ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1224 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 24461 - 24480 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
24461 | การรับรองร่างกรอบการดำเนินงานลดความเสี่ยงภัย หลังปี 2558 สำหรับการประชุมสหประชาชาติระดับโลกว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ครั้งที่ 3 ณ เมืองเซนได ประเทศญี่ปุ่น | มท | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมรับรองร่างเอกสาร ๒ ฉบับ คือ ร่างกรอบการดำเนินงานลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ หลังปี ๒๕๕๘ (Post-2015 Framework for Disaster Risk Reduction) และร่างปฏิญญาเซนได (Sendai Declaration) โดยที่สาระสำคัญของร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าวสอดคล้องกับกรอบกฎหมายและนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อีกทั้งเป็นการแสดงเจตจำนงทางการเมืองโดยมิได้มีพันธกรณีภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ๑.๒ ในกรณีที่คณะกรรมการเพื่อพิจารณาแก้ไขร่างเอกสารฯ มีการแก้ไขร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับ ที่มิใช่สาระสำคัญหรือขัดผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการต่างประเทศร่วมกันพิจารณาและดำเนินการได้โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีอีก ๒. เห็นชอบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติระดับโลกว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ครั้งที่ ๓ ณ เมืองเซนได ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๘ มีนาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอเพิ่มเติม |
||||||||||||||||||||||||
24462 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนลาดบัวหลวง - สามเมือง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. .... | มท | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนลาดบัวหลวง-สามเมือง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลหลักชัย ตำบลลาดบัวหลวง และตำบลสามเมือง อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณทีเกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
24463 | ขอปรับเพิ่มเงินลงทุน (Cost Overrun) โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ 8 ส่วนที่ 1 (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) | มท | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดำเนินการปรับเพิ่มเงินลงทุน (Cost Overrun) โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ ๘ ส่วนที่ ๑ วงเงิน ๒,๘๗๘ ล้านบาท โดยใช้เงินกู้ในประเทศ ๒,๑๕๘ ล้านบาท และเงินรายได้ของ กฟภ. ๗๒๐ ล้านบาท ๑.๒ เห็นชอบให้ กฟภ. กู้เงินในประเทศภายในกรอบวงเงิน ๒,๑๕๘ ล้านบาท เพื่อเป็นเงินลงทุนของโครงการดังกล่าว โดย กฟภ. จะทยอยดำเนินการกู้เงินตามความจำเป็นจนกว่างานจะแล้วเสร็จต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย และ กฟภ. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ในฐานะสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เกี่ยวกับการให้ความสำคัญในการเร่งรัดและติดตามการดำเนินโครงการดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยเร่งหาแนวทางในการแก้ปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นเพื่อให้สามารถดำเนินการแล้วเสร็จได้ตามกรอบเงินลงทุนและกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ การวางแผนการบริหารค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้อยู่ภายในกรอบวงเงินลงทุนที่กำหนดไว้เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนทางการเงิน การกำหนดแนวทางในการแสวงหารายได้อื่นเพื่อชดเชยผลขาดทุนของโครงการที่เกิดขึ้น การพิจารณาใช้เงินรายได้เพื่อการดำเนินโครงการเป็นลำดับแรกและใช้เงินกู้เท่าที่จำเป็น รวมทั้งการตรวจสอบการลงทุนในโครงการต่าง ๆ อย่างใกล้ชิดเพื่อควบคุมต้นทุนโครงการให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ หากพบว่าต้นทุนโครงการมีโอกาสเพิ่มขึ้นเกินจากกรอบวงเงินลงทุนที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้ กฟภ. ควรต้องขออนุมัติเพิ่มเติมกรอบวงเงินลงทุนโครงการจากคณะรัฐมนตรีก่อนดำเนินการ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
24464 | สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ 9 - 13 กุมภาพันธ์ 2558) | สผ | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ ๙-๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ และวันที่ ๑๖-๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘) ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
