ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1224 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 24461 - 24480 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
24461 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 07/04/2558 | |||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านการต่างประเทศ ๑.๑ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ และ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ ให้ส่วนราชการกำหนดสาระสำคัญของประเด็นการเจรจาหรือความตกลงระหว่างประเทศ ท่าทีของไทยในการเจรจา ผลดีและผลเสีย รวมทั้งผลกระทบในการดำเนินการต่อประเทศไทย และในการเจรจาให้ยึดถือผลประโยชน์ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศเป็นหลัก นั้น ให้ทุกส่วนราชการดำเนินการตามมติข้างต้นอย่างเคร่งครัด และให้ดำเนินการเพิ่มเติม (๑) ในการเจรจาหรือการจัดทำความตกลงระหว่างประเทศ ให้จัดลำดับความสำคัญและความเร่งด่วนของประเด็นการเจรจา กำหนดวัตถุประสงค์ ผลประโยชน์ที่ประเทศไทยควรต้องได้รับ และผลกระทบในการดำเนินการให้ชัดเจน (๒) ในกรณีการจัดประชุมหรือการเข้าร่วมประชุมทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศจะต้องมีการกำหนดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน สารัตถะเชิงรุกในทุกมิติ และประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากการประชุมแต่ละครั้ง และ (๓) ในกรณีการจัดทำความตกลงหรือการเข้าร่วมประชุมระหว่างประเทศซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องขอความเห็นชอบต่อคณะรัฐมนตรี ทุกส่วนราชการต้องเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีก่อนการลงนามหรือการตอบรับเข้าร่วมประชุม เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาเสนอแนวทางการทำประมงในเขตแดนของภูมิภาคอาเซียนทั้ง ๑๐ ประเทศ ว่าควรแบ่งเขตแดนอย่างไร สามารถทำประมงข้ามเขตได้หรือไม่ อย่างไร ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) ติดตามความก้าวหน้าของการดำเนินโครงการถนนสองช่องทางเชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายสู่ชายแดนไทย-เมียนมา และเสนอแนวทางผลักดันให้โครงการดังกล่าวเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ๒.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดกำหนดมาตรการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาไข่ไก่ล้นตลาด โดยเน้นการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน และให้กระทรวงพาณิชย์ติดตามราคาขายไข่ไก่ปลีกในท้องตลาดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมด้วย ๒.๓ ให้กระทรวงการคลังชี้แจงสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสาธารณะโดยเฉพาะสื่อมวลชนเกี่ยวกับ “หนี้ครัวเรือนของประเทศ” ว่า หมายถึงอะไร มีองค์ประกอบอย่างไร คำนวณจากปัจจัยใดบ้าง และเหตุใดหนี้ครัวเรือนของประเทศจึงอยู่ในระดับที่สูง ๓. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ๓.๑ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) หารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน และกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อพิจารณากำหนดมาตรการในการดำเนินการให้ผู้ต้องขังที่พ้นโทษและผู้ผ่านกระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดกลับคืนสู่สังคม มีอาชีพรองรับ และกำหนดมาตรการในการดูแลและติดตามพฤติกรรมที่มีประสิทธิภาพเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่สังคม ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวให้ครอบคลุมถึงกลุ่มผู้ติดยาเสพติดและผู้ผ่านการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดของโรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองด้วย แล้วรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบในการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งต่อไป รวมทั้งให้สร้างการรับรู้ให้สังคมทราบมาตรการดังกล่าว และพิจารณาบทบัญญัติของกฎหมายในปัจจุบันที่เกี่ยวกับการดำเนินการดูแลกลุ่มบุคคลดังกล่าว ซึ่งหากมีมาตรการไม่เพียงพอหรือเหมาะสมให้พิจารณาดำเนินการเสนอมาตรการในเรื่องโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ต่อไป ๓.๒ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบพิจารณาเสนอการแก้ไขปัญหาที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้างซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้มาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ในการแก้ไขปัญหา เสนอเรื่องและประเด็นที่ต้องการการแก้ไขปัญหาพร้อมทั้งแนวทางการแก้ไขให้หัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ เพื่อประมวลและจัดกลุ่มปัญหานำเสนอหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบการแก้ไขปัญหาดังกล่าวสร้างการรับรู้ต่อสาธารณะอย่างต่อเนื่องว่าการใช้อำนาจตามมาตรา ๔๔ นั้น เป็นการใช้อำนาจตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ โดยไม่เพียงใช้เพื่อการรักษาความมั่นคงเท่านั้น หากยังใช้ในเชิงสร้างสรรค์สำหรับการแก้ไขปัญหาสำคัญเร่งด่วนของประเทศด้วย ๔. ด้านสังคม มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ ยุทธวงศ์) พิจารณาแนวทางการยกระดับสิทธิสตรี เด็ก และผู้พิการในด้านต่าง ๆ เช่น การศึกษา การสาธารณสุข ในสังคมให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมในอนาคต ๕. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๕.๑ มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ในฐานะประธานกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า พิจารณาความเป็นไปได้และเสนอแนวทางในการก่อสร้างสถานที่จอดรถเพิ่มเติมในบริเวณพื้นที่กรุงรัตนโกสินทร์ โดยอาศัยกรณีศึกษาจากต่างประเทศที่สามารถดำเนินการก่อสร้างในพื้นที่ที่มีข้อจำกัดด้วยเทคโนโลยีระดับสูง เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างของสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในพื้นที่กรุงรัตนโกสินทร์ ๕.