ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 36 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 701 - 720 จากข้อมูลทั้งหมด 9657 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 701 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์หรือใบรับอิเล็กทรอนิกส์ | กค. | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)
ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์หรือใบรับอิเล็กทรอนิกส์ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้มีหน้าที่ออกใบรับสามารถดำเนินการจัดทำ
ส่ง รับ และเก็บรักษาใบกำกับภาษีหรือใบรับอิเล็กทรอนิกส์ตามประมวลรัษฎากร
ด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่เห็นควรปรับปรุงถ้อยคำเพื่อให้เกิดความชัดเจนในวัตถุประสงค์ของการระบุตัวเจ้าของลายมือชื่อที่เชื่อมโยงไปถึงใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์หรือใบรับอิเล็กทรอนิกส์
การส่งมอบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์หรือใบรับอิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการส่งและรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
และการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข หรือคุณสมบัติของระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวสามารถรับรองความมีอยู่ของข้อมูล
ณ
ขณะที่มีการส่งข้อมูลเพื่อป้องกันมิให้เกิดข้อโต้แย้งว่าข้อมูลมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขภายหลังจากการที่ได้มีการส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบ
ก่อนจะมีการรับรองความมีอยู่ของข้อมูลนั้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์
ที่ควรให้ความสำคัญกับระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลเพื่อป้องกันการปลอมแปลงหรือแก้ไขข้อมูลในใบกำกับภาษีและใบรับอิเล็กทรอนิกส์ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 702 | ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ 28 | กค. | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค
ครั้งที่ ๒๘ และถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ ๒๘
เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล
โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย
ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนิวซีแลนด์ (นาย Grant Robertson) เป็นประธาน
พร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้แทนระดับสูงจากประเทศสมาชิกเอเปคทั้ง
๒๑ เขตเศรษฐกิจ ผู้แทนจากองค์กรระหว่างประเทศ เข้าร่วมการประชุม และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังร่วมรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑) ผลการประชุมฯ ครั้งที่ ๒๘ มีการหารือที่สำคัญ เช่น
การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ การรับมือกับโควิด-๑๙
เพื่อการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนและครอบคลุม ที่ประชุมสนับสนุนให้ดำเนินนโยบายการเงิน
การคลัง เพื่อรับมือกับผลกระทบของโควิด-๑๙
การใช้นโยบายการคลังและการบริหารงบประมาณเพื่อรับมือกับความท้าทาย
ที่ประชุมได้เน้นย้ำถึงบทบาทของการดำเนินนโยบายการคลังและการบริหารงบประมาณในการรับมือกับโควิด-๑๙
ที่ประชุมได้รับรองแผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการเซบูฉบับใหม่
ซึ่งได้นำวิสัยทัศน์ปุตราจายา ค.ศ. ๒๐๔๐ และมาตรการรองรับสถานการณ์ของโควิด-๑๙ มาเป็นปัจจัยในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการเซบูฉบับใหม่ และ (๒) ถ้อยแถลงร่วมฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้รับรองร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
ของการประชุมฯ ครั้งที่ ๒๘ โดยมีการปรับปรุงถ้อยคำ
เพื่อให้มีความเหมาะสมและสะท้อนข้อเท็จจริงมากขึ้น โดยไม่กระทบสาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 703 | ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ครั้งที่ 3/2564 | กค. | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
ครั้งที่ ๓/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ซึ่งที่ประชุมมีมติรับทราบรายงานการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ เช่น ภาพรวมการเบิกจ่ายเงิน ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุน การเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ
การลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่า ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป การเบิกจ่ายเงินกู้โครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ การเบิกจ่ายเงินกู้โครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ และมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ เพื่อให้หน่วยรับงบประมาณ รัฐวิสาหกิจ
