ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 182 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 3621 - 3640 จากข้อมูลทั้งหมด 9659 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 3621 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวนเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครองเพิ่มขึ้น พ.ศ. .... | กค | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวนเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครองเพิ่มขึ้น พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดย ร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ มีสาระสำคัญคือ กำหนดจำนวนเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครองในช่วงสี่ปีแรกของการบังคับใช้ พระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝาก พ.ศ. 2551 เพิ่มขึ้นจากที่กำหนดในมาตรา 72 วรรคหนึ่ง เนื่องจากภาวะ เศรษฐกิจและระบบการเงินของประเทศมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ดังต่อไปนี้ (1) ปีที่หนึ่ง เต็มตามจำนวนเงินที่ปรากฏในบัญชีเงินฝาก (2) ปีที่สอง เต็มตามจำนวนเงินที่ปรากฏในบัญชีเงินฝาก (3) ปีที่สาม เต็มตามจำนวนเงินที่ปรากฏในบัญชีเงินฝาก (4) ปีที่สี่ ไม่เกินจำนวนเงินห้าสิบล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 3622 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนคุ้มครองเงินฝาก พ.ศ. .... | กค | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนคุ้มครองเงินฝาก
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้สถาบันการเงินนำส่งเงินเข้ากองทุนคุ้มครองเงินฝาก ในอัตราร้อยละ 0.4 ต่อปีของยอดเงินฝากถัว เฉลี่ยของบัญชีที่ได้รับการคุ้มครอง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2551 และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 3623 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการสำหรับการปฏิบัติงานประจำสำนักงานในพื้นที่พิเศษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการสำหรับการปฏิบัติงานประจำสำนักงาน
ในพื้นที่พิเศษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการ คลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ข้าราชการหรือลูก จ้างประจำซึ่งมีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการสำหรับการปฏิบัติงานประจำสำนักงานในพื้นที่พิเศษ หากได้รับคำสั่งให้ ไปปฏิบัติราชการนอกสำนักงานเกิน 15 วันในกรณีดังต่อไปนี้ ไม่มีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการดังกล่าวสำหรับระยะ เวลาที่เกิน 15 วันนั้น (1) การไปปฏิบัติราชการชั่วคราวนอกที่ตั้งสำนักงานซึ่งปฏิบัติราชการปกติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา หรือตามหน้าที่ที่ปฏิบัติราชการโดยปกติ (2) การไปช่วยราชการ ไปรักษาการในตำแหน่ง หรือไปรักษาราชการแทน และให้ใช้บังคับกับกรณี ข้าราชการหรือลูกจ้างประจำที่ได้รับอนุญาตให้ไปศึกษา ฝึกอบรม หรือดูงานด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 3624 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 50 ปี สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ พ.ศ. .... | กค | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 50 ปี สำนัก
งานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวง การคลังเสนอ มีสาระสำคัญคือ กำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกครบ 50 ปี สำนักงานคณะกรรมการ วิจัยแห่งชาติ ชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ น้ำหนัก ขนาด อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ลวดลาย และลักษณะ อื่น ๆ ของเหรียญกษาปณ์โลหะสองสี (สีขาวและสีทอง) ชนิดราคาสิบบาท ประเภทธรรมดา จำนวนผลิตไม่เกิน 3,000,000 เหรียญ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 3625 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการจัดบ้านพักสำหรับข้าราชการซึ่งรับราชการประจำในต่างประเทศ พ.ศ. .... | กค | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติ
ในการจัดบ้านพักสำหรับข้าราชการซึ่งรับราชการประจำในต่างประเทศ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนิน การต่อไปได้ โดยร่างระเบียบกระทรวงการคลัง ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1. ยกเลิกระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการจัดบ้านพักสำหรับข้าราชการซึ่งรับราช การประจำในต่างประเทศ พ.ศ. 2545 2. ปรับปรุงแก้ไขประเภทของบ้านหรือห้องที่จะเช่าเป็นบ้านพักสำหรับข้าราชการให้สอดคล้องกับ ระบบการกำหนดตำแหน่งใหม่ของข้าราชการพลเรือน และกำหนดรองรับสำหรับข้าราชการทหารและข้าราช การตำรวจให้ชัดเจนยิ่งขึ้น 3. กำหนดการต่อสัญญาเช่าบ้านพัก กรณีทำสัญญาเช่าฉบับใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขสาระใน สัญญาเช่า 4. ให้นำหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติที่เป็นหนังสือสั่งการมาปรับปรุงให้เหมาะสม และให้กำหนดไว้ใน ระเบียบฉบับเดียวกรณีเช่าบ้านพักหลังที่สอง หากจำเป็นต้องจ่ายเงินค่านายหน้า ค่าทนายเงินกินเปล่า ค่า มัดจำ ค่าอากรแสตมป์ ค่าลงทะเบียนการทำสัญญาเช่าบ้าน และค่าจ้างผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสภาพบ้าน ใน การเช่าบ้านพักหลังที่สอง และการเช่าบ้านพักตามประเพณีท้องถิ่น ให้จ่ายได้เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็น 5. การเช่าบ้านพักสำหรับเอกอัครราชทูตหรือกงสุลใหญ่ ให้ดำเนินการเช่าในนามสำนักงาน โดย ความเห็นชอบของหัวหน้าส่วนราชการเจ้าของงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 3626 | การแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกตามพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย | กค | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 1757/2551 เรื่อง
แต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกตามพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พุทธศักราช 2485 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 ลงวันที่ 1 ธันวาคม 2551 โดยยกเลิกคำสั่ง กระทรวงการคลัง ที่ 769/2551 และแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกตามพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย ชุดใหม่
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 3627 | การดำรงมูลค่าหุ้นในส่วนที่ชำระแล้วที่เป็นเงินบาทในธนาคารโลก | กค | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอการดำรงมูลค่าหุ้นในส่วนที่ชำระแล้วที่เป็นเงินบาท
ในธนาคารโลก สรุปได้ว่า เมื่อประเทศไทยไม่มีเงินชำระค่าหุ้นที่เป็นเงินบาทคงค้างเหลืออยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็น ที่จะต้องดำรงมูลค่าหุ้นต่อไป ประกอบกับเงินบาทที่คงค้างที่ธนาคารโลกจำนวน 20,880,843.71 บาท ไม่สามารถ นำมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดำรงมูลค่าหุ้น จึงเห็นควรรับโอนเงินจำนวนดังกล่าวคืนมาเพื่อนำส่งคืนคลัง เป็นรายได้แผ่นดินต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 3628 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย รวม 5 ฉบับ (การขยายระยะเวลามาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์) | กค | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกา และร่างประกาศ รวม 5 ฉบับ ที่สำนักงานคณะ
กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1. ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ลดภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร และคง จัดเก็บในอัตราร้อยละ 0.1 เฉพาะการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่ได้กระทำตั้งแต่ วันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2552 ถึงวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2553 2. ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ตามประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตจัดสรรที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ ดินตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด มีสาระสำคัญคือ เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียน การจำนองอสังหาริมทรัพย์ ร้อยละ 0.01 กรณีการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ดังต่อไปนี้ 2.1 เป็นที่ดิน อาคาร หรืออาคารพร้อมที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน หรือที่ดำเนิน การจัดสรรที่ดินโดยทางราชการหรือองค์การของรัฐบาลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ทำการจัดสรรที่ดินตามกฎหมาย 2.2 เป็นอาคารประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ 3. ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ตามกฎหมายกฎหมายที่ดิน กรณีอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรี กำหนด มีสาระสำคัญคือ เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ ร้อย ละ 0.01 กรณีการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว และ อาคารพาณิชย์ หรืออาคารดังกล่าว พร้อมที่ดินซึ่งมีเนื้อที่ไม่เกินหนึ่งไร่ และมิใช่ที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการ จัดสรรที่ดิน หรือที่ดำเนินการจัดสรรที่ดินโดยทางราชการ หรือองค์การของรัฐบาลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ทำการ จัดสรรที่ดินตามกฎหมาย โดยให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2552 ถึงวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2553 4. ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ตามประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารสำนักงานตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรี กำหนด มีสาระสำคัญคือ เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์ ประเภทอาคารสำนักงาน ร้อยละ 0.01 กรณีการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารสำนักงาน โดยอาคารสำนักงานต้องเป็นอาคารหรือ อาคารพร้อมที่ดินที่ได้รับใบอนุญาตให้ก่อสร้างหรือใบรับแจ้งการก่อสร้างเป็นอาคารสำนักงานตามกฎหมาย ว่าด้วยควบคุมอาคาร โดยให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2552 ถึงวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2553 5. ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด กรณีห้องชุดตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด มีสาระสำคัญคือ เรียกเก็บ ค่าจดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียนการจำนองห้องชุด ร้อยละ 0.01 กรณีโอนกรรมสิทธิ์และการจำนอง ห้องชุดทั้งหมดในอาคารชุดที่จดทะเบียนอาคารชุดตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด และกรณีโอนกรรมสิทธิ์และ การจำนองห้องชุดในอาคารชุดที่จดทะเบียนนิติบุคคลอาคารชุดตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด โดยให้ใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2552 ถึงวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2553
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 3629 | รายงานสถานะหนี้สาธารณะของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ | กค | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและ
กำกับการบริหารหนี้สาธารณะรายงานสถานะหนี้สาธารณะ ของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหาร หนี้สาธารณะ สรุปได้ดังนี้ หนี้สาธารณะ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2551 มีจำนวน 3,415,564.96 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 37 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่มีค่าเท่ากับ 9,232,200 ล้านบาท โดยหนี้ สาธารณะดังกล่าว ได้แก่ หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 2,127,405.48 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบัน การเงิน 1,021,712.10 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน 119,937.40 ล้านบาท หนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 138,193.84 ล้านบาท และหนี้ หน่วยงานอื่นของรัฐ 8,316.14 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2552- พ.ศ. 2553 คาดว่า ณ สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 หนี้สาธารณะจะมีจำนวน 4,063,011 ล้านบาท และเพิ่ม ขึ้นเป็น 4,460,401 ล้านบาท ณ สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของระดับหนี้สาธารณะเป็น ผลจากการก่อหนี้ใหม่ของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ และเมื่อพิจารณายอดหนี้สาธารณะเปรียบเทียบกับ GDP พบ ว่า หนี้สาธารณะต่อ GDP ณ สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2553 จะมีสัดส่วนที่ร้อยละ 42.73 และร้อยละ 44.67 ตามลำดับ สำหรับในส่วนของภาระหนี้ที่จะเกิดขึ้นภาระหนี้ต่องบประมาณจะอยู่ร้อยละ 10.20 ในปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2552 และร้อยละ 12.20 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 3630 | การกู้เงินของธนาคารอาคารสงเคราะห์ในปีงบประมาณ 2552 จำนวน 5,000 ล้านบาท | กค | 10/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กู้เงินในประเทศในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จำนวน 5,000 ล้านบาท และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินและการค้ำประกันในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ 2. ให้กระทรวงการคลัง (ธอส.) