ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1585 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 31681 - 31700 จากข้อมูลทั้งหมด 124233 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
31681 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 31/01/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๕ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๔ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๑๒ (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพุธที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ และครั้งที่ ๑๓ (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพฤหัสบดีที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||
31682 | การปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี 4990/55) | นร | 31/01/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า โดยที่ยังมิได้มีการแต่งตั้งข้าราชการการเมืองในตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีท่านใหม่ จึงเห็นควรให้นางฐิติมา ฉายแสง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (รองนายกรัฐมนตรี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไปพลางก่อนจนกว่าจะมีการแต่งตั้งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||
31683 | การจัดเตรียมข้อมูลประกอบการเจรจาหารือกับต่างประเทศ | นร | 31/01/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้การเดินทางไปราชการต่างประเทศของนายกรัฐมนตรีเพื่อเจรจาหารือกับต่างประเทศที่เป็นคู่ค้าสำคัญของประเทศไทย เช่น จีน เกาหลี และญี่ปุ่น มีข้อมูลที่เกี่ยวของครบถ้วน ถูกต้อง อันจะเป็นประโยชน์ต่อการเจรจาตกลง ตลอดจนการชี้แจงข้อมูลข้อเท็จจริงต่าง ๆ ให้เกิดความเชื่อมั่นในการดำเนินการของฝ่ายไทย จึงมอบให้รัฐมนตรีทุกท่านรวบรวมข้อมูลความต้องการและความช่วยเหลือร่วมมือกับแต่ละประเทศดังกล่าวที่อยู่ในความรับผิดชอบ รวมทั้งความต้องการของภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง และจัดส่งให้นายกรัฐมนตรี (สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี) ล่วงหน้าก่อนการเดินทางไปแต่ละประเทศ ทั้งนี้ ในส่วนของข้อมูลเกี่ยวกับการขอรับความช่วยเหลือร่วมมือจากประเทศญี่ปุ่นในการวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับไปประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำข้อมูลความช่วยเหลือร่วมมือที่จะขอรับจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency - JICA) ให้แล้วเสร็จ แล้วส่งให้นายกรัฐมนตรี (สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี) โดยเร็ว ก่อนถึงกำหนดเดินทางไปประเทศดังกล่าว
|
||||||||||||||||||
31684 | การเดินทางไปเยือนอินเดียและการเข้าร่วมประชุม World Economic Forum | นร | 31/01/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบสรุปผลการเดินทางไปเยือนอินเดียและการเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum ระหว่างวันที่ ๒๔ - ๒๙ มกราคม ๒๕๕๕ ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเดินทางเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการ (State Visit) ตามคำเชิญของรัฐบาลอินเดีย เพื่อร่วมงานฉลองวันชาติ ระหว่างวันที่ ๒๔ - ๒๖ มกราคม ๒๕๕๕ ในฐานะแขกเกียรติยศ (Chief Guest) ของรัฐบาล ประสบผลสำเร็จมาก เพราะอินเดียเห็นว่าไทยเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Strategic Partner) ที่สำคัญ โดยในส่วนของความร่วมมือกันทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ทั้งสองประเทศได้มีการจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ร่วมกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๖ และมีชนิดของสินค้าและบริการที่ทำความตกลงร่วมกันกว่า ๕,๐๐๐ รายการ โดยปัจจุบันมี ๘๒ รายการเท่านั้นที่เสร็จสมบูรณ์ และในครั้งนี้ได้ทำความตกลงเพิ่มอีก ๑ รายการ คือ สินค้าประเภทตู้เย็น รวมทั้งได้ทำข้อตกลงด้านการทหาร ความมั่นคง วัฒนธรรม และการศึกษา ซึ่งความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศจะช่วยให้มีการขยายการค้าและการลงทุน ตลอดจนการท่องเที่ยวระหว่างกันมากยิ่งขึ้น โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) รับไปหารือกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำกับ ติดตาม การดำเนินงานของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ให้สามารถให้บริการแก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าออกได้อย่างคล่องตัวและมีความเสมอภาคกัน เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ รวมทั้งให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับไปพิจารณาเกี่ยวกับการจัดทำร่างยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศเพื่อรองรับการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการเป็นประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ด้วย ๒. การเข้าร่วมการประชุมเวทีเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum - WEF) ครั้งที่ ๔๒ ที่เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ระหว่างวันที่ ๒๗ - ๒๙ มกราคม ๒๕๕๕ ได้เข้าร่วมการประชุมกลุ่มย่อยในวาระที่สำคัญ ได้แก่ การประชุมผู้นำเศรษฐกิจโลกอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งเป็นการเชิญเฉพาะนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับผู้นำประเทศอื่น ๆ และผู้บริหาร (CEO) ชั้นนำของโลก โดยใช้โอกาสนี้สร้างความเชื่อมั่นในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย รวมทั้งตอบข้อซักถามเกี่ยวกับแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และแนวทางการแก้ไขปัญหาอุทกภัยของไทยในอนาคต เวทีต่อมาคือ การกล่าว Opening Remarks และร่วมเป็นผู้อภิปราย (Panelist) ในเรื่อง Woman as the way forward ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อเสนอมุมมองของผู้หญิงต่อการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก โดยได้ชี้แจงถึงแนวคิดในการจัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีเพื่อช่วยยกระดับให้สตรีมีโอกาสเข้าถึงแหล่งทุน เพื่อให้ผู้หญิงสามารถมีรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่เป็นปัญหาระดับสากล และได้เป็นประธานงาน Thai Night โดยได้กล่าวชี้แจงถึงวิสัยทัศน์และแนวทางการดำเนินนโยบายของรัฐบาลเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวในประเทศไทย ตลอดจนประชาสัมพันธ์และเชิญชวนให้ผู้สนใจเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum East Asia ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๓๐ พฤษภาคม - ๑ มิถุนายน ๒๕๕๕ ที่กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในภูมิภาคยุโรป ทำให้แต่ละประเทศตื่นตัวและเน้นมาให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูและเสริมสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศให้เข้มแข็ง ซึ่งเป็นแนวทางเดียวที่ประเทศไทยกำลังดำเนินการอยู่ โดยในระยะยาวจำเป็นจะต้องมีแผนพัฒนาทรัพยากรบุคคลของประเทศตั้งแต่ในระดับเด็กและเยาวชนขึ้นมาเป็นลำดับอย่างชัดเจน และในส่วนของการกำหนดเป้าหมายความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ควรมีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนรอบด้านทั้งในส่วนที่เป็นปัจจัยภายในประเทศและต่างประเทศ โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปพิจารณาเกี่ยวกับการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||
31685 | การจัดเตรียมร่างคำชี้แจงเกี่ยวกับพระราชกำหนด | นร | 31/01/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้ประกาศใช้พระราชกำหนด รวม ๔ ฉบับ ได้แก่ พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ พระราชกำหนดกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ พ.ศ. ๒๕๕๕ พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย พ.ศ. ๒๕๕๕ และพระราชกำหนดปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๕ และเสนอพระราชกำหนด รวม ๔ ฉบับดังกล่าวต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาพิจารณาตามมาตรา ๑๘๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๕ แล้วนั้น โดยที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ได้เข้าชื่อเสนอความเห็นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ และพระราชกำหนดปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. ๒๕๕๕ ไม่เป็นไปตามมาตรา ๑๘๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมการในการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว จึงเห็นสมควรดำเนินการในกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้รับคำร้องของประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อวินิจฉัยความชอบของพระราชกำหนดไว้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๘๕ เห็นควรให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้รับผิดชอบร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในการจัดทำคำชี้แจงหรือเสนอความเห็นเป็นหนังสือไปยังศาลรัฐธรรมนูญและคำแถลงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวต่อรัฐสภา ทั้งนี้ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้ชี้แจงด้วยวาจาต่อศาลรัฐธรรมนูญ สำหรับแนวทางในการชี้แจงต่อรัฐสภาให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) หารือร่วมกับรองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ) ด้วย
