ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 39 จากทั้งหมด 482 หน้า แสดงรายการที่ 761 - 780 จากข้อมูลทั้งหมด 9627 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
761 | การปรับปรุงหลักการและแนวทางการพิจารณาการออกสลากการกุศล | กค. | 20/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงหลักการและแนวทางการพิจารณาการออกสลากการกุศลให้มีความชัดเจน
รอบคอบ เกิดประโยชน์ และสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เช่น
ปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศล
โดยเปลี่ยนประธานกรรมการจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมาย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
และเพิ่มเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นกรรมการ กำหนดประเภทของหน่วยงานที่ขอรับการสนับสนุนให้เป็นไปตามกฎหมายที่ใช้ในปัจจุบัน
ให้ความสำคัญกับโครงการที่มีผลลัพธ์และผลสัมฤทธิ์ต่อประชาชนและสังคม
สามารถยกเลิกโครงการได้ในกรณีที่การดำเนินโครงการไม่เป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้
เป็นต้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลัง
คณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจำแนกกิจกรรมภายใต้โครงการ
เพื่อให้การจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินรายเดือนมีความชัดเจน จัดลำดับความสำคัญของโครงการ
ความพร้อมของการดำเนินโครงการ และประเด็นทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนด้วย ทั้งนี้
ควรกำหนดให้ครอบคลุมหน่วยงานในกำกับของรัฐซึ่งไม่เป็นส่วนราชการและไม่เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายวิธีการงบประมาณด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
762 | การโอนเงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ย FIDF 1 และ FIDF 3 | กค. | 20/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนเงินกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (กองทุนฯ)เข้าบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (บัญชีสะสมฯ)
ในปีงบประมาณ ๒๕๖๔ เพิ่มเติมจำนวน ๒,๘๗๕ ล้านบาท ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ ๒๕๖๔
จะมีเงินของกองทุนฯ ที่นำส่งเข้าบัญชีสะสมฯ เพื่อชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ย FIDF 1 และ FIDF 3
รวมจำนวนทั้งสิ้น ๕,๒๗๕ ล้านบาท และยอดหนี้ต้นเงินกู้ FIDF 1 และ FIDF 3 ณ วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔ คงเหลือจำนวน ๗๑๑,๕๔๒.๖๗ ล้านบาท โดยต้นเงินกู้ลดลง
๔๒๖,๗๖๓.๒๒ ล้านบาท จากยอดหนี้ต้นเงินกู้ ณ วันที่ ๒๗ มกราคม
๒๕๕๕ ที่มีอยู่จำนวน ๑,๑๓๘,๓๐๕.๘๙
ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
763 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 60 ปี การสถาปนามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี พ.ศ. .... | กค. | 13/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๖๐ ปี
การสถาปนามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว
(ทองแดงผสมนิกเกิล) ชนิดราคายี่สิบบาท เพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสครบ ๖๐ ปี การสถาปนามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.
๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
764 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย | กค. | 13/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายปรเมธี วิมลศิริ ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย
ต่อไปอีกวาระหนึ่ง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
765 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยื่นคำร้องขอคืนภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายสำหรับดอกเบี้ยที่ได้จากตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ | กค. | 13/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง
ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยื่นคำร้องขอคืนภาษีเงินได้หัก
ณ
ที่จ่ายสำหรับดอกเบี้ยที่ได้จากตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยื่นคำร้องขอคืนภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายสำหรับดอกเบี้ยที่ได้จากพันธบัตรออมทรัพย์ที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ออก
เพื่อให้ผู้เสียภาษีสามารถขอคืนเงินภาษีเงินได้ตามกฎหมาย โดยยื่นผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ของสถาบันการเงินที่มีความตกลงเกี่ยวกับการพัฒนาระบบการขอคืนภาษีอากรผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ไว้กับกรมสรรพากรแล้ว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
766 | รายงานผลการดำเนินงานและงบการเงินของกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | กค. | 13/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานและงบการเงินของกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกอบด้วย (๑) ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ซึ่งกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ ได้รายงานผลการดำเนินงาน
ฐานะทางการเงิน
และงบการเงินที่ผู้สอบบัญชีรับรองแล้วต่อกรมบัญชีกลางเป็นประจำทุกปี (๒)
ผลการดำเนินงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓ กองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ
ได้บริหารการเงินที่ได้รับจากการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะพันธบัตรรัฐบาลรุ่น
LB206A จำนวน
๘๙,๑๕๘.๗๒ ล้านบาท และผลตอบแทนจากการลงทุน รวม ๔๘๘.๕๓