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ ที่ให้ ธอส. ระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ โดยใช้หลักการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ให้สอด คล้องกับข้อเท็จจริง และควรพิจารณาระดับเงินฝากเพื่อเพิ่มสภาพคล่องของ ธอส. อีกทางหนึ่ง รวมทั้งข้อสังเกต ของสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการให้ความสำคัญในการปรับโครงสร้างเงินทุนและการบริหารความเสี่ยง โดย เฉพาะคุณภาพของลูกค้าเพื่อลดภาระและความเสี่ยงด้านเงินทุน รวมถึงภาระหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในอนาคต และควรปรับปรุงช่องทางการให้บริการและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้หลากหลายเพื่อสนองความต้องการ ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และเป็นการเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมอีกทางหนึ่ง ไปพิจารณาด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 3631 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2552 ครั้งที่ 2 | กค | 10/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการ
บริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ 1. อนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ครั้งที่ 2 ที่มี วงเงินรวมของแผน ฯ เพิ่มขึ้นจำนวน 117,690.81 ล้านบาท จากวงเงินเดิม 1,195,191.89 ล้านบาท เป็น 1,312,882.70 ล้านบาท 2. อนุมัติกรอบวงเงินรวมของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 วงเงิน 1,400,000 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นกรอบรองรับการปรับปรุงแผน ฯ ในครั้งต่อไป 3. อนุมัติการกู้เงินและการค้ำประกันเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศของรัฐบาล และรัฐวิสาหกิจภาย ใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ปรับปรุงครั้งที่ 2 4. อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินและการค้ำประกันในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นภายใต้แผนการบริหารนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ปรับปรุงครั้งที่ 2 และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่า การกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงิน และหรือการค้ำประกันเงินกู้ และเอกสารที่เกี่ยว ข้อง 5. รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ครั้งที่ 2 ของ รัฐวิสาหกิจที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องอยู่ภายใต้กรอบวงเงินแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 3632 | กรอบการเจรจากู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน | กค | 10/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติกรอบการเจรจากู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน จากสถาบันการเงินและ องค์การระหว่างประเทศ 3 แหล่ง คือ ธนาคารโลก (World Bank) ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) และองค์การความ ร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) เพื่อสนับสนุนโครงการลงทุนภาครัฐที่สนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว และเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินของประเทศ ตามที่กระทรวงการ คลังเสนอ และให้เสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบโดยด่วนต่อไป 2. ให้กระทรวงการคลังรับไปดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องกับสัญญาเงิน กู้ ก่อนนำเสนอร่างสัญญาเงินกู้และเอกสารที่เกี่ยวข้องให้รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 3633 | เงินกู้จากรัฐบาลญี่ปุ่นสำหรับโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ - รังสิต | กค | 10/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้กระทรวงการคลังดำเนินการกู้เงินในนามรัฐบาลไทยจากองค์การความร่วมมือระหว่าง ประเทศของญี่ปุ่น (JICA) เพื่อลงทุนในโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต ของการรถไฟ แห่งประเทศไทย ในวงเงิน 63,018 ล้านเยน 2. เห็นชอบให้เสนอร่างหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือทางการเงินระหว่างรัฐบาลไทยกับ รัฐบาลญี่ปุ่นและร่างสัญญาเงินกู้ เพื่อขอความเห็นชอบจากรัฐสภาโดยด่วนต่อไป 3. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ ลงนามในนามรัฐบาลไทยในหนังสือแลกเปลี่ยน ฯ สัญญาเงินกู้ รวมทั้งเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องกับโครงการรถ ไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 3634 | รายงานประจำครึ่งปี (ม.ค. - มิ.ย. 2551) ธนาคารแห่งประเทศไทย | กค | 10/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานประจำครึ่งปี (ม.ค. - มิ.ย. 2551) ธนาคารแห่งประเทศไทย ตามที่