|
||||||||||||||||||
31686 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) | สธ | 31/01/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ดังนี้
๑. นายทรงคุณ วิญญูวรรธน์ ตำแหน่งนายแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรม สาขาพยาธิวิทยา) ตำแหน่งเลขที่ ๓๙๑๘ กลุ่มภารกิจวิชาการ สถาบันพยาธิวิทยา กรมการแพทย์ ให้ดำรงตำแหน่ง นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาพยาธิวิทยา) ตำแหน่งเลขที่และส่วนราชการเดิม ตั้งแต่ วันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๒ ๒. นายอุดม ไกรฤทธิชัย ตำแหน่งนายแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) ตำแหน่งเลขที่ ๑๒๖๙ กลุ่มงานอายุรศาสตร์ กลุ่มภารกิจวิชาการ โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) ตำแหน่งเลขที่ ๑๒๕๙ ส่วนราชการเดิม ตั้งแต่วันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๓
|
||||||||||||||||||
31687 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การแก้ไขบทบัญญัติความผิดเกี่ยวกับเพศและความผิดต่อเสรีภาพที่มีอายุเด็กเป็นองค์ประกอบความผิด) | นร | 24/01/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การแก้ไขบทบัญญัติความรับผิดเกี่ยวกับเพศและความผิดต่อเสรีภาพที่มีอายุเด็กเป็นองค์ประกอบความผิด) ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องเร่งด่วน โดยก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรให้แก้ไขถ้อยคำในร่างมาตรา ๓ ที่แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๒๗๗ วรรคท้าย และแก้ไขหลักการและเหตุผลให้สอดคล้องกันตามข้อสังเกตของคณะอนุกรรมการกลั่นกรองร่างกฎหมายของ ปสส. เมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||
31688 | การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (จังหวัดอุดรธานี) | นร | 24/01/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า การจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ในครั้งต่อไป ซึ่งกำหนดจะจัดขึ้นในภาคตะวันออกฉียงเหนือ นั้น เห็นควรให้จัดขึ้น ณ จังหวัดอุดรธานี ในระหว่างวันที่ ๒๑ - ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕
|
||||||||||||||||||
31689 | การแต่งตั้งกรรมการเพิ่มเติมในคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อพัฒนางานเลี้ยงและใช้สัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ (สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ) | วช | 24/01/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา หรือผู้แทน เป็นกรรมการเพิ่มเติมในคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อพัฒนางานเลี้ยงและใช้สัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||
31690 | รัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย | กต | 24/01/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายหลี บุนค้ำ (Mr. Ly Bounkham) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายอ้วน พมมะจัก (Mr. Ouan Phommachack) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||
31691 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันและใช้เงินบำรุงก่อสร้างอาคารศูนย์อุบัติเหตุและศัลยกรรมกระดูก โรงพยาบาลชลบุรี | สธ | 24/01/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอขอก่อหนี้ผูกพันและใช้เงินบำรุงก่อสร้างอาคารศูนย์อุบัติเหตุและศัลยกรรมกระดูก โรงพยาบาลชลบุรี วงเงิน ๑๒๑,๑๕๐,๐๐๐ บาท จำนวน ๑ หลัง
|
||||||||||||||||||
31692 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. 2505 จำนวน 2 ฉบับ | กษ | 24/01/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ จำนวน ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอเมืองอุดรธานี อำเภอกุมภวาปี และอำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี พ.ศ. .... (โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยสามพาด) มีสาระสำคัญ คือ ให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอเมืองอุดรธานี อำเภอกุมภวาปี และอำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา เพื่อให้มีการจัดทำคันและคูน้ำอันจะเป็นประโยชน์ในการเกษตรและทำการใช้น้ำเป็นไปโดยประหยัด ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ และอำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี พ.ศ. .... (โครงการวังร่มเกล้า) มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ และอำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาเพื่อให้มีการจัดทำคันและคูน้ำอันจะเป็นประโยชน์ในการเกษตรและทำการใช้น้ำเป็นไปโดยประหยัด
