ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1225 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 24481 - 24500 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
24481 | ผลการเยือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อย่างเป็นทางการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ | กต | 10/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อย่างเป็นทางการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ให้มีความแน่นแฟ้นเพิ่มมากขึ้น และเพื่อขยายความร่วมมือและผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ พลังงาน การท่องเที่ยวให้เพิ่มพูนมากขึ้น และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการเยือนฯ โดยเฉพาะเร่งรัดผลักดันประเด็นสำคัญต่าง ๆ ตามตารางติดตามผลการเยือนฯ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. ความร่วมมือทวิภาคี ได้แก่ ครบรอบ ๔๐ ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ไทย-สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ การแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงระหว่างไทยกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ความร่วมมือด้านความมั่นคง ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ๒. ความร่วมมือภูมิภาคและในเวทีระหว่างประเทศ ได้แก่ ความร่วมมือในกรอบความร่วมมือภูมิภาค/กรอบพหุภาคี สถานการณ์ในภูมิภาคและสถานการณ์ระหว่างประเทศ |
|||||||||||||||||||||||||||
24482 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ 1/2558 | นร11 | 10/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยที่ประชุมได้พิจารณาข้อเสนอของหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ๖ สถาบัน ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สภาธุรกิจตลาดทุนไทย และสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย รวม ๑๒ เรื่อง ได้แก่ ๑.๑.๑ มาตรการขับเคลื่อน SMEs ระยะเร่งด่วน ๑.๑.๒ แนวทางการปฏิรูประบบรางของประเทศ ๑.๑.๓ การพิจารณาจัดสรรการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนประเภทที่ใช้วัตถุดิบในประเทศ ๑.๑.๔ การยกเลิกการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเครื่องปรับอากาศชนิดที่ใช้ตามบ้านเรือนขนาดไม่เกิน ๗๒,๐๐๐ บีทียูต่อชั่วโมง ๑.๑.๕ มาตรการทางวีซ่าเพื่อกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวไทยในปี ๒๕๕๘ ๑.๑.๖ ห้องปฏิบัติการ (Laboratory) และการตรวจสอบมาตรฐานสินค้าเพื่อการส่งออก ๑.๑.๗ การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายควบคุมการปล่อยน้ำทิ้งจากโรงงานสู่แหล่งน้ำ ๑.๑.๘ (ร่าง) ยุทธศาสตร์สินค้าเกษตร ๔ สินค้า (ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ผลิตภัณฑ์ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม อ้อยโรงงานและน้ำตาลทราย) ๑.๑.๙ ยุทธศาสตร์ข้าวไทย ปี ๒๕๕๘-๒๕๖๒ ๑.๑.๑๐ ความคืบหน้าผลการดำเนินการตามมติคณะกรรมการ กรอ. ครั้งที่ ๑-๒/๒๕๕๗ ๑.๑.๑๑ ความคืบหน้าการติดตามผลการดำเนินการตามมติคณะกรรมการ กรอ. ภูมิภาคของภาคเอกชน ๑.๑.๑๒ ผลการดำเนินการของคณะกรรมการ กรอ. จังหวัด และกลุ่มจังหวัด ๑.๒ เห็นชอบตามมติที่ประชุมคณะกรรมการ กรอ. ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามมติที่ประชุม รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ๒. เพื่อส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญประการหนึ่งของรัฐบาลให้สามารถขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพและบังเกิดผลที่เป็นรูปธรรมโดยเร็ว จึงมอบหมายรองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) ๒.๑ พิจารณาทบทวนความเหมาะสมของคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาการปรับปรุงองค์ประกอบต่อไป ๒.๒ กำกับให้กระทรวงอุตสาหกรรม (สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม) ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการให้ทุกจังหวัดดำเนินมาตรการส่งเสริมและขับเคลื่อน SMEs โดยให้ส่งเสริมวิสาหกิจที่มีศักยภาพและสามารถพัฒนาได้เป็นลำดับแรก โดยให้มีโครงการนำร่องจังหวัดละ ๑ โครงการ และดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จภายใน ๖ เดือน |
|||||||||||||||||||||||||||
24483 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (กพข.) ครั้งที่ 1/2558 | นร11 | 10/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (กพข.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปประเด็นได้ ดังนี้
