คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ในการ
ประชุมครั้งที่ 4/2551 เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2551  ที่เห็นชอบให้มีการจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวให้แก่ลูกจ้าง
รัฐวิสาหกิจ โดยเทียบเคียงหลักเกณฑ์ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2551  และใช้อัตราการเบิกจ่ายเงิน
เพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ ตามที่กระทรวงการคลังกำหนดโดยอนุโลม
และให้มีผลตั้งแต่วันที่  1  พฤษภาคม  2551  เป็นต้นไป โดยใช้เงินงบประมาณของแต่ละรัฐวิสาหกิจเอง ทั้งนี้ การจ่าย
เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวดังกล่าวไม่ถือเป็นค่าจ้าง และมีลักษณะการจ่ายเป็นการชั่วคราว รวมทั้งไม่เป็นฐานในการ
คำนวณสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ แก่ลูกจ้าง  หากคณะรัฐมนตรีมีมติยกเลิกการจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราช
การและลูกจ้างประจำของส่วนราชการให้รัฐวิสาหกิจยกเลิกการจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวแก่ลูกจ้างด้วย 

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน 4 ราย ตามที่รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (9 ตุลาคม 2551) เป็นต้นไป ดังนี้
              1. นายสมชาย สกุลสุรรัตน์     เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
                                                       (นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์)
              2. นายเกษมสันต์ วีระกุล        เป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปฏิบัติ
                                                       ราชการประจำรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
                                                       (นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์)
              3. นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์       เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
                                                       (ร้อยตรีหญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี)
              4. นางรัชนี พลซื่อ                 เป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปฏิบัติ
                                                       ราชการประจำรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
                                                       (ร้อยตรีหญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี)

             คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอรายงานสรุปผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำปี
งบประมาณ พ.ศ. 2551  ณ  สิ้นเดือนกรกฎาคม 2551  โดยผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณในภาพรวมทั้งประเทศ
ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้วจำนวน 1,268,554.21 ล้านบาท หรือร้อยละ  76.42  ของวง
เงินงบประมาณ (1,660,000 ล้านบาท) จำแนกเป็นรายจ่ายประจำจำนวน 1,031,920.37 ล้านบาท หรือร้อยละ
77.81  ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำหลังโอนเปลี่ยนแปลง  (1,326,204.68  ล้านบาท)  และรายจ่ายลง
ทุนจำนวน 236,633.84 ล้านบาท  หรือร้อยละ 70.89 ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนหลังโอนเปลี่ยนแปลง
(333,795.32 ล้านบาท)

              คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
              1. อนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอการปรับเพิ่มเป้าหมายปริมาณการรับจำนำข้าวเปลือก
นาปรัง ปี 2551  จาก 3.5 ล้านตันข้าวเปลือก  เป็น 4.5 ล้านตันข้าวเปลือก  และปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายตามปริมาณข้าว
เปลือกรับจำนำเพิ่มขึ้นขององค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.)  ในการรับฝากข้าว
เปลือกและออกใบประทวนสินค้าเฉลี่ยตันละ 86 บาท เป็นเงิน 86 ล้านบาท  ค่าเช่าสถานที่จัดเก็บรักษาข้าวสารค่า
ตรวจคุณภาพและดูแลรักษาตันละ 216 บาท จนถึงสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2552 เป็นเงิน 216 ล้านบาท และค่าใช้จ่าย
ในการจัดการโครงการตันละ 45 บาท เป็นเงิน 45 ล้านบาท  รวมทั้งสิ้น  347  ล้านบาท  รวมทั้งปรับเพิ่มค่าใช้จ่าย
ตามปริมาณข้าวเปลือกรับจำนำเพิ่มขึ้นของ ธ.ก.ส.  ในการบริหารโครงการเฉลี่ยตันละ 27 บาท  เป็นเงิน  27  ล้าน
บาท  และค่าชดเชยดอกเบี้ยแทนเกษตรกรร้อยละ 6.50  สำหรับระยะเวลา  7  เดือน  นับจากเดือนกันยาน 2551-
มีนาคม 2552 จากราคารับจำนำเฉลี่ยตันละ 12,000 บาท เป็นเงิน 455 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 482 ล้านบาท
              2. งบประมาณค่าใช้จ่ายของโครงการที่ปรับเพิ่มขึ้นรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 829 ล้านบาท นั้น ให้ อคส. อ.ต.ก.
และ ธ.ก.ส. ขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป  และให้ ธ.ก.ส. สำรวจและรวบรวมข้อ
มูลปริมาณผลผลิตข้าวเปลือกนาปีและนาปรัง ปี พ.ศ. 2551  รวมทั้งปริมาณข้าวเปลือกที่เข้าร่วมโครงการให้ถูกต้อง
ครบถ้วนเพื่อไม่ให้มีความซ้ำซ้อนโดยให้ประสานการดำเนินการดังกล่าวกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง แล้วนำเสนอ
คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
              1. อนุมัติเป็นหลักการให้ภาครัฐสนับสนุนภาระค่าใช้จ่ายจากการดำเนินการตาม 6 มาตรการ  6  เดือน
ฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ของการไฟฟ้านครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค  และ
การประปานครหลวง   โดยให้สำนักงบประมาณเจียดจ่ายจากเงินงบกลาง  รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน
หรือจำเป็นเท่าที่จะจัดสรรให้ได้   สำหรับภาระค่าใช้จ่ายส่วนที่เหลือทั้งหมด ให้สำนักงบประมาณจัดสรรจากเงินงบ
กลาง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552  เป็นลำดับแรก  หากไม่เพียงพอให้ตั้งงบประมาณชดเชยให้ในปีงบประมาณ
พ.ศ. 2553 แทนการหักจากรายได้นำส่งรัฐของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยและการประปานครหลวง
              2. ให้กระทรวงการคลังประสานกับรัฐวิสาหกิจที่รับผิดชอบดำเนินการตามมาตรการ  ฯ    พิจารณาแนว
ทางการบรรเทาภาระของภาครัฐ โดยอาจพิจารณารับภาระค่าใช้จ่ายบางส่วน  ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนภาครัฐ
ในการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย  ให้สามารถนำรายได้ส่วนที่ประหยัดได้จากค่าสาธารณูปโภคไปใช้ในราย
การที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต
              3. ให้รัฐวิสาหกิจที่รับผิดชอบดำเนินการตามมาตราการ ฯ ขอเบิกจ่ายเงินงบประมาณเป็นรายเดือนผ่าน
กระทรวงเจ้าสังกัด  โดยให้กระทรวงเจ้าสังกัดเป็นผู้พิจารณาแนวทางและวิธีการตรวจสอบ  ตลอดจนติดตามผลการ
ดำเนินงานเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ 
              4. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรพิจารณาแนวทางในการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อและราคาน้ำมันที่
เพิ่มขึ้น  ภายใต้หลักความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility : CSR) ของรัฐวิสาหกิจ  โดยอาจ
พิจารณาให้ส่วนลดเป็นกรณีพิเศษกับผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งนายประวิช สารกิจปรีชา ให้ดำรงตำแหน่ง
ที่ปรึกษาด้านหนี้สาธารณะ (เศรษฐกร 10 ชช.) สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ  กระทรวงการคลัง  ตั้งแต่วันที่ 2
มิถุนายน 2551 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัด
กระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งระดับ 10 จำนวน 2 ราย ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2551 เป็นต้นไป ดังนี้
               1. นายสมชัย อภิวัฒนพร               ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงาน
                                                               ปลัดกระทรวงการคลัง
               2. นางรวิฐา พงศ์นุชิต                   ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงาน
                                                               ปลัดกระทรวงการคลัง

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งนางจันทิมา  สิริแสงทักษิณ  ให้ดำรง
ตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร  (นักวิชาการคอมพิวเตอร์ 10 วช.)  กรมสรรพา
กร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2551 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของนายศุภรัตน์ ควัฒน์
กุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งปลัดกระทรวง (นักบริหาร 11) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง
ต่อไปอีก 1 ปี (เป็นครั้งที่ 1) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2551 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2552

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวง
การคลัง ให้ดำรงตำแหน่งระดับ 10 จำนวน 7 ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2551 ดังนี้
              1. นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ           ดำรงตำแหน่องรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัด
                                                          กระทรวงการคลัง
              2. นายอุทิศ ธรรมวาทิน            ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมศุลกากร
              3. นายเทวัญ วิชิตะกุล               ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมธนารักษ์
              4. นางเสาวนีย์ กมลบุตร           ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัด
                                                          กระทรวงการคลัง
              5. นายวินัย วิทวัสการเวช          ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมสรรพากร
              6. นายศุภชัย จงศิริ                  ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัด
                                                          กระทรวงการคลัง
              7. นายสมชัย สัจจพงษ์              ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน 2 ราย
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (2 กันยายน 2551) เป็นต้นไป ดังนี้
              1. นายกมล บันไดเพชร                     ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง
                                                                  การคลัง (นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช)
              2. นางสาวชะวรลัทธิ์ ชินธรรมมิตร      ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
                                                                  การคลัง ปฏิบัติราชการในตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรี
                                                                  ช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช)

