคู่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยคำนึงถึงข้อจำกัดด้านขีดความสามารถในการลงทุนของภาครัฐ และขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ๑.๑.๔ ให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย) พิจารณาเพิ่มเส้นทาง เด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ ภายใต้แผนการพัฒนาโครงการพัฒนารถไฟทางคู่ของประเทศไทย โดยคำนึงถึงความเหมาะสมและความเป็นไปได้ ๑.๒ การส่งเสริมการค้าและการลงทุน ๑.๒.๑ ให้สำนักงานสภาความความมั่นคงแห่งชาติพิจารณาเรื่องการยกระดับจุดผ่อนปรนกิ่วผาวอก และจุดผ่อนปรนบ้านห้วยต้นนุ่นเป็นจุดผ่านแดนถาวร เพื่อให้มีการพิจารณาอย่างรอบคอบทั้งมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง และความพร้อมของประเทศเพื่อนบ้าน ๑.๒.๒ ให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับกระทรวงมหาดไทยประสานสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ในการจัดตั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อดำเนินการเปิดจุดผ่านแดนถาวรระหว่างกัน และให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องด้านการอำนวยความสะดวกและการบริหารจัดการบริเวณด่านพรมแดนเตรียมความพร้อมรองรับการยกระดับจุดผ่อนปรนบ้านฮวกเป็นจุดผ่านแดนถาวร ๑.๒.๓ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกับกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลังเร่งรัดการพิจารณาร่างกฎหมายที่เหมาะสมสำหรับการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษในประเทศไทย โดยรวมถึงเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ๑.๓ การส่งเสริมการท่องเที่ยวและบริการ ๑.๓.๑ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการรับไปพิจารณาเตรียมความพร้อมในการประกาศให้ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็น Year of MICE (Meeting, Incentive, Convention, and Exhibition) หรือธุรกิจการจัดประชุม การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล การแสดงสินค้าและนิทรรศการตั้งแต่ระดับเล็ก จนถึงระดับใหญ่อย่างระดับชาติ หรือระดับนานาชาติ ๑.๓.๒ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเร่งดำเนินการศึกษาเพื่อกำหนดรูปแบบการบริหารจัดการศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้เกิดความชัดเจนและมีความพร้อมก่อนการเปิดตัวใช้งานในเดือนกันยายน ๒๕๕๕ ๑.๓.๓ ให้กระทรวงคมนาคม (สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร) กระทรวงมหาดไทย (กรมโยธาธิการและผังเมือง) จังหวัดเชียงใหม่ และเทศบาลนครเชียงใหม่ จัดทำแนวทางการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนในเขตผังเมืองรวมจังหวัดเชียงใหม่ โดยนำผลการศึกษาจากโครงการจัดทำแผนแม่บทและออกแบบเพื่อการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนเชียงใหม่ ของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๐ มาประกอบการจัดทำแนวทางการพัฒนา ๑.๓.๔ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและสถาบันการศึกษาในพื้นที่ อาทิ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นต้น ร่วมกันดำเนินโครงการฝึกอบรมภาษาต่างประเทศที่มีความจำเป็นให้กับมัคคุเทศก์อย่างต่อเนื่อง โดยประสานกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน ๓ สถาบัน (กกร.) ๑.๓.๕ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับกระทรวงมหาดไทยจัดทำปฏิทินท่องเที่ยวภูมิภาคและสนับสนุนกิจกรรมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นและส่งเสริมการท่องเที่ยวในเชิงกลุ่มพื้นที่ ๑.๔ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการน้ำ (กยน.) รับข้อเสนอของคณะกรรมการ กกร. เกี่ยวกับโครงการสร้างฝายชะลอน้ำแบบบูรณาการ เพื่อแก้ปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งในพื้นที่ลุ่มน้ำยม และการบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตรและป้องกันน้ำท่วมอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นเอกภาพ ไปพิจารณาในรายละเอียดตามขั้นตอนต่อไป ๑.๕ การพัฒนาตลาดทุนไทย ๑.๕.๑ ให้กระทรวงการคลังพิจารณาความเหมาะสมในการเพิ่มข้อกำหนดเรื่อง การยกเว้นการหักภาษี ณ ที่จ่าย เงินปันผล ดอกเบี้ย ให้กับบริษัทและกองทุนที่ลงทุนข้ามชาติ (Offshore Holding Company and Funds) ในอนุสัญญาภาษีซ้อนระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า และอนุสัญญาภาษีซ้อนระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ๑.๕.๒ ให้กระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพร่วมกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทยในการให้ความรู้พื้นฐานทางการเงินแก่ผู้ประกอบการและประชาชนภาคเหนือตอนบน เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของโครงการ และขยายกลุ่มเป้าหมายให้รวมถึงกองทุนหมู่บ้าน ๑.