ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1221 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 24401 - 24420 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
24401 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... | รง | 17/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเพื่อจัดตั้งสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานขึ้นเป็นองค์การมหาชนตามกฎหมายว่าด้วยองค์การมหาชน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับร่างมาตรา ๑๐ (๒) ของร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวที่บัญญัติให้ทุนและทรัพย์สินในการดำเนินกิจการของสถาบันฯ ประกอบด้วยเงินที่รัฐบาลจ่ายให้เป็นทุนประเดิม นั้น ตามร่างมาตรา ๔๐ กำหนดเกี่ยวกับการโอนบรรดาอำนาจหน้าที่ กิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณของสำนักความปลอดภัยแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานไปเป็นของสถาบันฯ ไว้แล้ว ประกอบกับมีแหล่งเงินทุนต่าง ๆ และเงินอุดหนุนทั่วไปที่รัฐบาลจัดสรรให้ตามความเหมาะสม ดังนั้น ในวาระเริ่มแรก สถาบันฯ น่าจะมีทุนที่เพียงพอในการดำเนินกิจการอยู่แล้วไม่ต้องกำหนดให้รัฐบาลจ่ายเงินเป็นทุนประเดิมแต่อย่างใด รวมทั้งเมื่อมีการโอนภารกิจบางส่วนของสำนักความปลอดภัยแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ไปเป็นของสถาบันฯ ตามพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้แล้ว ก็ควรมีการพิจารณายุบเลิกสายงานหรือปรับลดบุคลากร เพื่อให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับภารกิจที่ลดลง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
24402 | ร่างปฏิญญาทางการเมืองเนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี ของการประชุมระดับโลกว่าด้วยเรื่องสตรี ครั้งที่ 4 | พม | 17/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการรับรองร่างปฏิญญาทางการเมืองเนื่องในโอกาสครบรอบ ๒๐ ปี ของการประชุมระดับโลกว่าด้วยเรื่องสตรี ครั้งที่ ๔ ระหว่างวันที่ ๙-๒๐ มีนาคม ๒๕๕๘ ณ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเป็นการแสดงความมุ่งมั่นและเจตจำนงทางการเมืองของประเทศไทยที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศและการเสริมพลังสตรีซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ในการดำเนินงานต่อไป ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
||||||||||||||||||
24403 | การเข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิกของไทยในทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ (International Renewable Energy Agency : IRENA) | พน | 17/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงพลังงานยื่นใบสมัครเป็นสมาชิกทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ (International Renewable Energy Agency : IRENA) ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงพลังงานดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ให้กระทรวงพลังงานยื่นใบสมัครเป็นสมาชิกทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศพร้อมทั้งแนบธรรมนูญทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศพร้อมคำแปลก่อน และเมื่อทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศได้เห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกแล้ว กระทรวงพลังงานจึงแจ้งคณะรัฐมนตรีพร้อมทั้งแนบธรรมนูญของทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศและคำแปล ตลอดจนร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบอีกครั้งหนึ่ง ต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เห็นควรพิจารณาจัดตั้งคณะทำงานด้านพลังงานหมุนเวียน เพื่อกำหนดเป้าหมายวางแผนการดำเนินงานด้านการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงานหมุนเวียน รวมทั้งควรมีการกำหนดรูปแบบหรือกรอบความร่วมมือที่ชัดเจนเพื่อให้ประเทศไทยได้ประโยชน์จากการเป็นสมาชิกสูงสุด ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||
24404 | การสมัครของไทยเพื่อเป็นประเทศผู้สังเกตการณ์ของกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก (Pacific Alliance) | กต | 17/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการสมัครของไทยเพื่อเป็นประเทศผู้สังเกตการณ์ของกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก (Pacific Alliance) ๑.๒ เห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะมนตรีของกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก รวมทั้งการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องที่ประเทศผู้สังเกตการณ์ได้รับเชิญ ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องของไทยเพื่อประโยชน์ของไทยในฐานะประเทศผู้สังเกตการณ์ดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่าการเป็นประเทศผู้สังเกตการณ์ควรมีการกำหนดจุดเน้นที่สำคัญประกอบด้วย เช่น ในเรื่องมาตรฐานสินค้าและบริการ และการบังคับใช้กฎระเบียบต่าง ๆ เป็นต้น และควรมีการส่งเสริมบทบาทของกรอบความร่วมมือที่ไทยร่วมเป็นสมาชิกกับกลุ่มประเทศในลาตินอเมริกาอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น เช่น เวทีความร่วมมือระหว่างเอเชียตะวันออกและลาตินอเมริกา (Forum for East Asia-Latin America Cooperฟtion : FEALAC) เพื่อลดความซ้ำซ้อนของกิจกรรม แผนงาน และโครงการความร่วมมือที่อาจมีขึ้นต่อไปในอนาคต ไปพิจารณาต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