๒ ให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) กำกับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำคู่มือสำหรับประชาชนตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ โดยจัดทำเป็นแผนภาพแสดงให้เห็นถึงแนวทางการให้บริการของศูนย์บริการด้านธุรกิจ (One Stop Service) แต่ละประเภทและความเชื่อมโยงในการส่งต่องานบริการของหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งหมดที่ชัดเจน เพื่อสร้างความเข้าใจให้แก่หน่วยงานที่ให้บริการและประชาชนผู้มาขอใช้บริการ ๕.๓ ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) เร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เกี่ยวกับการสอบสวนหาข้อเท็จจริงกรณีที่มีการร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตในการดำเนินงานของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โดยรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบภายในเดือนเมษายน ๒๕๕๘ ๕.๔ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมมาตรการช่วยเหลือประชาชนและรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากสถานการณ์พายุฤดูร้อน ในระหว่างวันที่ ๗-๑๐ เมษายน ๒๕๕๘ ทั้งนี้ ให้เน้นมาตรการเชิงรุก เช่น การเร่งตรวจสอบความมั่นคงของสิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ และการตรวจสอบระบบสัญญาเตือนภัยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๕.๕ ให้รัฐมนตรีทุกท่านร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการตั้งแต่ระดับอธิบดีขึ้นไปลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินโครงการตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล เช่น โครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง (การช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่แล้งซ้ำซากตำบลละ ๑ ล้านบาท) โครงการตามแผนบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การซ่อม-สร้างถนน โรงเรียน โรงพยาบาล ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เพื่อเร่งรัดดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนดไว้
|
||||||||||||||||||||||||
24462 | สรุปผลการจัดงาน "วิถีข้าว วิถีไทย" | กษ | 07/04/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงาน ดังนี้ ๑.๑ งาน “วิถีข้าว วิถีไทย” จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๕ มีนาคม-๕ เมษายน ๒๕๕๘ ณ ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม บริเวณข้างทำเนียบรัฐบาล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้เกษตรกรและกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวได้ประชาสัมพันธ์สินค้าข้าวและจำหน่ายข้าวให้แก่ผู้บริโภคชาวกรุงเทพโดยตรง ผู้บริโภคในชุมชนเมืองได้เรียนรู้ถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ในการพัฒนาข้าวและรู้ซึ้งถึงคุณค่าของข้าวไทยที่มีหลากหลายพันธุ์ มีคุณค่าทางโภชนาการ ได้สัมผัสกับวัฒนธรรมวิถีข้าว วิถีไทยจาก ๔ ภาค กระตุ้นให้คนไทยให้ความสำคัญกับการผลิตและการบริโภคข้าวคุณภาพที่ผลิตด้วยระบบมาตรฐาน โดยเฉพาะข้าวอินทรีย์ นอกจากนี้ผู้ผลิตข้าวได้เรียนรู้การค้าขายทางอิเล็กทรอนิกส์ตลาดออนไลน์และการเชื่อมโยงของตลาดข้าวคุณภาพจากภูมิภาคมายังศูนย์การค้าชั้นนำ เช่น Makro สาขาสามเสนที่เปิดโอกาสให้กลุ่มเกษตรกรได้จำหน่ายข้าวต่อเนื่องจากวันที่ ๖-๓๐ เมษายน ๒๕๕๘ และ Central World สาขาราชประสงค์ ๑.๒ งาน "วิถีข้าว วิถีไทย" จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร กรมประชาสัมพันธ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สมาคมเชฟแห่งประเทศไทย องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ๑.๓ ผลการดำเนินงาน เกษตรกรร่วมจำหน่ายข้าวคุณภาพดีจากภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ จำนวน ๘๐ บูท ซึ่งประกอบด้วยสินค้าข้าวมากกว่า ๒๒ ชนิด และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวอีกจำนวนมาก คิดเป็นมูลค่าการตลาดรวม ๗,๙๘๘,๔๕๐ บาท ผู้ร่วมฝึกอาชีพ ๗๖๕ คน ใน ๓๗ หลักสูตร มีผู้ร่วมเรียนรู้การสาธิตจากเชฟมืออาชีพจากสมาคมเชฟแห่งประเทศไทย ๑,๒๐๐ คน ใน ๑๕ เมนู รวมทั้งมีการแสดงวัฒนธรรมวิถีข้าว วิถีไทย การละเล่นพื้นเมืองจากทุกภาคและมีศิลปินและนักแสดงเข้าร่วมให้ความบันเทิง โดยได้รับการตอบรับทั้งจากเกษตรกรผู้ขายข้าวเป็นอย่างดีและผู้เข้าร่วมมีความพึงพอใจในระดับดี-ดีมาก โดยมีจำนวนผู้เข้าร่วมชมงาน ๔๘,๔๐๓ คน ซึ่งมีความเห็นว่าควรให้จัดสม่ำเสมอ กระจายทั่วทุกภูมิภาคเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน และทำให้ประเทศมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน สืบไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดให้มีตลาดชุมชนตามแนวทางการจัดงาน “วิถีข้าว วิถีไทย” ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อเป็นการเชื่อมโยงการค้าขายระหว่างผู้บริโภคและผู้ขาย และในอนาคตให้พัฒนาให้เกิดความเชื่อมโยงเป็นห่วงโซ่ของภาครัฐและเอกชนทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาปรับปรุงพันธุ์ข้าวต่าง ๆ ให้มีคุณภาพเหมาะสมกับการเพาะปลูกในแต่ละพื้นที่ และให้พิจารณาความเหมาะสมและความสมดุลของผลผลิตข้าวแต่ละชนิดที่ออกสู่ตลาด รวมทั้งปริมาณการใช้ในประเทศและการส่งออกไปขายยังต่างประเทศด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
