ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1228 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 24541 - 24560 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
24541 | ขออนุมัติโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรด้วยการจำหน่ายหนี้เป็นสูญในกองทุนหรือเงินทุนในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | กษ | 31/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ในคราวประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘ ดังนี้
๑. อนุมัติโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรด้วยการจำหน่ายหนี้เป็นสูญในกองทุนหรือเงินทุนในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยมีหลักเกณฑ์ในการจำหน่ายหนี้เป็นสูญ แบ่งเป็น ๑๐ กลุ่ม คือ ๑.๑ กรณีโครงการส่งเสริมหรือสงเคราะห์ของรัฐที่ไม่ประสบความสำเร็จ ๑.๒ กรณีประสบภัยพิบัติหรือภัยธรรมชาติ ๑.๓ ปัญหาเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ๑.๔ หนี้ขาดอายุความ ๑.๕ หนี้ค้างชำระเป็นระยะเวลาเกินกว่า ๑๐ ปีขึ้นไป ๑.๖ หนี้ที่ไม่สามารถติดตามทรัพย์เพื่อดำเนินการบังคับคดีได้ ๑.๗ เกษตรกรผู้ยืมเงินเสียชีวิต สาบสูญ หาตัวไม่พบ หรือละทิ้งถิ่นที่อยู่ ๑.๘ เกษตรกรผู้กู้ยืมเงินพิการ ทุพพลภาพ วิกลจริต หรือเจ็บป่วยเรื้อรัง ๑.๙ ลูกหนี้ผู้กู้ยืมเงินมีรายได้น้อยหรือไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ ๑.๑๐ หนี้สินของเกษตรกรผู้กู้ยืมเงินมาจำนวนต้นเงินกู้ไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท ซึ่งจากการดำเนินการฟ้องร้องจะไม่คุ้มกับค่าใช้จ่าย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรกำหนดหนี้ต้นเงินคงค้างไว้ในจำนวนที่เท่ากัน คือ ไม่เกิน ๓๐,๐๐๐ บาท และกำหนดให้กองทุนหรือเงินทุนภายใต้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ใช้ข้อมูลหนี้คงค้าง ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ เป็นกรอบในการสำรวจลูกหนี้เกษตรกรและองค์กรเกษตรกรที่เข้าข่ายได้รับสิทธิในการพิจารณาจำหน่ายหนี้เป็นสูญตามหลักเกณฑ์ของโครงการ รวมทั้งให้คงอำนาจการจำหน่ายหนี้เป็นสูญของกองทุนหรือเงินทุนในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้เป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรีหรือกระทรวงการคลัง นอกจากนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะผู้กำกับดูแลกองทุนหรือเงินทุนเร่งจัดทำแผนปรับปรุง/พัฒนาการดำเนินงานระยะเวลา ๓ ปี ของทุนหมุนเวียนในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประกอบด้วย เงินทุนหมุนเวียนในการผลิตพันธุ์ปลา พันธุ์กุ้ง และพันธุ์สัตว์น้ำอื่น ๆ เงินทุนหมุนเวียนเพื่อผลิตวัคซีนจำหน่าย เงินทุนหมุนเวียนยางพารา เงินทุนหมุนเวียนในการผลิตเชื้อไรโซเบียม เงินทุนหมุนเวียนเพื่อผลิตและขยายพันธุ์พืช และกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๘ (เรื่อง การดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการให้ดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
|||||||||||||||||||||
24542 | โครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน พ.ศ. 2558 ของกระทรวง วัฒนธรรม | วธ | 31/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ซึ่งประกอบด้วย โครงการและกิจกรรมในมิติของศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรมที่แสดงถึงพระอัจฉริยภาพ พระปรีชาสามารถในด้านศิลปวัฒนธรรม และการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ สืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมตามพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. ด้านศาสนา ได้แก่ ๑.๑ โครงการบรรพชาอุปสมบทพระภิกษุ สามเณร และบวชศีลจาริณีภาคฤดูร้อนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ๑.๒ โครงการเทศน์มหาชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ วัดในกรุงเทพมหานคร และทุกจังหวัดทั่วประเทศ ๒. ด้านศิลปะและวัฒนธรรม ได้แก่ ๒.๑ โครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ๒.๒ โครงการนิทรรศการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ๒.๓ โครงการจิตรกรรมเฉลิมพระเกียรติพระราชกรณียกิจสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ๓. ด้านดนตรี วรรณศิลป์ และนาฏศิลป์ ได้แก่ ๓.๑ โครงการเฉลิมพระเกียรติ ๖๐ พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีกับการดนตรี ๓.๒ โครงการแสดงดนตรีไทยโดยครูอาวุโสแห่งรัตนโกสินทร์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ๓.๓ โครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๖๐ พรรษา ๔. ด้านการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ได้แก่ ๔.๑ โครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ณ สหราชอาณาจักรและสาธารณรัฐประชาชนจีน ๔.๒ โครงการประชุมวิชาการนานาชาติ เรื่อง The 2nd International Conference Study of Oriental Lacquer initiated by H.R.H. Princess Maha Chakri Sirindhorn for the Revitalization of Thai Wisdom ๔.๓ โครงการประชุมนานาชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เรื่อง วัฒนธรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