๑. คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (กพข.) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ โดยการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อเร่งดำเนินการภารกิจที่สำคัญให้นำไปหารือในการพิจารณาแนวทางการทำงานของคณะกรรมการ กพข. ต่อไป ๒. สถานภาพความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย ปี ๒๕๕๗ ๓. ดัชนีและแนวทางการจัดการจุดอ่อนของประเทศจากการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันโดย World Economic Forum : WEF, International Institute for Management Development : IMD และ World Bank ๔. รายงานและข้อเสนอแนะจากผลการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ : เรื่อง Thailand Competitiveness 2013-2014 ๕. สรุปผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “การพัฒนาคลัสเตอร์ : ทศวรรษที่ผ่านมาและก้าวใหม่สู่ทศวรรษต่อไป” ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ โดยแนวทางการพัฒนาและขับเคลื่อนการพัฒนาคลัสเตอร์ให้ดำเนินการภายใต้คณะอนุกรรมการคลัสเตอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะอนุกรรมการ ๖ ชุด ที่จะจัดตั้งขึ้นตามมติที่ประชุมคณะกรรมการ กพข. ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ ๖. แนวทางการทำงานของคณะกรรมการ กพข. และข้อเสนอแนวทางการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสู่ความสำเร็จ โดยให้มีการจัดตั้งคณะอนุกรรมการ ๖ ชุด และมอบหมายให้คณะอนุกรรมการฯ แต่ละชุดจัดทำแผนปฏิบัติการ กำหนดเป้าหมายของแต่ละกิจกรรม (Milestone) ตลอดจนกำกับติดตามการดำเนินงาน พร้อมทั้งจัดทำแผนปฏิบัติการ (Action plan) ภายใน ๑ เดือน และรายงานผลการดำเนินการต่อนายกรัฐมนตรีทุก ๓ และ ๖ เดือน โดยเรื่องเร่งด่วนที่คณะอนุกรรมการฯ ต้องดำเนินการ ๓ เรื่อง ได้แก่ (๑) การพัฒนาคลัสเตอร์ (Cluster) (๒) การจัดการข้อมูลและการสื่อสารประชาสัมพันธ์ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) ศึกษาแบบสอบถามของ IMD และ WEF เพื่อเป็นข้อมูลในการเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจ (Perception) ที่ถูกต้องของผู้บริหารที่ตอบแบบสอบถามเพื่อให้การประเมินผลสถานภาพขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสะท้อนความก้าวหน้าการดำเนินงานเพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของภาครัฐมากยิ่งขึ้น และ (๓) พัฒนากระบวนการทางศุลกากร (Customs Procedures)
|
|||||||||||||||||||||||||||
24484 | รายงานสถานภาพการให้บริการข้อมูลและบริการภาครัฐผ่านแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ | ทก | 10/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและมอบหมายหน่วยงาน ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบช่องทางการเข้าถึงบริการของรัฐในรูปแบบแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ (Mobile Applications) ได้จากจุดเดียวผ่านศูนย์กลางแอปพลิเคชันภาครัฐ (Government Application Center) หรือ GAC ที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน รวมทั้งสถานภาพการพัฒนา Mobile Applications ภาครัฐ ณ เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ สรุปได้ว่า ที่ผ่านมามีหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ ได้นำ Mobile Applications ที่ได้พัฒนาขึ้นบรรจุไว้ในศูนย์กลางแอปพลิเคชันภาครัฐแล้วจำนวนทั้งสิ้น 81 Applications โดยสามารถจัดหมวดหมู่และเรียงลำดับ Mobile Applications ตามประเภทของบริการที่มีการพัฒนามากที่สุด ๕ อันดับแรก คือ (๑) หมวดการเดินทาง ขนส่ง และคมนาคม 15 applications (๒) หมวดสุขภาพและการสาธารณสุข 15 applications (๓) หมวดการเงินภาษีและธุรกิจ 12 applications (๔) หมวดสิ่งแวดล้อม สังคมและชุมชน 8 applications และ (๕) หมวดอื่น ๆ 6 applications แต่ยังมีหน่วยงานภาครัฐอีกจำนวนมากที่ทำการพัฒนา Mobile Applications และยังไม่ได้นำมาขึ้นให้บริการประชาชนผ่านศูนย์กลางแอปพลิเคชันภาครัฐ ซึ่งในการเข้าถึง Mobile Applications ดังกล่าว ประชาชนหรือผู้ใช้บริการยังไม่ได้รับความสะดวกในการเข้าถึงบริการเท่าที่ควร อีกทั้งประชาชนส่วนใหญ่ไม่ทราบว่า หน่วยงานภาครัฐมีบริการอะไรบ้างที่เปิดให้บริการในรูปแบบ Mobile Application แล้ว ส่งผลให้บริการ Mobile Applications ของหน่วยงานภาครัฐที่มีอยู่ในปัจจุบันมีผู้ใช้งานยังไม่มากนัก ซึ่งโครงการพัฒนาช่องทางการเข้าถึงข้อมูลและบริการภาครัฐ จะช่วยให้ประชาชนผู้ที่รับบริการภาครัฐสามารถเข้าถึงบริการได้สะดวก จากทุกที่ ทุกเวลา ผ่านอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ (Mobile Devices) ได้ ๒. มอบหมายให้หน่วยงานภาครัฐที่ทำการพัฒนา Mobile Applications และยังไม่ได้ให้บริการประชาชนผ่านศูนย์กลางแอปพลิเคชันภาครัฐ หรืออยู่ระหว่างการพัฒนา Mobile Applications ใหม่ โปรดประสานงานมายังสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สรอ.) ที่ศูนย์บริการลูกค้า (หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๖๑๒ ๖๐๖๐ หรือ [email protected]) เพื่อนำ Mobile Applications บรรจุไว้ในศูนย์กลางแอปพลิเคชันภาครัฐ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการเข้าถึงบริการต่อไป ๓. มอบหมายให้กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี ทำการประชาสัมพันธ์บริการของภาครัฐในรูปแบบ Mobile Applications และศูนย์กลางแอปพลิเคชันภาครัฐ โดยใช้สื่อประชาสัมพันธ์ของรัฐที่มีอยู่อย่างทั่วถึงและสม่ำเสมอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
24485 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 33 สายหินกอง - อรัญประเทศ ตอนบ้านท่าแดง - บ้านเกาะยาง พ.ศ. .... | คค | 10/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๓ สายหินกอง-อรัญประเทศ ตอนบ้านท่าแดง-บ้านเกาะยาง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๓ สายหินกอง-อรัญประเทศ ตอนบ้านท่าแดง-บ้านเกาะยาง ในท้องที่ตำบลปากพลี อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก ตำบลไม้เค็ด ตำบลบ้านพระ ตำบลดงขี้เหล็ก ตำบลโนนหอม อำเภอเมืองปราจีนบุรี และตำบลโพธิ์งาม ตำบลประจันตคาม อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
24486 | รายงานผลโครงการส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ณ สาธารณรัฐอินเดีย และงานมหกรรมการค้าชายแดน ณ จังหวัดมุกดาหาร | พณ | 10/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามโครงการส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ณ สาธารณรัฐอินเดีย ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ และการจัดงานมหกรรมการค้าชายแดน ณ จังหวัดมุกดาหาร ปี ๒๕๕๘ ระหว่างวันที่ ๕-๙ มีนาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินโครงการส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ณ สาธารณรัฐอินเดีย ๑.๑ การประชุมทวิภาคีร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรม ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะเร่งรัดสรุปผลการเจรจากรอบความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งเขตการค้าเสรี (FTA) ไทย-อินเดีย ที่ได้ลงนามเมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๔๖ ซึ่งไทยได้เสนอเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งต่อไป และทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะร่วมกันผลักดันการเจรจาความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลว่าด้วยความร่วมมือหลากหลายสาขาทางเทคนิคและเศรษฐกิจ (Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation : BIMSTEC) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๑.๒ การลงนามความร่วมมือ ๗ ฉบับ มีผลดังนี้ (๑) ขยายการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ระหว่างสุราษฎร์ธานี-สุราต (๒) เพิ่มการนำเข้าเครื่องปรุงรสจากไทย (๓) ขยายตลาดกล้วยไม้ไทย (๔) ขยายสาขาร้านไก่ทอด ๕ ดาว เป็น ๓๐๐ สาขา (๕) รับเหมาก่อสร้างท่าเรือในมุมไบ (๖) จัดตั้งโรงงานผลิตและส่งออกเครื่องกำจัดมลพิษทางอากาศในจังหวัดลพบุรีและในภาคใต้ และ (๗) จัดตั้งโรงงานผลิตและส่งออกยางรถยนต์ในจังหวัดระยอง ซึ่งจะใช้ยางพาราปีละกว่า ๑ แสนตัน ๑.๓ การจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทย-อินเดีย ประกอบด้วยบริษัทไทย ๔๐ ราย และอินเดีย ๑๐๐ ราย มูลค่าการสั่งซื้อทันทีประมาณ ๔๐ ล้านบาท สินค้าไทยที่ได้รับความสนใจ คือ เครื่องประดับตกแต่งบ้าน เครื่องใช้ในบ้าน เครื่องนุ่งห่ม และอาหาร ๑.๔ การจัดสัมมนาส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว โดยมีการกล่าวสุนทรพจน์สร้างความเชื่อมั่นในประเทศไทยและนำเสนอศักยภาพของประเทศให้แก่นักธุรกิจอินเดีย ๑.๕ การพบกับประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งอินเดีย (Confederation of Indian Industry : CII) ซึ่งสนับสนุนให้ภาคเอกชนจัดตั้ง India-Thailand Joint Business Forum (ITJBF) ซึ่งจะประชุมในเดือนเมษายนนี้ ๒. ผลการดำเนินงานมหกรรมการค้าชายแดน ณ จังหวัดมุกดาหาร มีกิจกรรมสำคัญ เช่น การเดินทางไปเยี่ยมชมเขตเศรษฐกิจพิเศษสะหวันเซโน แขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) การประชุมเมืองคู่แฝดระหว่างจังหวัดมุกดาหารและแขวงสะหวันนะเขต การจัดแสดงและจำหน่ายสินค้า รวม ๓๐๐ คูหา และการลงนามในบันทึกความเข้าใจของคู่ธุรกิจไทย-สปป.ลาว เพื่อสร้าง Healthcare Center ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสะหวันเซโน เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