24463 | รายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาส 4 ปี 2557 และภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนมกราคม 2558 | อก | 07/04/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาส ๔ ปี ๒๕๕๗ และภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนมกราคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาส ๔ ปี ๒๕๕๗ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ ๑๖๖.๕ ลดลงจากไตรมาส ๓ ปี ๒๕๕๗ (๑๖๖.๘) ร้อยละ ๐.๒ และลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี ๒๕๕๖ (๑๗๐.๕) ร้อยละ ๒.๔ สำหรับอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้ดัชนีลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี ๒๕๕๖ ได้แก่ ยานยนต์ Hard Disk Drive ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เครื่องประดับเพชรพลอย รถจักรยานยนต์ เป็นต้น ๒. ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนมกราคม ๒๕๕๘ อุตสาหกรรมรถยนต์มีการผลิตเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ ๐.๑ อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม การผลิตเพิ่มขึ้นจากมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะชิ้นส่วน อิเล็กทรอนิกส์สำหรับมือถืออุปกรณ์สื่อสารและ Tablet ที่เพิ่มขึ้นมาก การเปิดปิดโรงงาน มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการจำนวน ๓๓๐ ราย ลดลงจาก เดือนธันวาคม ๒๕๕๗ ร้อยละ ๗.๐ สำหรับโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการมีจำนวน ๑๐๗ ราย มากกว่าเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ ร้อยละ ๑๐๙.๘ การขอรับการ ส่งเสริมการลงทุน มีจำนวนโครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ทั้งสิ้น ๓๖ โครงการ เงินลงทุน ๗,๖๖๐ ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ ๔๘.๕๗ และ ๖๒.๐๒ ตามลำดับ โดยประเภทกิจการที่ขอรับการส่งเสริมมากที่สุด คือ หมวดบริการ และสาธารณูปโภค มีมูลค่าเงินลงทุนคิดเป็นร้อยละ ๗๖.๗๖
|
||||||||||||||||||||||||
24464 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2555 และสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2556 | รง | 07/04/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานงบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินของกองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน กรมสวัสดิการคุ้มครองแรงงาน ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ และวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ และงบรายได้และค่าใช้จ่ายสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ และ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองแล้ว โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่กระทรวงการคลังกำหนด ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
24465 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ ตำบลท่าเคย ตำบลคลองไทร อำเภอท่าฉาง และตำบลลีเล็ด ตำบลศรีวิชัย ตำบลมะลวน ตำบลหัวเตย ตำบลท่าข้าม ตำบลพุนพิน ตำบลน้ำรอบ ตำบลหนองไทร ตำบลบางงอน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. .... | กษ | 07/04/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าเคย ตำบลคลองไทร อำเภอท่าฉาง และตำบลลีเล็ด ตำบลศรีวิชัย ตำบลมะลวน ตำบลหัวเตย ตำบลท่าข้าม ตำบลพุนพิน ตำบลน้ำรอบ ตำบลหนองไทร ตำบลบางงอน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าเคย ตำบลคลองไทร อำเภอท่าฉาง และตำบลลีเล็ด ตำบลศรีวิชัย ตำบลมะลวน ตำบลหัวเตย ตำบลท่าข้าม ตำบลพุนพิน ตำบลน้ำรอบ ตำบลหนองไทร ตำบลบางงอน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการลุ่มน้ำตาปี-พุมดวง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
24466 | ความคีบหน้าการดำเนินการตามโครงการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่าของกระทรวงกลาโหม | กห | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงกลาโหมรายงานความคืบหน้าโครงการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่าของกระทรวงกลาโหมว่า งานก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่าซึ่งดำเนินการโดยกรมศิลปากร ปัจจุบันงานออกแบบสถาปัตยกรรมเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ และจะแล้วเสร็จประมาณวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๒ ในการนี้กระทรวงกลาโหมจะได้ดำเนินการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตชื่ออาคารและตราสัญลักษณ์ต่อไป สำหรับการก่อสร้างอาคารหอประชุมกองทัพบกแห่งใหม่ กองทัพบก โดยกรมยุทธโยธาทหารบกได้ออกแบบให้เป็นอาคารต้นแบบที่ลดการใช้พลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมซึ่งจะเริ่มก่อสร้างในวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๘ จะแล้วเสร็จประมาณวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการให้ความสำคัญกับการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมและความเป็นไทยเพื่อสร้างเป็นประวัติศาสตร์ไทยให้ชนรุ่นหลัง จึงควรใช้ประโยชน์จากอาคารพิพิธภัณฑ์ดังกล่าวให้เป็นแหล่งการเรียนรู้ในเรื่องข้างต้นให้แก่นักเรียน นักศึกษา และประชาชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย รวมทั้งให้สร้างการรับรู้เกี่ยวกับโครงการนี้เมื่อได้รับพระราชทานชื่อแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
24467 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากรทางอนุมัติ ด่านพรมแดนและด่านศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (บริเวณจุดผ่านแดนถาวรสามเหลี่ยมทองคำบ้านสบรวกไทย - ลาว และบริเวณจุดผ่านแดนสามเหลี่ยมทองคำ ไทย - เมียนมา) | กค | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดทางอนุมัติและด่านพรมแดนเพิ่มเติมบริเวณจุดผ่านแดนถาวรสามเหลี่ยมทองคำบ้านสบรวกไทย-ลาว และบริเวณจุดผ่านแดนสามเหลี่ยมทองคำไทย-เมียนมา เพื่อเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมขนส่งระหว่างประเทศ ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการในการปฏิบัติพิธีการศุลกากรนำเข้า-ส่งออก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
