ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 183 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 3641 - 3660 จากข้อมูลทั้งหมด 9659 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 3641 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [การยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน)] | กค | 24/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนด
กิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้กิจการของสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับ ประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) เฉพาะการให้กู้ยืมเงินแก่รัฐบาลประเทศเพื่อนบ้าน รัฐวิสาหกิจหรือสถาบัน การเงินของรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้าน เป็นกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3642 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับการขายนมฟลูออไรด์ภายใต้โครงการอาหารเสริมนมโรงเรียน) | กค | 24/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้น
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการ คลังเสนอ มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการขายนมสดพาสเชอไรซ์และนมสดยูเอชทีผสมฟลูออ ไรด์ ของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการนมฟลูออไรด์ป้องกันฟันผุในประเทศไทย ภายใต้โครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ซึ่งกระทำตั้งแต่วันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2543 เป็นต้นไป และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3643 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีแรก ปี 2551 | กค | 17/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีแรก ปี 2551
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ดังนี้ 1. รวบรวมและพัฒนาข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ และข้อมูลประกอบด้านอื่น ๆ ที่สำคัญต่อเศรษฐกิจ 2. งานวิชาการ จัดทำดัชนีราคาที่อยู่อาศัย จัดทำ REIC Research Report และจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของ ผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย 3. การส่งเสริมภาพลักษณ์ขององค์กรศูนย์ข้อมูลฯ ได้จัดสัมมนาทางวิชาการด้านอสังหาริมทรัพย์ประจำปี และจัดกิจกรรมเพื่อประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์อย่างต่อเนื่อง 4. งานที่ศูนย์ข้อมูลฯ ดำเนินการเพิ่มเติม (นอกเหนือจากแผนงาน) เช่น การจัดทำบันทึกตกลง (MOU) ว่าด้วยการขอใช้ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ในระะบบสารสนเทศที่ดินระหว่างกรมที่ดินกับ ธอส. และจัดสัมมนาเผยแพร่ ข้อมูลการปรับราคาประเมินที่ดินปี 2551 ของกรมธนารักษ์เมื่อเดือนมกราคม 2551 5. การดำเนินการของ กค. โดยให้ศูนย์ข้อมูลฯ ดำเนินงานตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้ในระดับที่น่า พอใจ โดยการรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลอสังหาริมทรัพย์เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้และสามารถนำข้อมูลเผยแพร่ ทาง Website อย่างไรก็ตาม ได้ให้ศูนย์ข้อมูลฯ เร่งดำเนินการโครงการของปี 2551 ที่ล่าช้ากว่าแผนงาน 4 โครงการ คือ 1) โครงการสำรวจที่อยู่อาศัยในกรุงเทพ ฯ - ปริมณฑล และจังหวัดยุทธศาสตร์ในเขตภูมิภาค 2) โครงการพัฒนาระบบบันทึกข้อมูลใบอนุญาตก่อสร้างอาคารของท้องถิ่นส่วนเพิ่ม 3) โครงการวิจัยอุปสงค์และ อุปทานด้านที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติในจังหวัดภูเก็ต และ4) โครงการวิจัยพฤติกรรมการซื้อที่อยู่อาศัยประเภท อาคารชุดในกรุงเทพ - ปริมณฑล เพือ่เผยแพร่ต่อผู้ทีสนใจและเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3644 | การจัดประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน+3 สมัยพิเศษ | กค | 17/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอเกี่ยวกับการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมรัฐมนตรีว่า
การกระทรวงการคลังอาเซียน+3 สมัยพิเศษ ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2552 ณ จังหวัดภูเก็ต วัตถุประสงค์ของการ ประชุม ฯ เพื่อร่วมกันกำหนดท่าทีและแนวทางการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจการเงินการคลังเพื่อสร้างความเชื่อมั่น ให้แก่ภูมิภาคในภาวะที่เศรษฐกิจโลกมีความผันผวนสูง รวมทั้งเตรียมเสนอรายงานความคืบหน้าในการดำเนินงาน ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน+3 ต่อที่ประชุมสุดยอดผู้นำประเทศอาเซียน ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์-1 มีนาคม 2552 ณ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สำหรับค่าใช้จ่ายในการจัดประชุม ฯ จะเบิกจ่ายจาก วงเงินงบประมาณที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติสำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อาเซียน ครั้งที่ 13 และการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน+3 ครั้งที่ 12 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในปี พ.ศ. 2552
