ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1229 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 24561 - 24580 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
24561 | ขอความเห็นชอบและลงนามพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ 6 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน | กค | 03/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการให้สัตยาบันพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ ๖ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน และตารางข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงินซึ่งเป็นภาคผนวกแนบท้ายพิธีสารฯ ๑.๒ เห็นชอบและอนุมัติการลงนามในพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ ๖ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน โดยมอบอำนาจให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนาม ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๑.๓ นำเสนอพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ ๖ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน และตารางข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงินซึ่งเป็นภาคผนวกแนบท้ายพิธีสารฯ เข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบให้ประเทศไทยให้สัตยาบันพิธีสารดังกล่าว โดยจะมีผลบังคับใช้เมื่อประเทศไทยมอบสัตยาบันสารของพิธีสารฯ ให้แก่สำนักเลขาธิการอาเซียน ๑.๔ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในพิธีสารดังกล่าว เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบให้ประเทศไทยให้สัตยาบันพิธีสารฯ แล้ว ๑.๕ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการมอบสัตยาบันสารของพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ ๖ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน ให้แก่สำนักเลขาธิการอาเซียนเพื่อรับทราบการให้สัตยาบันพิธีสารฯ เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายลงนามในพิธีสารฯ แล้ว โดยพิธีสารและข้อผูกพันดังกล่าวมีสาระสำคัญเป็นการเปิดตลาดการค้าบริการด้านการเงินเพิ่มเติมในสาขาธนาคารพาณิชย์และสาขาประกันภัย ซึ่งเป็นการผูกพันไม่เกินไปกว่าอำนาจตามที่กฎหมายภายในกำหนดไว้ และจะเป็นส่วนหนึ่งของกรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน ๒. ให้นำพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ ๖ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน และตารางข้อผูกพันเฉพาะสำหรับการค้าบริการด้านการเงินภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน เสนอคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
24562 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านกิจการยุติธรรมและกฎหมายระหว่างกระทรวงยุติธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงยุติธรรม แห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม | ยธ | 03/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านกิจการยุติธรรมและกฎหมายระหว่างกระทรวงยุติธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงยุติธรรมแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (MEMORANDUM OF UNDERSTANDING ON JUSTICE AND LEGAL AFFAIRS COOPERATION BETWEEN THE MINISTER OF JUSTICE OF THE KINGDOM OF THALAND AND THE MINISTRY OF JUSTICE OF THE SOCIALIST REPUBLIC OF VIET NAM) มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือในสาขากิจการยุติธรรมและกฎหมายระหว่างกระทรวงยุติธรรมของทั้งสองประเทศ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
24563 | การขอต่อสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี | พม | 03/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การเคหะแห่งชาติต่ออายุสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคารออมสิน วงเงิน ๕๐๐ ล้านบาท ออกไปอีกเป็นระยะเวลา ๓ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
24564 | ขอความเห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกู้เงินระยะสั้นประเภทกู้เบิกเงินเกินบัญชี (O/D) | มท | 03/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กู้เงินระยะสั้นประเภทกู้เบิกเงินเกินบัญชี (O/D) กับธนาคารที่มีเงื่อนไขเหมาะสมที่สุด เพื่อสำรองไว้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการเสริมสภาพคล่อง ในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน เป็นระยะเวลา ๑ ปี (มกราคม-ธันวาคม ๒๕๕๘) ในวงเงิน ๔,๕๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้ กฟภ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณาวิธีการกู้เงินระยะสั้นในรูปแบบอื่น ๆ ด้วย เช่น ตั๋วสัญญาใช้เงิน การทำสัญญากู้เงินเมื่อทวงถาม (Call Loan) และเลือกรูปแบบที่สอดคล้องกับความจำเป็นในการใช้เงินภายใต้ต้นทุนที่เหมาะสมตามอัตราดอกเบี้ยตลาด โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน สำหรับกรณี กฟภ. มีลูกหนี้ค่าไฟฟ้าค้างชำระเป็นส่วนราชการนั้น หากส่วนราชการมีเงินเหลือจ่ายหรือสามารถปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณได้ เห็นควรให้โอนไปชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคเป็นลำดับแรกก่อนตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ (เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพิ่มเติม และเรื่อง การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