|
||||||||||||||||||
31693 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการขออนุญาตการออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตเกี่ยวกับ เมล็ดพันธุ์ควบคุม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กษ | 24/01/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการขออนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตเกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์ควบคุม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ยกเลิกความในวรรคสองของข้อ ๘ แห่งกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการขออนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตเกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์ควบคุม พ.ศ. ๒๕๔๙ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “การอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาตรวบรวม นำเข้า หรือส่งออกซึ่งเมล็ดพันธุ์ควบคุมตามมาตรา ๑๗ ให้ออกใบอนุญาตตามแบบใบอนุญาตเดิมให้ใหม่ ส่วนการอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาตขายเมล็ดพันธุ์ควบคุมจะแสดงไว้ในรายการท้ายใบอนุญาตหรือจะออกใบอนุญาตตามแบบใบอนุญาตเดิมให้ใหม่ก็ได้” ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
31694 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. 2505 จำนวน 5 ฉบับ | กษ | 24/01/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ จำนวน ๕ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอ แม่วาง อำเภอสันป่าตอง และอำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอแม่วาง อำเภอสันป่าตอง และอำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา เพื่อให้มีการจัดทำคันและคูน้ำอันจะเป็นประโยชน์ในการเกษตรและทำให้การใช้น้ำเป็นไปโดยประหยัด ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา เพื่อให้มีการจัดทำคันและคูน้ำอันจะเป็นประโยชน์ในการเกษตรและทำให้การใช้น้ำเป็นไปโดยประหยัด ๓. ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอ แม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา เพื่อให้มีการจัดทำคันและคูน้ำอันจะเป็นประโยชน์ในการเกษตรและทำให้การใช้น้ำเป็นไปโดยประหยัด ๔. ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอเวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอเวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา เพื่อให้มีการจัดทำคันและคูน้ำอันจะเป็นประโยชน์ในการเกษตรและทำให้การใช้น้ำเป็นไปโดยประหยัด ๕. ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอ ป่าซาง จังหวัดลำพูน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา เพื่อให้มีการจัดทำคันและคูน้ำอันจะเป็นประโยชน์ในการเกษตรและทำให้การใช้น้ำเป็นไปโดยประหยัด
|
||||||||||||||||||
31695 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่ตำบลโคกเพลาะ อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ของวัดเขาบางทราย ตำบลบางทราย อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... | พศ | 24/01/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่ตำบลโคกเพลาะ อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี
ของวัดเขาบางทราย ตำบลบางทราย อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่ตำบลโคกเพลาะ อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ของวัดเขาบางทราย ตำบลบางทราย อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ ๔ ไร่ ๘๐ ตารางวา ตามโฉนดที่ดิน เลขที่ ๙๑๗๒ ให้แก่กรมชลประทาน เพื่อก่อสร้างคลองส่งน้ำสายใหญ่ เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานตามโครงการท่าลาด ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