24465 | สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ 16 - 20 กุมภาพันธ์ 2558) | สผ | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ ๙-๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ และวันที่ ๑๖-๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘) ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
24466 | ขอความเห็นชอบการเสียภาษีสลากบำรุงกาชาดไทย | อื่นๆ | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้สภากาชาดไทย เหล่ากาชาดจังหวัด หรือกิ่งกาชาดอำเภอ ซึ่งเป็นตัวแทนของสภากาชาดไทย ผู้รับใบอนุญาตจัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินแบ่ง หรือสลากกาชาด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำรายได้มอบให้สภากาชาดไทย เหล่ากาชาดจังหวัด หรือกิ่งกาชาดอำเภอ ไปใช้ในกิจการสาธารณกุศล เสียภาษีในอัตราร้อยละ ๐.๕ แห่งยอดราคาสลาก ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช ๒๔๗๘ ทั้งนี้ เฉพาะการออกสลากบำรุงกาชาดไทยประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๘ เท่านั้น
|
||||||||||||||||||||||||
24467 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2558 เพิ่มเติม งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | นร51 | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการการสนับสนุนงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๖ รายการ วงเงิน ๖๙๒,๙๗๖,๖๐๐ บาท ตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เสนอ และให้ กอ.รมน. ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
24468 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดแบบรูปรายการ เพิ่มวงเงิน และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างกลุ่มอาคารคณะศึกษาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยบูรพา | ศธ | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยมหาวิทยาลัยบูรพา เปลี่ยนแปลงรายละเอียดแบบรูปรายการและเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างกลุ่มอาคารคณะศึกษาศาสตร์ จากวงเงินเดิม จำนวน ๒๔๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงินใหม่ จำนวน ๕๘๘,๐๐๒,๗๙๐ บาท เป็นกรณีเฉพาะราย แยกเป็นเงินงบประมาณ จำนวน ๑๘๘,๘๐๐,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒-พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๑๔๒,๒๐๐,๐๐๐ บาท ที่ได้รับการอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปีจากกระทรวงการคลังแล้ว ส่วนที่ขาดอีก จำนวน ๔๖,๖๐๐,๐๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป และใช้เงินนอกงบประมาณสมทบ จำนวน ๓๙๙,๒๐๒,๗๙๐ บาท รวมทั้งจัดทำราคากลางตามดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างปัจจุบัน แล้วดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินการก่อสร้าง การขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ และการบริหารสัญญาของอาคารก่อสร้างดังกล่าว ให้มหาวิทยาลัยบูรพาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
24469 | โครงการก่อสร้างอาคารพัฒนาวัสดุอ้างอิงรับรองด้านมาตรวิทยาเคมี | วท | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. อนุมัติเพิ่มกรอบวงเงินงบประมาณโครงการก่อสร้างอาคารพัฒนาวัสดุอ้างอิงรับรองด้านมาตรวิทยาเคมี จากเดิมที่คณะรัฐมนตรีมีมติไว้ จำนวน ๕๙๗,๘๐๐,๐๐๐ บาท เป็นจำนวน ๗๒๗,๒๖๔,๘๐๐ บาท ประกอบด้วย ๑.๑ ค่าก่อสร้างอาคารพัฒนาวัสดุอ้างอิงรับรองด้านมาตรวิทยาเคมี ตำบลคลอง ๕ อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ๑ แห่ง จากวงเงินเดิม จำนวน ๕๘๗,๕๐๐,๐๐๐ บาท เป็น จำนวน ๗๑๔,๗๓๒,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๖๒๔,๗๓๒,๐๐๐ บาท และเงินกองทุนเพื่อการพัฒนาระบบมาตรวิทยา จำนวน ๙๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๒ ค่าควบคุมงานอาคารพัฒนาวัสดุอ้างอิงรับรองด้านมาตรวิทยาเคมี ตำบลคลอง ๕ อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ๑ แห่ง จากวงเงินเดิม จำนวน ๑๐,๓๐๐,๐๐๐ บาท เป็น จำนวน ๑๒,๕๓๒,๘๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๖๐ ทั้งนี้ ให้เจรจาต่อรองราคากับผู้รับจ้างให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับทางราชการด้วย โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๑๑๒,๖๘๘,๐๐๐ บาท ที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้กันเงินไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปีแล้ว ส่วนที่เหลือ จำนวน ๕๒๔,๕๗๖,๘๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณรองรับให้ครบวงเงินค่างานตามสัญญาต่อไป และใช้เงินกองทุนเพื่อการพัฒนาระบบมาตรวิทยาสมทบ จำนวน ๙๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๒. สำหรับการก่อสร้างและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณของโครงการดังกล่าว ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