24565 | ขอเปลี่ยนแปลงโครงการบริหารจัดการน้ำ ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 | มท | 03/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเปลี่ยนแปลงโครงการบริหารจัดการน้ำ ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยยกเลิกโครงการ รวมทั้งสิ้น ๑๑๙ โครงการ งบประมาณรวม ๒๗๖,๓๖๙,๒๐๐ บาท (ที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินการตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ) เนื่องจากความซ้ำซ้อนปัญหากรรมสิทธิ์ที่ดิน และสภาพแวดล้อมโครงการไม่เหมาะสม และเสนอโครงการใหม่ทดแทนโครงการที่ยกเลิก จำนวน ๑๒๐ โครงการ งบประมาณรวม ๒๗๐,๔๙๑,๑๐๐ บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) สร้างการรับรู้ให้ประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้เข้าใจถึงเหตุผลความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงโครงการบริหารจัดการน้ำดังกล่าวให้ชัดเจน ถูกต้องตรงกันด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
24566 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ 4 | ทส | 03/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๔ [The Fourth Greater Mekong Subregion (GMS) Environment Ministers’ Meeting : EMM] ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๙ มกราคม ๒๕๕๘ ณ กรุงเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. หัวหน้าคณะผู้แทนประเทศสมาชิกอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงได้ร่วมกันรับรองแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๔ (Joint Ministerial Statement) โดยไม่มีการลงนาม ซึ่งสาระสำคัญของแถลงการณ์ร่วมฯ ได้แก่ (๑) รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมจาก ๖ ประเทศ ให้คำมั่นว่าจะพิจารณาแนวทางในการเพิ่มการลงทุนในต้นทุนทางธรรมชาติเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนและครอบคลุมในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (๒) ประเทศสมาชิกยอมรับร่วมกันว่าการดำเนินโครงการความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงมีความสำคัญยิ่งต่อความเจริญรุ่งเรือง การขจัดความยากจน และการพัฒนาที่ยั่งยืนของอนุภูมิภาค (๓) ต้นทุนทางธรรมชาติถือเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจที่นำไปสู่การพัฒนาอย่างครอบคลุม ทั่วถึง และยั่งยืน จึงควรมีการเชื่อมโยงต้นทุนทางธรรมชาติกับการดำเนินงานของทุกสาขาและในทุกระดับของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและการลงทุนอย่างเหมาะสม และ (๔) ประเทศสมาชิกยินดีต่อข้อริเริ่มภายใต้แผนงานด้านสิ่งแวดล้อม โดยจะส่งเสริมความร่วมมือเพื่อการดำเนินงานด้านต้นทุนทางธรรมชาติ ๒. หัวหน้าคณะผู้แทนไทยแจ้งว่า ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพร่วมกับธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) จัดการประชุมระดับเจ้าหน้าที่ จำนวน ๒ รายการ คือ การประชุมประจำปีคณะทำงานด้านสิ่งแวดล้อม GMS ครั้งที่ ๑๒ ในช่วงเดือนเมษายนหรือพฤษภาคม ๒๕๕๘ และการประชุมครึ่งปีคณะทำงานด้านสิ่งแวดล้อม GMS ครั้งที่ ๑๐ ในช่วงเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายน ๒๕๕๘ โดยประเทศสมาชิกรับทราบและยินดีให้การสนับสนุนประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพการประชุมทั้ง ๒ รายการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
24567 | โครงการพัฒนาไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ที่ประตูระบายน้ำและอ่างเก็บน้ำของกรมชลประทาน | มท | 03/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดำเนินโครงการพัฒนาไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กที่ประตูระบายน้ำและอ่างเก็บน้ำของกรมชลประทาน ในกรอบวงเงิน ๘๐๗.๙๗ ล้านบาท ประกอบด้วย การก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่อ่างเก็บน้ำ (พลังงานศักย์) จำนวน ๑๐ แห่ง กำลังการผลิตรวมประมาณ ๘.๔ เมกะวัตต์ วงเงิน ๗๙๓.๙๗ ล้านบาท และก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่ประตูระบายน้ำ (พลังงานจลน์) วงเงิน ๑๔ ล้านบาท โดยใช้เงินรายได้ของ กฟภ. ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ยกเว้นโครงการที่อ่างเก็บน้ำคลองสะพานหิน จังหวัดตราด ให้ กฟภ. ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง เช่น การจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ให้เรียบร้อย ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๒. ให้ กฟภ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ที่เห็นควรเร่งรัดและติดตามการดำเนินโครงการพัฒนาไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กฯ ให้สามารถดำเนินการแล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ และให้ความสำคัญในการวางแผนทางการเงินและบริหารการลงทุนอย่างรอบคอบและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งบริหารค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้อยู่ในกรอบวงเงินลงทุนที่กำหนดไว้ ตลอดจนการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อให้การใช้ประโยชน์จากประตูระบายน้ำและอ่างเก็บน้ำของกรมชลประทานเป็นไปอย่างเต็มที่และเกิดประโยชน์มากที่สุด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้ กฟภ. ร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพิจารณานำนวัตกรรมใหม่ในการผลิตกระแสไฟฟ้ามาดำเนินการให้เหมาะสมกับสภาพปริมาณน้ำในเขื่อนในปัจจุบันด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
24568 | การตรวจสอบบัญชีและรายงานการเงินสำนักงานศาลยุติธรรม สำหรับปีสิ้นสุด วันที่ 30 กันยายน 2556 | ศย | 03/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการตรวจสอบบัญชีและรายงานการเงินสำนักงานศาลยุติธรรม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. งบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ สำนักงานศาลยุติธรรมมีสินทรัพย์/ส่วนทุน จำนวน ๓๐,๙๗๑,๔๙๘,๑๗๕.๙๕ บาท ๒. รายได้และค่าใช้จ่าย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ สำนักงานศาลยุติธรรมมีรายได้จากการดำเนินงาน จำนวน ๑๘,๐๒๓,๒๓๗,๔๒๓.๒๔ บาท ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงาน จำนวน ๑๕,๘๐๗,๕๐๙,๘๒๓.๐๐ บาท โดยมีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย จำนวน ๒,๑๗๗,๕๘๒,๙๗๘.๕๕ บาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
24569 | ขออนุมัติปรับเพิ่มอัตราเบี้ยเลี้ยงทหาร เบี้ยเลี้ยงผู้ต้องขังหรือผู้ถูกควบคุมตัว และค่าอาหารผู้เจ็บป่วย | กห | 03/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติปรับเพิ่มอัตราเบี้ยเลี้ยงทหาร เบี้ยเลี้ยงผู้ต้องขังหรือผู้ถูกควบคุมตัว และค่าอาหารผู้เจ็บป่วย เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ ๒๘ เว้นอัตราเบี้ยเลี้ยงทหารกองประจำการ กรณีไปปฏิบัติราชการเพื่อป้องกันและปราบปรามนอกที่ตั้งปกติ หรือไปปฏิบัติราชการพิเศษเพื่อความมั่นคงแห่งชาติ ให้ได้รับอัตราเบี้ยเลี้ยงเพิ่มขึ้น จากเดิมวันละ ๙๔ บาท เป็นวันละ ๒๐๐ บาท ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ยกเว้นในส่วนของอัตราเบี้ยเลี้ยงประจำสำหรับนักเรียนทหารซึ่งเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วจะบรรจุเป็นนายทหารสัญญาบัตร อัตราเบี้ยเลี้ยงสำหรับนักศึกษาวิชาการทหารหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน และอัตราเบี้ยเลี้ยงสำหรับนักเรียนเตรียมทหาร ให้ได้รับในอัตราค่าเบี้ยเลี้ยงวันละ ๑๒๐ บาท เพื่อมิให้เกิดความเหลื่อมล้ำกับนักเรียนนายร้อยตำรวจ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณ จำนวน ๑,๗๗๘,๕๐๕,๘๐๐ บาท เพื่อดำเนินการตามข้อ ๑ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้กระทรวงกลาโหมปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรกก่อน และหากไม่เพียงพอ ก็ให้ใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามนัยระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม สำหรับในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงกลาโหมขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณรองรับตามประมาณการค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||||||||
24570 | ผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวง( กปส.) ครั้งที่ 1/2558 | สวพส. | 03/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวง (กปส.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ซึ่งที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ และมีมติเห็นชอบ จำนวน ๔ เรื่อง ได้แก่ ยุทธศาสตร์ แผนงาน และคำของบประมาณประจำปี ๒๕๕๘ การเพิกถอนพื้นที่ที่มูลนิธิโครงการหลวงและสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ใช้ประโยชน์ ออกจากเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย การสนับสนุนโครงการพัฒนาและติดตั้งระบบงาน ERP (Enterprise Resource Planning) ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐) และการแต่งตั้งคณะทำงานศูนย์พัฒนาโครงการหลวง ๒. เห็นชอบให้แต่งตั้ง “คณะทำงานสนับสนุนศูนย์พัฒนาโครงการหลวง” โดยมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานดังกล่าว ๓. เห็นชอบให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่สนับสนุนงานของศูนย์พัฒนาโครงการหลวง จำนวน ๓๘ แห่ง และโครงการขยายผลโครงการหลวง จำนวน ๒๙ แห่ง ในวงเงิน ๙๐๓,๙๙๒,๑๔๒ บาท โดยเฉพาะงบประมาณด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของกรมชลประทานและกรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๔. เห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งรัดดำเนินการออกพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนพื้นที่ที่มูลนิธิโครงการหลวงและสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ใช้ประโยชน์ จำนวน ๓ แปลง ออกจากเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย จำนวนพื้นที่ ๘๖๘-๑-๕๘ ไร่ มาเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ได้แก่ แปลงที่ดินด้านทิศเหนือ จำนวน ๒๙๕-๒-๒๖ ไร่ ซึ่งเป็นที่ตั้งมูลนิธิโครงการหลวงและสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) แปลงที่ดินด้านทิศใต้ จำนวน ๑๐๔-๐-๒๒ ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มูลนิธิโครงการหลวงและสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ใช้ประโยชน์ในการทำกิจกรรมอยู่ในปัจจุบัน และพื้นที่อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จำนวน ๔๖๘-๓-๑๐ ไร่ โดยให้ดำเนินการตามข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ๕. เห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติสนับสนุนโครงการพัฒนาและติดตั้งระบบงาน ERP (Enterprise Resource Planning) ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐) ของมูลนิธิโครงการหลวงพร้อมทั้งจัดหางบประมาณสนับสนุนต่อไป ๖. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาในระดับพื้นที่เพื่อนำข้อเสนอแนะจากที่ประชุมไปดำเนินการเพื่อขยายผลให้เกิดเป็นรูปธรรมและเกิดประสิทธิภาพ รวมทั้งเร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการเกี่ยวกับการสนับสนุนงบประมาณดำเนินงานตามที่ได้รับการพิจารณา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
24571 | การแต่งตั้งผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) เพิ่มเติม (จำนวน 7 ราย) | นร05 | 03/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายชื่อผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) และส่วนราชการต่าง ๆ เพิ่มเติม จำนวน ๗ ราย ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. พลเรือเอก อิทธิคมน์ ภมรสูต ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี เป็น ปคร ของรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) ๒. นายประสิทธิ์ สืบชนะ รองปลัดกระทรวงการคลัง เป็น ปคร. ของกระทรวงการคลัง ๓. นายทวารัฐ สูตะบุตร รองปลัดกระทรวงพลังงาน เป็น ปคร. ของกระทรวงพลังงาน ๔. นายอนันต์ ชูโชติ รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็น ปคร. ของกระทรวงวัฒนธรรม ๕. นายธงชัย ดุลยสุข รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็น ปคร. ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ๖. นางวรารัตน์ อติแพทย์ รองเลขาธิการวุฒิสภา เป็น ปคร. ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ๗. นางฐะปาณีย์ อาจารวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร เป็น ปคร. ของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||||||||
24572 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดี ที่ 1) คดีระหว่างนางวิณาพันธ์ ธรรมสิทธิ์ ผู้ฟ้องคดี คณะรัฐมนตรี ที่ 1 กับพวก รวม 4 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย | อส | 03/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดี ที่ ๑) คดีระหว่างนางวิณาพันธ์ ธรรมสิทธิ์ ผู้ฟ้องคดี คณะรัฐมนตรี ที่ ๑ กับพวก รวม ๔ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
24573 | ร่างกฎหมายและการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับกองทุนการออมแห่งชาติ | กค | 03/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามมติเห็นชอบตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ในคราวประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันพุธที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการของกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๗ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ได้แก่ ๑.๒.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดการเป็นสมาชิกกองทุนหรืออยู่ในระบบบำนาญอื่นที่ไม่มีสิทธิเป็นสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. .... ๑.๒.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติของผู้รับมอบหมายให้จัดการเงินของกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. .... ๑.๒.