|
|||||||||||||||||||||
24543 | การดำเนินงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ สนับสนุนการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล | สลธ.คสช. | 31/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติรายงานผลการดำเนินงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ สนับสนุนการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล โดยมีผลงานสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. การสนับสนุนการดับไฟป่าและป้องกันหมอกควัน กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ ๓ ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ๙ จังหวัด ได้แก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุของการเกิดหมอกควัน โดยมีผลการปฏิบัติงานที่สำคัญ ๓ ส่วน ได้แก่ (๑) การให้ประชาชนหยุดเผา โดยใช้มาตรการทางกฎหมายและการประชาคม การควบคุมโดยการลงทะเบียนก่อนเข้าพื้นที่ป่า และการร่วมกันดับไฟในพื้นที่รอบหมู่บ้าน (๒) การปฏิบัติทางอากาศ โดยใช้ค่า Hotspot จากดาวเทียม มากำหนดพื้นที่ปฏิบัติการ โดยใช้อากาศยานลาดตระเวนเข้าพื้นที่ป่าภูเขาเพื่อตรวจค้นจุดที่เกิดไฟไหม้ แล้วใช้ชุดปฏิบัติการควบคุมไฟป่าและหมอกควันเข้าทำการลาดตระเวนและดับไฟ รวมทั้งใช้อากาศยานทั้งจากกองทัพบก กองทัพอากาศ และได้รับการสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบ “ชีนุก” จากประเทศสิงคโปร์ ในการควบคุมไฟป่า และ (๓) การทำฝนหลวง กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ ๓ ได้ทำการวิเคราะห์พื้นที่ที่มีความเร่งด่วนในการทำฝนหลวงเป็นประจำทุกวัน สำหรับค่าฝุ่นละอองในบรรยากาศ และค่าคุณภาพอากาศ สถานการณ์ล่าสุดลดลงมากและเข้าสู่ระดับที่ไม่มีผลต่อสุขภาพของประชาชน แต่ในบางพื้นที่ยังคงอยู่ในระดับที่มีผลต่อสุขภาพของประชาชน ๒. โครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาภัยแล้งในพื้นที่แล้งซ้ำซาก ตำบลต่าง ๆ ที่เสนอโครงการผ่านการพิจารณาระดับตำบลครบทั้ง ๓,๐๕๑ ตำบล คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ และตำบลที่เสนอโครงการผ่านการพิจารณาระดับกระทรวง จำนวน ๗๒๘ ตำบล คิดเป็นร้อยละ ๒๓.๘๖ โดยมีจังหวัดที่ดำเนินโครงการผ่านการพิจารณาระดับกระทรวงครบทั้งจังหวัด จำนวน ๑๓ จังหวัด ได้แก่ จังหวัด กระบี่ กำแพงเพชร จันทบุรี เชียงราย นครศรีธรรมราช น่าน พะเยา พิจิตร ลำพูน ตาก สตูล อุทัยธานี และอุตรดิตถ์ ๓. โครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้สนับสนุนองค์การสวนยางในการขนย้ายยางลูกขุนเพื่อระบายสต็อก จำนวน ๒๑,๔๗๙ ตัน จากโรงงานยาง ๒๑ แห่ง ในพื้นที่ภาคใต้ไปยังโกดังกลางในพื้นที่จังหวัดชลบุรี โดยกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ ๔ ได้อำนวยการ ประสานงาน และสนับสนุนการขนย้าย รวมทั้งเจรจากับผู้ประกอบการขนส่งให้รับดำเนินการ โดยองค์การสวนยางทำสัญญาจ้างเหมารถบรรทุกเอกชนจากสมาคม Logistic ภาคใต้ในการขนย้าย และเริ่มขนย้ายในวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๘ กำหนดแล้วเสร็จภายใน ๓๖ วัน ๔. การแก้ปัญหาภัยแล้ง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ ๑-๔ ได้สนับสนุนส่วนราชการและแจกจ่ายน้ำให้กับประชาชนในพื้นที่ ๕๓ จังหวัด โดยได้แจกจ่ายน้ำไปแล้วทั้งสิ้น ๑๓,๕๖๓,๒๐๐ ลิตร ๕. กิจกรรมสำคัญอื่น ๆ ได้แก่ การช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน การจัดตลาดนัดข้าวเปลือกและตลาดนัดทางการเกษตร การสนับสนุนการแก้ปัญหาภัยแล้งตามนโยบายรัฐบาล การสร้างฝายชะลอน้ำ การแก้ไขปัญหาความยากจนโดยใช้โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ประยุกต์ การสนับสนุนกระทรวงพาณิชย์ในโครงการธงฟ้า การซ่อมแซมบ้านของประชาชนที่ประสบวาตภัย เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||
24544 | การประชุมร่วมระหว่างคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาปฏิรูปแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 3/2558 | นร05 | 27/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานว่า การประชุมร่วมระหว่างคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาปฏิรูปแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ มีกำหนดในวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๘ เวลา ๑๕.๐๐ น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
|
|||||||||||||||||||||