24470 | (ร่าง) แผนแม่บทบูรณาการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. 2558 - 2564 | ทส | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ (ร่าง) แผนแม่บทบูรณาการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๔ พร้อมทั้ง (ร่าง) เป้าหมายระดับชาติด้านความหลากหลายทางชีวภาพ และ (ร่าง) แผนปฏิบัติการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๕๙ ๑.๒ มอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ภายใต้ (ร่าง) แผนแม่บทฯ ดำเนินการขับเคลื่อนและติดตามประเมินผลการดำเนินงานตาม (ร่าง) แผนแม่บทฯ และ (ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ ๑.๓ มอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบตาม (ร่าง) แผนแม่บทฯ ดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และตั้งงบประมาณรองรับสำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายระดับชาติด้านความหลากหลายทางชีวภาพที่กำหนดไว้ใน (ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ ต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการฯ ในช่วงระยะเวลา ๓ เดือน ๖ เดือน ๙ เดือน และ ๑ ปี ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และให้มีการประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานให้สาธารณชนได้รับทราบโดยทั่วกันด้วย ทั้งนี้ งบประมาณที่ต้องใช้ตามแผนปฏิบัติการฯ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนและจัดลำดับความสำคัญอีกครั้งหนึ่ง โดยบูรณาการร่วมกับภารกิจพื้นฐานของหน่วยงานการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนของความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งแหล่งทุนอื่นในส่วนที่เกี่ยวข้อง อาทิ องค์กรพัฒนาเอกชน แหล่งทุนจากต่างประเทศ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องใช้จ่ายงบประมาณเพิ่มเติม ให้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
24471 | แผนยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด พ.ศ. 2558 - 2562 | ยธ | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒ เพื่อใช้เป็นกรอบทิศทางการดำเนินงาน เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการประสานการปฏิบัติ จัดสรรทรัพยากร และติดตามประเมินผลของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยแผนยุทธศาสตร์ฯ ประกอบด้วย ๘ ยุทธศาสตร์หลัก คือ (๑) การป้องกันกลุ่มผู้มีโอกาสเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด (๒) การควบคุมตัวยาและผู้ค้ายาเสพติด (๓) การแก้ไขปัญหาผู้เสพผู้ติดยาเสพติด (๔) ความร่วมมือระหว่างประเทศ (๕) การสร้างและพัฒนาระบบรองรับการคืนคนดีให้สังคม (๖) การสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อป้องกันปัญหายาเสพติด (๗) การมีส่วนร่วมภาคประชาชน และ (๘) การบริหารจัดการอย่างบูรณาการ ๑.๒ ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดประจำปีให้สอดคล้องรองรับกับแผนยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒ ตั้งแต่ปีงบประมาณ ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมบูรณาการการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้จัดทำตารางแสดงแผนการดำเนินการในความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานเสนอนายกรัฐมนตรีทราบต่อไปด้วย ๓. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) กำกับดูแลให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานด้านความมั่นคงต่าง ๆ ให้ความสำคัญในเรื่องการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพิเศษด้วย |
||||||||||||||||||||||||
24472 | แผนพัฒนาจังหวัด แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด (พ.ศ. 2557 - 2560) ฉบับทบทวน แผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด แผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัด และคำของบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | นร12 | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการแผนพัฒนาจังหวัด จำนวน ๗๖ จังหวัด และแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด จำนวน ๑๘ จังหวัด (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๐) ฉบับทบทวน และแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด แผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัด และคำของบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ตามที่เลขาธิการ ก.พ.