24487 | รัฐบาลสมาพันธรัฐสวิสเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายอีโว ซีเบอร์ (Mr. Ivo Sieber)] | กต | 10/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอีโว ซีเบอร์ (Mr. Ivo Sieber) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นางคริสทีเนอ ชราเนอร์ บูร์เกเนอร์ (Mrs. Christine Schraner Burgener) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
24488 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาการส่งออก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เพิ่มองค์ประกอบคณะกรรมการพัฒนาการส่งออก) | พณ | 10/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาการส่งออก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิ่มองค์ประกอบคณะกรรมการพัฒนาการส่งออก ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
24489 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัย ราชภัฏนครปฐม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 10/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชา และสีประจำสาขาวิชา ของสาขาวิชานิเทศศาสตร์และสาขาวิชาวิจิตรศิลป์และประยุกต์ศิลป์ เพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
24490 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยเทียน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 10/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยเทียน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยเทียน ในท้องที่ตำบลทุ่งกระบ่ำ และตำบลหนองฝ้าย อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นทางน้ำที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำอย่างเต็มที่ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
24491 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสที่สี่ และภาพรวมของปี 2557 | นร11 | 10/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสที่สี่ และภาพรวมของปี ๒๕๕๗ ซึ่งครอบคลุมความเคลื่อนไหวทางสังคมที่สำคัญ บทความพิเศษเรื่อง “การยกระดับสมรรถนะแรงงาน ความท้าทายที่ต้องเร่งดำเนินการ” และประเด็นทางสังคมที่ต้องเฝ้าระวังในระยะต่อไป สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ความเคลื่อนไหวทางสังคมที่สำคัญ ได้แก่ (๑) การจ้างงานลดลง อัตราการว่างงานต่ำ ขณะที่รายได้เพิ่มขึ้นช้า (๒) การก่อหนี้สินครัวเรือนมีแนวโน้มชะลอลง แต่ต้องเฝ้าระวังการผิดนัดชำระหนี้อย่างต่อเนื่อง (๓) ผู้ป่วยด้วยโรคเฝ้าระวังเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะโรคระบบทางเดินหายใจ (๔) ผู้ป่วยเอดส์มีแนวโน้มลดลง แต่ต้องเฝ้าระวังพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของกลุ่มเยาวชนที่นำไปสู่การเสี่ยงติดเชื้อเอชไอวีที่มาจากเพศสัมพันธ์ไม่ปลอดภัย (๕) ค่าใช้จ่ายในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่เพิ่มขึ้นและต้องเฝ้าระวังกลุ่มเยาวชนเริ่มสูบบุหรี่เมื่ออายุน้อยลง (๖) ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินโดยรวมดีขึ้น แต่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ยาเสพติดทั้งในกลุ่มผู้ค้าและผู้เสพเพื่อลดปัญหาอย่างยั่งยืน (๗) การเสริมสร้างวินัยเป็นหนทางลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินจากอุบัติเหตุจราจรทางบกอย่างยั่งยืน และ (๘) การเปิดตัวรายงานความก้าวหน้าในการต่อต้านการค้ามนุษย์ ประจำปี ๒๕๕๗ โดยรัฐบาลได้ให้ความสำคัญในเรื่องสิทธิมนุษยชนอย่างจริงจัง และได้ดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ตามหลักมาตรฐานสากล 5P (Policy, Prosecution, Protection, Prevention, Partnership) ที่ยึดหลักการสำคัญด้านการคุ้มครองผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเสี่ยง และผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ การบังคับกฎหมายอย่างเข้มงวด และการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันของเจ้าหนาที่รัฐในทุกระดับ ๑.๒ บทความพิเศษเรื่อง “การยกระดับสมรรถนะแรงงาน : ความท้าทายที่ต้องเร่งดำเนินการ” มีเนื้อหาเกี่ยวกับโครงสร้างแรงงานเป็นข้อจำกัดต่อการพัฒนาประเทศ แนวทางและปัญหาการยกระดับสมรรถนะแรงงาน ๑.๓ ประเด็นสังคมที่ต้องเฝ้าระวังในระยะต่อไป ได้แก่ ปัจจัยที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตแรงงาน ตลอดปี ๒๕๕๘ การแก้ไขปัญหาหนี้สิน การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในปี ๒๕๕๘ การป้องกันการเกิดอุบัติเหตุในปี ๒๕๕๘ และแนวทางการพัฒนาสมรรถนะแรงงาน ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปเป็นข้อมูลดำเนินการให้สอดคล้องกับระบบการศึกษา