24545 | การชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการสภาปฏิรูปแแห่งชาติ | นร | 27/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รายงานว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๘ รับทราบ เรื่อง การชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติ ว่าในการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติ ประธานหรือรองประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติที่ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติมอบหมายจะเป็นผู้ลงนามถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวง นั้น ได้รับการประสานจากสภาปฏิรูปแห่งชาติแจ้งว่า เพื่อให้สอดคล้องกับข้อบังคับการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๗ จึงขอแก้ไขผู้ลงนามถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวง จาก “ประธานหรือรองประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติที่ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติมอบหมาย” เป็น “ประธานกรรมาธิการ” แทน ทั้งนี้ ได้หารือกับรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วยแล้ว
|
|||||||||||||||||||||
24546 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. .... | สว | 27/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. .... ดังนี้ ๑.๑ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ควรจัดทำทะเบียนฐานข้อมูลของสามีและภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งประสงค์จะมีบุตรโดยใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ รวมทั้งหญิงที่รับตั้งครรภ์แทนให้สอดคล้องกับข้อมูลของแพทยสภา เพื่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินงานตามมาตรา ๓๐ หากเกิดกรรีสามีและภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายถึงแก่ความตายก่อนเด็กเกิดและไม่มีผู้ใดร้องขอต่อศาลให้ตั้งผู้ปกครอง จึงควรให้เป็นหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็กดำเนินการร้องขอต่อศาลให้ตั้งผู้ปกครองต่อไป ๑.๒ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ควรมีการติดตามเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์เพื่อให้การคุ้มครองเด็กที่เกิดตามพระราชบัญญัตินี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพตามวัตถุประสงค์ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าวไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้หรือไม่ ประการใดก่อน แล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
24547 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ด่านศุลกากรกันตัง) | กค | 27/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เขตศุลกากร ณ ท่ากันตัง ครอบคลุมบริเวณริมฝั่งแม่น้ำกันตัง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง อันเป็นการอำนวยความสะดวกในด้านการค้า การลงทุน การขนส่งระหว่างประเทศ การจัดเก็บอากร การบังคับใช้กฎหมายในการควบคุมทางศุลกากร การตรวจตราป้องกันการกระทำผิดตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรบริเวณแม่น้ำกันตังให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
24548 | งบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2555 และ 2554 | สธ | 27/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบงบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ ที่ผ่านการตรวจสอบรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ มีรายรับจากเงินงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๕ มีรายได้ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร และรายได้อื่น รวมเป็นเงินรายรับทั้งสิ้น ๑๐๘,๓๒๗.๔๒ ล้านบาท มีรายจ่ายเป็นค่าบริการทางการแพทย์ที่จัดสรรให้หน่วยบริการ รวมเป็นเงินรายจ่ายทั้งสิ้น ๑๐๗,๙๐๒.๓๑ ล้านบาท โดยกองทุนฯ มีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายเป็นเงิน ๔๒๕.๑๑ ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวมจำนวนเงิน ๗,๐๖๒.๗๔ ล้านบาท หนี้สินรวมจำนวนเงิน ๔,๔๔๙.๔๑ ล้านบาท และสินทรัพย์ สุทธิ/ส่วนทุน จำนวนเงิน ๒,๖๑๓.๓๓ ล้านบาท ๒. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินมีข้อสังเกตว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ในฐานะสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สาขาจังหวัด ได้ใช้จ่ายเงินไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของเงินกองทุนฯ ทำให้เกิดความเสียหายแก่กองทุนฯ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๕๖๐,๓๒๕,๘๙๔.๓๕ บาท ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้เสนอแนะให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติพิจารณาดำเนินการตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อหาผู้รับผิดชอบกับเงินจำนวนดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||
24549 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทางเกวียน และตำบลบ้านนา อำเภอแกลง จังหวัดระยอง พ.ศ. .... | กษ | 27/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทางเกวียน และตำบลบ้านนา อำเภอแกลง จังหวัดระยอง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทางเกวียน และตำบลบ้านนา อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบตามโครงการประตูระบายน้ำแม่น้ำประแสร์ และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