ร. กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการเสนอ ๒. มอบให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ของแผนพัฒนาจังหวัด แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด โดยให้ทุกจังหวัดและกลุ่มจังหวัดเร่งจัดทำงบประมาณที่เป็นการใช้จ่ายลงทุน ซ่อมสร้าง รายการหลัก ๆ ให้เป็นรูปธรรม และให้ทุกจังหวัดและกลุ่มจังหวัดจัดลำดับความเร่งด่วน กำกับดูแล เพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรม และดำเนินการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณ ภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ โดยถือเป็นความรับผิดชอบของผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ อธิบดี องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่วนราชการทุกกระทรวง และส่วนราชการประจำจังหวัด ทั้งนี้ ให้ดำเนินการตามกฎ ระเบียบหรือหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ส่วนงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้ดำเนินการจัดทำรายละเอียดเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไปด้วย โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมกับเลขาธิการ ก.พ.ร. กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ กำกับดูแลการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
24473 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการที่มีประโยชน์ต่อประชาชนที่กระทรวงมหาดไทยมอบเป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน | มท | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการที่มีประโยชน์ต่อประชาชนที่กระทรวงมหาดไทยมอบเป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน ของส่วนราชการและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัด รวม ๑๗ โครงการ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. โครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จ (สิ้นสุดโครงการ) จำนวน ๔ โครงการ คือ ๑.๑ มอบความสุขทั่วไทย สัญจรปีใหม่ ปลอดภัยทุกคน ๑.๒ ถนนสวย เดินได้ ปั่นได้ ค้าขายคล่องตัว ๑.๓ ประปาสร้างสุข ทุกคนมีน้ำใช้ ๑.๔ ประปาทันใจ คนไทยมีสุข ๒. โครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จบางกิจกรรม (ยังไม่สิ้นสุดโครงการ) และดำเนินการต่อเนื่องในปี ๒๕๕๘ จำนวน ๖ โครงการ คือ ๒.๑ ศูนย์ดำรงธรรม นำสุข แก้ทุกข์ ๒๔ ชั่วโมง ๒.๒ ท้องถิ่นโปร่งใส จัดสรรงบประมาณใหม่ทั่วถึงเป็นธรรม ๒.๓ ติดต่อราชการทันใจ ไม่ต้องใช้สำเนาบัตรประชาชน ๒.๔ OTOP ทั่วไทย ส่งความสุขปีใหม่ สร้างรายได้ ขยายตลาดสู่อาเซียน ๒.๕ รวมพลคนกู้ชีพกู้ภัย เพื่อคนไทยมีความสุข ๒.๖ LED สว่างไสว รับปีใหม่มหานคร ๓. โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน ๗ โครงการ คือ ๓.๑ อยุธยาเมืองประวัติศาสตร์ เมืองสะอาด ปลอดขยะ ต้นแบบ ๓.๒ ตลาดนัดชุมชนไทยช่วยไทย คนไทยยิ้มได้ ๓.๓ สำนักงานที่ดินทั่วไทย รวดเร็ว โปร่งใส ใส่ใจบริการ ๓.๔ ๒๕๕๘ ปีทองผังเมือง พัฒนาทั่วไทย ก้าวไกลสู่อาเซียน ๓.๕ คลองสวยน้ำใส คนไทยมีความสุข ๓.๖ สว่างไสวทั่วไทย จ่ายไฟทุกครัวเรือน ๓.๗ ปากคลองตลาดโฉมใหม่ สะอาด ปลอดภัย สินค้าสดใหม่ทุกวัน
|
||||||||||||||||||||||||
24474 | สรุปผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 20 และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 10 ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู | ทส | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๐ (The 20th session of the Conference of the Parties to the UNFCCC : COP20) และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๑๐ (The 10th session of the Conference of the Parties Serving as the Meeting of the Parties to the Kyoto Protocol : CMP10) ระหว่างวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน-๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมดังกล่าว สำหรับสาระสำคัญของการประชุมในครั้งนี้ ประกอบด้วย การกล่าวถ้อยแถลงของผู้นำประเทศและกลุ่มประเทศที่มีบทบาทสำคัญในการเจรจาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การหารือเรื่องความแตกต่างของระดับการพัฒนาระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้ว ประเทศกำลังพัฒนา และประเทศพัฒนาน้อยที่สุด ซึ่งประเทศกำลังพัฒนาได้เรียกร้องให้ประเทศที่พัฒนาแล้วรับผิดชอบในการจัดสรรเงินเพื่อการจัดการในด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การจัดทำตราสารยอมรับข้อแก้ไขพิธีสารเกียวโต รวมทั้งการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และการหารือทวิภาคีในประเด็นข้อตกลงใหม่ที่จะมาแทนพิธีสารเกียวโต ๒. มอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหน่วยประสานงานกลาง (National Focal Point) ของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดำเนินการที่สอดคล้องกับผลของการเข้าร่วมการประชุมรัฐภาคีฯ ในครั้งนี้ ได้แก่ ๒.๑ ดำเนินการจัดทำตราสารยอมรับข้อแก้ไขพิธีสารเกียวโตให้แล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยเป็นไปตามครรลองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้พันธกรณีที่สองของพิธีสารเกียวโตมีผลบังคับใช้โดยเร็ว ๒.๒ จัดตั้งเป็นหน่วยประสานงานหลัก (National Designated Authority : NDA) ของกองทุน Green Climate Fund (GCF) อย่างเป็นทางการ เพื่อให้เป็นหน่วยงานประสานงานกลางระหว่างประเทศไทยกับกองทุน GCF ต่อไป ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะเป็นแหล่งเงินทุนที่สำคัญในการสนับสนุนการดำเนินการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในมิติต่าง ๆ ต่อไป ๒.๓ ผลักดันมาตรการลดก๊าซเรือนกระจกของภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายของแนวทางการลดก๊าซเรือนกระจกที่เหมาะสม (NAMAs) ตามที่ประเทศไทยได้แสดงเจตจำนงไว้ต่อสำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ รวมทั้งควรเร่งเสริมสร้างศักยภาพของโครงสร้างและกระบวนการในการตรวจวัด รายงาน และทวนสอบ (Measurement, Reporting and Verification : MRV) ๒.๔ ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในเรื่องความตกลงกลไกเครดิตร่วม (Joint Credit Mechanism : JCM) ของญี่ปุ่น เพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากกลไกดังกล่าว ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินโครงการดังกล่าวร่วมกับญี่ปุ่น เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๘ |
||||||||||||||||||||||||
24475 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 และไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | นร01 | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ และไตรมาสที่ ๑ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลสรุปผลการดำเนินการฯ ไปประกอบการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ มีการแจ้งเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็น รวมทั้งสิ้น ๑๔๒,๘๘๒ ครั้ง จำนวน ๑๐๔,๖๐๕ เรื่อง โดยประเด็นเรื่องที่ประชาชนร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นมากที่สุด ได้แก่ เหตุเดือดร้อนรำคาญ รองลงมาคือ ขอให้แก้ไขปัญหากระแสไฟฟ้าขัดข้องกับขยายเขตการให้บริการไฟฟ้า การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเมืองในประเด็นที่หลากหลาย แจ้งเบาะแสการลักลอบจำหน่ายและเสพยาเสพติด และปัญหาหนี้สินนอกระบบ ตามลำดับ ๑.๒ สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ในไตรมาสที่ ๑ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ มีการแจ้งเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็น รวมทั้งสิ้น ๖๑,๒๓๐ ครั้ง จำนวน ๔๐,๖๔๗ เรื่อง โดยประเด็นเรื่องที่ประชาชนร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นมากที่สุด ได้แก่ เหตุเดือดร้อนรำคาญ รองลงมาคือ ปัญหาหนี้สินนอกระบบ แจ้งเบาะแสการลักลอบจำหน่ายและเสพยาเสพติด แจ้งเบาะแสการลักลอบเปิดบ่อนและเล่นการพนัน และการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายและโครงการรัฐ ตามลำดับ ๒. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งรัดดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ในส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว โดยให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการตามขั้นตอนและมาตรฐานเวลาในการจัดการเรื่องร้องทุกข์ และรายงานผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดทราบทุกเดือนเพื่อเร่งรัดการดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
24476 | ขอขยายระยะเวลาการจัดทำคำของบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายใต้งบประมาณในลักษณะบูรณาการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ด้านการบริหารจัดการขยะและสิ่งแวดล้อมสำหรับโครงการจัดการขยะมูลฝอย | ทส | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ขยายระยะเวลาการจัดส่งรายละเอียดวงเงินและคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายใต้งบประมาณในลักษณะบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ด้านการบริหารจัดการขยะและสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการจัดการขยะมูลฝอย ให้สำนักงบประมาณภายในวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๘ เพื่อให้สำนักงบประมาณเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ พร้อมหลักเกณฑ์การปรับปรุงงบประมาณฯ ภายในวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๘ ๑.๒ ขยายระยะเวลาการส่งเอกสารประกอบคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้สำนักงบประมาณภายในวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๘ เพื่อให้สำนักงบประมาณเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบการปรับปรุงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ภายในวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๘ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรเร่งรัดการดำเนินการเพื่อการจัดทำแผนแม่บท และแผนปฏิบัติการต่าง ๆ ตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อที่จะจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้ทันตามกำหนดเวลา และใช้เป็นกรอบการดำเนินงานและขอรับสนับสนุนงบประมาณในโอกาสต่อไป ไปดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
24477 | รายงานผลการเบิกจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปี 2558 ไตรมาส 1 (ตุลาคม - ธันวาคม 2557) | นร11 | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปี ๒๕๕๘ ไตรมาส ๑ (ตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๗) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายลงทุนสะสมถึงเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ ได้จำนวน ๒๔,๗๘๒ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๘๔.๙ ของเป้าหมายไตรมาสที่ ๑ (จำนวน ๒๙,๒๐๒ ล้านบาท) ต่ำกว่าเป้าหมายร้อยละ ๑๕.๑ และต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่เบิกจ่ายลงทุนได้ร้อยละ ๙๒.๒ แต่ทั้งปีคาดว่าจะเบิกจ่ายลงทุนได้ทั้งสิ้น ๕๙๓,๔๕๙ ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ ๙๙.๖ ของเป้าหมายรวม ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดให้รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ ๙๕ ของกรอบวงเงินเบิกจ่ายลงทุนที่ได้รับอนุมัติ และสูงกว่าปีที่ผ่านมาที่ทั้งปีเบิกจ่ายได้ร้อยละ ๗๘.๗ ๑.๒ รัฐวิสาหกิจที่มีอัตราการเบิกจ่ายลงทุนในช่วงไตรมาสแรกต่ำกว่าเป้าหมาย อาทิ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (เบิกจ่ายได้ร้อยละ ๘.๔) องค์การจัดการน้ำเสีย (ร้อยละ ๑๑.๕) องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (ร้อยละ ๒๐.๕) และองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (ร้อยละ ๒๙.๑) เนื่องจากปัญหาความล่าช้าในกระบวนการตรวจรับงานเทคนิคที่มีรายละเอียดของงานมาก กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภายใน ปัญหาการร้องเรียนทำให้ต้องประกวดราคาใหม่ ส่งผลให้ไม่สามารถดำเนินการลงทุนได้ตามแผน สำหรับรัฐวิสาหกิจที่มีวงเงินลงทุนสูงยังคงเป็นความล่าช้าในการลงทุนของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร้อยละ ๕๗.๔) และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ร้อยละ ๗๑.๙) ซึ่งล่าช้าต่อเนื่องมาจากปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ที่มีบางโครงการต้องรอการตรวจสอบแผนการลงทุนและทบทวนการดำเนินงานตามความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเจ้าสังกัดที่กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจเร่งรัดให้รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายการเบิกจ่ายลงทุนที่กำหนดไว้
|
||||||||||||||||||||||||
24478 | ประเด็นการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2557 - 31 มกราคม 2558) | นร | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบประเด็นการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗-๓๑ มกราคม ๒๕๕๘) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล โดยผลการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๓ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน-๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗) ส่วนราชการต่าง ๆ ได้มีการดำเนินงานในเรื่องการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ การปฏิรูปประเทศ และการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ทั้ง ๑๑ ข้อ ทั้งในส่วนที่เป็นภารกิจประจำของแต่ละกระทรวงและในแผนงาน/โครงการที่จะต้องบูรณาการการทำงานของหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจังและต่อเนื่องมาโดยตลอด ทำให้ผลการดำเนินงาน (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗-๓๑ มกราคม ๒๕๕๘) เป็นไปตามเป้าหมาย และมีผลสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ ๒. การขับเคลื่อนเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณ ให้ส่วนราชการที่เป็นหน่วยงานกลาง เช่น สำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหาแนวทางในการช่วยส่วนราชการเพื่อให้การเบิกจ่ายงบประมาณเป็นไปตามเป้าหมาย ส่วนสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือโรงเรียนที่มีปัญหาขาดแคลนบุคลากรที่จะดำเนินการด้านการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความรวดเร็วยิ่งขึ้นต่อไป ๓. การขับเคลื่อนเร่งรัดการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินโครงการโดยเฉพาะในบางโครงการที่จะต้องดำเนินการก่อนฤดูฝนที่จะมาถึง และโครงการที่จะต้องดำเนินการตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้าอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ และในกรณีที่เป็นโครงการใหม่ซึ่งยังคงมีปัญหาในเรื่องของพื้นที่ การสร้างความเข้าใจกับประชาชน การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม จะต้องเร่งรัดการดำเนินการเพื่อสร้างความเข้าใจเพื่อให้โครงการที่จะดำเนินการเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมและสามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด รวมทั้งให้เน้นโครงการในลักษณะที่เป็นการปรับปรุง ซ่อมแซมสิ่งที่มีอยู่เดิม เช่น การขุดลอก คู คลอง อ่างเก็บน้ำทั้งขนาดเล็กขนาดใหญ่ จะต้องดำเนินการก่อนฤดูฝน ๔. การขับเคลื่อนเร่งรัดการดำเนินงานในเรื่องการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ และการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลทั้ง ๑๑ ข้อ ให้ส่วนราชการรายงานผลการดำเนินงานในการรายงาน ครั้งที่ ๔ (๑๒ กันยายน ๒๕๕๗-๓๑ มกราคม ๒๕๕๘)