31696 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลบ้านสา ตำบลเมืองมาย อำเภอแจ้ห่ม และตำบลบ้านแลง อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 24/01/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลบ้านสา ตำบลเมืองมาย อำเภอแจ้ห่ม และตำบลบ้านแลง อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตปฏิรูปที่ดิน ในท้องที่ตำบลบ้านสา ตำบลเมืองมาย อำเภอแจ้ห่ม และตำบลบ้านแลง อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากรณีร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมีแนวเขตปฏิรูปที่ดินบางส่วนอยู่ในพื้นที่ควรสงวนไว้ไม่นำไปปฏิรูปที่ดิน สมควรที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมต้องประสานกับกรมป่าไม้เมื่อจะเข้าดำเนินการปฏิรูปที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||
31697 | รายงานผลการดำเนินงานของระบบประกันภัยและพัฒนาการที่สำคัญ รอบ 6 เดือน ปี 2554 | กค | 24/01/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
(สำนักงาน คปภ.) รายงานผลการดำเนินงานของระบบประกันภัยและพัฒนาการที่สำคัญ รอบ ๖ เดือน (ครึ่งปีแรก) ปี ๒๕๕๔ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. แนวโน้มของธุรกิจประกันภัย ครึ่งปีแรกของปี ๒๕๕๔ ธุรกิจประกันภัยไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ ๑๓.๔๕ โดยมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวมทั้งสิ้น ๒๒๓,๕๖๙ ล้านบาท เป็นการขยายตัวของธุรกิจประกันชีวิตร้อยละ ๑๒.๕๘ มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรง ๑๕๔,๗๑๘ ล้านบาท และธุรกิจประกันวินาศภัยขยายตัวร้อยละ ๑๕.๔๔ มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรง จำนวน ๖๘,๘๕๑ ล้านบาท ๒. การดำเนินการตามกรอบแผนพัฒนาประกันภัย ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๕๗) เป็นกรอบแนวทางหลักในการกำหนดทิศทางการพัฒนาระบบประกันภัยภาพรวมผ่านมาตรการหลัก ๔ มาตรการ ได้แก่ ๒.๑ มาตรการเสริมสร้างความเชื่อมั่นและเข้าถึงระบบประกันภัยโดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการประกับภัยสู่ประชาชนทุกระดับในทุกภูมิภาคของประเทศเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นและการเข้าถึงระบบประกันภัยของประชาชนทุกระดับ เช่น การส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร การปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One-stop Service) เป็นต้น ๒.๒ มาตรการเสริมสร้างเสถียรภาพของระบบประกันภัย เช่น มีการพัฒนาระบบการกำกับเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง (Risk-Based Capital:RBC) การเพิ่มประสิทธิภาพการให้ความเห็นชอบกรมธรรม์ประกันภัยและอัตราเบี้ยประกันภัย การปรับปรุงตารางมรณะ เป็นต้น ๒.๓ มาตรการพัฒนากฎหมายและระบบการคุ้มครองสิทธิประโยชน์แบบครบวงจร เช่น มีการดำเนินงานด้านคุ้มครองสิทธิประโยชน์ การกำหนดกรอบมาตรฐานการจ่ายค่าสินไหมทดแทน การจัดทำมาตรฐานระบบสินไหมทดแทนอัตโนมัติ (E-claim) เป็นต้น ๒.๔ มาตรการส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานด้านการประกันภัย เช่น มีการพัฒนาระบบทรัพยากรบุคคล เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาสมรรถนะ และเพิ่มศักยภาพการทำงานของพนักงานอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ การบริหารงานเชิงกลยุทธ์ การพัฒนาการบริหารจัดการภายในองค์กร เป็นต้น
|
||||||||||||||||||
31698 | รายงานผลการดำเนินงานของระบบประกันภัยและพัฒนาการที่สำคัญ ปี 2553 | กค | 24/01/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของระบบประกันภัยและพัฒนาการที่สำคัญ ปี ๒๕๕๓ ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. แนวโน้มของธุรกิจประกันภัย ปี ๒๕๕๓ มีอัตราการเจริญเติบโตร้อยละ ๑๔.๒๔ มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงจำนวน ๔๒๑,๐๔๒ ล้านบาท สำหรับธุรกิจประกันชีวิต มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรง จำนวน ๒๙๖,๑๐๖ ล้านบาท มีอัตราการขยายตัวร้อยละ ๑๔.๕๓ และธุรกิจประกันวินาศภัย มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรง จำนวน ๑๒๔,๙๓๖ ล้านบาท มีอัตราการขยายตัวร้อยละ ๑๓.๕๔ ๒. การดำเนินงานด้านการกำกับ สำนักงาน คปภ. ดำเนินการด้านการกำกับเงินกองทุนระดับความเสี่ยง (Risk-Based Capital) โดยการจัดทำแบบรายงาน (Template) คู่มือ (Instruction) สำหรับขั้นตอนการทำการทดสอบคู่ขนาน (Parallel Test Run) และทำการทดสอบคู่ขนานครั้งที่ ๑ โดยผลการวิเคราะห์ภาพรวมของทั้งอุตสาหกรรม คือ ธุรกิจประกันชีวิต มีความเสี่ยงหลักคือ ความเสี่ยงด้านตลาดจากอัตราดอกเบี้ยอันเกิดจากความไม่สัมพันธ์กันระหว่างสินทรัพย์และหนี้สินเมื่ออัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลง และธุรกิจประกันวินาศภัย มีความเสี่ยงหลักคือ ความเสี่ยงด้านการประกันภัย นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. ได้ดำเนินการด้านการกำกับการลงทุน