24550 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามความตกลงการจัดตั้งสำนักเลขาธิการระดับภูมิภาคสำหรับการดำเนินการตามข้อตกลงร่วมว่าด้วยการยอมรับคุณสมบัติ วิชาชีพด้านการท่องเที่ยวอาเซียน | กก | 27/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้
๑. การจัดทำและลงนามความตกลงการจัดตั้งสำนักเลขาธิการระดับภูมิภาคสำหรับการดำเนินการตามข้อตกลงร่วมว่าด้วยการยอมรับคุณสมบัติวิชาชีพด้านการท่องเที่ยวอาเซียน (Agreement on the Establishment of the Regional Secretariat for the Implementation of the ASEAN Mutual Recognition Arrangement on Tourism Professionals) โดยสาระสำคัญของความตกลงฯ เพื่อจัดตั้งสำนักเลขาธิการระดับภูมิภาคสำหรับการดำเนินการตามข้อตกลงร่วมว่าด้วยการยอมรับคุณสมบัติวิชาชีพด้านการท่องเที่ยวอาเซียน เป็นศูนย์กลางประสานงานและอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับบุคลากรวิชาชีพด้านการท่องเที่ยว โดยจัดให้มีระบบลงทะเบียนบุคลากรวิชาชีพ การฝึกอบรมและการรับรองผู้ฝึกสอนและผู้ประเมินผล การจัดตำแหน่งการจ้างงาน การให้คำปรึกษาและจัดงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากก่อนลงนามมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีโดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นผู้ลงนามความตกลงฯ (โดยระบุตำแหน่ง) ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในการลงนามความตกลงฯ |
|||||||||||||||||||||
24551 | มาตรการป้องกันการทุจริตในกระบวนการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในต่างประเทศ | ปช | 27/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการป้องกันการทุจริตในกระบวนการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในต่างประเทศ ซึ่งกระทรวงแรงงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประชุมหารือ เมื่อวันที่ ๒๐ และ ๒๒ มกราคม ๒๕๕๘ เพื่อพิจารณาดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) เกี่ยวกับการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในต่างประเทศ และการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเคลื่อนย้ายแรงงานเสรีภายใต้ประชาคมอาเซียน ในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ และให้กระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
24552 | แผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย - ศรีสัชนาลัย - กำแพงเพชร | อพท | 27/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแผนแม่บทบูรณาการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร เมืองเก่าน่าน เลย และเมืองโบราณอู่ทอง ตามที่องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) (อพท.) เสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการแผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร เมืองเก่าน่าน เลย และเมืองโบราณอู่ทอง โดยให้จังหวัดเลยเป็นโครงการนำร่องก่อน และเพื่อให้การยกระดับการพัฒนาพื้นที่พิเศษต่าง ๆ มีการบูรณาการและมีความเชื่อมโยงทุกพื้นที่ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินการการฟื้นฟูและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในเรื่องการจัดระเบียบพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวและการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ที่พัก ที่จอดรถ ทางเดิน และสุขา เป็นต้น ๒.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินโครงการเกี่ยวกับการอนุรักษ์ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมบริเวณพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว และให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินโครงการด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมของชุมชนในพื้นที่ ๒.๓ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับกระทรวงพลังงานและกระทรวงมหาดไทยในการบูรณาการด้านการพัฒนาและเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่พิเศษให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ แผนยุทธศาสตร์ด้านพลังงาน ทั้งนี้ การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เกิดขึ้นจะต้องไม่รุกล้ำพื้นที่เขตป่าสงวนหรือเขตอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติโดยเด็ดขาด ๒.