24405 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายชูศักดิ์ เกษมศานติ์) | สธ | 17/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายชูศักดิ์ เกษมศานติ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาศัลยกรรม) กลุ่มงานศัลยศาสตร์ กลุ่มภารกิจวิชาการ สถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||
24406 | ขอความเห็นชอบการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสภารัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (สภาซีเมค) ครั้งที่ 48 | ศธ | 17/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสภารัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (สภาซีเมค) ครั้งที่ ๔๘ ระหว่างวันที่ ๖-๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ โรงแรม Royal Cliff Hotels Group พัทยา จังหวัดชลบุรี ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒ ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประชาสัมพันธ์ให้สาธารณชนได้รับรู้ เข้าใจวัตถุประสงค์และประโยชน์ของการจัดประชุมเพื่อร่วมกันเป็นเจ้าภาพที่ดีและสนับสนุนให้การประชุมบรรลุผลตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการนำเรื่องการศึกษาทางไกล ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีสารสนเทศและเครื่องมือที่เหมาะสมมาใช้ในการจัดการเรียนการสอน ไปเสนอในการประชุมสภาซีเมคด้วย |
||||||||||||||||||
24407 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านกรูด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... | มท | 17/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านกรูด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลธงชัย อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
24408 | การปรับกฎเฉพาะรายสินค้าจากพิกัดศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์ ฉบับปี 2007 เป็นฉบับปี 2012 ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี | พณ | 17/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการปรับกฎเฉพาะรายสินค้าจากพิกัดศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์ ฉบับปี ๒๐๐๗ เป็นฉบับปี ๒๐๑๒ ภายใต้ความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) และกระทรวงพาณิชย์ (กรมการค้าต่างประเทศ) ดำเนินการต่อไปเพื่อให้กฎเฉพาะสินค้าภายใต้ความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี พิกัดศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์ ฉบับปี ๒๐๑๒ มีผลบังคับใช้โดยเร็ว ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งสำนักเลขาธิการอาเซียนเพื่อผนวกกฎเฉพาะรายสินค้า ฉบับปี ๒๐๑๒ เข้าไปในความตกลงการค้าสินค้าภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสาธารณรัฐเกาหลี ทั้งนี้ ให้แจ้งเมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบและกรมศุลกากรดำเนินกระบวนการภายในเสร็จแล้ว ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า การดำเนินการปรับกฎเฉพาะรายการสินค้าจากพิกัดศุลกากรระบบฮาโมไนซ์ ฉบับปี ๒๐๐๗ เป็นฉบับปี ๒๐๑๒ เป็นการปฏิบัติให้สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ขององค์กรศุลกากรโลกที่ไทยเป็นสมาชิกซึ่งจะมีการปรับพิกัดศุลกากรตามกรอบระยะเวลา ๕ ปี ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์ควรเร่งประชาสัมพันธ์ และสร้างความรู้ความเข้าใจให้ผู้ประกอบการทราบถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อเกิดความชัดเจนและลดปัญหาอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นในทางปฏิบัติซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการค้าของไทยในตลาดอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||
24409 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2558 (ครั้งที่ 1) | พน | 17/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ (ครั้งที่ ๑) ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๑.๑ อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง รวม ๓ ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๑.๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดกระทะไฟฟ้าก้นตื้นที่มีประสิทธิภาพสูง พ.ศ. .... ๑.๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดตู้น้ำเย็นบริโภคและตู้น้ำร้อนน้ำเย็นบริโภคที่มีประสิทธิภาพสูง พ.ศ. .... ๑.๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดเตาอบไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง พ.ศ. .... ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงการคลังไปพิจารณาออกพระราชกฤษฎีกาลดหย่อนภาษีสำหรับอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงและวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ๒. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ (ครั้งที่ ๑) จำนวน ๔ เรื่อง ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒.๑ แนวทางการดำเนินการกับผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) ประเภทสัญญา Firm ระบบ Cogeneration ที่จะสิ้นสุดอายุสัญญา ๒.๒ อัตราการรับซื้อไฟฟ้าพิเศษจากขยะอุตสาหกรรม ในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) สำหรับปี ๒๕๕๘-๒๕๖๒ ๒.๓ การออกระเบียบการรับซื้อจากโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ๒.๔ แผนแม่บทการพัฒนาระบบโครงข่ายสมาร์ทกริดของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๗๙ ๓. ให้กระทรวงพลังงานรับข้อเสนอแนะของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ดังนี้ ๓.๑ ปัจจุบันเตาอบไฟฟ้า กระทะไฟฟ้าก้นตื้น ตู้น้ำเย็นบริโภค และตู้น้ำร้อนบริโภค เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้า ที่มีใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในครัวเรือนและสำนักงาน ซึ่งเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าในลำดับต้น ๆ ที่ควรมีกฎหมายบังคับค่าประสิทธิภาพพลังงานขั้นต่ำ และวางแผนกำหนดค่าประสิทธิภาพพลังงานขั้นต่ำของสินค้าที่จะวางขายในตลาด และเพื่อกำหนดค่าต่ำสุดของประสิทธิภาพของอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง และในการลดหย่อนภาษีของอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง ควรให้สิทธิประโยชน์สินค้าทั้งที่ผลิตจากในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งควรกระจายสิทธิประโยชน์ถึงผู้บริโภคซึ่งเป็นผู้ใช้สินค้าเพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดการใช้มากขึ้น ๓.๒ การเพิ่มการรับซื้อไฟฟ้าที่ผลิตจากขยะอุตสาหกรรม ควรพิจารณาถึงกรอบระยะเวลาการสนับสนุนให้เหมาะสม เมื่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนสามารถแข่งขันได้กับการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลแล้ว ควรมีการพิจารณาปรับลดราคาหรือยกเลิกการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทน ๓.๓ การออกระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าเฉพาะจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed in Tariff (FiT) สำหรับปี ๒๕๕๘ (ไม่รวมพลังงานแสงอาทิตย์) ควรแก้ไขสัญญาที่ครอบคลุมไปถึงกลุ่มผู้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบไปแล้วที่ยังอยู่ในระยะเวลาสนับสนุน ๗ ปีด้วย โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบไปแล้วที่ขนาดการผลิตที่ไม่เกิน ๑ เมกะวัตต์ เพื่อให้ความเป็นธรรมที่ทั่วถึงกับการดำเนินการในช่วงเปลี่ยนผ่านจากระบบ Adder เป็น FiT ที่ครอบคลุมในทุกกลุ่ม ๓.๔ ระบบโครงการข่ายสมาร์ทกริด ในการพัฒนาโครงข่ายในช่วงต้นยังจำเป็นต้องนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศเป็นหลัก แต่ในระยะยาวประเทศไทยต้องพึ่งพาตนเองทางด้านเทคโนโลยีให้มากขึ้น จึงจำเป็นต้องมีการวางแผนเพื่อการพัฒนาเทคโนโลยีสมาร์ทกริดเหล่านี้ภายในประเทศ ได้แก่ การส่งเสริมการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา การผลิตอุปกรณ์ การสร้างศูนย์ทดสอบมาตรฐานอุปกรณ์และการติดตั้ง การพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องทั้งด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและระดับแรงงานวิชาชีพ เป็นต้น |
||||||||||||||||||
24410 | ร่างยุทธศาสตร์การจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เชิงบูรณาการ ปี พ.ศ. 2557 - 2564 | ทส | 17/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างยุทธศาสตร์การจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เชิงบูรณาการ ปี พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๔ จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นกรอบนโยบายการบริหารจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์อย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นทางซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าฯ ให้มีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมทัดเทียมระดับสากล จนถึงปลายทางซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนากลไกการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าฯ อย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตามความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทำหน้าที่ประสานงานและติดตามการดำเนินงานให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ฯ และจัดทำรายงานเสนอต่อรัฐบาล ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวง กรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกรอบยุทธศาสตร์ฯ และจัดทำรายงานเสนอต่อรัฐบาล ๑.