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราการจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบ พ.ศ. .... ๑.๒.๔ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณเงินบำนาญและจำนวนเงินบำนาญขั้นต่ำ พ.ศ. .... ๑.๒.๕ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการจ่ายเงินให้กับสมาชิก หรือผู้รับบำนาญ หรือผู้รับเงินดำรงชีพ ตามมาตรา ๔๐ ของกฎหมายว่าด้วยกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. .... ๑.๒.๖ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการเงินของกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. .... ๑.๒.๗ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการจ่ายเงินชดเชย พ.ศ. .... ๒. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราค่าตอบแทนของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. สำหรับการขอจัดสรรงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น กรณีที่มีผู้เข้าเป็นสมาชิก กอช. จำนวนมากเกินกว่างบประมาณคงเหลือจะรองรับได้ นั้น ให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามแนวทางปฏิบัติกรณีการขออนุมัติใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ ต่อไป ๔. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินงานของ กอช. จะต้องมีความพร้อมที่จะรับโอนผู้ประกันตนและเงินของผู้ประกันตนตามมาตรา ๔๐ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ กรณีบำนาญชราภาพไปเข้า กอช. ทั้งด้านงบประมาณ สำนักงานและบุคลากร เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้การดำเนินภารกิจและการบริหารงานของ กอช. เป็นไปตามวัตถุประสงค์ มีความคล่องตัว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ที่สามารถเข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย สร้างความตระหนักให้แรงงานนอกระบบเห็นถึงความสำคัญของการออม สร้างการรับรู้ และความเข้าใจเกี่ยวกับการโอนย้ายของผู้ประกันตนตามมาตรา ๔๐ กรณีชราภาพของกองทุนประกันสังคมมาที่ กอช. การเพิ่มช่องทางรับสมัครการรับเงินสะสมจากสมาชิกและการหาสมาชิกใหม่ โดยพัฒนาระบบเชื่อมต่อกับ กอช. และมีการกำกับดูแลการปฏิบัติงานในระดับพื้นที่อย่างเข้มงวด การปรับเพิ่มเป้าหมายการดำเนินงานของ กอช. ให้รับสมาชิกเพิ่มจากเฉลี่ยปีละ ๕ แสนราย เป็นไม่ต่ำกว่าปีละ ๑ ล้านราย ตลอดจนการสรรหาเลขาธิการคณะกรรมการ กอช. ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
24574 | การดำเนินการของคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนลงทุนฯ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงหัวลำโพง - บางแค และช่วงเตาปูน - ท่าพระ | คค | 03/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานว่า ได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๓ ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จัดทำรายละเอียดข้อมูลเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของรูปแบบการเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินตลอดสาย เช่น กรณีเดินรถแยกอิสระหรือเดินรถโดยผู้เดินรถรายเดียว ซึ่ง รฟม. ได้รายงานมาแล้วว่าคณะกรรมการ รฟม. มีมติเมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ เห็นว่าการเดินรถไฟฟ้าแบบต่อเนื่องสำหรับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินตลอดสายจะทำให้ประชาชนได้ประโยชน์ ๒. โดยที่มาตรา ๖๙ อันเป็นบทเฉพาะกาลของพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ กำหนดให้โครงการที่อยู่ระหว่างขั้นตอนตามหมวด ๓ ของพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินกิจการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ ยังคงปฏิบัติตามหมวดดังกล่าวต่อไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นขั้นตอนนั้น ๆ จึงให้คณะกรรมการตามมาตรา ๑๓ ของพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ รับไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินโครงการโดยยึดแนวทางตามหลักการที่คณะรัฐมนตรีกำหนด รวมทั้งกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๓. ให้คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐให้คำแนะนำในการดำเนินการตามแนวทางในข้อ ๒ ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