24468 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - คูเวต | คค | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของบันทึกความเข้าใจลับ (Confidential Memorandum of Understanding) ระหว่างไทย-คูเวต มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบทของความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศ สิทธิความจุ ความถี่ และสิทธิการรับขนการจราจรเส้นทางบิน และการทำการบินโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน ซึ่งจะทำให้สายการบินของทั้งสองฝ่ายมีความยืดหยุ่นในการวางแผนการให้บริการ และเปิดโอกาสให้สามารถขยายบริการไปยังจุดต่าง ๆ ได้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมการเดินทางระหว่างทั้งสองประเทศและเครือข่ายการบินให้ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น อันจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การค้า และการบริการระหว่างประเทศทั้งสองให้เจริญเติบโตอย่างมีศักยภาพต่อไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้กระทรวงคมนาคมประสานกับกระทรวงการต่างประเทศในการจัดทำหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจฯ ต่อไป ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการดำเนินการเสนอบันทึกความเข้าใจในลักษณะดังกล่าวต้องเสนอพร้อมกับร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตเพื่อให้คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในคราวเดียวกัน ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๒. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจฯ ต่อไป โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญได้
|
||||||||||||||||||||||||
24469 | รายงานผลการเยือนสาธารณรัฐอินเดีย | กก | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเยือนสาธารณรัฐอินเดียของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เข้าร่วมงาน “Thailand Trade, Investment and Tourism Roadshow to India” จัดโดยกระทรวงพาณิชย์ มีผู้แทนการค้าและนักธุรกิจจากไทยและอินเดียประมาณ ๕๐ ราย โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้บรรยายเรื่อง “การท่องเที่ยววิถีไทย” พร้อมเชิญชวนให้ชาวอินเดียเดินทางมาไทย ทั้งเพื่อการท่องเที่ยวในรูปแบบต่าง ๆ ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้หารือร่วมกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวในอินเดีย โดยมีประเด็นหารือ อาทิ การใช้มวยไทยเป็นกิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยว การผลักดันในเรื่องของ Multiple Entry Visa ที่มีระยะยาว (๑ ปี) สำหรับนักท่องเที่ยวอินเดีย และการส่งเสริมนักท่องเที่ยวกลุ่มสตรีรุ่นใหม่ที่มีรายได้ของตนเอง และชอบท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่มสตรี เป็นต้น รวมทั้งได้หารือกับผู้ประกอบการด้านจัดงานแต่งงาน (Wedding Planner) โดยผู้ประกอบการด้านจัดงานแต่งงานเห็นว่า ควรให้มีการเชื่อมโยงทางอากาศจากอินเดียไปยังเมืองจุดหมายปลายทางในประเทศไทยโดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ และขอทราบรายชื่อโรงแรมที่มีพื้นที่ชุมชน (Venue) หลายประเภทสำหรับการจัดงาน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเห็นว่า ควรส่งเสริม (Promote) พื้นที่ใหม่ ๆ เพื่อรองรับการจัดงานแต่งงาน เช่น เกาะต่าง ๆ ที่มีโรงแรมและสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม โดยแทรกกิจกรรมที่เกี่ยวกับวิถีไทย (Thainess) ในการสนับสนุนการจัดงานแต่งงาน หรือเป็นกิจกรรมสำหรับผู้เข้าร่วมงานแต่งงานในประเทศไทยได้
|
||||||||||||||||||||||||
24470 | รายงานผลการเยือนประเทศญี่ปุ่น | กก | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเยือนประเทศญี่ปุ่นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระหว่างวันที่ ๘-๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เพื่อพบปะหารือกับประธานเจ้าหน้าที่บริหารของมูลนิธิเพื่อการท่องเที่ยวแบบพำนักระยะยาว (CEO Long Stay Foundation) เรื่อง การพัฒนาการท่องเที่ยวพำนักระยะยาว (Long Stay) ในประเทศไทย โดยมีประเด็นที่นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการญี่ปุ่นต้องการให้ไทยพิจารณา ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การปรับระยะเวลาอนุญาตการตรวจลงตรา (Visa) จาก ๑ ปี เป็น ๑๐ ปี ๒. การโอนทรัพย์สินหรืออสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อในประเทศไทยให้ทายาทได้ ๓. การจัดให้มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ในจังหวัดที่สำคัญ เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ นครราชสีมา ประจวบคีรีขันธ์ และเมืองพัทยา ๔. การจัดทำแบบฟอร์มการตรวจลงตรา (Visa) เป็นภาษาญี่ปุ่น ๕. ขอเพิ่มสำนักงานมูลนิธิเพื่อการท่องเที่ยวแบบพำนักระยะยาว (Long Stay Foundation) จากปัจจุบันมีเพียงแห่งเดียว เป็น ๒ แห่ง
|
||||||||||||||||||||||||
24471 | รายงานสรุปโครงการของขวัญให้ประชาชนทุก 3 เดือน (เมษายน - มิถุนายน 2558) ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี | กก | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปโครงการของขวัญให้ประชาชนทุก ๓ เดือน (เมษายน-มิถุนายน ๒๕๕๘) ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กรมการท่องเที่ยว โครงการ/กิจกรรมที่ดำเนินการ ได้แก่ (๑) กด ATM ฟรี โดยยกเว้นค่าธรรมเนียมรายการถอนเงินสดข้ามเขตผ่านเครื่องถอนเงินสดอัตโนมัติ (ATM) ของธนาคารเจ้าของบัตร รวมทั้งยกเว้นค่าธรรมเนียมฝากเงินสดข้ามเขตภายในธนาคารเดียวกัน ผ่านเครื่องรับฝากเงินอัตโนมัติ (CDM) ในช่วงวันหยุดยาวตั้งแต่วันที่ ๑๓-๑๙ เมษายน ๒๕๕๘ เวลา ๒๓.๐๐ น. (๒) งานประเพณีสงกรานต์ ๘ พื้นที่ อาทิ โครงการสืบสานประเพณีมนัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยตุง ประจำปี ๒๕๕๘ จังหวัดเชียงใหม่ และโครงการจัดงานประเพณีสงกรานต์ชาวรามัญ ประจำปี ๒๕๕๘ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นต้น (๓) โครงการจัดงานขอบลาน อาร์ท มาร์เช่ ครั้งที่ ๖ จังหวัดเพชรบุรี และ (๔) รณรงค์ดูแลรักษาห้องน้ำในแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ ๒. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โครงการ/กิจกรรมที่ดำเนินการ ได้แก่ (๑) เทศกาลเย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์ อาทิ การจัดกิจกรรมเอกลักษณ์รวม ๑๒ พื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ สุโขทัย ขอนแก่น นครพนม หนองคาย พระนครศรีอยุธยา ชลบุรี สมุทรปราการ นครศรีธรรมราช สงขลา และภูเก็ต เป็นต้น (๒) เทศกาล Thailand Music Festival อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (๓) มหกรรมสวรรค์นักช็อป (Thailand Great Grand Sale) โดยจัดงานทั่วประเทศ ๓. กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว โครงการ/กิจกรรมที่ดำเนินการ ได้แก่ การพัฒนาศูนย์ ๑๑๕๕ ประกอบด้วย การกำหนดสเปค และฟังก์ชันของแต่ละศูนย์ให้มีมาตรฐานเดียวกัน การจัดล่ามแปลภาษาหลักและภาษาท้องถิ่น ร่วมปฏิบัติพร้อมชุดสายตรวจเคลื่อนที่ และการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๔. กรมพลศึกษา โครงการ/กิจกรรมที่ดำเนินการ ได้แก่ (๑) โครงการกิจกรรมกีฬาและนันทนาการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ในการจัดการแข่งขันกีฬาโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน (๒) โครงการร้อนนี้มีกีฬาและนันทนาการเพื่อลูกรัก ประจำปี ๒๕๕๘ (๓) จัดการแข่งขันกีฬาชาวไทยภูเขาแห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๒๗ (๔) การประกวดวงโยธวาทิตนักเรียนแห่งประเทศไทย ๕. การกีฬาแห่งประเทศไทย โครงการ/กิจกรรม ได้แก่ (๑) การทดสอบสมรรถภาพทางกาย การแนะนำด้านการเสริมสร้างสุขภาพ และเกมส์ฝึกทักษะชิงรางวัล (๒) โครงการสอนกีฬาภาคฤดูร้อน (Sat Summer) (๓) การจัดการแข่งขันกีฬาจักรยานเสือภูเขา และ (๔) การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ ๒๘ ณ ประเทศสิงคโปร์ ๖. สถาบันการพลศึกษา โครงการ/กิจกรรม ได้แก่ โครงการฟื้นฟู อนุรักษ์ และเผยแพร่การละเล่นพื้นบ้านและกีฬาไทย
|
||||||||||||||||||||||||
24472 | รายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ 1 ปีงบประมาณ 2558 | กค | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ ๑ (ตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๗) ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ สินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่ม ได้แก่ ผลไม้ น้ำหอมและเครื่องสำอาง นาฬิกาและอุปกรณ์ กระเป๋าและเข็มขัดหนัง สุราต่างประเทศ สูท เสื้อ กระโปรง กางเกง สำหรับบุรุษ สตรี เด็กชาย เด็กหญิง และเนคไท เลนส์ รองเท้าหนังและรองเท้าผ้าใบ แว่นตา ปากกาและอุปกรณ์ ไวน์ เครื่องประดับที่ทำด้วยคริสตัล กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์ ผ้าทอทำด้วยขนสัตว์ ไฟแช็คและอุปกรณ์ ดอกไม้ และเครื่องแก้วชนิดใช้บนโต๊ะอาหาร หรือใช้ตกแต่งภายในที่ทำด้วยคริสตัล มีมูลค่านำเข้า ๙๔๙.๘๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๑.๗๐ ของมูลค่านำเข้ารวม เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ (ตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๖) ๔๐.๘๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๔.๔๙ โดยสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด ๓ อันดับแรก ได้แก่ ผลไม้ น้ำหอมและเครื่องสำอาง นาฬิกาและอุปกรณ์
|
||||||||||||||||||||||||
24473 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ครั้งที่ 1/2558 | นร11 | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๘ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) ประธานกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการการเชื่อมโยงข้อมูลแบบบูรณาการสำหรับการนำเข้าการส่งออกและโลจิสติกส์ มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการประสานการดำเนินงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อกำหนดปัญหา อุปสรรค และแนวทางการปรับลดกระบวนการขั้นตอนนำเข้า ส่งออก นำผ่านระบบเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ (Nation Single Window : NSW) รวมทั้งกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน เพื่อให้การบังคับใช้ การดำเนินการนำเข้า ส่งออก แบบไร้เอกสารอย่างปลอดภัย สมบูรณ์ผ่านระบบ NSW เกิดผลเป็นรูปธรรมได้โดยเร็ว และนำเสนอคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศเพื่อพิจารณาต่อไป ๒. การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบโลจิสติกส์อุตสาหกรรม มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมประสานภาคเอกชนหาแนวทางในการดำเนินการพัฒนาสถานประกอบการและพัฒนาบุคลากรในการเชื่อมโยงโซ่อุปทานให้เกิดประสิทธิภาพ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ จนถึงมือผู้บริโภคให้ได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการจัดทำระบบตรวจสอบย้อนกลับเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการและช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ด้านอุตสาหกรรมในภาพรวม ๓. การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบโลจิสติกส์การเกษตร รับทราบผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบโลจิสติกส์การเกษตรที่เห็นชอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโลจิสติกส์และโซ่อุปทานภาคการเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๙ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดทำแผนงาน/โครงการในลักษณะบูรณาการเพื่อตอบสนองต่อประเด็นยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านการเกษตร รวมทั้งเห็นชอบร่างกรอบบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์และโซ่อุปทานสินค้าข้าว (Business Model) โดยให้ปรับปรุงร่างกรอบบริหารจัดการฯ ให้มีความชัดเจนมากขึ้น แบ่งเป็น ๒ กลุ่มหลัก คือ (๑) กลุ่มสินค้าข้าวอินทรีย์ และ (๒) กลุ่มข้าวขาว เนื่องจากมีสภาพปัญหาและความจำเป็นในการพัฒนาระบบโลจิสติกส์และโซ่อุปทานที่แตกต่างกัน ๔. ผลการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๗ มอบหมายให้กรมเจ้าท่าวิเคราะห์สภาพปัญหาอุปสรรคในการขนส่งทั้งด้านกายภาพของท่าเรือ การบริหารจัดการท่าเรือ การบริหารตู้สินค้า พื้นที่หลังท่า ค่าใช้จ่ายในการขนส่งที่เหมาะสม และเสนอแนวทางการพัฒนาท่าเรือชายฝั่งอย่างเป็นระบบเพื่อให้มีการขนส่งสินค้าชายฝั่งเชื่อมโยงระหว่างภาคใต้และภาคตะวันออก รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการท่าเรือในการขนส่งสินค้าผ่านออกต่างประเทศ โดยให้นำเสนอคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศพิจารณาต่อไป ๕. แนวทางการพัฒนาจุดพักรถบรรทุกตามเส้นทางขนส่งสินค้าหลักของประเทศ รับทราบผลการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคมในการพัฒนาจุดพักรถบรรทุกตามเส้นทางขนส่งสินค้าหลักของประเทศ และเห็นชอบในหลักการแผนแม่บทการพัฒนาจุดพักรถบรรทุก ปี พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๗๓ ของกระทรวงคมนาคม โดยมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมจัดทำเป็นข้อเสนอการลงทุนในลักษณะโครงการ โดยให้พิจารณาแนวทางการให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมการพัฒนาศูนย์บริการพักรถบรรทุกตามแผนแม่บทฯ จำนวน ๑๓ แห่ง รวมทั้งประสานกับกรมธนารักษ์ถึงความเป็นไปได้ในการใช้พื้นที่และสำรวจความคิดเห็นของผู้ใช้บริการประกอบการพิจารณาด้วย เพื่อนำเสนอคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป สำหรับระยะต่อไป ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแนวทางการพัฒนาศูนย์บริการพักรถบรรทุกที่จะเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างประเทศตามเส้นทางเศรษฐกิจและเขตเศรษฐกิจพิเศษ ส่วนการลงทุนและพัฒนาจุดจอดพักรถ จำนวน ๒๘ แห่ง ให้กรมทางหลวงประสานกับสำนักงบประมาณเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ๖. แนวทางการพัฒนาและสนับสนุนการขนส่งสินค้าด้วยระบบรางในพื้นที่ภาคตะวันออก รับทราบและมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดการดำเนินงานตามแผนงานเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งระบบรางโดยเฉพาะการก่อสร้างทางคู่บนเส้นทางขนส่งสินค้าหลัก เพื่อสนับสนุนการใช้ระบบรางเป็นโครงข่ายหลักในการขนส่งสินค้าของประเทศ |
||||||||||||||||||||||||
24474 | ขออนุมัติหลักการให้โรงเรียนที่เปิดสอนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพได้รับเงินอุดหนุนรายบุคคลตามสิทธิของโรงเรียนการกุศล | ศธ | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการเพิ่มเติมจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๓๙ [เรื่อง การช่วยเหลือนักเรียนในรูปบัตรค่าเล่าเรียน (อุดหนุนรายหัว ๑๐๐%)] ช่วยเหลือนักเรียนในรูปบัตรค่าเล่าเรียนหรือการอุดหนุนรายบุคคลนักเรียนโรงเรียนเอกชนในอัตราร้อยละ ๑๐๐ ของค่าใช้จ่ายรายบุคคลนักเรียนภาครัฐ เพิ่มเติมให้แก่นักเรียนประเภทอาชีวศึกษาที่จัดการเรียนการสอนโรงเรียนการกุศลหรือการศึกษาสงเคราะห์ ที่ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการศึกษาจากนักเรียน ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๕๘ เป็นต้น ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีการศึกษา ๒๕๕๘ ให้เจียดจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน รายการเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียนเอกชน ค่าจัดการเรียนการสอน ในวงเงินไม่เกิน ๔๑๒,๒๐๐ บาท ตามอัตราเงินอุดหนุนรายบุคคล (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๗ ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไปให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ กรณีการอนุมัติให้โรงเรียนเปิดสอนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพการกุศลนั้น ควรจะมีการพิจารณาอย่างรอบคอบและเคร่งครัด เพื่อให้นักเรียนที่จบออกมามีคุณภาพและได้มาตรฐานตามที่ตลาดแรงงานต้องการ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
24475 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 งบกลาง เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ | สธ | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในวงเงิน ๑๘๑,๔๕๓,๑๐๐ บาท ให้มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
24476 | การปรับปรุงกลไกการขับเคลื่อนการดำเนินงานของผู้บริหารด้านการเสริมสร้างบทบาทหญิงชาย (Chief Gender Equality Officer - CGEO) | พม | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการปรับปรุงกลไกการขับเคลื่อนการดำเนินงานของผู้บริหารด้านการเสริมสร้างบทบาทหญิงชาย (Chief Gender Equality Officer - CGEO) ตามมติคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาสถานภาพสตรีแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบออกแบบกลไกในการติดตามผลการดำเนินงานของ CGEO และเห็นชอบให้หน่วยงานภาครัฐรายงานผลการดำเนินงานประจำปีมายังสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ๑.๒ ให้แต่งตั้ง CGEO ระดับกระทรวง เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติงาน โดยกำหนดให้ปลัดกระทรวง เป็น CGEO กระทรวง เพื่อให้การปฏิบัติงานมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการเรื่องนี้ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรมชัดเจน เช่น โอกาสของหญิงชายในการดำรงตำแหน่ง การแต่งตั้ง โยกย้าย การสับเปลี่ยนหมุนเวียนอย่างเหมาะสม และความก้าวหน้าในการประกอบวิชาชีพตามศักยภาพที่มีอยู่ เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||
24477 | ร่างพระราชบัญญัติการผังเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการผังเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. ๒๕๑๘ โดยกำหนดกลไกทางกฎหมายที่สามารถผลักดันให้การวางและจัดทำผังเมืองรวมบรรลุวัตถุประสงค์ของการผังเมือง รวมทั้งปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการผังเมืองให้เหมาะสม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการแก้ไขผังเมืองรวม “เฉพาะบางส่วนหรือส่วนใดส่วนหนึ่ง” ผู้มีส่วนได้เสียที่มีสิทธิเสนอข้อคิดเห็นหรือยื่นคำร้อง ไม่ควรจำกัดเฉพาะผู้มีส่วนได้เสียในบริเวณดังกล่าวเท่านั้น แต่ควรครอบคลุมถึงผู้มีส่วนได้เสียในผังเมืองรวมนั้น ๆ ทั้งผัง และในการจัดทำ “รายงานการประเมินผลการเปลี่ยนแปลงสภาพการณ์และสิ่งแวดล้อมการใช้บังคับผังเมืองรวม” ต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนผู้มีส่วนได้เสียมีส่วนร่วมให้ข้อคิดเห็นและร่วมจัดทำรายงานการประเมินผลฯ อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองเร่งกำหนด “ระยะเวลาที่เหมาะสม” ในการจัดทำรายงานการประเมินผลฯ และออกระเบียบว่าด้วยแนวทางจัดทำรายงานการประเมินผลฯ รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์มาตรฐานหรือเงื่อนไขที่บ่งชี้ว่าต้องมีการวางและจัดทำผังเมืองรวมขึ้นใหม่ ตลอดจนทำความเข้าใจกับภาคธุรกิจเอกชน ภาคประชาชน และฝึกอบรมเพิ่มขีดความสามารถให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นเกี่ยวกับแนวทาง ขั้นตอน และกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถกำกับดูแลและดำเนินงานการผังเมืองในรูปแบบใหม่ได้สอดคล้องกับสถานการณ์อย่างเหมาะสม ทันการณ์ มีความยั่งยืน และสอดรับกับความต้องการของประชาชนได้อย่างดี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