๕.๓ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของที่ประชุมไปเร่งรัดการพัฒนาตลาดพันธบัตรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โดยสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องของผู้บริหาร อปท. ผู้นำชุมชน ผู้ประกอบการ และประชาชนเกี่ยวกับการจัดทำระบบบัญชีที่ดี โดยคำนึงถึงความพร้อมของ อปท. ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติที่ประชุมต่อไป โดยให้รายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีซึ่งกำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ไปประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการประชาสัมพันธ์สนับสนุนการดำเนินงานของภาคเอกชน เช่น กกร. สทท. และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เป็นต้น ในการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาคดังกล่าวด้วย ๓. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายชุมพล ศิลปอาชา) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นต้น เพื่อจัดทำแผนงานด้านการท่องเที่ยวในภาคเหนือในระยะยาว โดยให้มีการบูรณาการทุก ๆ มิติ เช่น การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ตลอดจนวางแผนงานเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงที่ไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยว (low season) โดยการจัดกิจกรรมการแข่งขันกีฬา การจัดงานแสดงสินค้า เป็นต้น รวมทั้งการเร่งรัดประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
31778 | สรุปผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือตอนบน (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน เชียงราย พะเยา และน่าน) | นร | 15/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแนวทางและข้อสั่งการในการแก้ไขปัญหาของรัฐมนตรีที่ปฏิบัติราชการในพื้นที่ ๗ จังหวัดภาคเหนือตอนบน ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง เชียงราย พะเยา และน่าน โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดโครงการและรับข้อสั่งการของรัฐมนตรีไปดำเนินการ ๑.๒ เห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการน้ำเพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำและอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือตอบน ๑ (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน) และตอนบน ๒ (เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน) ตามที่รัฐมนตรีลงพื้นที่ได้ให้ความเห็นและมีข้อสั่งการเพิ่มเติม และให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) รับไปพิจารณาประกอบการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อให้เกิดการบูรณาการในการบริหารจัดการน้ำ ๑.๓ เห็นชอบโครงการวันเดย์ทัวร์ซึ่งต่อเนื่องกับโครงการปรับปรุงเส้นทางท่องเที่ยวอ่างเก็บน้ำแม่สัน - ทุ่งเกวียน โดยให้จังหวัดลำปางและศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยเสนอบรรจุโครงการดังกล่าวไว้ในแผนพัฒนาจังหวัดเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจังหวัด ๑.๔ เห็นชอบในหลักการโครงการยกระดับชุมชนวัวลายเพื่อการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ๑.๕ เห็นชอบโครงการอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือและโครงการอุทยานเทคโนโลยีและความสร้างสรรค์ภาคเหนือ และให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและมหาวิทยาลัยเชียงใหม่รับไปบูรณาการทั้งสองโครงการเข้าด้วยกัน และจัดทำแผนธุรกิจ (Business Plan) ให้ชัดเจน ๑.๖ เห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์รับไปพิจารณาเพิ่มจุดรับจำนำข้าวที่อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเกษตรกรในพื้นที่อย่างทั่วถึง ๑.๗ เห็นชอบให้กระทรวงคมนาคมรับไปจัดทำรายละเอียดโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข ๑๑ โครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข ๑๒๑ แนวใหม่ และโครงการก่อสร้างเส้นทางตัดใหม่ (Missing Link) และดำเนินการเพื่อขออนุมัติจัดทำโครงการต่อไป ๑.๘ เห็นชอบให้กระทรวงพลังงาน โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยรับไปพิจารณาเรื่องการจ่ายค่าชดเชยให้แก่เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการเก็บกักน้ำของเขื่อนภูมิพลในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ๑.๙ ให้จังหวัดและหน่วยงานเจ้าของโครงการจัดทำรายละเอียดของโครงการและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมติคณะรัฐมนตรีข้างต้น และรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานต่อรองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) ซึ่งกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๑ และ ๒ ทุกระยะเวลา ๓ เดือน ๒. เห็นชอบให้แก้ไขหน่วยงานรับผิดชอบโครงการยกระดับชุมชนวัวลายเพื่อการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ จากเดิม "สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่" เป็น “กระทรวงวัฒนธรรม” ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๓. ให้จังหวัดและหน่วยงานเจ้าของโครงการที่เกี่ยวข้องรับไปเตรียมความพร้อมของโครงการ และดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