และหน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ปฏิบัติตามมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ต่อไป ตามที่คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 704 | การให้คำมั่นทางการเมืองอย่างเป็นทางการของรัฐบาลไทยในการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การพิจารณารายชื่อประเทศที่ไม่ให้ความร่วมมือด้านภาษีของสหภาพยุโรป (EU List of Non- cooperative Jurisdictions for Tax Purposes : EU List) ข้อ 3.2 | กค. | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการมีหนังสือลงนามระดับรัฐมนตรีถึงประธาน Code of Conduct
Group (CoCG) เพื่อให้การให้คำมั่นทางการเมืองอย่างเป็นทางการของรัฐบาลไทยในการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การพิจารณารายชื่อประเทศที่ไม่ให้ความร่วมมือด้านภาษีของสหภาพยุโรป
(EU List of Non- cooperative Jurisdictions for Tax
Purposes : EU List) ข้อ ๓.๒
ว่าประเทศไทยจะดำเนินการตามข้อแนะนำโดยทั่วไปของ Inclusive Framework ที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามมาตรฐานขั้นต่ำของ Country-by-Country Reports (CbCR) ให้ครบถ้วน
ภายในกำหนดเวลาการจัดทำรายงาน Action ๑๓ Peer Review ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 705 | การขยายระยะเวลาปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ | กค. | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กำหนดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการการขยายระยะเวลาปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ๔ แห่ง ได้แก่
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์
และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โดยปรับลดอัตราเงินนำส่งลงกึ่งหนึ่งจากร้อยละ ๐.๒๕
ต่อปี เป็นร้อยละ ๐.๑๒๕ ต่อปี (ร้อยละ ๐.๐๖๒๕ ต่องวด)
ของยอดเงินที่ได้รับจากประชาชน ออกไปอีก ๑ ปี สำหรับกรอบในการนำส่งเงินในปี ๒๕๖๕
(งวดเดือนมกราคม-มิถุนายน ๒๕๖๕ และงวดเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๖๕)
โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๕ เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่เห็นควรให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจบริหารสภาพคล่องอันเนื่องมาจากการปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนฯ
เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประกอบการและประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน
รวมถึงเตรียมรองรับมาตรการของรัฐที่อาจมีเพิ่มเติมในระยะถัดไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 706 | แผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2566 - 2569) | กค. | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ ๒๕๖๖-๒๕๖๙) เพื่อให้หน่วยงานของรัฐนำไปใช้ในการประกอบการพิจารณาในการจัดเก็บหรือหารายได้
การจัดทำงบประมาณ และการก่อหนี้ของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐและกระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่ควรให้ความสำคัญกับการกำหนดแนวทางการเพิ่มสัดส่วนรายได้ต่อ GDP โดยการเร่งรัดการดำเนินการขยายฐานภาษีให้มีความครอบคลุมมากขึ้น
การปรับปรุงรายการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และการควบคุมสัดส่วนรายจ่ายต่อ GDP
โดยเฉพาะในส่วนของรายจ่ายประจำให้สอดคล้องกับความสามารถในการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล
รวมถึงการจัดลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายงบประมาณ โดยพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างภาษีให้สอดคล้องกับแนวโน้มการใช้ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์และสินทรัพย์ดิจิทัลที่จะมีมากขึ้น
รวมถึงแนวโน้มการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่จะมีความสำคัญมากขึ้นในเวทีการค้าโลกในระยะต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 707 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน | กค. | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการเสนอความเห็นการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียน ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ
และให้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษารับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
ระบบการให้ทุนการศึกษาแทนการให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาสำหรับสาขาขาดแคลน
ควรพิจารณาด้วยความรอบคอบ อย่างเหมาะสม
โดยเฉพาะความซ้ำซ้อนของบทบาทหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวกับการให้ทุนการศึกษา
ความชัดเจนในการกำหนดสาขาขาดแคลน ภาระค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้น