กระทรวงการคลังเสนอ มีสาระสำคัญ คือ เศรษฐกิจการเงินในช่วงครึ่งแรกของ ปี 2551 โดยรวมยังขยายตัวได้ดี ต่อเนื่อง ด้านการส่งออกยังขยายตัวในเกณฑ์ดีเช่นเดียวกับภาคการท่องเที่ยว อย่างไรก็ดีอัตราเงินเฟ้อเร่งตัวต่อ เนื่องตั้งแต่ต้นปีตามการเร่งตัวของราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และการดำเนินงานของ ธปท. ในครึ่ง แรกของปี 2551 ได้ดำเนินนโยบายด้านระบบชำระเงินที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการระบบการ ชำระเงิน ซึ่งทำหน้าที่ในการกำหนดนโยบายและทิศทางการชำระเงินของประเทศ เพื่อให้ระบบการชำระเงินมี ประสิทธิภาพและปลอดภัย สอดคล้องกับการพัฒนาด้านเทคโนโลยีการชำระเงินและพัฒนาการของภาคธุรกิจ ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับสากล
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 3635 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจ) | กค | 03/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้น
รัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1. ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเงินได้ที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่าย เพื่อ การได้มาซึ่งทรัพย์สินประเภทวัสดุ อุปกรณ์หรือเครื่องจักรที่มีผลต่อการประหยัดพลังงาน ไม่รวมถึงยานพาหนะ และวัสดุ อุปกรณ์หรือเครื่องจักรที่ใช้กับยานพาหนะ เป็นจำนวนร้อยละ 25 ของค่าใช้จ่ายนั้น ทั้งนี้ ต้องเป็นค่า ใช้จ่ายตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้มีผลใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2553 2. ทรัพย์สินประเภทวัสดุ อุปกรณ์หรือเครื่องจักรที่มีผลต่อการประหยัดพลังงานตามมาตรา 3 ต้อง เป็นทรัพย์สินที่ไม่เคยผ่านการใช้งานซึ่งได้ซื้อมาและอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานได้ตามประสงค์ ตั้งแต่วันที่พระราช กฤษฎีกานี้มีผลใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2553 โดยได้รับการรับรองจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงานว่าเป็นวัสดุ อุปกรณ์หรือเครื่องจักรที่มีผลต่อการประหยัดพลังงานภายในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2553 และต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม รวมทั้งต้องหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี นับแต่วันที่ทรัพย์สินนั้นอยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้งานได้ตามประสงค์
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 3636 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนสำหรับปีบัญชี 2550 (1 มกราคม 2550 - 31 ธันวาคม 2550) ของบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย | กค | 03/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอรายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและ
ขาดทุนสำหรับปีบัญชี 2550 (1 มกราคม 2550-31 ธันวาคม 2550) ของบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) สรุปได้ดังนี้ 1. กิจการประจำปีในปี พ.ศ. 2550 บตท. ได้แก้ไขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ให้กับบริษัทบริหาร สินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) ปรากฏผลขาดทุน ทำให้ บตท. มีเงินลงทุนในลูกหนี้สุทธิลดลงจาก 4,018 ล้านบาท ณ สิ้นปี พ.ศ. 2549 เป็น 1,972 ล้านบาท ณ สิ้นปี พ.ศ. 2550 2. งบดุลและงบกำไรขาดทุน ในปี พ.ศ. 2550 บตท. มีรายได้รวม 185.41 ล้านบาท ลดลงจากปีบัญชี 2549 คิดเป็นร้อยละ 11.94 ส่วนเงินลงทุนในลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัยในปี พ.ศ. 2550 บตท. ลงทุนในลูกหนี้สิน เชื่อที่อยู่อาศัยจำนวน 1,971.29 ล้านบาท ลดลงจากปี พ.ศ. 2549 ร้อยละ 50.94 เนื่องจากมีการขายลูกหนี้ที่ ไม่ก่อให้เกิดรายได้ตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย ให้กับ บสก. จำนวน 1,454.25 ล้านบาท สำหรับ รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลในปี พ.ศ. 2550 มีจำนวน 183.50 ล้านบาท ต่ำกว่าในปี พ.ศ. 2549 ร้อยละ 12 และมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย จำนวน 1.91 ล้านบาท ต่ำกว่าในปี พ.