31779 | ข้อเสนอแผนงานโครงการในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน (จำแนกประเภท) สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ณ จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 15 มกราคม 2555 | นร | 15/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการแผนงาน/โครงการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน และ ๘ จังหวัดภาคเหนือตอนบน (จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน) ซึ่งได้เสนอแผนงาน/โครงการ จำนวน ๑๒๘ โครงการ วงเงินรวม ๓๘๗,๓๘๙.๔๔ ล้านบาท ประกอบด้วยแผนงาน/โครงการด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม/เกษตร จำนวน ๓๘ โครงการ วงเงินรวม ๑๙,๐๖๕.๕๓ ล้านบาท แผนงาน/โครงการด้านโครงสร้างพื้นฐาน คมนาคม ขนส่ง และโลจิสติกส์ จำนวน ๕๙ โครงการวงเงินรวม ๓๕๔,๔๓๑.๗๖ ล้านบาท แผนงาน/โครงการด้านเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน บริการ การท่องเที่ยว จำนวน ๑๙ โครงการ วงเงินรวม ๑๐,๕๕๖.๙๐ ล้านบาท แผนงาน/โครงการด้านบริการทางสังคม จำนวน ๙ โครงการ วงเงินรวม ๓,๒๓๘.๕๒ ล้านบาท และแผนงาน/โครงการด้านอื่น ๆ จำนวน ๓ โครงการ วงเงิน ๙๖.๗๓ ล้านบาท โดยในส่วนของวงเงินงบประมาณให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจัดทำรายละเอียดเพื่อประกอบคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามขั้นตอนต่อไป โดยให้รับความเห็นต่อภาพรวมแผนงาน/โครงการดังกล่าว ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปประกอบการดำเนินการ ๒. เห็นชอบในการยกระดับจุดผ่อนปรนบ้านฮวก อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา ให้เป็นจุดผ่านแดนถาวร โดยให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ประสานสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในการเร่งรัดจัดตั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อดำเนินการเปิดจุดผ่านแดนถาวรระหว่างกัน และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องด้านการอำนวยความสะดวกและการบริหารจัดการบริเวณด่านพรมแดน เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเป็นจุดผ่านแดนถาวร ๓. เห็นชอบโครงการอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือและโครงการอุทยานเทคโนโลยีและความสร้างสรรค์ภาคเหนือ และให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รับไปบูรณาการทั้งสองโครงการเข้าด้วยกัน และจัดทำแผนธุรกิจ (Business Plan) ให้ชัดเจน โดยให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงบทบาทของภาคเอกชนให้สามารถต่อยอดงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์อย่างมีเป้าหมายร่วมกัน และขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ๔. เห็นชอบโครงการด้านบริการทางสังคม รวม ๔ โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาศักยภาพศูนย์โรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลลำปางเฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษา ระยะที่ ๓ โครงการขยายพื้นที่และเพิ่มศักยภาพโรงพยาบาลสันกำแพง โครงการพัฒนาปรับปรุงค่ายลูกเสือสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นศูนย์การเรียนรู้ค่ายลูกเสือต้นแบบ และโครงการสร้างเครือข่ายแจ้งข่าวสารสาธารณภัยและจัดตั้งอาสาสมัครป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (อส.ปภ.) โดยให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจัดทำรายละเอียดประกอบการขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ๕. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ ดังนี้ ๕.๑ แผนงานโครงการด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จำแนกโครงการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำ ส่งให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) เพื่อดำเนินการ ๕.๒ แผนงานโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐาน คมนาคม ขนส่งและโลจิสติกส์ มอบให้กระทรวงคมนาคมรับไปพิจารณาในรายละเอียด และจัดลำดับความสำคัญเพื่อนำเสนอของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ๕.๓ แผนงานโครงการด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน บริการและการท่องเที่ยว มอบให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจัดทำรายละเอียดเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ๕.๔ แผนงานโครงการด้านบริการทางสังคมที่นอกเหนือจากข้อ ๑ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจัดทำรายละเอียด เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณปกติ สำหรับโครงการจัดตั้งศูนย์บริการสุขภาพและศูนย์บริการสาธารณสุข (Medical Hub) ให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางในการให้บริการด้านสาธารณสุขในภูมิภาค ทั้งนี้ ให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่รับไปจัดทำภาพรวมทั้งระบบที่มีการบูรณาการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่และได้รับการสนับสนุนจากแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ไปบางส่วนแล้ว พร้อมทั้งระบุความเชี่ยวชาญเฉพาะ (Areas of Excellence) ความพร้อมด้านบุคลากร การสร้างเครือข่ายทางวิชาการทั้งในและต่างประเทศ และแนวทางการลดความเหลื่อมล้ำของการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพสำหรับประชาชนทั่วไป เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้เกิดความต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||
31780 | การให้ความช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย | อก | 15/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการสนับสนุนและช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรม การสร้างภาพลักษณ์และเสริมสร้างความมั่นใจในการลงทุนของนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในภาคอุตสาหกรรมของประเทศ และการขอรับความช่วยเหลือของภาคอุตสาหกรรม ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การสร้างภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ การจัดงาน “BOI FAIR 2011 โลกสดใส ไทยยั่งยืน” หรือ “Going Green For The Future” ระหว่างวันที่ ๕ - ๒๐ มกราคม ๒๕๕๕ ณ ศูนย์ประชุมและนิทรรศการอิมแพค เมืองทองธานี และจัดการประชุมสุดยอดผู้นำธุรกิจ (CEO Forum) ในวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๕๕ ณ โรงแรมพลาซ่าแอทธินี กรุงเทพ, เอ รอยัล เมอริเดียน โดยมีผู้บริหารระดับสูงของภาครัฐ และบริษัทชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้าร่วมงานดังกล่าว พร้อมทั้งได้เชิญผู้บริหารระดับสูง (CEO) ของบริษัทชั้นนำของโลกมาพบและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้บริหารภาครัฐและเอกชนของไทยเกี่ยวกับบรรยากาศและโอกาสการลงทุนในประเทศไทยภายใต้การเปลี่ยนแปลงของโลก รวมถึงรับฟังมาตรการป้องกันอุทกภัยและฟื้นฟูเศรษฐกิจในอนาคต ๒. โครงการช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัยและการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมภายหลังอุทกภัย ได้จัดทำโครงการเพื่อช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมทั้งด้านการส่งเสริม การฟื้นฟูกิจการ และการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมภายหลังเกิดปัญหาอุทกภัย ได้แก่ โครงการจัดตั้งศูนย์พักพิงอุตสาหกรรม โครงการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และกากอุตสาหกรรมในสถานประกอบการที่ประสบอุทกภัย โครงการตรวจสอบคุณภาพน้ำ ดิน และการปนเปื้อนของสารพิษอุตสาหกรรมในสถานประกอบการทั้งภายในและภายนอกนิคม โครงการคลินิกอุตสาหกรรม โครงการศูนย์สารพัดช่างช่วยเหลือผู้ประสบภัย ๓. มาตรการส่งเสริมการลงทุนสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ได้แก่ ๓.๑ การยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรอุปกรณ์และวัตถุดิบที่นำมาทดแทนเครื่องจักรอุปกรณ์และวัตถุดิบนำเข้าที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย จำนวน ๑๑๓ โครงการ มูลค่า ๑๙,๒๐๐ ล้านบาท ๓.๒ เร่งอนุมัติวีซ่าและใบอนุญาตทำงานของเจ้าหน้าที่/ผู้เชี่ยวชาญชาวต่างประเทศที่เข้ามาซ่อมแซมเครื่องจักร จำนวน ๓๕๖ ราย ๓.๓ อนุญาตให้ส่งออกเครื่องจักรและวัตถุดิบไปต่างประเทศ และการย้ายเครื่องจักรและวัตถุดิบไปอยู่นอกโครงการเป็นการชั่วคราว จำนวน ๑๒๓ โครงการ ๔. การฟื้นฟูนิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัยในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและปทุมธานี จำนวน ๗ แห่ง โรงงานอุตสาหกรรมเร่งดำเนินการซ่อมแซมบำรุงรักษาเครื่องจักรอุปกรณ์ที่ชำรุดเสียหาย ปัจจุบันมีโรงงานเริ่มประกอบการแล้ว จำนวน ๑๖๗ แห่ง ๕. ผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมจากอุทกภัยในเขตจังหวัดภาคใต้ ระหว่างวันที่ ๑ - ๔ มกราคม ๒๕๕๕ ได้ให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว ซึ่งขณะนี้โรงงานในจังหวัดนครศรีธรรมราช ชุมพร และสุราษฎร์ธานี สามารถกลับมาดำเนินการได้ตามปกติทั้งหมดแล้ว ยกเว้นโรงงานในจังหวัดสงขลา จำนวน ๑ แห่ง และจังหวัดพัทลุง จำนวน ๓ แห่ง ที่ยังไม่สามารถประกอบกิจการได้ แต่คาดว่าจะกลับมาดำเนินการได้ตามปกติภายในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๕
|
.....