ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1584 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 31661 - 31680 จากข้อมูลทั้งหมด 124233 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
31661 | การจัดงานเฉลิมฉลองวาระ 150 ปี พระราชสมภพสมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า | วธ | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. ให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพการจัดงานเฉลิมฉลองวาระ ๑๕๐ ปี พระราชสมภพสมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า โดยกราบเรียนเชิญนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมฉลองวาระ ๑๕๐ ปี พระราชสมภพ สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า และให้กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับมูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงาน รวมทั้งเชิญกระทรวงและหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ร่วมจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของแต่ละหน่วยงาน ๒. การแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมฉลองวาระ ๑๕๐ ปี พระราชสมภพสมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า และคณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ รวม ๙ คณะ ได้แก่ ๒.๑ คณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมฉลองวาระ ๑๕๐ ปี พระราชสมภพสมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ ๒.๒ คณะกรรมการฝ่ายพิธีการ มีเลขาธิการพระราชวัง เป็นประธานกรรมการ ๒.๓ คณะกรรมการฝ่ายจัดกิจกรรมในประเทศ มีปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานกรรมการ ๒.๔ คณะกรรมการฝ่ายจัดกิจกรรมในต่างประเทศ มีปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานกรรมการ ๒.๕ คณะกรรมการฝ่ายจัดการสัมมนาวิชาการ มีประธานฝ่ายวิชาการ มูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประพจน์ อัศววิรุฬหการ) เป็นประธานกรรมการ ๒.๖ คณะกรรมการฝ่ายจัดทำหนังสือที่ระลึก มีประธานฝ่ายวิชาการ มูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิการเจ้า (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประพจน์ อัศววิรุฬหการ) เป็นประธานกรรมการ ๒.๗ คณะกรรมการฝ่ายจัดทำของที่ระลึก โดยมีคุณชวลี อมาตยกุล เป็นประธานกรรมการ ๒.๘ คณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ มีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ ๒.๙ คณะกรรมการฝ่ายดำเนินการและประสานงาน มีท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ เป็นประธานกรรมการ |
|||||||||||||||||||||||||||
31662 | โครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี 2554/55 | พณ | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการค่าใช้จ่ายดำเนินการโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี ๒๕๕๔/๕๕ โดยใช้จ่ายจากเงินทุนหมุนเวียนรับจำนำมันสำปะหลัง จำนวน ๒๘,๒๕๐ ล้านบาท จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๔/๕๕ ทั้งนี้ หากในระหว่างที่ยังไม่สามารถใช้วงเงินกู้ตามโครงการฯ ดังกล่าวได้ ให้ใช้เงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดำเนินการไปพลางก่อน และให้ชดเชยต้นทุนเงินให้ ธ.ก.ส. ในอัตรา FDR + 1 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. สำหรับวงเงินจ่ายขาด จำนวน ๓,๘๔๖.๒๗๗ ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการรับฝากและออกใบประทวน ค่า Overhead ค่าฝากเก็บ ค่าพลิกกอง ค่าตรวจสอบคุณภาพ และค่าแรงกรรมกร ขององค์การคลังสินค้า ค่าดอกเบี้ยเงินทุนหมุนเวียนและค่าบริหารสินเชื่อ ของ ธ.ก.ส. ค่าใช้จ่ายดำเนินการของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๔/๕๕ ระดับจังหวัด ค่าใช้จ่ายกำกับดูแลตรวจสอบ และค่าประชาสัมพันธ์โครงการ ของกรมการค้าภายใน ค่าออกใบรับรองเกษตรกรเพื่อการรับจำนำมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๔/๕๕ ของกรมส่งเสริมการเกษตร และค่าจัดจ้างเจ้าหน้าที่ช่วยปฏิบัติงาน จัดอบรมความรู้การตรวจสอบคุณภาพ/ปริมาณผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง จัดซื้อวัสดุอุปกรณ์การตรวจสอบผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังและสุ่มตรวจสอบคุณภาพ/ปริมาณผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่รับจำนำ ของกรมการค้าต่างประเทศ ให้หน่วยงานดังกล่าวใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่ตั้งไว้แล้วสำหรับการดำเนินโครงการรับจำนำผลิตผลทางการเกษตร ปีการผลิต ๒๕๕๔/๕๕ และหากไม่เพียงพอให้ขอตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณเพื่อขอใช้จ่ายจากเงินงบกลางเพิ่มเติม แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติม
|
|||||||||||||||||||||||||||
31663 | มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | กค | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอการมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามลำดับ ดังนี้
๑. นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ๒. นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์
|
|||||||||||||||||||||||||||
31664 | การพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ครัวเรือนละ 5,000 บาท (เพิ่มเติม) ในพื้นที่ 53 จังหวัด และขออนุมัติงบกลาง เพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ตามมติการประชุมคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจาก สถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) ครั้งที่ 1/2555 | มท | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท (เพิ่มเติม) ในจังหวัดที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ จำนวน ๒๗๓,๔๒๒ ครัวเรือน เป็นเงิน ๑,๓๖๗,๑๑๐,๐๐๐ บาท และในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน ๔๖๗,๘๘๗ ครัวเรือน เป็นเงิน ๒,๓๓๙,๔๓๕,๐๐๐ บาท รวมจำนวนครัวเรือน ๗๔๑,๓๐๙ ครัวเรือน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๓,๗๐๖,๕๔๕,๐๐๐ บาท โดยให้ใช้กรอบวงเงินเดิม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ [เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) ร่วมกับคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมและความเป็นอยู่ของประชาชน (กศอ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔] ที่เหลืออยู่ เป็นเงิน ๓,๘๔๙,๐๖๕,๐๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ รายละเอียดการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท (เพิ่มเติม) ในจังหวัดที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ จำนวน ๒๗๓,๔๒๒ ครัวเรือน เป็นเงิน ๑,๓๖๗,๑๑๐,๐๐๐ บาท มีดังนี้ ๑.๑ จังหวัดที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ จำนวน ๘ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสงขลา ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส จำนวน ๑๔,๓๒๑ ครัวเรือน เป็นเงิน ๗๑,๖๐๕,๐๐๐ บาท ๑.๒ จังหวัดหนองบัวลำภูขอรับการช่วยเหลือกรอบครัวเรือน จำนวน ๖๒๙ ครัวเรือน และจังหวัดสมุทรปราการขอรับการช่วยเหลือกรอบครัวเรือน จำนวน ๙๐๘ ครัวเรือน รวม ๑,๕๓๗ ครัวเรือน เป็นเงิน ๗,๖๘๕,๐๐๐ บาท ๑.๓ ขออนุมัติหลักการให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท โดยเพิ่มหลักเกณฑ์กรณีวาตภัย และคลื่นลมแรง ทำให้บ้านพักอาศัยและทรัพย์สินได้รับความเสียหาย เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๔ วันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ และวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๔ ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี สงขลา และจันทบุรี จำนวน ๑,๘๙๗ ครัวเรือน เป็นเงิน ๙,๔๘๕,๐๐๐ บาท ๑.๔ จังหวัดนครศรีธรรมราช ชุมพร ปัตตานี ยะลา สงขลา พัทลุง สุราษฎร์ธานี ตรัง นราธิวาส และระนอง ขอรับการช่วยเหลือครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท กรณีเกิดอุทกภัยเมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๔ จำนวน ๒๕๕,๖๖๗ ครัวเรือน เป็นเงิน ๑,๒๗๘,๓๓๕,๐๐๐ บาท ๒. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือ ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท ในพื้นที่ ๕๓ จังหวัด จากเดิมที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๕ ออกไปอีก ๓๐ วัน และในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จากเดิมที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๔ ออกไปอีก ๔๕ วัน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ๓. ให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนผู้ประสบอุทกภัยเกี่ยวกับการกำหนดกรอบระยะเวลาให้หน่วยงานต่าง ๆ ให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยแล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด เป็นเพียงระยะเวลาเร่งรัดให้หน่วยงานต่าง ๆ จัดเตรียมขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือให้พร้อมเพื่อมิให้เกิดความล่าช้า เช่น การสำรวจรายชื่อ การตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่าง ๆ การประกาศรายชื่อ การนำรายชื่อส่งธนาคารออมสิน เป็นต้น และเมื่อได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้วให้ดำเนินการจ่ายได้ทันที มิได้หมายความถึงกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยแต่ประการใด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ทั้งนี้ การช่วยเหลือให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๔ [เรื่อง ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (กรณีอุทกภัย)] โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้การเบิกจ่ายเป็นไปอย่างรวดเร็ว รวมทั้งให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและกรุงเทพมหานครตรวจสอบข้อมูลรับรองความถูกต้อง และตรวจสอบความซ้ำซ้อนของครัวเรือนและแจ้งรายละเอียดข้อมูลจำนวนครัวเรือนให้ธนาคารออมสินโดยตรงด้วย โดยหากไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบก่อนสิ้นสุดระยะเวลาที่กำหนด ๑๕ วัน
|
|||||||||||||||||||||||||||
31665 | การปรับปรุงค่าตอบแทนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ | นร | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับเงินเดือนแรกบรรจุตามคุณวุฒิการศึกษาของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐในปีที่ ๑ โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ซึ่งส่งผลให้ผู้มีคุณวุฒิตั้งแต่ระดับปริญญาตรีขึ้นไปได้รับเงินเดือนแรกบรรจุรวมกับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวจะมีรายได้ไม่น้อยกว่า ๑๕,๐๐๐ บาท และผู้มีคุณวุฒิต่ำกว่าปริญญาตรี (ปวช. และ ปวส.) ได้รับการปรับรายได้เพิ่มขึ้นตามระดับคุณวุฒิการศึกษาเช่นเดียวกัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งการชดเชยผู้ที่ได้รับผลกระทบของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยให้มีผลใช้บังคับพร้อมกับการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุดังกล่าวด้วย ๒. อนุมัติในหลักการให้ใช้จ่ายงบประมาณเพื่อปรับปรุงค่าตอบแทนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามข้อ ๑ วงเงินประมาณ ๑๘,๐๐๐ ล้านบาท โดยให้ส่วนราชการใช้จากเงินเหลือจ่ายของแต่ละส่วนราชการดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน หากไม่เพียงพอให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายการปรับเพิ่มเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราว พนักงานราชการ และทหารกองประจำการ จำนวน ๑๒,๘๐๐ ล้านบาท และงบกลาง รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการ จำนวน ๙,๗๐๐ ล้านบาท ในลำดับต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมกับสำนักงาน ก.พ. และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุตามคุณวุฒิการศึกษาของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาล โดยคำนึงถึงสภาวะเศรษฐกิจและสถานะการเงินการคลังของประเทศ รวมทั้งผลกระทบต่อการจ้างงานของภาคเอกชนด้วย แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