|
||||||||||||||||||||||||
24479 | รายงานสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาด้านการประมงของประเทศไทย | กษ | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาด้านการประมงของประเทศไทย จำนวน ๓ เรื่อง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์และการดำเนินการแก้ไขปัญหาการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการแรงงาน และไร้การควบคุม (IUU Fishing) ๑.๑ สหภาพยุโรปจะกำหนดให้ไทยเป็นประเทศที่มีความเป็นไปได้ในการไม่ให้ความร่วมมือกับสหภาพยุโรปภายใต้กฎระเบียบ IUU ของสหภาพยุโรปในประมาณกลางเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ ซึ่งสหภาพยุโรปจะให้ระยะเวลาประเทศไทยในการปรับปรุงแก้ไขภายใน ๖ เดือน นับจากวันที่ได้รับการแจ้งขึ้นบัญชีอย่างเป็นทางการ ซึ่งประเทศไทยจะต้องปรับปรุงแก้ไขภายในกลางเดือนกันยายน ๒๕๕๘ โดยรัฐบาลไทยได้มีนโยบายและมอบหมายให้หน่วยงานปฏิบัติที่เกี่ยวข้องเร่งรัดในการดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้เพื่อหลุดจากบัญชีดังกล่าว ๑.๒ การดำเนินการแก้ไขปัญหา ได้แก่ การปรับปรุงพระราชบัญญัติการประมงและกฎหมายลำดับรอง การจัดทำแผนระดับชาติในการป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (NPOA-IUU) การจัดระเบียบเรือประมงเพื่อให้เรือประมงไทยเข้าสู่ระบบการควบคุมได้อย่างถูกต้อง การควบคุมและเฝ้าระวังการทำประมง การจัดทำระบบติดตามตำแหน่งเรือ (Vessel Monitoring System : VMS) การปฏิบัติการควบคุมการแจ้งเข้า-ออกท่าของเรือประมง (port in-port out) และการปรับปรุงระบบการตรวจสอบย้อนหลัง (Traceability) ๒. สถานการณ์และการดำเนินการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์และแรงงานประมง ๒.๑ สหรัฐอเมริกาได้จัดอันดับให้ประเทศไทยอยู่ในบัญชีกลุ่มที่ ๓ (Tier 3) ในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ (TIP Report) ประจำปี ๒๕๕๗ ลดอันดับลงจากบัญชีกลุ่มที่ ๒ ซึ่งต้องจับตามอง (Tier 2 Watch List) ปัญหาด้านการค้ามนุษย์ที่ต่างประเทศจับตามอง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้กำหนดมาตรการต่าง ๆ และปรับปรุงแก้ไขปัญหาและรายงานการค้ามนุษย์และแรงงานประมงต่อ TIP Office สหรัฐอเมริกา เพื่อต้องการปรับปรุงอันดับในการประเมินสถานการณ์การค้ามนุษย์ของไทยในครั้งใหม่ ๒.๒ การดำเนินการแก้ไขปัญหา ได้แก่ การฝึกอบรมเพื่อขยายผลการปฏิบัติตามมาตรฐานแนวทางปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี (Good Labour Practices : GLP) การจัดระเบียบเรือประมงเพื่อให้เรือประมงไทยเข้าระบบการควบคุมได้อย่างถูกต้อง การพัฒนาฐานข้อมูลของเรือประมงและแรงงานประมง (Fishing Info) การจัดระเบียบเรือประมงนอก การควบคุมและเฝ้าระวังการทำประมงและคุ้มครองแรงงานประมง การอบรมเจ้าหน้าที่กรมประมงให้มีความรู้ความเข้าใจด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ การดำเนินโครงการอบรมและประชาสัมพันธ์ด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ การสร้างภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นให้แก่ผู้นำเข้า/ผู้บริโภคสินค้าประมงของไทย และภาคประชาสังคมทั้งในและต่างประเทศ การประสานกับกระทรวงแรงงานในการดำเนินการจัดทำสัญญาจ้างของแรงงานในงานประมงทะเล การตรวจจับกุมการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติการประมง และการขยายการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวในกิจการประมงทะเล และนำเข้าแรงงานต่างด้าวโดยถูกกฎหมายภายใต้บันทึกความเข้าใจ (MOU) ๓. สถานการณ์ความร่วมมือด้านการประมงระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ๓.๑ ที่ผ่านมาภาคเอกชนเรือประมงไทยได้เข้าไปทำการประมงในน่านน้ำอินโดนีเซียในรูปแบบการลงทุนร่วม โดยโอนสัญชาติเรือประมงไทยเป็นเรือสัญชาติอินโดนีเซีย ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเนื่องจากอินโดนีเซียได้ใช้มาตรการรุนแรงในการดำเนินการกับเรือประมงที่ทำผิดกฎหมายโดยมีการจมหรือเผาทำลายเรือประมง รวมทั้งได้ออกกฎกระทรวงระงับการออกใบอนุญาตอุตสาหกรรมประมง ใบอนุญาตทำการประมงและใบอนุญาตบรรทุกสัตว์น้ำสำหรับเรือประมงที่ต่อจากต่างประเทศ จนถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๘ และห้ามใช้เครื่องมืออวนลากและอวนล้อมทำการประมงในน่านน้ำอินโดนีเซีย ๓.๒ การดำเนินการแก้ไขปัญหา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สมาคมการประมงนอกน่านน้ำไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยู่ระหว่างการจัดทำพิมพ์เขียว (Blue print) แนวทางการแก้ไขปัญหาการทำประมงในน่านน้ำอินโดนีเซียของผู้ประกอบการไทย ซึ่งครอบคลุมบริบทการแก้ไขปัญหาแรงงานประมงที่ตกค้างอยู่ที่อินโดนีเซีย และปัญหาเรือประมงที่ยังไม่สามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้เนื่องจากอยู่ระหว่างรอการประเมินตรวจสอบเรือประมงภายใต้บริษัทร่วมทุนของอินโดนีเซีย รวมทั้งการจัดทำกรอบแนวทางความร่วมมือการทำประมงของเรือประมงไทยในน่านน้ำอินโดนีเซียในอนาคต