การจัดสรรงบประมาณจะต้องคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงิน
และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนเกี่ยวกับการให้ทุนการศึกษาแก่ผู้เรียนด้วย
นอกจากนี้ กองทุนฯ ควรมีการกำหนดหลักเกณฑ์
เงื่อนไข แนวทางการปฏิบัติ
รวมถึงการทำสัญญาและความรับผิดในกรณีไม่ปฏิบัติตามสัญญาให้มีความชัดเจน
ตลอดจนมีความยืดหยุ่นและเกิดความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น เพื่อให้การบริหารจัดการกองทุนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
และไม่เป็นภาระต่องบประมาณในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 708 | ของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2565 ของกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง | กค. | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบของขวัญปีใหม่ ๒๕๖๕
ของกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ (๑) โครงการเที่ยวปีใหม่สุขใจไปกับพิพิธภัณฑ์ธนารักษ์
สำหรับคนไทยทุกคน (๒) มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้เช่าที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
2019 (COVID-19) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ (๓) การจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์
รุ่นส่งความสุข วงงเงิน ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท (๔) โครงการ
“คริปโทศาสตร์ รู้ได้ในคลิกเดียว” (๕) โครงการ “การระดมทุนขอ SMEs/Startup ผ่อนคลาย ไม่มีค่าธรรมเนียม” และ (๖)
โครงการ
“การยกเว้นค่าธรรมเนียมเพื่อส่งเสริมการส่งออกตราสารเพื่อความยั่งยืนในตลาดทุน”
(๗) โครงการ “การสนับสนุนค่าใช้จ่ายการทวนสอบการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์” (๘)
โครงการ “การลดค่าธรรมเนียมคำขอความเห็นชอบเป็นผู้สอบบัญชีในตลาดทุน
สำหรับผู้สอบบัญชีรายใหม่ที่สังกัดสำนักงานสอบบัญชีในตลาดทุน” (๙)
กรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุปีใหม่อุ่นใจ (ไมโครอินชัวรันส์) สำหรับเทศกาลปีใหม่ ๒๕๖๕
(๑๐) โครงการ “พ.ร.บ. รุกทั่วไทย” เป็นต้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 709 | มาตรการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจปี 2565 (มาตรการของขวัญปีใหม่ 2565) | กค. | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบและรับทราบมาตรการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจปี ๒๕๖๕
(มาตรการของขวัญปีใหม่ ๒๕๖๕) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. อนุมัติหลักการ ๒.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมการอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒.๔ ร่างกฎกระทรวงฉบับที่ .. (พ.ศ. .... )
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ๒.๕ ร่างกฎกระทรวงฉบับที่ .. (พ.ศ. .... )
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ รวม ๕ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วนแล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. เห็นชอบในหลักการ ๓.๑ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์หรือที่ดินพร้อมอาคารที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ๓.๒ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ๓.๓ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษตามประมวลกฎหมายที่ดิน
สำหรับกรณีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ๓.๔ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
สำหรับกรณีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด รวม ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วนแล้วดำเนินการต่อไปได้ ๔. การจัดสรรงบประมาณเพื่อชดเชยรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัยและมาตรการทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้
ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า กรณีจะให้มีการพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพื่อชดเชยรายได้ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามมาตรการดังกล่าว
ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไปนั้น ตามวินัยการคลังภาครัฐ และวิธีการงบประมาณ
การจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยรับงบประมาณต่าง ๆ
ต้องมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ เกิดผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับ
ความครอบคลุมของทุกแหล่งเงิน
และต้องคำนึงถึงความจำเป็นและภารกิจของหน่วยรับงบประมาณเป็นสำคัญ
โดยเฉพาะกรณีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องเป็นไปเพื่อสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลและจัดทำบริการสาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนในพื้นที่