31666 | ขออนุมัติงบประมาณการจัดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เพิ่มเติม | นร | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการกรอบวงเงินงบประมาณเพิ่มเติม จำนวน ๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31667 | การกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้นฤดูการผลิตปี 2554/2555 | อก | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้น ฤดูการผลิตปี ๒๕๕๔/๒๕๕๕ ในอัตรา ๑,๐๐๐.๐๐ บาทต่อตันอ้อย ณ ระดับความหวานที่ ๑๐ ซี.ซี.เอส. หรือเท่ากับร้อยละ ๙๔.๐๕ ของประมาณการราคาอ้อยเฉลี่ยทั่วประเทศ ๑,๐๖๓.๓๑ บาทต่อตันอ้อย และกำหนดอัตราขึ้น/ลงของราคาอ้อยเท่ากับ ๖๐.๐๐ บาท ต่อ ๑ หน่วย ซี.ซี.เอส ต่อเมตริกตัน และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี ๒๕๕๔/๒๕๕๕ เท่ากับ ๔๒๘.๕๗ บาทต่อตันอ้อย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจนในการชำระหนี้ของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายคืนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรให้เสร็จสิ้น และการยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ที่มาจากการปรับเพิ่มราคาจำหน่ายน้ำตาลทรายในอัตรา ๕ บาทต่อกิโลกรัม หลังจากกองทุนฯ ชำระหนี้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๓ (เรื่อง การกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี ๒๕๕๓/๒๕๕๔) แล้วเสร็จ รวมทั้งเร่งรัดการศึกษาแนวทางการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบให้แล้วเสร็จ และนำเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายได้ในระยะยาว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔) ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. รับทราบข้อคิดเห็นและข้อคัดค้านของผู้แทนสถาบันชาวไร่อ้อยเกี่ยวกับการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้น ฤดูการผลิตปี ๒๕๕๔/๒๕๕๕ ในอัตรา ๑,๐๐๐.๐๐ บาทต่อตันอ้อย ยังต่ำกว่าต้นทุนการผลิต โดยขอเพิ่มเงินค่าอ้อยอีกตันละ ๒๐๐ บาท เพื่อให้ชาวไร่อ้อยได้รับค่าอ้อยที่ตันละ ๑,๒๐๐.๐๐ บาท โดยให้กองทุนฯ กู้เงินมาจ่ายเงินส่วนเพิ่มดังกล่าวให้แก่ชาวไร่อ้อย พร้อมกับการจ่ายเงินค่าอ้อยขั้นต้นในทุกตันอ้อยที่ส่งเข้าหีบในฤดูการผลิตปี ๒๕๕๔/๒๕๕๕ เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา และผลการประชุมของคณะกรรมการบริหารกองทุน เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๕ ที่เห็นว่า การเพิ่มเงินค่าอ้อยอีกตันละ ๒๐๐ บาท ตามข้อเสนอของผู้แทนสถาบันชาวไร่อ้อย จะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำตาลทรายและความยั่งยืนของระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของประเทศในภาพรวม รวมทั้งเรื่องดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของกองทุนฯ จึงมอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับไปชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวไร่อ้อยและผู้ที่เกี่ยวข้องและเร่งรัดให้มีการพิจารณาเรื่องนี้ให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่งโดยด่วน |
|||||||||||||||||||||||||||
31668 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณค่าเช่ารถยนต์เพื่อใช้ในราชการ | พณ | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการค่าเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จำนวน ๑ คัน ระยะเวลาสัญญา ๓ ปี โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ในวงเงินทั้งสิ้น ๓,๐๖๐,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๖๘๐,๐๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ - พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นเงิน ๒,๓๘๐,๐๐๐ บาท โดยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ให้สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์พิจารณาจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยให้เบิกจ่ายได้เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ได้ประกาศใช้บังคับแล้ว สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ - พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
31669 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง (เพิ่มเติม) | มท | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอัชพร จารุจินดา เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง (เพิ่มเติม) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๑ มกราคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31670 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (จำนวน 9 คน) | ทส | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. ให้กรรมการอื่นในคณะกรรมการสวนพฤกษศาสตร์ที่ยังคงดำรงตำแหน่งอยู่พ้นจากตำแหน่งกรรมการในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ ตามมาตรา ๑๕ (๓) แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนพฤกษศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๓๕ ๒. แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ชุดใหม่ จำนวน ๙ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๑ มกราคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ส่วนกรรมการลำดับที่ ๕ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการอัยการอนุมัติเป็นต้นไป ดังนี้ ๒.