โดยได้ปรังปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์การลงทุนในตราสารหนี้อื่นที่ออกโดยกระทรวงการคลังหรือธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อให้รองรับแนวนโยบาย การออกเครื่องมือในการระดมทุนของภาครัฐ ให้สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๓. การดำเนินงานด้านนโยบายประกันภัยระหว่างประเทศ การลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงาน คปภ. กับหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยประเทศเยอรมนี ความร่วมมือระหว่างสำนักงาน คปภ. กับหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยนานาชาติ และความร่วมมือระหว่างสำนักงาน คปภ. กับหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยของประเทศต่าง ๆ ๔. การดำเนินงานด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยช่องทางการจำหน่าย เช่นการดำเนินงานด้านการพัฒนากรมธรรม์ประกันภัยสำหรับรายย่อย (ไมโคร อินชัวรันส์ ) และช่องทางการจำหน่ายเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการ และการเข้าถึงประชาชนในทุกกลุ่ม การจัดทำคู่มือ “รู้จักใช้เข้าใจสิทธิ (ประกันวินาศภัย/ชีวิตใกล้ตัวคุณ)” การจัดทำคำอธิบายประกอบใบคำขอเอาประกันชีวิต ฉบับมาตรฐาน การกำหนดกรอบการกำกับดูแลกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบมีส่วนร่วมในเงินปันผล การพัฒนาหลักเกณฑ์ วิธีการการกำกับกรมธรรม์และอัตราเบี้ยประกันภัยแบบอัตโนมัติ (File and Use) ๕. การดำเนินการด้านการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ โดยตั้งศูนย์บริการด้านการประกันภัย ทางด่วนข้อพิพาทประกันภัย และนำระบบไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการบริหารจัดการเรื่องร้องเรียน ๖. การบูรณาการด้านส่งเสริมการประกันภัยร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่การสร้างเครือข่ายความรู้ประกันภัยผ่านหน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยการจัดทำบันทึกความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ การจัดกิจกรรมด้านการประกันภัยเพื่อเสริมสร้างความรู้ด้านการประกันภัยให้กับประชาชนทั่วไป “ประกันภัยสัญจร”
|
||||||||||||||||||
31699 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ครั้งที่ 11 | ทก | 24/01/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ครั้งที่ ๑๑ ระหว่างวันที่ ๘ - ๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ ณ กรุงเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า โดยมีรัฐมนตรีที่กำกับดูแลด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศจากอาเซียน ๑๐ ประเทศ ประเทศคู่เจรจาอาเซียน รองเลขาธิการสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ และผู้แทนเลขาธิการอาเซียนเข้าร่วมการประชุม สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ครั้งที่ ๑๑ ๑.๑ ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน (Master Plan on ASEAN Connectivity) และการหารือในที่ประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่มีแนวความคิดในการส่งเสริมบทบาทไอซีทีด้านการจัดการภัยพิบัติ ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ การเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและเอกชน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ๑.๒ ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอาเซียน (ASEAN ICT Masterplan 2015 : AIM 2015) ในช่วงปีแรก ซึ่งมีโครงการรองรับการดำเนินการ ๑๗ โครงการ เป็นพื้นฐานในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาไอซีทีเพื่อมุ่งสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งที่ประชุมได้อนุมัติงบประมาณ จำนวน ๔๕๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ จากกองทุนไอซีทีอาเซียน (ASEAN ICT Fund) เพื่อใช้ดำเนินโครงการภายใต้แผนแม่บทฯ ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๖ ๑.๓ ที่ประชุมรับทราบผลการประชุมสภาหน่วยงานกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมแห่งอาเซียน ครั้งที่ ๑๗ เมื่อเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๔ ณ ประเทศบรูไนดารุสซาลาม ซึ่งที่ประชุมได้มีการรับรองเอกสาร Addendum on ATRC Intra - ASEAN Mobile Roaming Rater (MRR) to the Record of Intent (ROI) มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการลดอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ข้ามแดนระหว่างอาเซียน ทั้งนี้ ที่ประชุมสนับสนุนให้หน่วยงานด้านนโยบายและด้านกำกับดูแลของรัฐสมาชิกอาเซียนพิจารณาดำเนินการตามเอกสารดังกล่าว ๑.