โดยคำนึงถึงความสามารถในการจัดหารายได้
ซึ่งรายได้ที่จะได้มานั้นรัฐต้องดำเนินการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีรายได้ของตนเองผ่านระบบภาษีหรือการจัดเก็บภาษีที่เหมาะสม
รวมถึงการส่งเสริมและพัฒนาการหารายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เพียงพอกับภารกิจที่ได้รับมอบหมาย
ดังนั้น เพื่อประโยชน์ที่รัฐหรือประชาชนจะได้รับ ความคุ้มค่า
ภาระการคลังและงบประมาณ
รวมทั้งความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่การคลังของรัฐอย่างยั่งยืนและรอบคอบ
การสูญเสียรายได้และภาระทางการคลังในอนาคตจะต้องเป็นไปเท่าที่จำเป็น
โดยระบบภาษีหรือการจัดเก็บภาษีจะต้องเป็นไปอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม
สอดคล้องกับสถานการณ์และภาระค่าใช้จ่ายของภาครัฐที่จะเกิดขึ้นในแต่ละปีงบประมาณด้วย ๕. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ ๕.๑ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ๕.๑.๑ เห็นควรให้ความเห็นชอบมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมการอนุญาตขายสุรา
ยาสูบและไพ่ ตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐
เพื่อช่วยเหลือและลดภาระในการดำเนินกิจการให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
ของภาครัฐ ๕.๑.๒ เห็นควรให้ความเห็นชอบมาตรการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินไอพ่น
เพื่อเป็นการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ประกอบการสายการบิน
และช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมสายการบินในประเทศ
อย่างไรก็ตาม
เพื่อให้ผู้ประกอบการสายการบินสามารถรักษาสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจและรักษาระดับการจ้างงานไว้ได้
ภาครัฐควรให้ความสำคัญกับการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-๑๙
เพื่อให้ภาคการท่องเที่ยวและกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศสามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง ๕.๑.๓ เห็นควรให้ความเห็นชอบในหลักการมาตรการช้อปดีมีคืน
ปี ๒๕๖๕ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศและสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย
ตลอดจนเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีและผู้ประกอบกิจการการผลิตสินค้าท้องถิ่น
อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังควรมีการประเมินผลการดำเนินมาตรการ
"ชิมช้อปใช้" ทั้งในด้านจำนวนผู้ที่ใช้สิทธิ์ ความคุ้มค่า
และการเพิ่มขึ้นของตัวทวีคูณ (Multiplier Effect ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศจากการดำเนินมาตรการ
เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบในการจัดทำมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายหรือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคตให้มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับรูปแบบกิจกรรมทางเศรษฐกิจในแต่ละช่วงเวลา
นอกจากนั้น สำนักงานฯ มีข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า การใช้จ่ายในประเทศในปี ๒๕๖๕ ยังมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากการระบาดของโรคโควิด-๑๙
สายพันธุ์โอไมครอน (Omicron) ในขณะที่ฐานะการคลังเริ่มมีข้อจำกัดมากขึ้น
ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงอาจพิจารณาปรับเปลี่ยนระยะเวลาดำเนินการ
เพื่อให้สอดคล้องกับเงื่อนไขความเสี่ยงจากการระบาดของโรคและมีความยืดหยุ่นต่อการดำเนินมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบหากเกิดการระบาดระลอกใหม่ของโรคโควิด-๑๙ ๕.๑.๔ เห็นควรให้ความเห็นชอบในหลักการมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย
เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในระดับราคาที่เหมาะสมกับศักยภาพอย่างต่อเนื่อง
พร้อมทั้งส่งเสริมการซื้อขายที่อยู่อาศัยทั้งที่อยู่อาศัยใหม่สร้างเสร็จพร้อมขายและที่อยู่อาศัยเก่ามือสอง
รวมถึงช่วยรักษาระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในสาขาก่อสร้างโดยเฉพาะหมวดการก่อสร้างที่อยู่อาศัย
ซึ่งจะสนับสนุนการจ้างงานในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง. ๕.๑.๕ เห็นควรให้ความเห็นชอบในหลักการมาตรการทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการช่วยเหลือลูกหนี้ตามศักยภาพของลูกหนี้แต่ละรายและช่วยให้ลูกหนี้มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น
รวมทั้งสนับสนุนขีดความสามารถในการให้สินเชื่อของเจ้าหนี้และสถาบันการเงินอย่างไรก็ดี
สำนักงานฯ มีความเห็นเพิ่มเติมว่า เห็นควรกำหนดระยะเวลาในการดำเนินมาตรการเป็นคราวละ
๑ ปี และให้มีการติดตามประเมินผลการดำเนินมาตรการและรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ
เพื่อให้การดำเนินมาตรการมีความยืดหยุ่น
สามารถรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ได้ ๕.๑.๖ เห็นควรมอบหมายให้สำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดสรรงบประมาณจากกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อชดเชยรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
อันเนื่องมาจากการยกเว้นค่าธรรมเนียมการอนุญาตขายสุรา ยาสูบและไพ่
การดำเนินการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย และมาตรการทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามความเหมาะสมต่อไป
ทั้งนี้ สำนักงานๆ มีความเห็นเพิ่มเติมว่า
เพื่อลดข้อจำกัดในการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีและการดำเนินมาตรการด้านการคลังในระยะถัดไปในภาพรวม
อันเนื่องจากการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลที่ลดลงจากการดำเนินมาตรการทางการคลัง
เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาประเมินผลของการดำเนินมาตรการทางภาษีที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
เพื่อนำมาทบทวน/ปรับปรุง /หรือยกเลิกมาตรการทางภาษีที่หมดความจำเป็น
เพื่อให้การดำเนินมาตรการมีความสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
และเพื่อเป็นการเพิ่มพื้นที่ทางการคลังสำหรับการดำเนินมาตรการที่มีความจำเป็นต่อไป ๕.๒ ธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นว่า
โครงการของขวัญปีใหม่ปี ๒๕๖๕ ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจต่าง ๆ
จะสามารถช่วยบรรเทาภาระทางการเงินของลูกหนี้
สร้างโอกาสให้ลูกหนี้ได้รับสินเชื่อใหม่เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการประกอบธุรกิจ ตลอดจนจูงใจให้ลูกหนี้ได้รับประโยชน์จากการมีประวัติการชำระหนี้ที่ดีอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี โครงการดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ระยะสั้น
สถาบันการเงินเฉพาะกิจควรพิจารณาการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้โดยเฉพาะเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้แบบยั่งยืนในระยะยาวต่อไป
ทั้งนี้
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาจัดเตรียมมาตรการเพิ่มเติมเพื่อรองรับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนและอาจมีความเสี่ยงเกิดขึ้น
ซึ่งภาครัฐจำเป็นต้องมีมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบหรือกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
รวมทั้งควรจัดเก็บข้อมูลเพื่อติดตามประสิทธิภาพในการดำเนินมาตรการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 710 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ (1.นายชโยดม สรรพศรี ฯลฯ จำนวน 3 คน) | กค. | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ จำนวน ๓ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑. นายชโยดม สรรพศรี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๒. นางนุชนาถ มั่งคั่ง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นางสวนีย เสตเสถียร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 711 | เป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี 2565 | กค. | 14/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป้าหมายของนโยบายการประเงิน
ประจำปี ๒๕๖๕ พร้อมข้อตกลงร่วมกันระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงิน
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในการกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลาง
และเป้าหมายสำหรับปี ๒๕๖๕
ซึ่งกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินไว้ที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงร้อยละ ๑-๓
และเมื่อได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้วจะได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและคณะกรรมการนโยบายการเงินรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า
หากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเคลื่อนไหวอยู่นอกกรอบเป้าหมาย
ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นสำหรับการบริโภคและการลงทุน
เห็นควรให้คณะกรรมการนโยบายการเงินเร่งพิจารณาหาแนวทางแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวและรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐนตรี
รวมทั้งสร้างการรับรู้ให้กับสาธารณชนถึงแนวทางในการแก้ไขให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่อไป
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
การดำเนินนโยบายการเงินในปี ๒๕๖๕
จำเป็นจะต้องมีความยืดหยุ่นในการดำเนินนโยบายอย่างเหมาะสม
เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ
รวมทั้งการใช้เครื่องมือและมาตรการทางการเงินเพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่ยังมีข้อจำกัดในการฟื้นตัว