๑ นายอเนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ ประธานกรรมการ ๒.๒ นายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต กรรมการ ๒.๓ นายนัที เปรมรัศมี กรรมการ ๒.๔ นางพรศิริ มโนหาญ กรรมการ ๒.๕ นางลัดดาวัลย์ สินธุรักษ์ กรรมการ ๒.๖ นายธัชสกล พรหมจมาศ กรรมการ ๒.๗ นายพงษ์ทร ชยาตุลชาต กรรมการ ๒.๘ นางสาวสิริวรรณ สุวรรณศร กรรมการ ๒.๙ นางสาวกานท์ชญา เทียนแก้วชญา กรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31671 | สรุปผลการพิจารณาค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย | นร | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามผลการพิจารณาค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ตามที่สำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการพิจารณาทบทวนแผนงาน/โครงการต่าง ๆ จากกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติ ๑๓๙,๔๕๒.๗๘๗๖ ล้านบาท มีการจัดสรรงบประมาณให้ส่วนราชการแล้ว ๕๐,๖๙๘.๖๓๒๐ ล้านบาท โดยมีวงเงินที่ต้องพิจารณาจัดสรรเพิ่มเติมภายหลังการทบทวนอีกเป็นเงิน ๗๑,๐๔๒.๑๕๒๓ ล้านบาท ๒. ผลการตรวจสอบรายละเอียดแผนงาน/โครงการ ตามข้อ ๑ ปรากฏว่า มีแผนงาน/โครงการที่มีความพร้อมจัดสรรงบประมาณได้เป็นเงิน ๒๖,๒๐๑.๖๓๔๑ ล้านบาท ซึ่งเห็นควรให้หน่วยงานเร่งดำเนินการขอจัดสรรกับสำนักงบประมาณในทันที ส่วนที่เหลืออีกเป็นเงิน ๔๑,๖๒๗.๒๘๓๖ ล้านบาท ให้หน่วยงานเร่งรัดเสนอขอรับจัดสรรต่อสำนักงบประมาณภายใน ๒ สัปดาห์ หากหน่วยงานใดไม่สามารถดำเนินการได้ ให้นำมาทบทวนความจำเป็นใหม่อีกครั้งหนึ่ง และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
31672 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี พ.ศ. 2555 | นร | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี พ.ศ. .... ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบร่างระเบียบฯ ให้มีความสอดคล้องกับกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย ตามความเห็นของเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และความเห็นของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการกำหนดขอบเขตของเนื้อหาเกี่ยวกับกองทุนฯ ต้องไม่เป็นการขัดกับมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติเงินคงคลัง พ.ศ. ๒๔๙๑ ที่กำหนดให้การจ่ายเงินเป็นทุนหรือทุนหมุนเวียนเพื่อการใด ๆ ให้กระทำได้แต่โดยกฎหมาย ไปประกอบการพิจารณาด้วย ทั้งนี้ หากไม่มีการแก้ไขในสาระสำคัญ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากับกระทรวงการคลังไม่ขัดข้อง ให้ดำเนินการต่อไปได้ แต่หากมีการแก้ไขในสาระสำคัญหรือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและกระทรวงการคลังมีความเห็นไม่สอดคล้องกัน ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาหารือร่วมกับกระทรวงการคลังในประเด็นการจัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี สามารถจัดตั้งโดยไม่ต้องดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๑ (เรื่อง แนวทางการจัดตั้งทุนหมุนเวียน) ซึ่งกำหนดให้ในกรณีส่วนราชการ/หน่วยงานของรัฐที่ประสงค์จะขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนต้องเสนอให้คณะกรรมการกลั่นกรองการจัดตั้งทุนหมุนเวียนพิจารณาก่อนที่จะเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติและเสนอคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ได้หรือไม่ประการใด ตามความเห็นของเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และแจ้งผลการพิจารณาให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