๔ ที่ประชุมได้รับรองแถลงการณ์เนปิดอว์ “Nay Pyi Taw Statement on ICT : an Engine for Growth in ASEAN” ซึ่งเป็นเอกสารที่แสดงเจตนารมณ์ในการดำเนินความร่วมมือร่วมกันในเรื่องต่าง ๆ อาทิ ข้อริเริ่มตามแผนแม่บท AIM 2015 พัฒนาสภาพแวดล้อมและนโยบายที่ยืดหยุ่นในการจัดตั้ง ASEAN Broadband Corridor ศึกษามาตรการเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงบริการเครือข่ายสื่อสารข้อมูลความเร็วสูงหรือบรอดแบนด์ระหว่างอาเซียนโดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม ส่งเสริมความร่วมมือที่ก้าวหน้าในเรื่องการบริหารจัดการคลื่นความถี่ ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ การสื่อสารในสภาวการณ์ฉุกเฉิน และการพัฒนาทรัพยากรบุคคลด้านไอซีที ๒. การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศกับประเทศคู่เจรจาและสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ โดยรัฐมนตรีอาเซียนได้หารือกับรัฐมนตรีคู่เจรจาอาเซียนเป็นรายประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี อินเดีย และผู้แทนจากสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ซึ่งมีผลการหารือที่สำคัญเกี่ยวกับแผนงานความร่วมมือในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ๓. การหารือทวิภาคีระหว่างไทยกับต่างประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ สาธารณรัฐเกาหลี ญี่ปุ่น และสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ โดยประเทศต่าง ๆ ได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์อุทกภัยในประเทศไทย และยินดีที่จะสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือทั้งในเรื่องของการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และการนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาใช้ในการบริหารจัดการ รวมทั้งได้มีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นความร่วมมือเรื่องความมั่นคงปลอดภัยบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งเห็นตรงกันว่าเป็นเรื่องที่สำคัญและท้าทายที่จะต้องร่วมมือกันอย่างเข้มแข็ง
|
||||||||||||||||||
31700 | รายงานผลการจัดงาน OTOP ทั่วไทย รวมใจช่วยภัยน้ำท่วม | มท | 24/01/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดงาน OTOP ทั่วไทย รวมใจช่วยภัยน้ำท่วม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการจัดงาน OTOP ทั่วไทย รวมใจช่วยภัยน้ำท่วม ระหว่างวันที่ ๒๔ - ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๔ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี ซึ่งกรมการพัฒนาชุมชนเป็นหน่วยงานหลักในการจัดงานดังกล่าว ได้รับความสำเร็จและตอบรับจากประชาชนผู้เข้าชมงานและผู้ผลิต ผู้ประกอบการ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) เป็นอย่างดี โดยมีผู้เข้าชมงาน จำนวน ๔๙๘,๕๖๔ คน และมียอดจำหน่ายสินค้า จำนวน ๓๖๖,๔๔๕,๔๑๕ บาท ๒. กิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ระดับ ๓ - ๕ ดาว จากภูมิปัญญาของชาวบ้านทุกจังหวัด และผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP จากกรุงเทพมหานคร จำนวน ๘๘๕ บูธ รวม ๑,๓๘๐ กลุ่ม จำแนกเป็น ๕ ประเภทผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ประเภทอาหาร เครื่องดื่ม ผ้า เครื่องแต่งกาย ของใช้ ของตกแต่ง ของที่ระลึก และสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร พร้อมทั้งมีการจำหน่ายสินค้าของสภาคนพิการ การจำหน่ายสินค้าสภาวัฒนธรรม และการจำหน่ายสินค้าศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) การจัดการแสดง เช่น การแสดงดนตรี การแสดงศิลปวัฒนธรรมของภาคต่าง ๆ รวมทั้งกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาสินค้า OTOP การฟื้นฟูผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP หลังน้ำท่วม การสร้างมาตรฐานสินค้า OTOP และการเสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางการดำเนินงาน OTOP ระหว่างผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ด้านต่าง ๆ กับกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP แต่ละประเภท เพื่อให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการได้ตระหนักถึงการพัฒนาสินค้า OTOP ให้มีคุณภาพได้มาตรฐานให้เป็นสินค้าพิเศษโดดเด่น คงความเป็นเอกลักษณ์ และเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น ๓. ผลการสำรวจความพึงพอใจของผู้เข้าชมงาน OTOP ทั่วไทย รวมใจช่วยภัยน้ำท่วม ร้อยละ ๘๒.๗๓ มีความพอใจต่อการจัดงานดังกล่าว และผลการสำรวจความพึงพอใจของผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ร้อยละ ๘๓.๙๐ มีความพึงพอใจต่อการจัดงานดังกล่าว
|
.....