ศ. 2549 ร้อยละ 4.02 ในส่วนของค่าใช้จ่าย รวมในปี พ.ศ. 2550 บตท. มีค่าใช้จ่ายรวมจำนวน 514.89 ล้านบาท สูงกว่าในปี พ.ศ. 2549 คิดเป็นร้อยละ 66.51 และ ณ สิ้นปี พ.ศ. 2550 บตท. มี NPL จำนวน 141.03 ล้านบาท ต่ำกว่า ณ สิ้นปี พ.ศ. 2549 มี NPL อยู่ ที่จำนวน 1,730.20 ล้านบาท ทำให้ ณ สิ้นปี พ.ศ. 2550 มีอัตราส่วน NPL คิดเป็นร้อยละ 6.90 ของสินเชื่อรวม ลดลงจากร้อยละ 40.76 ณ สิ้นปี พ.ศ. 2549 เนื่องมาจากการขาย NPL ให้กับ บสก. และในส่วนของผลขาดทุน สุทธิในปี พ.ศ. 2550 บตท. ขาดทุนสุทธิจำนวน 329.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 233.87 จากปี พ.ศ. 2549 เนื่องจากการขายเงินลงทุนในลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จำนวน 318.31 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 3637 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (หม่อมราชวงศ์ จัตุมงคล โสณกุล) | กค | 03/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งหม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล
ให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณา โปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 3638 | มาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ที่ประสบอุทกภัยปี 2551 | กค | 24/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||
| 3639 | นโยบายการขอคืนที่ดินราชพัสดุ 1 ล้านไร่ เพื่อนำมาให้เกษตรกรเช่าทำการเกษตร | กค | 24/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบสรุปผลการสัมมนา "หลอมรวมทุกกลไก 1 ล้านไร่ มิติใหม่ที่ราชพัสดุ" ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวัน ที่ 24-25 กรกฎาคม 2551 โดยในการสัมมนาเชิงนโยบายของนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และหัวหน้าส่วนราช การที่เกี่ยวข้องมีความเห็นสอดคล้องและพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการขับเคลื่อนโครงการนำที่ดินราชพัสดุ 1 ล้านไร่ มาจัดให้เกษตรกรเช่าทำการเกษตรตามนโยบายรัฐบาล สำหรับข้อสรุปในการสัมมนาเชิงปฏิบัติการที่ ได้มีการแบ่งกลุ่มตามภาคต่าง ๆ รวม 5 กลุ่ม ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ ภาคตะวัน ออกเฉียงเหนือในหัวข้อการบริหารจัดการที่ดินเพื่อเกษตรกรรม การบริหารจัดการอย่างครบวงจรสำหรับภาค เกษตร การบริหารจัดการอย่างครบวงจรสำหรับภาคการตลาด การคัดเลือกกลุ่มผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม และการบริหารจัดการอย่างยั่งยืนนั้น ได้ข้อสรุปว่าควรดำเนินการในรูปของคณะกรรมการ ตามที่กระทรวงการ คลังเสนอ และเห็นชอบในหลักการการดำเนินการตามผลการสัมมนาซึ่งเป็นการดำเนินการตามนโยบายของ คณะรัฐมนตรีที่ได้แถลงต่อรัฐสภาในการจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกรยากจนในรูปของธนาคารที่ดิน 2. คณะรัฐมนตรีเห็นว่าในการจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกรยากจนในรูปธนาคารที่ดิน กระทรวง การคลังควรเป็นผู้กำหนดนโยบาย หลักเกณฑ์ มาตรการและเงื่อนไข ตลอดจนกำกับดูแลการนำที่ดินราชพัสดุ มาให้เกษตรกรเช่าทำการเกษตร โดยให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมรับไปดำเนินการ เนื่องจาก มีความพร้อมและเคยดำเนินการในเรื่องนี้อยู่แล้ว ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) และกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ (สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม) รับไปประสานการปฏิบัติให้สอดคล้องกับกฎ หมายต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 3640 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดที่ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากรบ้านประกอบ พ.ศ. .... | กค | 24/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดที่ ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกา
กรบ้านประกอบ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวง ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1. กำหนดให้บริเวณด่านศุลกากรบ้านประกอบเป็นที่สำหรับนำของเข้าหรือส่งของออกหรือสำหรับส่ง ออกซึ่งของที่ขอคืนอากรขาเข้า หรือของที่มีทัณฑ์บน 2. กำหนดให้ถนนจากพรมแดนรัฐเคด้าห์ สหพันธ์รัฐมาเลเซีย ตรงหลักเขตแดนหมายเลข 31 ทาง หลวงหมายเลข 4113 สายบ้านประกอบ-เขตแดน กิโลเมตรที่ 4+163.841 ถึงกิโลเมตรที่ 3+453.247 เป็น ทางอนุมัติ
|
|||||||||||||||||||||||||||
.....