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑.๑๘ ต่อปี และมีผลการประเมิน ๔.๙๐๕๗ คะแนน จากคะแนนเต็ม ๕
คะแนน (๓) ฐานะทางการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรายงานของกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ
แล้วเห็นว่า งบการเงินและผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกัน
โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
767 | ยุทธศาสตร์ความเป็นหุ้นส่วนระดับประเทศระหว่างประเทศไทยและธนาคารพัฒนาเอเชีย ฉบับที่ 3 สำหรับปี 2564 - 2568 | กค. | 06/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบยุทธศาสตร์ความเป็นหุ้นส่วนระดับประเทศระหว่างประเทศไทยกับธนาคารพัฒนาเอเชีย
(Asian Development Bank : ADB) ฉบับที่
๓ สำหรับปี ๒๕๖๔-๒๕๖๘ โดยคณะกรรมการบริหาร ADB ได้มีมติรับรองยุทธศาสตร์ฯ
ฉบับที่ ๓ แล้ว เมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๔ โดยมีสาระสำคัญประกอบด้วย (๑)
วัตถุประสงค์ ได้แก่ เสริมสร้างความสามารถในการแข่งงขันและความเชื่อมโยง
เสริมสร้างความสามารถในการปรับตัว และสนับสนุนการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติ (๒)
แนวทางการดำเนินงาน เช่น การสนับสนุนโครงการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน
และการสนับสนุนนวัตกรรมในโครงการต่าง ๆ เป็นต้น และ (๓)
การพัฒนาเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคและการฟื้นฟูหลังโควิด-19 โดย
ADB จะแบ่งปันความรู้และประสบการณ์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคให้สามารถฟื้นตัวได้ดียิ่งขึ้นในอนาคต
รวมถึงพัฒนาการค้าในภูมิภาคผ่านกรอบความร่วมมือที่สำคัญ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
768 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2564 ครั้งที่ 2 | กค. | 06/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ
๒๕๖๔ ครั้งที่ ๒ ตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ
ตามมติที่ประชุม ครั้งที่ ๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๔ เช่น
การปรับปรุงแผนการก่อหนี้ใหม่ การบรรจุโครงการพัฒนา โครงการ
และรายการเพิ่มเติมในการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๒ จำนวน ๑๒ โครงการ/รายการ เป็นต้น และการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่
การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้
และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ และตามมาตรา ๓ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ รวมทั้งอนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อลงทุนในโครงการพัฒนา
และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน
วิธีการกู้เงิน เงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ
ในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น
ตามที่คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ
และให้คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นว่าควรกำกับ
ติดตาม และเร่งรัดการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินกู้ของหน่วยงานในสังกัดให้สอดคล้องและบรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนที่กำหนดไว้
ให้ความสำคัญกับการบริหารเงินคงคลังและบริหารเงินกู้ชดเชยการขาดดุลอย่างเหมาะสมและรัดกุม
และรัฐบาลควรเตรียมความพร้อมในการจัดหาแหล่งเงินเพื่อดูแลให้มีสภาพคล่องเพียงพอต่อการดำเนินนโยบายของรัฐในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด
19 ที่มีความยืดเยื้อและยังมีความไม่แน่นอนสูง
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
769 | มาตรการสินเชื่ออิ่มใจ | กค. | 06/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบมาตรการสินเชื่ออิ่มใจ และอนุมัติงบประมาณวงเงินรวม ๑,๐๐๐ ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อดำเนินมาตรการสินเชื่ออิ่มใจ
พร้อมทั้งมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
โดยมาตรการสินเชื่ออิ่มใจ
มีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ประกอบการร้านอาหารหรือเครื่องดื่มที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
COVID-19 ที่เป็นร้านจำหน่ายแบบถาวร
เช่น ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารที่เปิดในห้องแถวหรืออาคารพาณิชย์
ภัตตาคาร ร้านที่มีลักษณะเป็นบูธ เป็นต้น ซึ่งไม่ใช่เป็นร้านแบบเคลื่อนที่ได้ เช่น
หาบเร่ แผงลอย รถเข็น เป็นต้น โดยธนาคารออมสินสนับสนุนสินเชื่อวงเงินรวม ๒,๐๐๐
ล้านบาท วงเงินสินเชื่อต่อรายสูงสุด ๑๐๐,๐๐๐ บาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๙๙
ต่อปี (Effective Rate) ระยะเวลากู้ไม่เกิน ๕ ปี
(ปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ๖ งวดแรก)
ระยะเวลาดำเนินงานตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔
โดยมีกรอบวงเงินงประมาณรัฐบาลชดเชยความเสียหายที่เกิดจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้
(Non-Performing Loans : NPLs) ร้อยละ ๑๐๐ สำหรับ NPLs ที่ไม่เกินร้อยละ ๕๐
ของสินเชื่อที่อนุมัติทั้งหมด ๒,๐๐๐ ล้านบาท รวมทั้งสิ้นไม่เกิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการชดเชยความเสียหายที่เกิดจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้
เพื่อไม่ให้เป็นภาระงบประมาณเกินความจำเป็นและกรอบที่กำหนดไว้ และควรพิจารณาให้สินเชื่อตามกลุ่มเป้าหมายอย่างเหมาะสม
โดยให้กระจายไปยังกลุ่มที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ
และไม่ซ้ำซ้อนกับกลุ่มเป้าหมายของโครงการภาครัฐอื่นซึ่งมีอยู่แล้ว