|
|||||||||||||||||||||||||||
24492 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 (นายเฉลิมศักดิ์ จันทรทิม) | อื่นๆ | 10/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งนายเฉลิมศักดิ์ จันทรทิม เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายในคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ แทนนายเสงี่ยม บุญจันทร์ กรรมการเดิมที่เสียชีวิต ตามที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๐ มีนาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
24493 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข | สธ | 10/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไม่อาจปฏิบัติราชการได้และไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
24494 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (การปรับปรุง มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศและมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งบริษัทการค้าระหว่างประเทศ) | กค | 10/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ (การปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศและมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งบริษัทการค้าระหว่างประเทศ) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
24495 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินการของกรมบังคับคดีเรื่องการประเมินผลจัดอันดับความยาก - ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก (Doing Business 2016) | ยธ | 10/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการของกรมบังคับคดี เรื่อง การประเมินผลจัดอันดับความยาก-ง่าย ในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก (Doing Business 2016) ในส่วนที่เกี่ยวกับด้านการบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง (Enforcing Contract) และด้านการแก้ไขปัญหาการล้มละลาย (Resolving Insolvency) และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
24496 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2550 [จำนวน 10 รูป/คน 1. พระพรหมวชิรญาณ (ปสฤทธ์ เขมงกโร) ฯลฯ] | วธ | 10/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติชุดใหม่ จำนวน ๑๐ รูป/คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมที่ครบวาระ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรี (๑๐ มีนาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. พระพรหมวชิรญาณ (ปสฤทธ์ เขมงกโร) ๒. พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมโม) ๓. พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมมจิตโต) ๔. ศาสตราจารย์กิตติคุณ สุมน อมรวิวัฒน์ ๕. นายดำรง พุฒตาล ๖. พลอากาศเอก วีรวิท คงศักดิ์ ๗. พลเอก ศรุต นาควัชระ ๘. นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว ๙. นายอรุณ บุญชม ๑๐. นายดนัย จันทร์เจ้าฉาย
|
|||||||||||||||||||||||||||
24497 | รัฐบาลบรูไนดารุสซาลามเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายฮาจี อิซมาอิล บิน ฮาจี อับดุล มานัป (Mr. Haji Ismail bin Haji Abd Manap)] | กต | 10/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายฮาจี อิซมาอิ บิน ฮาจี อับดุล มานัป (Mr. Haji Ismail bin Haji Abd Manap) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งบรูไนดารุสซาลามประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน ดาโต๊ะ ปาดูกา ฮัจญี กามิส บิน ฮัจญี ตามิน (Dato Paduka Haji Kamis bin Haji Tamin) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