๔ มอบหมายให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามแผนปฏิบัติการภายใต้ยุทธศาสตร์ฯ ให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ เพื่อดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ฯ ให้บรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำแผนปฏิบัติการที่จะดำเนินการในช่วงระยะเวลา ๓ เดือน ๖ เดือน ๙ เดือน และ ๑ ปี ให้ชัดเจนตามแนวทางของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องประเภทนโยบาย แผนงานโครงการต่อคณะรัฐมนตรี) รวมทั้งกำหนดแนวทางให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการดำเนินการตามแผน โดยเฉพาะธุรกิจที่เป็นผู้ผลิตหรือนำเข้าผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประสานงานในรายละเอียดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินโครงการตามแผนเกิดความชัดเจน และควร notify ให้องค์การการค้าโลก (WTO) ได้รับทราบด้วย เพื่อประโยชน์ต่อการค้าระหว่างประเทศของไทย รวมทั้งส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพัฒนาระบบฐานข้อมูลของผู้ประกอบกิจการเกี่ยวกับการสะสม การผลิต การรับซื้อขาย การถอดแยก การรีไซเคิลซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ รายย่อย และรายที่ไม่ได้มีการจดทะเบียนโรงงานแต่รับซื้อซากผลิตภัณฑ์มาทำการถอดแยกอย่างไม่เหมาะสม เพื่อเป็นข้อมูลนำไปสู่การพัฒนาปรับปรุงกลไกการคัดแยก เก็บรวบรวม และขนส่งซากผลิตภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนเร่งรัดการประกาศใช้ (ร่าง) พระราชบัญญัติการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และซากผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว พร้อมทั้งเร่งพิจารณาจัดทำร่างกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนการดำเนินตามยุทธศาสตร์ฯ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ฯ ปี พ.ศ. ๒๕๕๐-๒๕๕๔ ที่ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว นอกจากนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมทำการศึกษาวิเคราะห์บริบทการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในระดับโลก และระดับภูมิภาค ที่จะส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย เช่น กฎกติการะหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง และกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจและสังคมระหว่างประเทศต่าง ๆ และนำมาประกอบการพิจารณาปรับเพิ่มเติมเป้าหมายของยุทธศาสตร์ฯ เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||
24411 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนท่าลาน จังหวัดสระบุรี พ.ศ. .... | มท | 17/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนท่าลาน จังหวัดสระบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลหนองบัว ตำบลสร่างโศก ตำบลบ้านครัว ตำบลบางโขมด อำเภอบ้านหมอ และตำบลเริงราง ตำบลบ้านยาง อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคม และการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
24412 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม พ.ศ. .... | มท | 17/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลคลองโยง ตำบลศาลายา ตำบลมหาสวัสดิ์ อำเภอพุทธมณฑล และตำบลหอมเกร็ด ตำบลทรงคนอง ตำบลบางเตย อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
24413 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองพล จังหวัดขอนแก่น พ.ศ. .... | มท | 17/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองพล จังหวัดขอนแก่น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลเก่างิ้ว ตำบลโจดหนองแก ตำบลเมืองพล ตำบลโสกนกเต็น ตำบลเพ็กใหญ่ ตำบลลอมคอม ตำบลโนนข่า และตำบลหนองมะเขือ อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
24414 | ขออนุมัติใช้งบประมาณเป็นค่าใช้จ่ายการดำเนินงานจัดงานพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก | นร01 | 17/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นชอบในหลักการให้หน่วยงานต่าง ๆ รวม ๔ หน่วยงาน เบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีไม่มีหนี้ผูกพันได้ถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ แล้ว ในกรอบวงเงิน ๑๑๓,๑๐๓,๗๙๔ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
๑. สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน ๔๙,๔๓๔,๑๓๖ บาท เป็นค่าใช้จ่ายอุดหนุนวัดบวรนิเวศวิหารในการจัดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ ๒. กรมศิลปากร จำนวน ๔,๒๐๐,๐๐๐ บาท เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดทำพระโอวาทเป็นที่คั่นหนังสือเพื่อแจกผู้ไปร่วมงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ ๓. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จำนวน ๕๕,๐๑๕,๖๕๘ บาท เป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงภูมิทัศน์และระบบระบายน้ำเขตฌาปนสถานวัดเทพศิรินทราวาส ราชวรวิหาร ๔. กรุงเทพมหานคร จำนวน ๔,๔๕๔,๐๐๐ บาท เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดสร้างซุ้มรับดอกไม้จันทน์ ค่าใช้จ่ายการจัดทำดอกไม้จันทน์ และค่าใช้จ่ายการจัดทำพระรูป โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าวข้างต้นขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายจากสำนักงบประมาณตามนัยระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยตรงต่อไป |