รวมทั้งควรทบทวนหลักเกณฑ์การพิจารณาการให้สินเชื่อดังกล่าวให้สอดคล้องกับสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
770 | การนำแนวทางการจัดทำข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) ตามโครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ สำหรับหน่วยงานของรัฐที่ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างหรือการร่วมลงทุนภายใต้กฎหมายอื่น นอกเหนือจากพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ไปกำหนดใช้โดยอนุโลม | กค. | 29/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการนำแนวทางการจัดทำข้อตกลงคุณธรรม
(Integrity Pact)
ตามโครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
สำหรับหน่วยงานของรัฐที่ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างหรือการร่วมลงทุนภายใต้กฎหมายอื่น
นอกเหนือจากพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐
ไปกำหนดใช้โดยอนุโลม
เพื่อสนับสนุนให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
รวมถึงสร้างความโปร่งใสในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐได้อย่างครอบคลุมทุกโครงการจัดซื้อจัดจ้างในทุกหน่วยงานของรัฐ
ตามที่คณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุภาครัฐเสนอ ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุภาครัฐ กระทรวงการคลัง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรมีการจัดทำข้อกำหนดของเป้าหมายการดำเนินงานดัชนี
และตัวชี้วัดของข้อตกลงคุณธรรมดังกล่าว
และควรกำหนดให้ชัดเจนว่าจะนำไปใช้ในกรณีใดในทางปฏิบัติต่อไป เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องทุกแห่งถือปฏิบัติตามแนวทางการจัดทำข้อตกลงคุณธรรม
(Integrity Pact) ตามที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบตามข้อ ๑ อย่างเคร่งครัด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
771 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระลอกใหม่ | กค. | 29/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙)
ระลอกใหม่ โดยการขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา
(โควิด-๑๙) จากเดิมวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔ ออกไปเป็นวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๔
การปรับปรุงการดำเนินโครงการ Soft Lone ออมสินฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย
เช่น ขยายระยะเวลาเงินกู้ ขยายระยะเวลาปลอดชำระเงินต้น ขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อ
และการปรับปรุงการดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ SMEs มีที่
มีเงิน สำหรับธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่เห็นว่าควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการและโครงการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งการจัดทำประมาณการรายได้ ตลอดจนติดตาม ประเมินผลสัมฤทธิ์
และรายงานการดำเนินงานตามมาตรการและโครงการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
และพิจารณาดำเนินการให้ลูกหนี้ที่มีความเปราะบางซึ่งมีข้อจำกัดในการเข้าถึงสินเชื่อจากแหล่งอื่นสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
และทบทวนหลักเกณฑ์การพิจารณาการให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์
เพื่อช่วยเหลือประคองธุรกิจให้อยู่รอดต่อไป
ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
772 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การขยายเวลามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในจังหวัดชายแดนภาคใต้) | กค. | 29/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัญมนตรีมีมติ ๑. มติอนุมัติร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการประกอบธุรกิจในจังหวัดนราธิวาส
จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดสงขลาเฉพาะในอำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี
อำเภอสะบ้าย้อย และจังหวัดสตูล) ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนให้มีการติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด
(CCTV) ในจังหวัดนราธิวาส
จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดสงขลาเฉพาะในอำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี
อำเภอสะบ้าย้อย และจังหวัดสตูล) ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในทรัพย์สินของกิจการ
ในจังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา) ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการรายใหม่ (New Start-up)
ในจังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา) ๑.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมให้บุคลากรผู้มีความสามารถสูงนอกท้องที่ไปทำงานในท้องที่จังหวัดนราธิวาส
จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา
และมาตรการส่งเสริมการลงทุนร่วมกันระหว่างกิจการที่มีศักยภาพนอกท้องที่กับกิจการที่มีศักยภาพในท้องที่จังหวัดนราธิวาส
จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา) รวม ๕ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการขยายเวลาของมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๖ มาตรการ
จากสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าควรให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาครัฐรวมทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่เสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับความต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐ
เพื่อนำความเห็นมาใช้ในการปรับปรุงมาตรการให้สอดคล้องกับความต้องการ
และสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้
เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ ๒๕๖๑ ต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
773 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีสำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา) | กค. | 29/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
(มาตรการภาษีสำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา)
มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
โดยให้หักลดหย่อนหรือหักเป็นรายจ่ายได้ ๒ เท่าของจำนวนเงินที่บริจาค
สำหรับการบริจาคที่กระทำผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ รวมทั้งเพิ่มเติมการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม
ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์
สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สินหรือการขายสินค้า หรือสำหรับการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการบริจาคให้แก่กองทุนดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๔. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นว่ากระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการสูญเสียรายได้และประโยชน์ที่จะได้รับจากมาตรการภาษีให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าว
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
774 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางภัทรพร วรทรัพย์) | กค. | 29/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นางภัทรพร วรทรัพย์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบการเงินการคลัง
(นักวิชาการคลังทรงคุณวุฒิ) กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๔
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
775 | รายงานผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินเฉพาะกิจตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 | กค. | 29/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินเฉพาะกิจตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔ สรุปได้ ดังนี้ (๑)
ผลการดำเนินงานของมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-๑๙) ผ่าน
SFIs เช่น มาตรการพักชำระหนี้
ได้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้โดยการพักชำระหนี้ ด้วยการพักชำระหนี้เงินต้น และ/หรือ
ดอกเบี้ย และ/หรือ ลดอัตราดอกเบี้ย และ/หรือ ขยายระยะเวลาชำระหนี้แล้ว รวมทั้งสิ้น
๗.๕๖ ล้านราย วงเงิน ๓.๔๖ ล้านล้านบาท โดยมีลูกหนี้ที่ยังอยู่ในมาตรการ ๓.๒๓
ล้านราย วงเงิน ๑.๒๖ ล้านล้านบาท แบ่งเป็นประชาชนทั่วไป ๓.๒๑ ล้านราย วงเงิน ๑.๑๘
ล้านล้านบาท และธุรกิจ ๒๑,๓๑๐ ราย วงเงิน ๘๗,๙๔๘ ล้านบาท (๒)
มาตรการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจาก
COVID-๑๙
ที่นอกเหนือจากมาตรการสินเชื่อภายใต้พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ (๓)
ผลการดำเนินงานของมาตรการสินเชื่อภายใต้พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกอบด้วย มาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ (มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู)
วงเงิน ๒๕๐,๐๐๐ ล้านบาท และ มาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้
(มาตรการพักทรัพย์ พักหนี้) วงเงิน ๑๐๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
776 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคเพื่อแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019) | กค. | 29/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
(มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคเพื่อแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙) ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์
(e-Donation) ของกรมสรรพากร
และยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ประกอบการสำหรับการบริจาคสินค้า
ให้แก่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่
๖ มีนาคม ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณ
ที่เห็นว่าเพื่อให้การกำหนดมาตรการทางภาษีสำหรับสนับสนุนให้ภาคส่วนอื่น ๆ
เข้ามามีส่วนร่วมในการบริจาคเพื่อการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
และควรมีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของมาตรการที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันและรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษี และการจัดทำประมาณการรายได้ ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าว
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
777 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาชดเชยค่าภาษีอากรสินค้าส่งออกที่ผลิตในราชอาณาจักร (1. ศาสตราจารย์พิเศษกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์) | กค. | 29/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาชดเชยค่าภาษีอากรสินค้าส่งออกที่ผลิตในราชอาณาจักร จำนวน ๕ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี
โดยให้มีตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลัง
เสนอ ดังนี้ ๑. ศาสตราจารย์พิเศษกิติพงศ์
อุรพีพัฒนพงศ์ ๒. นายชนินทร์ ขาวจันทร์ ๓. นายนำชัย เอกพัฒนพานิชย์ ๔. นายวิชญายุทธ บุญชิต
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
778 | รายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2564 | กค. | 22/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่