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 712 | รายงานผลการให้บริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2563 และประจำงวดครึ่งปีงบประมาณ 2564 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และรายงานผลการให้บริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2563 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | กค. | 14/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการให้บริการสาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ และประจำงวดครึ่งปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และรายงานผลการให้บริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓
ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ในคราวประชุมคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ
ครั้งที่ ๓/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๔
ที่ประชุมได้มีมติรับทราบและมีข้อสังเกตเกี่ยวกับรายงานผลการให้บริการสาธารณะดังกล่าว
โดยมีสาระสำคัญ ได้แก่ ๑) บันทึกข้อตกลงการให้บริการสาธารณะขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย
และ ๒) รายงานผลฯ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 713 | แนวทางปฏิบัติสำหรับการนำข้อตกลงคุณธรรมมาใช้กับโครงการที่ดำเนินการตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 โดยอนุโลม | กค. | 14/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบแนวทางปฏิบัติสำหรับการนำข้อตกลงคุณธรรมมาใช้กับโครงการที่ดำเนินการตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน
พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยอนุโลม เช่น ขอบเขตการดำเนินการ คุณสมบัติของผู้สังเกตการณ์
และค่าตอบแทนของผู้สังเกตการณ์ และเห็นชอบมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจดำเนินการทำความตกลงกับกระทรวงการคลังเพื่อกำหนดค่าตอบแทนของผู้สังเกตการณ์และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่คณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนเสนอ ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นว่า สำหรับค่าตอบแทนการดำเนินงานของผู้สังเกตการณ์
เห็นควรให้ทำความตกลงกับกระทรวงการคลังเพี่อกำหนดค่าตอบแทนที่มีความเหมาะสมตามอัตราที่กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกำหนดเพื่อให้หน่วยงานเจ้าของโครงการสามารถดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพิจารณาความเหมาะสมของการนำข้อตกลงคุณธรรมมาใช้ในขั้นตอนการแก้ไขสัญญาโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน
โดยเฉพาะกรณีที่เป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่
เพื่อช่วยสร้างความเชื่อมั่นว่าการดำเนินโครงการร่วมลงทุนของภาครัฐเป็นไปอย่างโปร่งใส
ตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 714 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. .... | กค. | 07/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการคงอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในอัตราเดิม
ตามบทเฉพาะกาล มาตรา ๙๔ แห่งพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒
สำหรับการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในปี ๒๕๖๕-๒๕๖๖ และในปี ๒๕๖๗
กระทรวงการคลังจะพิจารณาภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้มีความเหมาะสม
และสอดคล้องกับสภาพทางเศรษฐกิจและสังคมต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการคงอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในอัตราเดิม ตามบทเฉพาะกาล
มาตรา ๙๔ แห่งพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ สำหรับการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
โดยใช้อัตราภาษีตามมูลค่าของฐานภาษี ดังนี้ ๒.๑
ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม อัตราภาษี ร้อยละ
๐.๐๑-๐.๑ ตามมูลค่าที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง ๒.๒ ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัย
อัตราภาษีร้อยละ ๐.๐๒-๐.๑ ตามมูลค่าที่ดินและ/หรือสิ่งปลูกสร้าง ๒.๓
ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์อื่น นอกจาก ๒.๑ และ ๒.๒ อัตราภาษีร้อยละ
๐.๓-๐.๗ ตามมูลค่าที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง ๒.๔
ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ
อัตราภาษีร้อยละ ๐.๓-๐.๗ ตามมูลค่าที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรจะต้องพิจารณาถึงแหล่งเงินรายได้อื่น
และเงินสะสมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประกอบด้วย
รวมทั้งการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ ตลอดจนการรายงานผลการดำเนินงานและผลกระทบตามมาตรการภาษีที่ผ่านมา
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วย