31673 | ปรับปรุงองค์ประกอบในคณะกรรมการบูรณาการการบริหารจัดการที่ดินเชิงระบบ | นร | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอการปรับปรุงองค์ประกอบในคณะกรรมการบูรณาการการบริหารจัดการที่ดินเชิงระบบ ดังนี้
๑. ยกเลิกองค์ประกอบใน “ลำดับที่ ๑.๒ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์) รองประธานกรรมการ และลำดับที่ ๑.๓ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางสาวกฤษณา สีหลักษณ์) เป็นรองประธานกรรมการ” และให้ใช้ความดังต่อไปนี้แทน “ลำดับที่ ๑.๒ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นรองประธานกรรมการคนที่ ๑ ลำดับที่ ๑.๓ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นรองประธานกรรมการคนที่ ๒” ๒. ยกเลิกองค์ประกอบในลำดับที่ ๑.๑๑ “ผู้ทรงคุณวุฒิที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง จำนวน ๓ คน เป็นกรรมการ” และให้ใช้ความดังต่อไปนี้แทน “ผู้ทรงคุณวุฒิที่ประธานกรรมการแต่งตั้ง จำนวน ๓ คน เป็นกรรมการ”
|
|||||||||||||||||||||||||||
31674 | มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค | นร | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๙/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๕ เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31675 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ (เพิ่มเติม) | ทส | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายสนั่น วาริทสวัสดิ์ และนายธนะรัตน์ วดีศิริศักดิ์ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ (เพิ่มเติม) ทั้งนี้ ให้มีผลนับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๑ มกราคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31676 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ (จำนวน 4 ราย) | ทส | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ จำนวน ๔ ราย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. แต่งตั้งนายสนั่น วาริทสวัสดิ์ และนายธนะรัตน์ วดีศิริศักดิ์ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ (เพิ่มเติม) ทั้งนี้ ให้มีผลนับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๑ มกราคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ๒. แต่งตั้งนายเรวัต วิศรุตเวช และนางพรศิริ มโนหาญ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ แทนกรรมการเดิมที่ขอลาออก ทั้งนี้ ให้มีผลนับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๑ มกราคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
31677 | การแต่งตั้งประธานผู้แทนการค้าไทย | นร | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอการแต่งตั้ง นายโอฬาร ไชยประวัติ ผู้ทรงคุณวุฒิเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเพื่อทำหน้าที่ประธานผู้แทนการค้าไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||
31678 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม | คค | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอการแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามนัยมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๑ มกราคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามลำดับ ดังนี้
๑. พลตำรวจโท ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ๒. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
|
|||||||||||||||||||||||||||
31679 | แต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) | พม | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ
แต่งตั้งเป็นต้นไป ดังนี้ ๑. นายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. ว่าที่ร้อยตรี ศรัณย์ สมานพันธ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||