24498 | ผลการหารือข้อราชการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กับรัฐมนตรีประจำห้องว่าการรัฐบาล สปป.ลาว และการเข้าร่วมงานมหกรรมการค้าชายแดน ณ จังหวัดมุกดาหาร | พณ | 10/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการหารือข้อราชการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ) กับรัฐมนตรีประจำห้องว่าการรัฐบาล สปป.ลาว (ท่านนางบุนเพ็ง มูนโพไซ) ซึ่งเดินทางมาเยือนประเทศไทยตามคำเชิญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างวันที่ ๖-๗ มีนาคม ๒๕๕๘ และการเข้าร่วมงานมหกรรมการค้าชายแดน ณ จังหวัดมุกดาหาร ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการหารือข้อราชการระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กับรัฐมนตรีประจำห้องว่าการรัฐบาล สปป. ลาว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้เสนอแนวทางการขับเคลื่อนการค้าชายแดนมุกดาหาร-สะหวันนะเขต โดยอาศัยการเป็นเมืองคู่แฝดในการขยายโอกาสทางการค้า การลงทุนระหว่างกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันที่จะเร่งผลักดันให้เกิดการดำเนินการร่วมกันอย่างใกล้ชิดต่อไป นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้เสนอให้มีการจัดการประชุมหารือเพื่อวางกรอบแนวทางการเชื่อมความสัมพันธ์ในระดับต่าง ๆ โดยฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ และได้เชิญรัฐมนตรีประจำห้องว่าการรัฐบาล สปป.ลาว มาเยือนไทยเพื่อร่วมกันหาแนวทางขยายมูลค่าการค้าระหว่างกันในระยะเวลาอันใกล้ ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และรัฐมนตรีประจำห้องว่าการรัฐบาล สปป.ลาว ได้เป็นประธานร่วมเปิดงานมหกรรมการค้าชายแดน ที่กระทรวงพาณิชย์จัดขึ้น ณ บริเวณศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร ระหว่างวันที่ ๕-๙ มีนาคม ๒๕๕๘ เพื่อให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในพื้นที่ที่เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ มีผู้ประกอบการทั้งไทย สปป.ลาว และเวียดนาม เข้าร่วมจำหน่ายสินค้า รวมทั้งสิ้น ๓๐๐ คูหา มีการจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ระหว่างนักธุรกิจไทยและนักธุรกิจ สปป.ลาว จำนวน ๔๔ คู่ มูลค่าการค้าเบื้องต้น ๑๘๕ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
24499 | รายงานผลการเยือนสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเยือนสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหัวหน้าคณะนำนักธุรกิจท่องเที่ยวของไทยเข้าร่วมงาน International Tourismus Borse (ITB) 2015 ระหว่างวันที่ ๔-๘ มีนาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลสำเร็จจากการเข้าร่วมงาน จากการสัมภาษณ์ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทย พบว่าภาพรวมการเจรจาธุรกิจในปีนี้ดีกว่าในปี ๒๕๕๗ เป็นอย่างมาก บริษัทนำเที่ยวที่เป็นคู่ค้าจากตลาดยุโรปโดยเฉพาะตลาดเยอรมนีมีความมั่นใจต่อสถานการณ์ในประเทศไทยที่กลับเป็นปกติ ทำให้ผู้ประกอบการของไทยประสบความสำเร็จในการพบปะเจรจาธุรกิจกับบริษัทนำเที่ยวรายใหญ่ และบางรายมีนัดหมายเจรจาธุรกิจภายในงานมากถึง ๔๐ นัดหมาย โดยโรงแรมบางแห่งสามารถเพิ่มยอดจองได้สูงกว่าปี ๒๕๕๖ หรือทำข้อตกลงเบื้องต้นในการส่งนักท่องเที่ยวมายังประเทศไทยล่วงหน้าไปถึงเดือนเมษายนปีหน้า ๒. ภาพรวมของการเข้าร่วมงาน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เปิดตัวแคมเปญปีท่องเที่ยววิถีไทย “2015 Discover Thainess” อย่างเป็นทางการในตลาดยุโรป โดย ททท. ได้สร้างคูหาประเทศไทยขนาด ๕๔๐ ตารางเมตร ภายใน Hall 26B เพื่อจัดเป็นพื้นที่เจรจาธุรกิจ ให้ข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยว รวมทั้งจัดแสดงสาธิตทางศิลปหัตถกรรมไทย โดยภายในคูหาประเทศไทยมีผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทยเข้าร่วม จำนวน ๑๐๖ ราย ประกอบด้วยธุรกิจโรงแรม ๙๐ ราย บริษัทนำเที่ยว ๑๐ ราย และธุรกิจท่องเที่ยวอื่น ๆ อีก ๖ ราย ในจำนวนนี้มีโรงพยาบาลและเรือสำราญล่องแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นสินค้าท่องเที่ยวใหม่ที่เสนอขาย ๓. การหารือความร่วมมือกับกลุ่มประเทศอาเซียนเพื่อขับเคลื่อนการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้พบปะและร่วมหารือกับผู้แทนของรัฐบาลจากกลุ่มประเทศอาเซียน ได้แก่ (๑) สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา มีประเด็นหารือเกี่ยวกับเรื่องการจัดจักรยานมิตรภาพไทย-เมียนมา ในเส้นทางแม่สอด-เมียวดี การจัดกิจกรรม AEC Mega Fam Trip และการนำผู้ประกอบการท่องเที่ยวจากยุโรปและอเมริกามาทัศนศึกษาเส้นทางเชื่อมโยงการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ และ (๒) ราชอาณาจักรกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกันอย่างเข้มแข็ง รวมทั้งด้านมรดกทางวัฒนธรรม ภายใต้แคมเปญ Two Kingdoms One Destination โดยจะมีการจัดตั้งคณะทำงานด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ (Task force on promotion and marketing) เพื่อร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการในการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์แพ็กเกจท่องเที่ยวเชื่อมโยงภายใต้ Two Kingdoms One