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3645 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535 และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 (การกำหนดค่าธรรมเนียมของธุรกิจประกันชีวิตและประกันวินาศภัย) | กค | 10/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงจำนวน 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้
ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535 มีสาระ สำคัญคือ เพิ่มเติมรายการค่าธรรมเนียมบางประเภทที่จะต้องเรียกเก็บตามพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 ดังนี้ 1) คำขอรับใบอนุญาตเป็นนักคณิตศาสตร์ประกันภัย 400 บาท 2) ใบอนุญาตให้เป็นนักคณิตศาสตร์ประกันภัย 15,000 บาท 3) การให้ต่อใบอนุญาตเป็นนักคณิตศาสตร์ประกันภัย 9,000 บาท 2. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 มีสาระสำคัญคือ เพิ่มเติมรายการค่าธรรมเนียมบางประเภทที่จะต้องเรียกเก็บตามพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2551 ดังนี้ 1) คำขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ประเมินวินาศภัย 400 บาท 2) คำขอรับใบอนุญาตให้เป็นนักคณิตศาสตร์ประกันภัย 400 บาท 3) ใบอนุญาตให้เป็นผู้ประเมินวินาศภัย 5,000 บาท 4) ใบอนุญาตให้เป็นนักคณิตศาสตร์ประกันภัย 15,000 บาท 5) การให้ต่ออายุใบอนุญาตให้เป็นผู้ประเมินวินาศภัย 3,000 บาท 6) การให้ต่ออายุใบอนุญาตให้เป็นนักคณิตศาสตร์ประกันภัย 9,000 บาท
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3646 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (คุณหญิงชฏา วัฒนศิริธรรม และนายชัยวัธ มะระพฤกษ์วรรณ) | กค | 10/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการบรรษัท
บริหารสินทรัพย์ไทย จำนวน 2 คน แทนผู้ที่ลาออก ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (10 กุมภาพันธ์ 2552) เป็นต้นไป ดังนี้ 1. คุณหญิงชฏา วัฒนศิริธรรม เป็นประธานกรรมการ แทนนายทนง พิทยะ 2. นายชัยวัธ มะระพฤกษ์วรรณ ผู้แทนสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเป็นกรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3647 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล (นายฐนนท์ศรณ์ เลิศฤทธิ์ศิริกุล) | กค | 10/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งนายฐนนท์ศรณ์ เลิศฤทธิ์ศิริกุล เป็น
กรรมการในคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล แทนนายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ ที่ลาออก ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่ วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (10 กุมภาพันธ์ 2552) เป็นต้นไป และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งดำรงตำแหน่งแทนอยู่ใน ตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3648 | รายงานผลการดำเนินการตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 ประจำปีงบประมาณ 2551 | กค | 03/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินการบริหารและจัดการหนี้
สาธารณะตามกรอบแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จำนวน 794,846.15 ล้าน บาท คิดเป็นร้อยละ 80.35 ของแผน ฯ และเมื่อรวมกับการกู้เงินและบริหารหนี้ที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องอยู่ภาย ใต้กรอบเพดานการกู้เงินและบริหารหนี้ของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ จำนวน 62,261.90 ล้านบาท แล้ว กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจได้กู้เงินและบริหารหนี้รวมจำนวน 857,108.05 ล้านบาท แบ่งเป็น การกู้เงิน ใหม่ จำนวน 306,862.28 ล้านบาท และการบริหารหนี้ จำนวน 550,245.77 ล้านบาท ทั้งนี้ การดำเนินการ ดังกล่าว นอกจากจะสามารถจัดหาเงินกู้เพื่อใช้จ่ายเงินตามแผนงานที่กำหนดแล้ว ยังทำให้ลดยอดหนี้คงค้างได้ 60,126.94 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยได้ 2,296.88 ล้านบาท สำหรับหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2551 มีจำนวน 3,408,231 ล้านบาท หรือร้อยละ 36.22 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3649 | ร่างประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ..) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการแสดงเจตนาบริจาคเงินภาษีให้แก่พรรคการเมืองในแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี | กค | 03/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ..)
เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการแสดงเจตนาบริจาคเงินภาษีให้แก่พรรคการเมืองในแบบแสดงรายการภาษีเงิน ได้บุคคลธรรมดาประจำปี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่าง อนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างประกาศ ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1. กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการแสดงเจตนาบริจาคเงินภาษีให้แก่พรรคการเมืองในแบบแสดง รายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี 2. กำหนดให้พรรคการเมืองที่ได้รับการแสดงเจตนาบริจาคเงินภาษีดังกล่าว ต้องเป็นพรรคการเมือง ที่นายทะเบียนพรรคการเมือง โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับจดแจ้งการจัดตั้งใน ทะเบียนพรรคการเมืองก่อนสิ้นปีภาษีนั้น 3. กำหนดให้สำนักงาน กกต. แจ้งรายชื่อ รวมทั้งรหัสของพรรคการเมืองต่ออธิบดีกรมสรรพากร เพื่อ ประชาสัมพันธ์แจ้งให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาทราบเพื่อใช้สิทธิแสดงเจตนาบริจาคเงินภาษี 4. กำหนดให้กรมสรรพากรจัดทำรายชื่อพรรคการเมืองที่ได้รับการบริจาค พร้อมจำนวนเงินภาษีที่ได้ จากการแสดงเจตนาบริจาคทั้งหมดส่งให้นายทะเบียนพรรคการเมืองโดยต้องโอนเงินดังกล่าวให้กองทุนเพื่อการ พัฒนาพรรคการเมือง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3650 | รายงานผลการกู้เงินในรูป Euro Commercial Paper (ECP) ประจำปีงบประมาณ 2551 | กค | 03/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินในรูป Euro Commercial Paper
(ECP) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ได้ดำเนินการกู้เงินภายใต้ ECP Programme รวม 1 ครั้ง จำนวนรวม 55,000,000,000 เยน เพื่อใช้สำหรับการทำ Refinance เงินกู้จาก ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JBIC) เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2551 จำนวน 11 สัญญา ได้แก่ สัญญาที่ TXV-10 TXV-11 TXV-4 TXX-2 TXX-3 TXX-4 TXX-5 TXXI-5 TXXI-8 TXXII-4 และ TXXII-5 โดย สบน. ได้ชำระคืนเงินกู้ภายใต้ ECP Programme จำนวน 55,000 ล้านเยน เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2551 โดยใช้ พันธบัตรสกุลเงินเยน (Samurai Bond) วงเงินรวม 55,000 ล้านเยน จำนวน 3 รุ่น ระยะเงินกู้ 3 5 และ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.14 1.32 และ 1.49 ต่อปี (ตามลำดับ) ทั้งนี้ ผลของการใช้เงินกู้ ECP และการชำระคืนเงิน กู้ภายใต้ ECP Programme ดังกล่าว ทำให้สามารถลดภาระหนี้ได้เป็นเงินรวมเทียบเท่า 1,591.14 ล้านบาท และ ผลของการกู้เงินพร้อมด้วยการชำระคืนหนี้เงินกู้ JBIC โดยใช้งบชำระหนี้คืนเงินกู้ภายใต้ ECP Programme ส่งผล ให้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 ไม่มียอดเงินกู้คงค้าง จึงสามารถเบิกใช้เงินกู้ภายใต้ ECP Programme ได้เต็ม จำนวน คือ 2,000,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3651 | เงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน | กค | 03/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการการกู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจากสถาบันการเงินและองค์กรระหว่างประเทศ ตาม ที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้กระทรวงการคลังรับไปดำเนินการให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ปรับปรุงวัตถุประสงค์ของการใช้เงินกู้ให้ชัดเจนและเป็นไปตามมาตรา 22 ของพระราชบัญญัติการ บริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และให้จัดทำกรอบการเจรจาการกู้เงิน แนวทางการใช้จ่ายเงินกู้และรายละเอียด อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน ครบถ้วน เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ก่อนเสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบตาม นัยมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เป็นต้น ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของส่วนราช การที่เกี่ยวข้องและข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการพิจารณากลั่นกรองโครงการที่จะใช้เงินกู้ดังกล่าวให้เหมาะ สมสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ควรจะมีคณะกรรมการระดับนโยบายที่มีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเป็นกรรม การเพื่อพิจารณากำหนดกรอบแนวทางการคัดเลือกโครงการก่อนแล้วให้คณะกรรมการกลั่นกรองและกำกับติดตาม โครงการเงินกู้ที่กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาความพร้อมและความจำเป็นเหมาะสมของโครงการต่าง ๆ ในรายละ เอียดต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย 2. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกู้เงินตามมาตรา 22 ของ พระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 ให้แล้วเสร็จ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3652 | ขออนุมัติในหลักการกู้เงิน Short term facility สำหรับรัฐวิสาหกิจ วงเงินไม่เกิน 200,000 ล้านบาท | กค | 03/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้กระทรวงการคลังจัดหา Short term facility จากธนาคารพาณิชย์ที่ประกอบกิจการใน ประเทศไทย และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ วงเงินไม่เกิน 200,000 ล้านบาท และกรอบและเงื่อนไขการกู้เงิน ภายใต้รูปแบบเงินกู้แบบ Short term facility ทั้งนี้ เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย/โครงการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ/ชำระ คืนเงินกู้เดิมเพื่อเป็นการบริหารและจัดการเงินกู้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจที่ได้รับการบรรจุในแผนการบริหาร หนี้ และเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นแก่กระทรวงการคลังกรณีที่เกิดความเสี่ยงในการผิดชำระดอก เบี้ยหรือเงินต้นของรัฐวิสาหกิจ (Default risk) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ 2. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในระยะที่ผ่านมารัฐวิสาหกิจจะมีการวางแผนและกำหนดเป้าหมายการกู้ เงินเพื่อดำเนินโครงการจำนวนมาก แต่ในช่วงปลายปีรัฐวิสาหกิจบางแห่งจะขอลดวงเงินกู้โครงการต่ำลงกว่าที่ กำหนด ซึ่งจะก่อให้เกิดผลกระทบสองประการคือ ประการแรก ทำให้รัฐวิสาหกิจที่มีความพร้อมของโครงการ ลงทุนมากกว่าขาดโอกาสในการใช้เงินกู้ และประการที่สอง การลดวงเงินโครงการลงทุนอาจส่งผลกระทบต่อ ความเชื่อมั่นของนักลงทุน เนื่องจากผลการดำเนินโครงการของภาครัฐไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ อีก ทั้งในบางกรณียังเสียค่าใช้จ่ายค่าธรรมเนียมเงินกู้ที่เกิดจากการไม่ได้เบิกจ่ายเงินกู้อีกด้วย นอกจากนี้ การใช้ ประโยชน์จาก Short term facility ควรมีการกำกับดูแลให้มีการใช้ตามความจำเป็น รักษาวินัยทางการคลังและ เป็นไปตามกรอบกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยเป็นการใช้เครื่องมือระยะสั้น เพื่อบริหาร จัดการเงินกู้สำหรับโครงการและวงเงินที่ได้รับอนุมัติไว้ตามแผนบริหารหนี้สาธารณะประจำปี และมีการปรับ เปลี่ยนให้เป็นการกู้เงินระยะยาวที่เหมาะสมกับลักษณะการลงทุนของรัฐวิสาหกิจภายในเวลาอันสมควร เพื่อมิ ให้ผิดวัตถุประสงค์ของการจัดให้มีเครื่องมือดังกล่าว รวมทั้งให้รัฐวิสาหกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงแผน ฯ เงินกู้และ การบริหารหนี้เป็นจำนวนมากในระหว่างปีทำรายงานชี้แจงเหตุผลความจำเป็นต่อคณะกรรมการนโยบายและ กำกับหนี้สาธารณะอย่างชัดเจน ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3653 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ระดับ 10 (กระทรวงการคลัง) (จำนวน 2 ราย นายชาติชาย ศุภคติธรรม และนายสุรพล สุประดิษฐ์) | กค | 03/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัด
กระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งระดับ 10 จำนวน 2 ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ดังนี้ 1. นายชาติชาย ศุภคติธรรม ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัด เก็บภาษี (นักวิชาการภาษี 10 ชช.) กรมศุลกากร ตั้งแต่ วันที่ 3 กันยายน 2551 2. นายสุรพล สุประดิษฐ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัด เก็บภาษี (เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 10 ชช.) กรมสรรพสามิต ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2551
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3654 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) (มาตรการเพิ่มภาษีสรรพสามิตน้ำมัน) | กค | 28/01/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตตามร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษี สรรพสามิต (ฉบับที่ ..) โดยปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว จาก 3.685 บาทต่อลิตร เป็น 5.00 บาทต่อลิตร (เต็มเพดาน) ปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซินมีสารตะกั่ว จาก 4.685 บาท ต่อลิตร เป็น 5.00 บาทต่อลิตร (เต็มเพดาน) รวมทั้งปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่มีค่ากำมะกันไม่ เกินร้อยละ 0.035 (เดิม 0.25) เป็น 3.305 บาทต่อลิตร และปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่มีค่ากำ มะถันเกินร้อยละ 0.035 (เดิม 0.25) เป็น 4.000 บาทต่อลิตร โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอ คณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาโดยด่วน โดยพิจารณาการปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตเฉพาะในส่วนของเนื้อน้ำมัน ของแก๊สโซฮอล์ E85 และแก๊สโซฮอล์อื่นให้เป็นไปตามหลักการเดียวกัน แล้วดำเนินการต่อไปได้ 2. ให้กระทรวงพลังงานใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกน้ำมัน โดยให้ มีผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด 3. ให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลป้องกันการกักตุนน้ำมันเพื่อจำหน่ายในราคาที่สูงขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3655 | มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล | กค | 20/01/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลรวม 4 มาตรการ ได้แก่ 1.1 มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพ และสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดย่อม และ วิสาหกิจชุมชน 1.2 มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 1.3 มาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นธุรกิจการท่องเที่ยว 1.4 มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และโครงสร้างองค์กร 2. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา 5 ฉบับ และร่างกฎกระทรวง 3 ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 2.1 ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 5 ฉบับ 2.2 ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎา กร รวม 2 ฉบับ 2.3 ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการจำหน่ายหนี้ สูญจากบัญชีลูกหนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3656 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายตรัยรักษ์ เต็งไตรรัตน์) | กค | 20/01/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งนายตรัยรักษ์
เต็งไตรรัตน์ เป็นข้าราชการการเมืองตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยให้มีผลตั้ง แต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (20 มกราคม 2552) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3657 | การแต่งตั้งและกำหนดอัตราเงินเดือนผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (นายวันชัย สุระกุล) | กค | 20/01/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งนายวันชัย สุระกุล ดำรงตำแหน่ง
ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และกำหนดอัตราค่าตอบแทนเป็นรายเดือน ๆ ละ 280,000 บาท และเมื่อครบกำหนดทุก ๆ 1 ปี อาจปรับขึ้นค่าตอบแทนคงที่ไม่เกินกว่าร้อยละ 10 ของค่าตอบแทน คงที่ต่อเดือน ตามผลการประเมินของคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามใน สัญญาจ้างเป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3658 | แต่งตั้งคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ | กค | 20/01/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3659 | มาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน | กค | 20/01/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบหลักการมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ใน 4 มาตรการ ได้แก่ มาตรการลด ค่าใช้จ่ายน้ำประปาของครัวเรือน มาตรการลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าของครัวเรือน มาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางรถโดย สาร และมาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางโดยรถไฟชั้น 3 โดยปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือดังกล่าวหลัง จากมาตรการเดิมสิ้นสุด และใช้หลักเกณฑ์ใหม่ของแต่ละมาตรการเป็นระยะเวลา 6 เดือน เริ่มตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 หรือภายหลังวันที่มาตรการเดิมสิ้นสุด รวมทั้งกรอบวงเงินที่ใช้สนับสนุนมาตรการ จำนวน 13,901 ล้าน บาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยในส่วนของมาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางรถโดยสารประจำทางที่รัฐจะรับ ภาระค่าใช้จ่ายค่าโดยสารรถประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ประเภทรถโดยสารธรรมดาที่ให้บริการ ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล นั้น ให้พิจารณาจ่ายเงินชดเชยให้แก่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพตามภาระ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงโดยใช้หลักต้นทุนในการคำนวณ 2. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย และสำนักงบประมาณ ในบางประเด็น เช่น เห็นควรปรับปรุงมาตรการลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าของครัวเรือนให้ครอบคลุมถึงครัวเรือนในฐาน ทัพเรือสัตหีบที่ซื้อไฟฟ้าโดยตรงจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เพื่อจำหน่ายให้ผู้ใช้ไฟฟ้าในเขตรับผิดชอบ ของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ รวมทั้งมาตรการลดค่าใช้จ่ายน้ำประปาของครัวเรือนในส่วน ของการประปาส่วนภูมิภาคควรเพิ่มผู้ใช้น้ำกรณีอาคารชุดที่ซื้อขายเป็นสิทธิส่วนบุคคลราคาไม่เกิน 500,000 บาท /ห้องที่ใช้มาตรวัดน้ำรวม และได้ลงทะเบียนกับการประปาส่วนภูมิภาค เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย 3. สำหรับกรอบวงเงินที่ใช้สนับสนุนมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนให้เป็นไปตามความเห็น ของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3660 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายศิโรตม์ เสตะพันธุ) | กค | 13/01/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งนายศิโรตม์ เสตะพันธุ
เป็นข้าราชการการเมืองตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรี มีมติ (13 มกราคม 2552) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