๔ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นเจ้าภาพหลักในด้านการประชาสัมพันธ์และการตลาด โดยเน้นการบูรณาการให้สอดคล้องกับนโยบายด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาล ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ (เรื่อง แนวทางการดำเนินงานปีท่องเที่ยววิถีไทย ๒๕๕๘ และขออนุมัติให้ปี ๒๕๕๘ เป็นปีท่องเที่ยววิถีไทยและเป็นวาระแห่งชาติ) ที่เห็นชอบให้ปี ๒๕๕๘ เป็นปี “ท่องเที่ยววิถีไทย” (2015 Discover Thainess) ๓. ให้ อพท. รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ที่เห็นควรพิจารณาทบทวนกรอบระยะเวลาของแผนแม่บทการบูรณาการการบริหารพื้นที่พิเศษอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร ที่กำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินการ ๑๐ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๕) ให้สอดคล้องกับกรอบระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และพิจารณาทบทวนจัดลำดับความสำคัญของโครงการที่นำเสนอในแผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร ให้เหมาะสม รวมทั้งจัดทำรายละเอียดแผนปฏิบัติการที่จะดำเนินการในช่วงระยะเวลา ๓ เดือน ๖ เดือน และ ๑ ปี และกำหนดเป้าหมาย ผลสัมฤทธิ์ และตัวชี้วัดที่ชัดเจน รวมถึงแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่กำหนดเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณในลักษณะปีต่อปี โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าของโครงการ และประโยชน์สูงสุดต่อภาระงบประมาณของประเทศ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเร่งรัดการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการมีอยู่ขององค์การมหาชนในปัจจุบัน โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ที่สอดคล้องและเหมาะสมกับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๘ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการพัฒนาและปรับปรุง อพท. ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติไว้เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง รายงานการประเมินผลองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒) และเมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ [เรื่อง การดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ กรณี องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน)] ต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
24553 | แผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเมืองโบราณอู่ทอง | อพท | 27/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแผนแม่บทบูรณาการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร เมืองเก่าน่าน เลย และเมืองโบราณอู่ทอง ตามที่องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) (อพท.) เสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการแผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร เมืองเก่าน่าน เลย และเมืองโบราณอู่ทอง โดยให้จังหวัดเลยเป็นโครงการนำร่องก่อน และเพื่อให้การยกระดับการพัฒนาพื้นที่พิเศษต่าง ๆ มีการบูรณาการและมีความเชื่อมโยงทุกพื้นที่ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินการการฟื้นฟูและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในเรื่องการจัดระเบียบพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวและการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ที่พัก ที่จอดรถ ทางเดิน และสุขา เป็นต้น ๒.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินโครงการเกี่ยวกับการอนุรักษ์ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมบริเวณพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว และให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินโครงการด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมของชุมชนในพื้นที่ ๒.๓ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับกระทรวงพลังงานและกระทรวงมหาดไทยในการบูรณาการด้านการพัฒนาและเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่พิเศษให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ แผนยุทธศาสตร์ด้านพลังงาน ทั้งนี้ การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เกิดขึ้นจะต้องไม่รุกล้ำพื้นที่เขตป่าสงวนหรือเขตอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติโดยเด็ดขาด ๒.๔ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นเจ้าภาพหลักในด้านการประชาสัมพันธ์และการตลาด โดยเน้นการบูรณาการให้สอดคล้องกับนโยบายด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาล ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ (เรื่อง แนวทางการดำเนินงานปีท่องเที่ยววิถีไทย ๒๕๕๘ และขออนุมัติให้ปี ๒๕๕๘ เป็นปีท่องเที่ยววิถีไทยและเป็นวาระแห่งชาติ) ที่เห็นชอบให้ปี ๒๕๕๘ เป็นปี “ท่องเที่ยววิถีไทย” (2015 Discover Thainess) ๓. ให้ อพท. รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ เกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรม/โครงการใด ๆ ในบริเวณเมืองโบราณอู่ทอง ให้คำนึงถึงความกลมกลืนและสอดคล้องกับความเป็นเมืองเก่าด้วย