||||||||||||||||||
24415 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองกาฬสินธุ์ พ.ศ. .... | มท | 17/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองกาฬสินธุ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลหนองกุง ตำบลโพนทอง ตำบลบึงวิชัย ตำบลลำพาน ตำบลกาฬสินธุ์ ตำบลเหนือ และตำบลหลุบ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
24416 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณค่าก่อสร้างอาคารหอสมุดและแหล่งเรียนรู้ โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย นครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช | ศธ | 17/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคารหอสมุดและแหล่งเรียนรู้ โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย นครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน ๑ หลัง จากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ วงเงิน ๒๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๒๔,๑๕๔,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๗,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอยู่อีกจำนวน ๗,๑๕๔,๐๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินการก่อสร้างและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติให้ถูกต้องครบถ้วนด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||
24417 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณค่าก่อสร้างอาคารเรียน แบบ 216 ปรับปรุง 46 โรงเรียนบ้านแม่ข้าวต้มท่าสุด จังหวัดเชียงราย | ศธ | 17/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันค่าก่อสร้างอาคารเรียน แบบ ๒๑๖ ปรับปรุง ๔๖ โรงเรียนบ้านแม่ข้าวต้มท่าสุด จังหวัดเชียงราย จำนวน ๑ หลัง จากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้ วงเงิน ๑๘,๖๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๑๙,๔๐๐,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๒,๖๕๕,๐๐๐ บาท ที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๕,๐๔๕,๐๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอีก จำนวน ๑,๗๐๐,๐๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินการก่อสร้างและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการดังกล่าว สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติให้ถูกต้องครบถ้วนโดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||
24418 | ขออนุมัติปรับเพิ่มวงเงินงบประมาณและขอขยายเวลาโครงการก่อสร้างอาคารปฏิบัติการด้านนิวเคลียร์และรังสี (อาคารมาตรวิทยารังสีแห่งชาติ) | วท | 17/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติเพิ่มกรอบวงเงินงบประมาณโครงการก่อสร้างอาคารปฏิบัติการด้านนิวเคลียร์และรังสี จากวงเงินเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้ จำนวน ๔๔๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงินใหม่ จำนวน ๕๓๙,๓๑๒,๐๐๐ บาท ในลักษณะของการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่จะดำเนินการต่อไป โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๗๕,๙๓๖,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๔๖๓,๓๗๖,๐๐๐ บาท สำนักงบประมาณจะพิจารณาจัดสรรงบประมาณตามศักยภาพในการดำเนินงาน ความจำเป็นและความเหมาะสมในแต่ละปีต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินการก่อสร้างและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ เห็นควรให้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติให้ถูกต้องครบถ้วน รวมทั้งเจรจาต่อรองกับผู้รับจ้างให้เหมาะสมและเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการ และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||
24419 | ขออนุมัติโครงการและการกู้เงินสำหรับโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 | กค | 17/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน ภายในกรอบวงเงิน ๗๘,๒๙๔.๘๕ ล้านบาท สำหรับโครงการพัฒนาระบบโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) และเทคโนโลยีอื่นที่เหมาะสมเพื่อการควบคุมทางศุลกากร รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนของกรมศุลกากร ให้กระทรวงการคลังนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ [เรื่อง ยืนยันมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง การกำหนดโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ตามมาตรา ๔ (๘) ของพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘] พร้อมทั้งให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนโดยเคร่งครัดด้วย ทั้งนี้ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการสามารถเริ่มดำเนินกระบวนการจัดหาพัสดุได้ทันทีหลังจากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ดำเนินโครงการ แต่จะลงนามในสัญญาได้ เมื่อได้รับการจัดสรรวงเงินกู้จากสำนักงบประมาณแล้ว ๒. อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินตราต่างประเทศเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ในกรอบวงเงินไม่เกิน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท และถ้าภาวะตลาดการเงินในประเทศเอื้ออำนวยและจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบการเงิน การคลัง และตลาดทุน ให้กระทรวงการคลังสามารถกู้เป็นเงินบาทแทนการกู้เงินตราต่างประเทศได้ ตามนัยมาตรา ๒๒ และมาตรา ๒๓ ของพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และอนุมัติให้จัดสรรเงินกู้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการตามข้อ ๑ ทั้งนี้ ในการกู้เงินและเบิกจ่ายเงินกู้ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่เห็นควรพิจารณากู้เงินให้สอดคล้องกับแผนการเบิกจ่ายของโครงการโดยนำผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจริงมาพิจารณาประกอบด้วย รวมทั้งกำหนดกรอบระยะเวลาในการเบิกจ่ายงบประมาณ (เงินกู้) ตามขั้นตอนดำเนินการตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นมาตรการเร่งรัดให้ส่วนราชการ/หน่วยงานของรัฐที่เป็นเจ้าของโครงการสามารถเริ่มดำเนินโครงการได้โดยเร็ว เพื่อให้การขับเคลื่อนแผนงาน/โครงการเป็นไปตามกรอบระยะเวลา และวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. มอบหมายให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อเป็นค่าดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากการกู้เงินเพื่อดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน ตามความเหมาะสม ๔. เห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินโครงการและการจัดหาเงินกู้ การจัดซื้อจัดจ้าง การโอนหรือเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการ การจัดหาเงินกู้และการเบิกจ่ายเงินกู้ การติดตาม การประเมินผล และการรายงานผลการดำเนินงาน และการใช้เงินสำรองจ่ายและเงินเหลือจ่าย และให้ส่งร่างระเบียบดังกล่าวให้คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาต่อไป โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้กระทรวงการคลังติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการให้สอดคล้องกับภาพรวมของแผนการบริหารจัดการน้ำของประเทศ และแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ ไปประกอบการพิจารณาด้วย ๕. มอบหมายให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาแนวทางการใช้ประโยชน์จากระบบโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ของหน่วยงานราชการให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด |
||||||||||||||||||
24420 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2558 ครั้งที่ 2 | กค | 17/03/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๒ ที่มีวงเงินปรับเพิ่มขึ้น ๗๔,๓๘๓.๕๕ ล้านบาท จากเดิม ๑,๓๕๑,๖๗๓.๘๐ ล้านบาท เป็น ๑,๔๒๖,๐๕๗.๓๕ ล้านบาท ๑.๒ การกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ปรับปรุงครั้งที่ ๒ ๑.๓ ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ปรับปรุงครั้งที่ ๒ ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๑.๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมาย เป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือการค้ำประกันเงินกู้และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะรายงานผลการดำเนินการตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะดังกล่าวตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมและระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๙ ๒. รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรี ภายใต้กรอบแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ปรับปรุงครั้งที่ ๒ ที่มีวงเงินปรับลด ๑๓,๙๙๘.๓๖ ล้านบาท จากเดิม ๑๕๕,๕๐๗.๓๑ ล้านบาท เป็น ๑๔๑,๕๐๘.๙๕ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับกรณีแผนการกู้ต่างประเทศมาเพื่อให้กู้ต่อของรัฐบาล สำหรับการกู้เงินของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) นั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและกระทรวงการคลังในฐานะผู้ให้กู้จะต้องคำนึงถึงการจัดทำแผนการบริหารและแผนการชำระคืนหนี้ที่มีกรอบระยะเวลาการชำระคืนที่ชัดเจน เพื่อมิให้มีผลกระทบต่อกรอบวงเงินกู้ในระยะยาว สำหรับโครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ที่มีความจำเป็น ให้กระทรวงการคลังจัดหาเงินกู้ในรูปแบบดังกล่าวให้เช่นเดียวกันด้วย นอกจากนี้ ในการจัดทำแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีควรยึดตามกรอบแนวทางแผนเงินกู้ ๓ ปี ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อเป็นกรอบวางแผนการบริหารหนี้สาธารณะของประเทศ และเป็นแนวทางในการพิจารณาและจัดลำดับความสำคัญของโครงการที่จะขอใช้เงินกู้ตามแผนในแต่ละปีงบประมาณอย่างเคร่งครัด และควรกำชับให้หน่วยงานที่มีความจำเป็นต้องการก่อหนี้ใหม่หรือปรับโครงสร้างหนี้พิจารณาการกำหนดกรอบวงเงินอย่างรอบคอบ เพื่อให้การดำเนินการโครงการและแผนงานภาครัฐ และการวางแผนบริหารหนี้สาธารณะของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
.....