31680 | การให้ความช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย | อก | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการการให้ความช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรม การสร้างภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในภาคอุตสาหกรรมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เพิ่มเติม ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการจัดงาน “BOI FAIR 2011 โลกสดใส ไทยยั่งยืน” หรือ Going Green For the Future เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนและเสริมภาพลักษณ์ของประเทศ การจัดงานซีอีโอ ฟอรั่ม (CEO Forum) ซี่งได้มีการแสดงปาฐกถาของบุคคลชั้นนำในการแสดงความมั่นใจถึงศักยภาพของประเทศไทยที่จะพัฒนาเป็นผู้นำในภูมิภาค รวมทั้งการประชุมที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ด้านการลงทุน (Honorary Investment Advisor) ที่ผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทชั้นนำได้ให้ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมและส่งเสริมการลงทุนของประเทศ และการจัดกิจกรรมเชื่อมโยงอุตสาหกรรมและจับคู่ธุรกิจ ซึ่งมีการเจรจาจับคู่ทางธุรกิจ ๑,๔๖๖ คู่ มูลค่าการซื้อขายถึง ๔,๐๕๔ ล้านบาท ประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ โดยได้รับความสนใจจากทุกภาคส่วนเป็นอย่างดี และมั่นใจว่าจะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของไทยในฐานะแหล่งรองรับการลงทุนและศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญของเอเชีย ๒. การดำเนินการฟื้นฟู เยียวยานิคมอุตสาหกรรม เขตประกอบการอุตสาหกรรม และสวนอุตสาหกรรม ๗ แห่ง ที่ประสบอุทกภัย ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี ได้แก่ นิคมสหรัตนนคร นิคมไฮเทค นิคมบางปะอิน นิคมโรจนะ นิคมแฟคตอรี่แลนด์ นิคมนวนคร และนิคมบางกะดี ขณะนี้มีโรงงานประกอบกิจการแล้ว ๒๕๘ ราย คิดเป็นร้อยละ ๒๙ ของโรงงานทั้งหมด ๘๘๘ ราย ๓. มาตรการส่งเสริมการลงทุนสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ๓.๑ ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรอุปกรณ์และวัตถุดิบที่นำมาทดแทนเครื่องจักรอุปกรณ์ และวัตถุดิบนำเข้าที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย จำนวน ๑๕๔ โครงการ มูลค่า ๒๑,๕๐๒ ล้านบาท ๓.๒ อนุมัติวีซ่าและใบอนุญาตทำงานแก่บริษัทที่ได้รับการส่งเสริม จำนวน ๘๑ บริษัท ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติรวม ๓๕๖ ราย ๓.๓ อนุญาตให้ส่งออกเครื่องจักรและวัตถุดิบไปต่างประเทศ และการย้ายเครื่องจักรและวัตถุดิบไปต่างประเทศ หรืออยู่นอกโครงการเป็นการชั่วคราว สำหรับผู้ได้รับการส่งเสริมการลงทุนที่ประสบอุทกภัย จำนวน ๑๒๓ โครงการ ๓.๔ เพิ่มสิทธิประโยชน์หรือยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีเงินได้ให้ผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหายทั้งในกรณีทำการผลิตชั่วคราวหรือลงทุนใหม่ เพื่อฟื้นฟูธุรกิจในประเทศ อยู่ระหว่างการออกประกาศ ๔. โครงการช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย ๔.๑ โครงการจัดตั้งศูนย์พักพิงอุตสาหกรรม มีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการ จำนวน ๑๑๔ ราย ประกอบด้วย สถานประกอบการอุตสาหกรรม ๕๓ ราย และวิสาหกิจชุมชน ๖๑ ราย มีการใช้พื้นที่แล้ว ๑๓,๘๖๘ ตารางเมตร จากพื้นที่ ๒๐,๐๐๐ ตารางเมตร คงเหลือพื้นที่สามารถรองรับได้อีก ๖,๑๓๒ ตารางเมตร ๔.๒ โครงการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และกากอุตสาหกรรมในสถานประกอบการที่ประสบอุทกภัย ได้ส่งทีมวิศวกร ๑๗ ทีม ๓๔ คน ออกปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือ เพื่อดูแล ตรวจสอบ และแนะนำเรื่องความปลอดภัยในการทำงาน การดูแลรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การกำจัดกากอุตสาหกรรมทั้งชนิดอันตรายและไม่อันตราย และแก้ไขการปนเปื้อนของสารพิษ สารเคมี โดยเก็บรวบรวมข้อมูลสถานประกอบการได้แล้ว ๖๖ ราย ๔.๓ โครงการตรวจสอบคุณภาพน้ำ ดิน และการปนเปื้อนของสารพิษอุตสาหกรรมในสถานประกอบการทั้งภายในและภายนอกนิคม ได้จัดทีมเจ้าหน้าที่ออกเก็บตัวอย่างน้ำ ดิน และสารปนเปื้อนของสารพิษอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรม/เขตประกอบการอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย ๓๗๒ ตัวอย่าง หรือร้อยละ ๓๑ ของตัวอย่างทั้งหมด (๑,๒๐๐ ตัวอย่าง) ๔.๔ โครงการคลินิกอุตสาหกรรม มีผู้ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือ จำนวน ๓,๙๕๒ ราย และได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น ๗๘๒ ราย สามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการให้ดำเนินการฟื้นฟูเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว จำนวน ๔๖๕ ราย
|
.....