24575 | ขออนุมัติโครงการตามแผนพัฒนาระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วนของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทโดยใช้เงินกู้ | คค | 03/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ [เห็นชอบในหลักการโครงการตามแผนพัฒนาระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน ของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท โดยใช้เงินกู้ วงเงินรวม ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท (กรมทางหลวง วงเงิน ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท และกรมทางหลวงชนบท วงเงิน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท)] และโดยที่โครงการที่ได้รับอนุมัติในครั้งนี้เดิมเป็นโครงการที่เสนอในงบลงทุนปี ๒๕๕๙ จึงให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท) เสนอคำของบลงทุน ประจำปี ๒๕๕๙ เพิ่มเติมต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคมเร่งเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านถึงการดำเนินการก่อสร้างถนนภายในประเทศนั้น ๆ ที่มีแผนเชื่อมโยงกับประเทศไทยตามแนวชายแดนเพื่อให้มีแผนและกำหนดเวลาที่แน่นอนชัดเจนก่อนดำเนินการก่อสร้างทางหรือสะพานเพื่อเชื่อมโยงในส่วนของประเทศไทย เช่น ระเบียงเศรษฐกิจแม่สอด สะพานข้ามแม่น้ำเมย สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ ๕ และจุดผ่านแดนต่าง ๆ เช่น พุน้ำร้อนจังหวัดกาญจนบุรี เป็นต้น ๓. ให้กระทรวงคมนาคมสำรวจและปรับปรุงช่องทางจราจรในเส้นทางที่มีการสัญจรติดขัดคับคั่ง (Bottle neck) บริเวณจุดผ่านแดนต่าง ๆ เช่น จุดผ่านแดนช่องอานม้า ด่านศุลกากรอรัญประเทศ ด่านศุลกากรช่องเม็ก เป็นต้น โดยให้พิจารณาถึงความคุ้มค่าและความจำเป็นด้วย ๔. ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสำรวจและพิจารณาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างเส้นทางใหม่เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเพิ่มช่องทางในการคมนาคมขนส่งเพื่อรองรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษต่าง ๆ รวมถึงระเบียงเศรษฐกิจ เช่น เส้นทางบ้านป่าไร่ และให้คณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการพิจารณาความเชื่อมโยงของเส้นทางที่จะพัฒนาขึ้นกับตลาดและแหล่งค้าขายในพื้นที่นั้น ๆ ด้วย ๕. หากจะมีการค้าขายชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านในบริเวณพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาปักปันเขตแดน ควรจะมีการเจรจาหรือทำข้อตกลงรวมทั้งสองฝ่าย (Joint Agreement) เพื่อกำหนดว่าบริเวณที่สามารถทำการค้าขายได้ โดยไม่ถือเป็นแนวเขตแดน ทั้งนี้ หากเส้นทางใดมีความเสี่ยงหรือไม่ปลอดภัย เช่น มีกับระเบิดหลงเหลือในพื้นที่ ให้ประสานฝ่ายความมั่นคงสำรวจเส้นทางเพื่อความปลอดภัยก่อนดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
24576 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลพุ่มแก อำเภอนาแก และตำบลนาหนาด ตำบลฝั่งแดง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม พ.ศ. .... | กษ | 03/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลพุ่มแก อำเภอนาแก และตบลนาหนาด ตำบลฝั่งแดง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลพุ่มแก อำเภอนาแก และตำบลนาหนาด ตำบลฝั่งแดง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบ ตามโครงการพัฒนาลุ่มน้ำก่ำ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
24577 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายยุทธนา หยิมการุณ) | กค | 03/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายยุทธนา หยิมการุณ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร (นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
24578 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลอ่าวลึกเหนือ ตำบลอ่าวลึกใต้ ตำบลเขาใหญ่ ตำบลนาเหนือ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ และตำบลมะรุ่ย ตำบลบ่อแสน อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา พ.ศ. .... | คค | 03/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลอ่าวลึกเหนือ ตำบลอ่าวลึกใต้ ตำบลเขาใหญ่ ตำบลนาเหนือ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ และตำบลมะรุ่ย ตำบลบ่อแสน อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการ
กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลอ่าวลึกเหนือ ตำบลอ่าวลึกใต้ ตำบลเขาใหญ่ ตำบลนาเหนือ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ และตำบลมะรุ่ย ตำบลบ่อแสน อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา เพื่อสร้างทางหลวงชนบท กบ. ๑๐๐๒ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจ และเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
24579 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลบงตัน อำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 03/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลบงตัน อำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลบงตัน อำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
24580 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดแพร่ พ.ศ. .... | มท | 03/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดแพร่ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดแพร่ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทย และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
.....