และเห็นควรพิจารณาทบทวนกรอบระยะเวลาของแผนแม่บทและแผนปฏิบัติการพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเมืองโบราณอู่ทองที่กำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินการ ๑๐ ปี (ปี พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๖) ให้สอดคล้องกับกรอบระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และให้ความสำคัญกับกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับแหล่งประวัติศาสตร์ และโบราณสถาน เน้นบทบาทการมีส่วนร่วมของชุมชนทั้งในฐานะของผู้ให้และผู้รับ รวมถึงให้ความสำคัญลำดับแรกกับการดำเนินงานโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นสินค้าหลักของพื้นที่พิเศษ และการแก้ไขปัญหาพื้นฐานของการส่งเสริมท่องเที่ยวในพื้นที่ ได้แก่ การพัฒนาเส้นทางคมนาคมเพื่อการเข้าถึงพื้นที่เมืองโบราณอู่ทอง และการส่งเสริมประชาสัมพันธ์ด้านการตลาด นอกจากนี้ ควรพิจารณาทบทวนจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสม โดยจัดทำรายละเอียดแผนปฏิบัติการที่จะดำเนินการในช่วงระยะเวลา ๓ เดือน ๖ เดือน และ ๑ ปี และกำหนดเป้าหมาย ผลสัมฤทธิ์ และตัวชี้วัดที่ชัดเจน รวมทั้งแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่กำหนด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเร่งรัดการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการมีอยู่ขององค์การมหาชนในปัจจุบัน โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ที่สอดคล้องและเหมาะสมกับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๘ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการพัฒนาและปรับปรุง อพท. ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติไว้เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง รายงานการประเมินผลองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒) และเมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ [เรื่อง การดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ กรณีองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน)] ต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
24554 | ขอรับการจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้แก่การกีฬาแห่งประเทศไทย เพื่อการเตรียมและส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 28 ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ | กก | 27/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติงบประมาณให้แก่การกีฬาแห่งประเทศไทยเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเตรียมและส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ ๒๘ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่การกีฬาแห่งประเทศไทยได้รับการจัดสรรแล้ว เป็นเงินทั้งสิ้น ๒๐๑,๐๗๖,๒๕๐ บาท ๑.๒ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กรมบัญชีกลางได้อนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี จำนวน ๑๐๗,๒๒๓,๗๕๐ บาท ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย เบิกจ่ายในงบรายจ่ายอื่น พร้อมทั้งจัดทำแผนการใช้จ่ายงบกลางและขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ที่เห็นควรพิจารณาใช้จ่ายเงินให้เกิดความคุ้มค่าและเป็นไปตามวัตถุประสงค์โดยเคร่งครัด รวมทั้งมีการวางแผนการบริหารจัดการและแผนงบประมาณสำหรับรองรับการดำเนินการดังกล่าวเพื่อมิให้ต้องเสนอขอรับงบประมาณเป็นรายครั้งในคราวต่อไป และมีการวางแผนและขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและหลักเกณฑ์ให้ชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
24555 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้าง อาคารเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา มหาราชา (มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี) | ศธ | 27/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษา มหาราชา จากวงเงิน ๒๖๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๒๙๑,๑๘๐,๐๐๐ บาท เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย โดยให้ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ จำนวน ๒๖๒,๐๖๒,๐๐๐ บาท และเงินนอกงบประมาณของมหาวิทยาลัยฯ สมทบ จำนวน ๒๙,๑๑๘,๐๐๐ บาท ตามสัดส่วนระหว่างเงินงบประมาณและเงินนอกงบประมาณที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้ โดยในส่วนของเงินงบประมาณให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๗ จำนวน ๑๗๒,๘๗๘,๕๐๐ บาท ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้กันเงินและขยายระยะเวลาไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว ส่วนที่ขาดอีก จำนวน ๘๙,๑๘๓,๕๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินการก่อสร้างและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างดังกล่าว เห็นควรให้มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ รวมทั้งพิจารณาตรวจสอบและดำเนินการเรียกร้องค่าเสียหายที่มหาวิทยาลัยไม่สามารถใช้งานอาคารตามแผนที่กำหนดและวงเงินที่เพิ่มขึ้นในครั้งนี้ด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