และเร่งสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนถึงภาระภาษีที่แท้จริงตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
พ.ศ. ๒๕๖๒ ควบคู่กับการดำเนินการพัฒนาระบบฐานข้อมูล
และระบบการบริหารจัดการฐานข้อมูลการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
ให้มีความครบถ้วนและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
เพื่อให้สามารถประกาศใช้อัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่มีความเหมาะสมได้ในปี
๒๕๖๗ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 715 | รายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2564 | กค. | 07/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่
๓ ปี ๒๕๖๔ ประกอบด้วย (๑)
การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงไตรมาสที่ ๓ ปี ๒๕๖๔ ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน
เมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๔ ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ ๐.๕ ต่อปี และคาดว่าในปี
๒๕๖๔ และ ๒๕๖๕ เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ร้อยละ ๐.๗ และ ๓.๙ ตามลำดับ (๒) การประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจการเงินเพื่อประกอบการดำเนินนโยบายการเงิน
ประเมินว่าเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าในปี ๒๕๖๔ มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้จากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-๑๙
และในปี ๒๕๖๕ คาดว่าเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าจะมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น และ (๓)
แนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของไทย คาดว่าในปี ๒๕๖๔ เศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ ๐.๗
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรควิด-๑๙ โดยคาดว่าประมาณการเศรษฐกิจในปี
๒๕๖๕ จะขยายตัวเร่งขึ้นร้อยละ ๓.๙ โดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะทยอยฟื้นตัวและสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้มากขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 716 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ ... (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยื่นรายการ แบบ คำร้อง คำขอ หรือเอกสารอื่นใดตามประมวลรัษฎากร บนระบบอิเล็กทรอนิกส์ | กค. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง
ฉบับที่ ... (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยื่นรายการ แบบ
คำร้อง คำขอ หรือเอกสารอื่นใดตามประมวลรัษฎากร บนระบบอิเล็กทรอนิกส์
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากร ผู้มีหน้าที่นำส่งภาษี
ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือบุคคลใด สามารถยื่นแบบแสดงรายการภาษี
แบบยื่นรายการนำส่งภาษี แบบยื่นรายการภาษี แบบนำส่งภาษี รายงาน บัญชีพิเศษ
บัญชีงบดุลหรือบัญชีอื่น ๆ ประกอบแบบแสดงรายการคำร้องคืนภาษีอากร คำร้องอุทธรณ์
คำร้อง คำขอ หรือเอกสารหรือหนังสืออื่นใดต่อกรมสรรพากร ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 717 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน | กค. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุ้มครองแรงงานนอกระบบ
(กองทุนฯ)
ตามร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุ้มครองแรงงานนอกระบบ พ.ศ. ....
ในคราวประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ครั้งงที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔
เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้และสวัสดิการสำหรับแรงงานนอกระบบ
โดยมีข้อสังเกต ดังนี้ (๑) แผนรายรับของกองทุนฯ
ควรมีความชัดเจนและมีแหล่งรายได้ที่แน่นอน
พร้อมทั้งจัดทำแผนประชาสัมพันธ์เชิงรุกเพื่อหาสมาชิกให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรม (๒)
แผนการดำเนินงานและวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ
จะต้องมีความชัดเจนและไม่ซ้ำซ้อนกับทุนหมุนเวียนอื่น และ (๓)
ไม่ควรกำหนดให้กองทุนฯ
เป็นแหล่งเงินงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานนโยบายแรงงานนอกระบบ
ควรดำเนินงานผ่านงบประมาณปกติของหน่วยงาน
รวมทั้งการกำหนดให้จ่ายเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดให้มีสิทธิอื่นใดแก่แรงงานนอกระบบ
ควรระบุสิทธิประโยชน์อื่นแก่แรงงานนอกระบบให้ชัดเจน ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ
และให้กระทรวงแรงงาน (สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน เช่น ควรกำหนดแผนหรือมาตรการเพื่อรองรับกรณีรายรับไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ควรมีระบบติดตามและประเมินผลการใช้จ่ายกองทุนฯ อย่างเนื่อง เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 718 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคด้านสาธารณสุข) | กค. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคด้านสาธารณสุข)
มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
โดยให้หักลดหย่อนหรือหักเป็นรายจ่ายได้ ๒ เท่า ของจำนวนเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาค
สำหรับการบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร ให้แก่ศิริราชมูลนิธิ
หรือมูลนิธิจุฬาภรณ์ และยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ
และอากรแสตมป์ สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สินหรือการขายสินค้า
หรือสำหรับการกระทำตราสาร
อันเนื่องมาจากการบริจาคให้แก่มูลนิธิดังกล่าวที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับถึงวันที่
๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
โดยให้กำหนดวันเริ่มต้นการดำเนินการตามมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคด้านสาธารณสุขในร่างพระราชกฤษฎีกาตั้งแต่วันที่
๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
รับทราบหลักเกณฑ์เพื่อเป็นแนวทางในการกำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการบริจาคด้านสาธารณสุข
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
ตลอดจนติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 719 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
พ.ศ. ๒๕๓๙
โดยกำหนดให้กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการสามารถรับโอนเงินของสมาชิกจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
หรือกองทุนอื่นที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายและมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นหลักประกันในกรณีการออกจากงานหรือชราภาพได้
แก้ไขเพิ่มเติมอัตราการส่งเสริมของสมาชิก โดยให้ส่งได้ไม่เป็นเกินร้อยละ ๓๐
ของเงินเดือน เพิ่มหลักเกณฑ์การบริหารเงินของสมาชิกผู้ถึงแก่ความตายในกรณีที่ผู้มีสิทธิรับมรดกยังไม่ยืนคำขอรับเงินที่สมาชิกมีสิทธิได้รับ
แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการบริหารเงินของสมาชิกซึ่งสิ้นสุดสมาชิกภาพ
และแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการลงทุนของเงินของกองทุนในบัญชีเงินสำรองและบัญชีรายบุคคลของสมาชิกแต่ละคน
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 720 | ขอความเห็นชอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2565 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย | กค. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จำนวน ๒,๒๗๙.๗๘๑ ล้านบาท และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
จำนวน ๓,๒๗๘.๘๖๖ ล้านบาท (รวมเป็นภาระที่รัฐต้องชดเชยทั้งสิ้น
๕,๕๕๘.๖๔๗ ล้านบาท) ตามมติคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ
ในคราวประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๔
เพื่ออุดหนุนทางการเงินโดยจ่ายชดเชยผลขาดทุนให้กับ ขสมก. และ รฟท. ในรูปของเงินงบประมาณ
ตามจำนวนส่วนต่างของประมาณการรายได้และต้นทุนการให้บริการสาธารณะ
เพื่อลดปัญหาสภาพคล่องทางการเงินของ ขสมก. และ รฟท ในการดำเนินการตามภารกิจ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม (องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย)
รับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ขสมก. และ รฟท. ควรหาแนวทางในการลดกรอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ
โดยเพิ่มรายได้ ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการให้บริการสาธารณะ
และปรับตัวแปรตามอัตราที่ใช้ในการคำนวณรายได้และต้นทุนค่าใช้จ่ายในการให้บริการสาธารณะตามผลที่เกิดขึ้นจริง
ให้ ขสมก. เร่งดำเนินการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการที่สอดคล้องกับแผนการปฏิรูประบบรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานคร
และจังหวัดที่มีเส้นทางต่อเนื่องให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ให้ รฟท.
เร่งดำเนินการฟื้นฟูกิจการ โดยเฉพาะการหารายได้เพิ่มจากการถ่ายโอนสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทลูกของ
รฟท. เพื่อให้มีเงินสดเพียงพอต่อการดำเนินกิจการได้อย่างยั่งยืน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ในครั้งต่อ ๆ ไป
ในกรณีที่กระทรวงคมนาคม (องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย) มีความประสงค์จะปรับปรุงการให้บริการสาธารณะเพื่อคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะพิจารณาไม่น้อยกว่า
๕ เดือน ก่อนสิ้นปีงบประมาณ ตามขั้นตอนของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๔ อย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