Destination สำหรับปี ๒๕๕๙ ๔. กิจกรรมภายในงาน นอกเหนือจากการจัดพื้นที่เจรจาธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทยแล้ว ททท. ยังได้จัดกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและสนับสนุนการส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวในภูมิภาคยุโรปฯ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นประธาน ได้แก่ การจัดกิจกรรม Green Tourism Presentation ของมูลนิธิใบไม้เขียว กิจกรรม Thailand Mini Mart @ Berlin กิจกรรม Thailand Networking Lunch กิจกรรมสาธิตนวดแผนไทย และการทำลูกประคบสมุนไพร กิจกรรมการสาธิตงานหัตถศิลป์ "ศิลป์แผ่นดิน" กิจกรรมการให้ข่าวสารการท่องเที่ยว และกิจกรรมการแสดงนาฏศิลป์ไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||
24500 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 10/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านการต่างประเทศ ให้สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติเร่งดำเนินการขยายความร่วมมือกับสาธารณรัฐเกาหลีให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน ๖ เดือน ได้แก่ ความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนศึกษาดูงาน การดำเนินโครงการวิจัยร่วมกัน การฝึกอบรมระยะสั้นและระยะยาวร่วมกัน การยกระดับสิ่งประดิษฐ์ไปสู่เชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะในประเด็นที่ฝ่ายไทยมีความต้องการในขณะนี้ เช่น การแปรรูปวัตถุดิบทางการเกษตรให้มีมูลค่าสูงขึ้น โดยเฉพาะการแปรรูปยางพารา การพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่สาธารณรัฐเกาหลีประสบความสำเร็จ ตลอดจนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ดนตรี และละคร การพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านความงามร่วมกันซึ่งไทยมีสมุนไพรที่สามารถนำมาพัฒนาในด้านนี้ได้ และอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศและชิ้นส่วน ๒. ด้านความมั่นคง ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมกับกระทรวงกลาโหม สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและหน่วยงานด้านความมั่นคงติดตามและประเมินผลการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น และวิเคราะห์สถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อนำมาประกอบการจัดทำแผนการดำเนินงานเพื่อรองรับการบริหารสถานการณ์ความไม่สงบเรียบร้อยภายในประเทศ โดยให้ครอบคลุมทุกสถานการณ์ ๓. ด้านเศรษฐกิจ ๓.๑ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาสินค้าส่งออกสำคัญของประเทศ โดยเฉพาะชิ้นส่วนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความทันสมัยและประสิทธิภาพสูง เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและศักยภาพในการแข่งขันในตลาดต่างประเทศ ๓.๒ ให้คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประสานให้ทุกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณานำรายได้สะสมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาใช้ในการดำเนินโครงการที่มีลักษณะเป็นการช่วยเหลือประชาชนระดับรากหญ้าในพื้นที่ โดยให้เสนอโครงการให้คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาก่อนดำเนินการ ทั้งนี้ ในการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วย ๓.๓ ตามที่รัฐบาลได้จัดงานวิถีข้าว : วิถีไทย ระหว่างวันที่ ๕ มีนาคม-๕ เมษายน ๒๕๕๘ บริเวณข้างคลองผดุงกรุงเกษม เพื่อเป็นช่องทางทางการตลาดสำคัญที่เชื่อมโยงผู้ผลิตกับผู้ส่งออก และผู้ผลิตกับผู้บริโภค ตลอดจนเปิดโอกาสให้ประชาชนได้บริโภคข้าวที่มีคุณภาพ นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหม จัดสถานที่เพิ่มเติมเพื่อให้เกษตรกร สหกรณ์ และผู้ประกอบการได้พบปะกันเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้มีช่องทางการตลาดเพิ่มเติมและมีผลผลิตทางการเกษตรเพิ่มขึ้น และจัดให้มีร้านค้าขายอาหารจานเดียว โดยให้ประชาชนที่เข้าชมงานสามารถเลือกข้าวที่จำหน่ายในงานมาเป็นวัตถุดิบปรุงเป็นอาหารเพื่อจำหน่าย รวมทั้งจัดกิจกรรมเพิ่มเติมเพื่อดึงดูดความสนใจแก่ประชาชนทั่วไปให้มาร่วมเที่ยวงานดังกล่าว นอกจากนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดให้เอกอัครราชทูตหรือแขกต่างประเทศเข้าร่วมชมงานดังกล่าว และให้ทุกหน่วยงานร่วมกันประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมชมงานดังกล่าวด้วย ๓.๔ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงยุติธรรม รวมทั้งภาคเอกชนพิจารณาแนวทางการให้ความช่วยเหลือในการรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรตามความต้องการของแต่ละหน่วยงาน โดยให้พิจารณากำหนดระดับราคาและวิธีการจัดซื้อที่เหมาะสม เป็นไปตามระเบียบ หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องด้วย ๓.