๑ ปี ๒๕๖๔ ประกอบด้วย (๑) เศรษฐกิจโลก
มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของสหรัฐอเมริกาประกอบกับการส่งออกเอเชียที่ฟื้นตัวดีขึ้นเป็นสำคัญ
และมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจากการกระจายวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ที่เร่งตัวมากขึ้นในหลายประเทศ
และการมีแรงสนับสนุนจากมาตรการการคลังที่ออกมาอย่างต่อเนื่องและนโยบายการเงินที่ยังผ่อนคลาย
(๒) เศรษฐกิจและเงินเฟ้อของไทยในปี ๒๕๖๔ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๓.๐ ต่ำลงจากการประเมินครั้งก่อนเนื่องจากได้รับผลกระทบของโควิด-๑๙
ระลอกใหม่ ส่วนเศรษฐกิจในปี ๒๕๖๕ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๔.๗
โดยประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี ๒๕๖๔ และ ๒๕๖๕ อยู่ที่ร้อยละ ๑.๒ และ ๑.๐
ตามลำดับ สำหรับเสถียรภาพระบบการเงินไทย ยังมีเสถียรภาพแต่เปราะบางมากขึ้นจากเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวช้า
และ (๓) การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงไตรมาสที่ ๑ ปี ๒๕๖๔ ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน
เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ และ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๔ ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ
๐.๕ ต่อปี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
779 | รายงานผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน พ.ศ. 2560 - 2564 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | กค. | 22/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน
พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยแผนพัฒนาฯ
มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบการเงิน ๓ ด้าน ได้แก่ ด้านผู้ใช้บริการทางการเงิน
ด้านผู้ให้บริการทางการเงิน และด้านโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน ประกอบด้วย ๗๘
โครงการ ซึ่ง ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ ได้ดำเนินการสำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัดแล้วรวม
๕๔ โครงการ (เป็นการดำเนินการสำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัดในปี ๒๕๖๐-๒๕๖๒ รวม ๓๕
โครงการ) โดยเป็นโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จในปี ๒๕๖๓ จำนวน ๑๙ โครงการ แบ่งเป็น
(๑) โครงการที่ตั้งเป้าหมายดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๓ จำนวน ๑๖ โครงการ
พบว่า มีโครงการที่ดำเนินการสำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัด จำนวน ๑๕ โครงการ และ (๒)
โครงการที่ตั้งเป้าหมายดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๔
แต่สามารถดำเนินการได้สำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัดในปี ๒๕๖๓ แล้ว จำนวน ๔ โครงการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
780 | การกำหนดเบี้ยประชุมให้แก่ประธานอนุกรรมการ และอนุกรรมการในคณะอนุกรรมการที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรม (ก.ม.จ.) ตามพระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. 2562 | กค. | 22/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดเบี้ยประชุมให้แก่ประธานอนุกรรมการ
และอนุกรรมการในคณะอนุกรรมการที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรม (ก.ม.จ.)
ตามพระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. ๒๕๖๒ ดังนี้ (๑) กำหนดให้คณะอนุกรรมการเกี่ยวกับการขับเคลื่อนมาตรฐานทางจริยธรรมและคณะอนุกรรมการเกี่ยวกับการกำกับ ติดตาม
และประเมินผลตามมาตรฐานทางจริยธรรม ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนในอัตราประธานอนุกรรมการไม่เกิน
๕,๐๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน
และอนุกรรมการไม่เกิน ๔,๐๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน ทั้งนี้ ประธานอนุกรรมการ และอนุกรรมการ
จะมีสิทธิ์ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนเฉพาะเดือนที่มีการประชุม
หากเดือนใดไม่มีการประชุมหรือมีการประชุมแต่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมให้งดจ่าย (๒) เห็นชอบในหลักการการกำหนดเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนให้แก่ประธานอนุกรรมการ และอนุกรรมการในคณะอนุกรรมการที่ ก.ม.จ. แต่งตั้ง โดยให้ถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามมาตร
๑๕ แห่งพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยอนุโลม
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ.
และคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นว่าควรให้สำนักงาน ก.พ.
ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายดังกล่าวแล้ว
แต่หากไม่เพียงพอเห็นควรให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรแล้วแต่กรณี สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป
ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้ ในการปฏิบัติงานของคณะอนุกรรมการที่ ก.ม.จ. แต่งตั้ง
ขอให้ยึดหลักความคุ้มค่าและเป็นไปเพื่อประโยชน์ราชการเป็นสำคัญ
กรณีคณะอนุกรรมการที่อาจแต่งตั้งเพิ่มได้ในภายหลังนั้นควรพิจารณาตามความจำเป็นในการสนับสนุนการดำเนินการตามภารกิจของ
ก.ม.จ. เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและไม่เป็นภาระงบประมาณภาครัฐในระยะยาว
รวมทั้งควรมีการทบทวนคงอยู่ของคณะอนุกรรมการเมื่อสิ้นสุดภารกิจ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|