24556 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงิน ปรับลดแบบรูปรายการและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณค่าก่อสร้างอาคารเรียน แบบ 216 ปรับปรุง 46 โรงเรียนเขื่อนบางลาง จังหวัดยะลา | ศธ | 27/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคารเรียนแบบ ๒๑๖ ปรับปรุง ๔๖ โรงเรียนเขื่อนบางลาง อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา ๑ หลัง โดยปรับลดรายการค่าครุภัณฑ์ลอยตัว ๓ รายการ จากเดิมวงเงิน จำนวน ๑๘,๖๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงินใหม่ จำนวน ๑๙,๗๖๕,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๒,๖๕๕,๐๐๐ บาท งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๕,๐๔๕,๐๐๐ บาท และส่วนที่ขาดอยู่อีก จำนวน ๒,๐๖๕,๐๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินการก่อสร้างและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
24557 | Road Map การบูรณาการการใช้ประโยชน์ภาพถ่ายแผนที่จากการสำรวจระยะไกลทางอากาศและดาวเทียม | วท | 27/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรายงานความคืบหน้าในการจัดทำ Road Map การบูรณาการการใช้ประโยชน์ภาพถ่ายแผนที่จากการสำรวจระยะไกลทางอากาศและดาวเทียม โดยเห็นควรมอบหมายให้คณะกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาตินำ Road Map ดังกล่าวไปจัดทำแผนปฏิบัติการที่ประกอบไปด้วยโครงการ กิจกรรม ระยะเวลาดำเนินงาน งบประมาณ และหน่วยงานที่รับผิดชอบตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติ ข้อ ๑๑ และให้สำนักงบประมาณพิจารณาความเหมาะสมและจัดเตรียมงบประมาณสำหรับการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ ดังกล่าว ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติรายงานความก้าวหน้าเกี่ยวกับการจัดทำแผนแม่บทและแผนปฏิบัติการด้านระบบข้อมูลภูมิสารสนเทศของประเทศให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป โดยในการจัดทำแผนดังกล่าวให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องประเภทนโยบาย แผนงาน โครงการต่อคณะรัฐมนตรี) โดยเคร่งครัด ๓. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่เห็นควรให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการเชื่อมโยงฐานข้อมูลระหว่างหน่วยงาน เช่น แปลงที่ดินตามกรรมสิทธิ์ แปลงเกษตร ข้อมูลอาคาร ข้อมูลทะเบียนราษฎร์ เป็นต้น รวมทั้งเป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการเชื่อมโยงฐานข้อมูลภูมิสารสนเทศระหว่างหน่วยงาน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
24558 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลบ้านฉาง ตำบลบางปรอก ตำบลบางหลวง ตำบลบางเดื่อ ตำบลบางคูวัด อำเภอเมืองปทุมธานี ตำบลคูบางหลวง ตำบลคลองพระอุดม อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี และตำบลคลองข่อย ตำบลบางพลับ อำเภอปากเกร็ด ตำบลละหาร ตำบลพิมลราช ตำบลบางบัวทอง อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 27/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลบ้านฉาง ตำบลบางปรอก ตำบลบางหลวง ตำบลบางเดื่อ ตำบลบางคูวัด อำเภอเมืองปทุมธานี ตำบลคูบางหลวง ตำบลคลองพระอุดม อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี และตำบลคลองข่อย ตำบลบางพลับ อำเภอปากเกร็ด ตำบลละหาร ตำบลพิมลราช ตำบลบางบัวทอง อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่ดังกล่าวเป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทน เข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ และส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างได้ทันตามกำหนดเวลา ตามโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมต่อถนนราชพฤกษ์-ถนนกาญจนาภิเษก ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
24559 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 27/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมทั้งตำแหน่งกรรมการและเลขานุการ โดยให้เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นกรรมการและเลขานุการ แทนเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
24560 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลบ้านพร้าว อำเภอเมืองหนองบัวลำภู จังหวัดหนองบัวลำภู พ.ศ. .... | มท | 27/03/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลบ้านพร้าว อำเภอเมืองหนองบัวลำภู จังหวัดหนองบัวลำภู พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลบ้านพร้าว อำเภอเมืองหนองบัวลำภู จังหวัดหนองบัวลำภู โดยมีเนื้อที่ถอนสภาพประมาณ ๒๐๐ ไร่ เพื่อมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาใช้เป็นที่ตั้งวิทยาลัยชุมชนหนองบัวลำภูและใช้ประโยชน์อย่างอื่นในราชการของของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
.....