|
||||||||||||||||||||||||
24480 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM Retreat) ครั้งที่ 21 ณ เมืองโกตาบารู รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย | พณ | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM Retreat) ครั้งที่ ๒๑ ระหว่างวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์-๑ มีนาคม ๒๕๕๘ ณ เมืองโกตาบารู รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นางอภิรดี ตันตราภรณ์) เข้าร่วมการประชุมฯ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินการไปสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ที่ประชุมเห็นชอบร่วมกันให้เร่งดำเนินมาตรการตามแผนงานเพื่อการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน [Asean Economics Community (AEC) Blueprint] ที่มีความสำคัญในลำดับต้น ซึ่งมีผลต่อการค้า ภาคธุรกิจ และการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียนก่อน โดยให้ดำเนินมาตรการให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๕๙ เช่น การจัดทำความตกลงการค้าบริการฉบับใหม่ การให้สัตยาบันพิธีสาร ๒ ภายใต้ความตกลงการอำนวยความสะดวกการขนส่งสินค้าผ่านแดน และเห็นว่าสมาชิกอาเซียนควรมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลการแก้ปัญหาที่เป็นอุปสรรคทางการค้าที่มีการดำเนินการในระดับทวิภาคีให้แก่สมาชิกอาเซียนอื่นได้รับทราบด้วยเพื่อศึกษาแนวทางการดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าว รวมทั้งตกลงให้มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมภาครัฐและเอกชนของอาเซียนเพื่อร่วมหารือปัญหาอุปสรรคและรับฟังข้อเสนอแนะจากภาคธุรกิจ และนำข้อคิดเห็นต่าง ๆ มาจัดทำความตกลงการอำนวยความสะดวกทางการค้าของอาเซียนให้เกิดประโยชน์สูงสุด ๒. ความสัมพันธ์กับคู่เจรจา รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนมีมติเห็นชอบให้พยายามสรุปผลการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership : RCEP) ภายในสิ้นปี ๒๕๕๘ และเห็นชอบแนวทางสำหรับการเจรจาในประเด็นหลัก ได้แก่ วิธีการลดภาษีสินค้ากลุ่มแรก (initial offer) และรูปแบบการเปิดตลาดการค้าบริการและการลงทุน โดยในปีนี้อาเซียนควรให้ความสำคัญกับการเจรจา RCEP เป็นลำดับแรก อย่างไรก็ดี ยังคงให้ความสำคัญกับการเจรจายกระดับความตกลง FTA อาเซียน-จีนให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ และการสรุปการเจรจาความตกลงการค้าบริการและการลงทุนอาเซียน-ญี่ปุ่น ให้ได้ก่อนเข้าสู่ AEC ในปี ๒๕๕๘ ตามที่ผู้นำได้ตกลงกันไว้ ๓. อาเซียนภายหลังปี ๒๕๕๘ อาเซียนกำลังพิจารณาจัดทำร่างวิสัยทัศน์ของ AEC ภายหลังปี ๒๕๕๘ โดยมีกำหนดจะจัดทำวิสัยทัศน์ด้านเศรษฐกิจให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๘ และนำเสนอต่อรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ ก่อนผู้นำอาเซียนจะประกาศวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนภายหลังปี ๒๕๕๘ ในช่วงการประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ ๒๗ ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๘ ๔. การหารือกับสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนเห็นว่าควรมีการแบ่งกลุ่มข้อเสนอของภาคเอกชนเป็นมาตรการที่ดำเนินการในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยมาตรการใดที่ทำได้ง่ายน่าจะสามารถดำเนินการได้ทันที ส่วนข้อเสนอการจัดตั้งธนาคารเพื่อผู้ประกอบการรายย่อย ขนาดเล็ก และขนาดกลาง [Micro-SME (MSME) Bank] จะเป็นมาตรการที่ต้องดำเนินการในระยะยาว ๕. การนำเสนอโครงการ ASEAN Path Finder Project รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้นำเสนอโครงการ ASEAN Path Finder Project ซึ่งเป็นการนำกลุ่มบริษัทจากประเทศต่าง ๆ ในอาเซียนในสาขาต่าง ๆ จำนวนประเทศละ ๑๐ บริษัท ทั้งบริษัทรายใหญ่ กลาง และเล็ก ที่สนใจทำการค้าและการลงทุนภายในภูมิภาคอาเซียนเดินทางไปยังประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อร่วมระดมความคิด ระบุปัญหาอุปสรรคของการค้าลงทุนในแต่ละประเทศ และพบปะกับภาครัฐเพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหา
|
.....