24478 | การให้สัตยาบันอนุสัญญาว่าด้วยแรงงานทางทะเล พ.ศ. 2549 | รง | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการให้สัตยาบันอนุสัญญาว่าด้วยแรงงานทางทะเล พ.ศ. ๒๕๔๙ มีสาระสำคัญเพื่อจะยกระดับการคุ้มครองแรงงานของคนประจำเรือบนเรือเดินทะเลที่ชักธงไทย และลดอุปสรรคในการเดินเรือทะเลของเจ้าของเรือ อีกทั้งช่วยส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งอนุสัญญาว่าด้วยแรงงานทางทะเล พ.ศ. ๒๕๔๙ ให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบพร้อมกับร่างพระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล พ.ศ. .... ต่อไป ๒. เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบแล้ว ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแจ้งผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานแรงงานระหว่างประเทศ เพื่อการลงทะเบียนให้สัตยาบันอนุสัญญานี้มีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
24479 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการจัดผังเมืองเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น ๓ ส่วน คือ (๑) พื้นที่ที่รัฐบริหารโดยจัดโครงการพื้นฐานให้ (๒) พื้นที่เช่าสำหรับภาคเอกชน และ (๓) พื้นที่เพื่อสนับสนุน SMEs และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงานความก้าวหน้าในการเชิญชวนภาคเอกชนเข้าร่วมลงทุนในพื้นที่ต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนเมษายนนี้ ๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งเจรจาหาข้อสรุปรายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวผ่านทางจังหวัดหนองคาย และพิจารณาหาแนวทางการปรับปรุงพัฒนาถนนบริเวณบ้านผาจี อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ระยะทางประมาณ ๒๐ กิโลเมตร ให้สามารถสัญจรได้สะดวกยิ่งขึ้นด้วย ๑.๓ ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เกี่ยวกับแนวทางดำเนินการให้ด่านสิงขรเป็นจุดผ่อนปรนพิเศษที่เชื่อมโยงทั้งการค้า การท่องเที่ยว การคมนาคมขนส่งบริเวณชายแดน โดยไม่ถือเป็นแนวเขตแดนและไม่มีผลต่อการปักปันเขตแดนในอนาคต โดยให้รายงานความคืบหน้าต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนเมษายนนี้ ๑.๔ ตามที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) ได้ตรวจสอบมาตรฐานของกรมการบินพลเรือนตามโครงการตรวจสอบการกำกับดูแลความปลอดภัยสากล และพบว่าไม่เป็นไปตามมาตรฐาน นั้น ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดแก้ไขปัญหาโดยเร็ว โดยแบ่งการดำเนินการเป็น ๒ ระยะ คือ ระยะเร่งด่วน จ้างที่ปรึกษามาแก้ไขประสิทธิภาพการกำกับดูแลการออกใบอนุญาตด้านการบินให้ได้ตามมาตรฐานของ ICAO และระยะต่อไป ปรับปรุงโครงสร้างการทำงาน แผนพัฒนาบุคลากร ตลอดจนแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้ดำเนินการระยะเร่งด่วนให้แล้วเสร็จภายใน ๑ เดือน ๑.๕ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจเมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับการจัดทำฐานข้อมูลของประชาชนแต่ละกลุ่มโดยเฉพาะเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อยเพื่อนำมากำหนดแนวทางการดูแลความเป็นอยู่และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยเชื่อมโยงกับข้อมูลทะเบียนราษฎรให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน ๑.๖ ให้สำนักงบประมาณร่วมกับกระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ และการลงนามในสัญญาหลังจากสิ้นสุดระยะเวลาก่อหนี้ผูกพัน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ ให้คณะรัฐมนตรีทราบ และให้หน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายลงทุนจำนวนมาก ได้แก่ กรมทางหลวง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมทางหลวงชนบท กรมชลประทาน กรมโยธาธิการและผังเมือง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมทรัพยากรน้ำ รวมทั้งคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำรายงานความก้าวหน้าโครงการส่งให้สำนักงบประมาณทุกสัปดาห์เพื่อรายงานต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๗ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัด “สัปดาห์นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อ SMEs และเกษตรกร” เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs เจ้าของนวัตกรรมได้มีโอกาสพบปะกับหน่วยงานสนับสนุนเงินทุนของภาครัฐ ๑.๘ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับส่งเสริมการขยายตลาดผลไม้ไทยในต่างประเทศ โดยเริ่มต้นจากการจัดกระเช้าผลไม้ที่มีคุณภาพทั้งผลไม้สดและผลไม้แปรรูปสำหรับการต้อนรับแขกต่างประเทศที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย หรือในโอกาสที่รัฐมนตรีไปเยือนต่างประเทศ ๑.๙ ให้กระทรวงพลังงานจัดทำข้อมูลเปรียบเทียบการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมของต่างประเทศ แล้วจัดทำเป็นข้อเสนอทางเลือกเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๑.๑๐ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๙) ตามแผนแม่บทการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเฉพาะการพัฒนาทางวิ่งขึ้นลง (Runway) ที่ ๓ ๒. ด้านสังคม ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดหาฟลูออไรด์ให้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาเพื่อเป็นการส่งเสริมสุขภาพฟันของเด็กและเยาวชนให้แข็งแรง ๓. ด้านการต่างประเทศ ให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดทำข้อมูลสำหรับใช้ในการเจรจาเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศอาเซียนในระหว่างการประชุมสุดยอดเอเชีย-แอฟริกา ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๓ เมษายน ๒๕๕๘ ณ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ในประเด็นที่สำคัญ เช่น การปลูกป่าอาเซียน การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ผลผลิตทางการเกษตร การแก้ไขการเผาป่า การศึกษา การท่องเที่ยว วัฒนธรรม โดยส่งให้กระทรวงการต่างประเทศรวบรวมเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป ๔. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ๔.๑ ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมกับกระทรวงกลาโหม สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานด้านความมั่นคง ศึกษาผลกระทบของการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะ และกำหนดแผนดำเนินการเพื่อรองรับผลกระทบด้วย โดยให้คำนึงถึงประสิทธิภาพของกฎหมายที่สามารถนำมาใช้บังคับได้อย่างแท้จริงและสามารถนำมาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในประเทศได้ ๔.๒ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบการแก้ไขปัญหาที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้าง เช่น การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การดำเนินการเกี่ยวกับการทำประมงที่ผิดกฎหมาย การปรับปรุงมาตรฐานการบินพลเรือนของไทยตามแนวทางขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ การแก้ไขปัญหาการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา พิจารณาเสนอแนวทางตามมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และสร้างการรับรู้ต่อสาธารณะว่าการใช้อำนาจตามมาตรา ๔๔ นั้น ไม่เพียงใช้เพื่อการรักษาความมั่นคงเท่านั้น หากยังใช้ในเชิงสร้างสรรค์สำหรับการแก้ไขปัญหาสำคัญเร่งด่วนของประเทศด้วย ทั้งนี้ ในส่วนของการแก้ไขปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย และการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงานให้นายกรัฐมนตรีทราบทุกสัปดาห์ด้วย ๕. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๕.๑ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการจัดทำ application สำหรับ smart phone, tablet ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในเดือนเมษายนนี้ ๕.๒ ให้ทุกกระทรวง กรมประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการขับเคลื่อนและสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในเรื่องต่อไปนี้ (๑) ด้านสังคม ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างทางการศึกษาของประเทศไทยให้มีมาตรฐานและทัดเทียมกับต่างประเทศ แก้ไขปัญหาไฟป่าและมลพิษหมอกควัน (๒) ด้านเศรษฐกิจ ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างการผลิตทางการเกษตร การพักชำระหนี้เกษตรกร กำหนดมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ และกำหนดมาตรการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (๓) ด้านกฎหมาย ได้ออกกฎหมายเพื่อบังคับใช้ในการแก้ไขปัญหาในเรื่องเร่งด่วน และปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัย และ (๔) ด้านการต่างประเทศ สร้างความเข้าใจกับนานาประเทศให้รับทราบผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องสำคัญ เช่น การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การดำเนินการเกี่ยวกับการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ๕.๓ ให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับแนวทางการใช้ประโยชน์ภาพถ่ายแผนที่จากการสำรวจระยะไกลทางอากาศและดาวเทียม เพื่อบูรณาการข้อมูลของแต่ละหน่วยงาน รวมทั้งกำหนดเจ้าภาพในการรวบรวม จัดเก็บและกลั่นกรองข้อมูลในแต่ละด้าน โดยกำหนดระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลและการปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ และรายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓ เดือน ๕.๔ ให้ทุกหน่วยงานจัดทำข้อมูลผลการดำเนินการในความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงาน โดยเน้นในสิ่งที่ได้ดำเนินการเกิดผลเป็นรูปธรรมแล้ว และสิ่งที่จะดำเนินการต่อไปในระยะ ๕ ปีข้างหน้า แล้วส่งข้อมูลให้สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีทุกสัปดาห์เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการแถลงผลงานรัฐบาลครบรอบ ๖ เดือน ซึ่งจะเริ่มต้นในวันศุกร์ที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๘ โดยนายกรัฐมนตรีจะแถลงผลการดำเนินนโยบายในภาพรวมในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ จากนั้นในสัปดาห์ถัดไปรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีจะแถลงผลงานในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมจิตวิทยา กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และการต่างประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||
24480 | ขออนุมัติเงินอุดหนุนองค์การระหว่างประเทศ โครงการ Asia Pacific Observatory on Health Systems and Policies | สธ | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการให้ขยายระยะเวลาการจ่ายเงินอุดหนุนองค์การระหว่างประเทศ โครงการ Asia Pacific Observatory on Health Systems and Policies ให้แก่องค์การอนามัยโลก ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ในอัตราปีละ ๑๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ ๓,๒๘๐,๐๐๐ บาท (๑ ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ ๓๒.๘๐ บาท) โดยเงินอุดหนุนที่ต้องจ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว และให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับข้อ ๒ ของถ้อยแถลงแสดงเจตจำนงสนับสนุนโครงการฯ (Statement of Intent to support the Asia Pacific Observatory on Health Systems and Policies) ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับโครงการฯ ระบุว่า “ผู้บริจาคจะทำความตกลงเกี่ยวกับการบริจาคเงินอุดหนุนฯ กับองค์การอนามัยโลกแยกต่างหากอีกฉบับหนึ่ง” ไปพิจารณาด้วย |
.....