๕ ให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางการหารือความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กลุ่มประเทศกัมพูชา-ลาว-เมียนมา-เวียดนาม (CLMV) และอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ในด้านต่าง ๆ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียนร่วมกัน โดยเฉพาะในด้านการค้า การลงทุน พลังงาน รวมทั้งพิจารณาหามาตรการให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการค้าและแนวทางเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจไทยเนื่องจากค่าจ้างในตลาดแรงงานไทยสูงกว่ากลุ่มประเทศ CLMV ค่อนข้างมาก ๓.๖ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเร่งจัดตั้งคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ๕ พื้นที่ชายแดน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๘ โดยนำเสนอนายกรัฐมนตรีภายในสัปดาห์หน้า ๔. ด้านสังคม ให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม (กองทัพบก) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดให้ทุกจังหวัดมีกิจกรรมสร้างเสริมความรู้และประสบการณ์ที่เหมาะสมกับเด็กแต่ละช่วงวัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปิดภาคเรียน เช่น การจัดค่ายฤดูร้อน การจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะวิชาการ โดยขอความร่วมมือจากภาคเอกชนในการสนับสนุนสถานที่ฝึกงานหรือหารายได้พิเศษที่เหมาะสม ทั้งนี้ ให้ศึกษาตัวอย่างจากประเทศที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาบุคลากร เช่น ประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี ๕. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๕.๑ ปัจจุบันการดำเนินแผนงาน/โครงการ เพื่อช่วยเหลือประชาชนและพัฒนาประเทศยังมีความล่าช้า ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งรัดการดำเนินการและรายงานความก้าวหน้าให้คณะรัฐมนตรีได้รับทราบโดยเร็ว และต่อเนื่อง รวมทั้งให้กรมประชาสัมพันธ์และสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมกับหน่วยงานเจ้าของโครงการเก็บข้อมูลและภาพผลงานโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น โครงการบริหารจัดการน้ำ การขุดเจาะบ่อบาดาล งานด้านสาธารณสุข เพื่อนำมาใช้ประกอบการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนได้รับทราบความคืบหน้าในแต่ละขั้นตอน อีกทั้งยังเป็นการสร้างความโปร่งใสในการดำเนินการด้วย และให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินการในเรื่องที่รับผิดชอบเพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และช่วยขับเคลื่อนโครงการสำคัญของรัฐบาล ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ ๕.๒ ให้กรมประชาสัมพันธ์ปรับกำหนดการเผยแพร่การดำเนินงานหรือผลงานของหน่วยงานต่าง ๆ จากทุก ๑ เดือน เป็นทุก ๑๕ วัน โดยให้แต่ละฉบับมีการนำเสนอการดำเนินงานหรือผลงานของทั้ง ๑๙ กระทรวง และระบุชื่อบรรณาธิการแต่ละเรื่องให้ชัดเจนด้วย ๕.๓ ให้ทุกหน่วยงานติดตามผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการทำงานของรัฐบาล เพื่อนำมาพิจารณาแก้ไขและปรับปรุงการดำเนินงานของหน่วยงาน พร้อมทั้งสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนด้วย ๕.๔ ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) กำกับให้ส่วนราชการต่าง ๆ ติดตามความคืบหน้าในการจัดเวทีสาธารณะเพื่อแลกเปลี่ยนแนวคิดในเรื่องต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด และในกรณีที่มีการเชิญผู้แทนจากส่วนราชการเข้าร่วม ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาส่งผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนั้น ๆ และมีความสามารถในการอธิบายและสื่อสารเข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ชี้แจงทำความเข้าใจ และสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องกับประชาชนให้เป็นไปตามแนวทางของรัฐบาลด้วย ๕.๕ โดยที่กระทรวงมหาดไทยมีระบบฐานข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ (Smart Card) ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานและมีความพร้อมในการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานแล้ว นั้น ให้หน่วยงานที่ประสงค์จะใช้ข้อมูลดังกล่าวประสานงานกับกระทรวงมหาดไทยเพื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้ประกอบการดำเนินงานตามภารกิจที่รับผิดชอบต่อไป
|
.....