               คณะรัฐมนตรีมีมติให้เลื่อนการพิจารณาเรื่อง หลักการและแนวทางการกำกับดูแลที่ดีในรัฐวิสาหกิจไป
ก่อนเนื่องจากหลักการและแนวทางตามที่กระทรวงการคลังเสนอ  เมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้วจะต้องแจ้งให้รัฐ
วิสาหกิจต่าง ๆ  ถือปฏิบัติ  ดังนั้น  จึงให้กระทรวงการคลังตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องในประเด็นต่าง ๆ ให้ชัดเจน
ถูกต้อง  และครบถ้วน เช่น หากต้องการให้รัฐวิสาหกิจถือปฏิบัติตามหลักการและแนวทางการกำกับดูแลที่ดีในรัฐ
วิสาหกิจ ควรพิจารณาข้อความหลายแห่งที่ใช้ถ้อยคำว่า  "ควร"  ซึ่งจะทำให้หลักการและแนวทางดังกล่าวมีสภาพ
บังคับให้ต้องถือปฏิบัติมากน้อยเพียงใด การสรรหากรรมการรัฐวิสาหกิจที่ระบุว่าในขณะที่บัญชีรายชื่อกรรมการ
ที่กระทรวงการคลังจัดทำขึ้นยังไม่แล้วเสร็จ ให้สรรหากรรมการอิสระโดยมีคุณสมบัติที่เหมาะสมที่สุดนั้น ปัจจุบัน
มีรายชื่อดังกล่าวแล้ว นอกจากนี้ สมควรพิจารณาตรวจสอบความถูกต้องของข้อความและถ้อยคำต่าง  ๆ  ในภาพ
รวมทั้งหมดอีกครั้งหนึ่ง แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อจะได้แจ้งให้รัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ถือปฏิบัติต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอการแต่งตั้งประธานกรรมการ กรรม
การผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก และผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก  ทั้งนี้ โดยให้มี
ผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (2 กันยายน 2551) เป็นต้นไป ดังนี้
              1. นายมานิต วิทยาเต็ม                   เป็นประธานกรรมการ
              2. นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล                เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านกฎหมาย)
              3. นายธวัชชัย ยงกิตติกุล                 เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการเงินการคลัง)
              4. นางสุกัญญา จันทรปรรณิก          เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการเงินการคลัง)
              5. นายสิงหะ นิกรพันธุ์                   เป็นผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างแนวทางการจัดตั้งทุนหมุนเวียน และให้
ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติต่อไป สรุปได้ดังนี้
              1. ให้ส่วนราชการ/หน่วยงานของรัฐ ที่ประสงค์จะขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนเสนอเรื่องให้คณะกรรมการ
กลั่นกรองการจัดตั้งทุนหมุนเวียนพิจารณา  ก่อนเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ  และเสนอคำขอตั้ง
งบประมาณรายจ่ายประจำปี  โดยจัดทำรายละเอียดในการเสนอจัดตั้งทุนหมุนเวียนเพื่อประกอบการพิจารณา
              2. ให้ส่วนราชการ/หน่วยงานของรัฐ  ที่จะจัดตั้งทุนหมุนเวียนต้องดำเนินการเสนอคณะกรรมการ  ฯ
พิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการจัดตั้งหรือขยายระยะเวลาการดำเนินงานทุนหมุนเวียน    แล้วให้ส่วนราช
การ/หน่วยงานของรัฐนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป  โดยให้นำความเห็นของคณะ
กรรมการ ฯ ประกอบการนำเสนอคณะรัฐมนตรีด้วย
              3. ทุนหมุนเวียนที่จัดตั้งขึ้นแล้วจะต้องเข้าสู่ระบบการประเมินผลงานตามที่กระทรวงการคลังกำหนด
และกระทรวงการคลังจะดำเนินการยุบเลิกทุนหมุนเวียน หากปรากฏว่าทุนหมุนเวียนนั้นหมดความจำเป็นตาม
วัตถุประสงค์หรือหยุดดำเนินการอันไม่มีเหตุอันสมควร  และไม่ปฏิบัติตามระเบียบที่กำหนด  หรือรวมทุนหมุน
เวียนในกรณีที่มีวัตถุประสงค์เดียวกันหรือสามารถดำเนินการร่วมก้นได้  โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติ
ให้อำนาจกระทรวงการคลังรวมหรือยุบเลิกทุนหมุนเวียน พ.ศ. 2543
              4. ให้กระทรวงการคลังมีอำนาจเรียกให้ส่วนราชการ/หน่วยงานของรัฐนำเงินทุนหมุนเวียนที่ฝากไว้
กับสถาบันการเงินเข้าฝากไว้กับกระทรวงการคลังหรือให้นำเงินส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินหากทุนหมุนเวียนนั้น
มีเงินคงเหลือเกินความจำเป็น

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน 2 ราย
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (26 สิงหาคม 2551) เป็นต้นไป ดังนี้
              1. นายอรรถสิทธิ์ ดำรงรัตน์             เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการ
                                                                คลัง (นายพิชัย  นริพทะพันธุ์) แทนนายธนพล
                                                                สมรูป ที่ลาออก
              2. นายสรยุทธ เพ็ชรตระกูล             เป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ
                                                                คลัง ปฏิบัติราชการในหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรี
                                                                ช่วยว่าการกระทรวงการคลัง  (นายพิชัย  นริพทะ
                                                                พันธุ์)  แทนนายสุทธิชัย จันทร์อารักษ์ ที่ลาออก

                คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและ
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2551 เป็นต้นไป ดังนี้
                1. ศาสตราจารย์ไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์          เป็นประธานกรรมการ
                2. ศาสตราจารย์ปรัชญา เวสารัชช์                เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประเมินผล
                3. ศาสตราจารย์ดิเรก ปัทมสิริวัฒน์              เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน
                4. รองศาสตราจารย์กาญจนา แก้วเทพ         เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสร้างเสริม
                                                                            สุขภาพ
                5. นายอุทัย ดุลยเกษม                              เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประเมินผล
                6. นายบรรพต ต้นธีรวงศ์                          เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสร้างเสริม
                                                                            สุขภาพ
                7. ศาสตราจารย์ศิริชัย กาญจนวาสี             เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประเมินผล

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนองบการเงินของสำนักงานคณะกรรมการ
กำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550  ซึ่งสำนัก
งานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบดุล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550  งบรายได้ค่าใช้จ่าย  และงบกระแส
เงินสด  สำหรับงวดบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน-31 ธันวาคม 2550  และมีข้อสังเกตประกอบการตรวจสอบ
งบการเงินของสำนักงาน คปภ. ว่า  ณ วันที่เปลี่ยนแปลงสถานะ กรมการประกันภัยยังไม่ได้ปิดบัญชีและแต่ง
ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของรายการทรัพย์สิน หนี้สิน  ภาระผูกพันและสิทธิต่าง ๆ
ที่มีอยู่จริง เพื่อส่งมอบให้สำนักงาน คปภ. หรือหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีสิทธิตามกฎหมาย  จึงเสนอแนะให้สำนัก
งาน คปภ. ประสานกับกระทรวงพาณิชย์ให้ดำเนินการปิดบัญชีของกรมการประกันภัย ณ วันที่ 31 สิงหาคม
2550 และแต่งตั้งคณะกรรมการหรือคณะกรรมการร่วมทั้ง  2  ฝ่าย เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของรายการ
ทรัพย์สิน หนี้สิน ภาระผูกพันและสิทธิต่าง  ๆ  ที่ต้องส่งมอบตามที่กฎหมายกำหนด  และจัดทำรายละเอียด
เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการส่งมอบรายการทรัพย์สิน หนี้สิน ภาระผูกพันและสิทธิ
ต่าง ๆ ให้สำนักงาน คปภ. ดำเนินการต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการบริหารและติดตามกำกับการให้สินเชื่อ
เพื่อยกระดับราคาข้าวเปลือกเหนียว ปี 2551 ครั้งที่ 5/2551 วันที่ 25 สิงหาคม 2551 ตามที่กระทรวงการคลัง
เสนอดังนี้
              1. ให้ขยายระยะเวลาดำเนินงานแก้ไขปัญหาราคาข้าวเปลือกเหนียวตกต่ำ  จากเดิมระหว่างวันที่  25
พฤษภาคม-16 มิถุนายน 2551 เป็นระหว่างวันที่ 24 พฤษภาคม-2  กรกฎาคม  2551  โดยคงจำนวนเกษตร
กร 6,321 ราย และวงเงินสินเชื่อ 366,000,000 บาท เท่ามติคณะรัฐมนตรีเดิมตามที่เกษตรกรร้องขอ
              2. ปริมาณข้าวเปลือกเหนียวส่วนที่เหลือที่โรงสีศิริภิญโญยังไม่ได้นำมาจำนำเพื่อออกใบประทวน เห็น
ชอบตามที่โรงสีได้เสนอขอใช้ข้าวสารเหนียว จำนวนประมาณ  6,200  ตัน  ให้ออกใบประทวนเป็นข้าวเปลือกสี
แปรสภาพเป็นข้าวสารแทน โดยออกใบประทวนข้าวเปลือกตามหลักเกณพ์โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง
ปี 2551 พร้อมคำสั่งสีแปรสภาพ
              3. ในการสั่งสีแปรสภาพข้าวเปลือกเหนียวที่ออกใบประทวนแล้วและยังไม่ได้ออกใบประทวน ให้โรงสี
ศิริภิญโญได้รับยกเว้นการวางหลักประกันสัญญาจ้างแปรสภาพเป็นกรณีพิเศษ   โดยจัดให้มีระบบควบคุมกำกับ
การเคลื่อนย้ายข้าวเปลือกและข้าวสารจากโรงสีและสถานที่เก็บไปยังคลังกลาง และตรวจสอบยืนยันได้อย่างถูก
ต้องครบถ้วน