ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 402 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 8021 - 8040 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
8021 | ขอถอนร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์รับคำขออนุญาต พ.ศ. .... | นร.12 | 03/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงาน ก.พ.ร. ถอนร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์รับคำขออนุญาต พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตามที่เสนอได้ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8022 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี พ.ศ. .... | อว. | 03/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
พ.ศ. ๒๕๓๓
และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยเปลี่ยนสถานะของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีที่เป็นส่วนราชการ
เป็นมหาวิทยาลัยที่มีฐานะเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
กฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง
ทบวง กรม
และไม่เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณและกฎหมายอื่น
เพื่อให้มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีสามารถจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม
รวมทั้งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติแผนการปฏิรูปประเทศ
และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรเพิ่มบทบัญญัติที่กำหนดให้
“ลูกจ้างประจำซึ่งมหาวิทยาลัยรับเข้าเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยตามพระราชบัญญัตินี้ให้ถือว่าเป็นการออกจากงาน
เพราะทางราชการเลิกหรือยุบตำแหน่ง และให้มีสิทธิได้รับเหน็จตามระเบียบกระทรวงกหารคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง”
เพื่อมิให้เกิดความลักลั่นระหว่างข้าราชการพลเรือนและลูกจ้างประจำของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
ควรกำหนดให้มีการวางหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการเกี่ยวกับการเบิกเงิน
การรับเงินและการเก็บรักษารายได้ที่ชัดเจน ควรกำหนดบทเฉพาะกาลเกี่ยวกับเงื่อนเวลาและภาระของงบประมาณที่เกิดขึ้น
และควรเพิ่มสาระสำคัญเกี่ยวกับองค์ประกอบและการสรรหากรรมการสภามหาวิทยาลัยที่มาจากบุคคลภายนอก
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ๓. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรเพิ่มบทบัญญัติที่กำหนดให้
“ลูกจ้างประจำซึ่งมหาวิทยาลัยรับเข้าเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยตามพระราชบัญญัตินี้ให้ถือว่าเป็นการออกจากงาน
เพราะทางราชการเลิกหรือยุบตำแหน่ง
และให้มีสิทธิได้รับเหน็จตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง”
เพื่อมิให้เกิดความลักลั่นระหว่างข้าราชการพลเรือนและลูกจ้างประจำของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
และให้นำกฎหมายดังกล่าวมาใช้กับการดำเนินการเพื่อให้เกิดเงินรายได้ของมหาวิทยาลัย
ควรกำหนดให้มีการวางหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการเกี่ยวกับการเบิกเงิน
การรับเงินและการเก็บรักษารายได้ที่ชัดเจน
ควรกำหนดบทเฉพาะกาลเกี่ยวกับเงื่อนเวลาและภาระของงบประมาณที่เกิดขึ้น
โดยให้ใช้จ่ายจากเงินรายได้ของมหาวิทยาลัยเป็นลำดับแรกก่อน และควรดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
รวมทั้งควรพิจารณากำหนดข้อบังคับ ระเบียบ
หรือประกาศเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรบุคคลของบุคลากรแต่ละประเภทให้มีความชัดเจน ควรให้ความสำคัญกับการสร้างหลักประกันในการเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียม
และเร่งรัดการออกกฎหมายลำดับรองให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8023 | แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ | นร.01 | 03/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายมงคลชัย สมอุดร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ
ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม
๒๕๖๔ เป็นต้นไป ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8024 | การต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ครั้งที่ 1 (นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์) | นร.13 | 03/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นางสาวดวงใจ
อัศวจินตจิตร์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบ
๔ ปี ในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ ต่อไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔
ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8025 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (1. นางสาวกนกรัตน์ ขุนทอง) | นร.07 | 03/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑. นางสาวกนกรัตน์ ขุนทอง ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ
(นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) สำนักงบประมาณตั้งแต่วันที่
๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ๒. นางดรงค์รัตน์ กล้าหาญ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ
(นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) สำนักงบประมาณ ตั้งแต่วันที่
๒๖ มีนาคม ๒๕๖๔ ๓. นางสาวรัชนี เครือรัตน์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ
(นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) สำนักงบประมาณ ตั้งแต่วันที่
๒๖ มีนาคม ๒๕๖๔
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8026 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวชุติมา ศรีปราชญ์) | กค. | 03/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวชุติมา ศรีปราชญ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองอธิบดีกรมธนารักษ์
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการบริหารเหรียญกษาปณ์และทรัพย์สินมีค่า
(นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๔ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8027 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (1. พลตำรวจตรี สุพล จงพาณิชย์กุลธร) | ยธ. | 03/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย
และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา รวม ๕ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ สิงหาคม ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ
ดังนี้ ๑. พลตำรวจตรี สุพล
จงพาณิชย์กุลธร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์ ๒. นางบุษบา ศักรางกูร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสังคมสงเคราะห์ ๓.
นางจันทร์ชม จินตยานนท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ๔.
นายชนะพล มหาวงษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕.
นายโฆษิต สุวินิจจิต กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8028 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ) | มท. | 03/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒๘ ราย
เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ และสับเปลี่ยนหมุนเวียน
ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง (นักบริหาร
ระดับสูง) สำนักงาน ปลัดกระทรวง ๒.
นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
(นักบริหาร ระดับสูง) สำนักงาน ปลัดกระทรวง ๓.
นายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
(ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายสมคิด จันทมฤก ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหาร
ระดับสูง) กรมการพัฒนาชุมชน ๕. นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด
(นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดกระบี่ ๖. นายรังสรรค์
ตันเจริญ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด
(นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดชัยนาท ๗. นายไกรสร กองฉลาด ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด
(นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดชัยภูมิ ๘. นายภาสกร
บุญญลักษม์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด
(นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดเชียงราย ๙. นายประจญ
ปรัชญ์สกุล ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด
(นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดเชียงใหม่ ๑๐. นายชำนาญวิทย์
เตรัตน์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด
(นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดตราด ๑๑. นายชาธิป
รุจนเสรี ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดนครพนม ๑๒. นายวิเชียร
จันทรโณทัย ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด
(นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดนครราชสีมา ๑๓. นายชยันต์
ศิริมาส ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด
(นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดนครสวรรค์ ๑๔. นายณรงค์ศักดิ์
โอสถธนากร ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด
(นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดปทุมธานี ๑๕. นายเสถียร
เจริญเหรียญ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด
(นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ๑๖. นายนิพันธ์
บุญหลวง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด
(นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดปัตตานี ๑๗. นายวีระชัย
นาคมาศ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด
(นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ๑๘. นายไพบูลย์
ณะบุตรจอม ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด
(นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดพิจิตร ๑๙. นายเฉลิมพล
มั่งคั่ง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดมุกดาหาร ๒๐. นายภิรมย์ นิลทยา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด
(นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดยะลา ๒๑. นายภูสิต สมจิตต์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด
(นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดร้อยเอ็ด ๒๒. นายสิธิชัย
จินดาหลวง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด
(นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดลำปาง ๒๓. นางจุรีรัตน์
เทพอาสน์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด
(นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดสกลนคร ๒๔. นายเจษฎา
จิตรัตน์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด
(นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดสงขลา ๒๕. นายปริญญา
โพธิสัตย์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด
(นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดสระแก้ว ๒๖. นายชัยชาญ
สิทธิวิรัชธรรม ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด
(นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดสิงห์บุรี ๒๗. นายมนต์สิทธิ์
ไพศาลธนวัฒน์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด
(นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดหนองคาย ๒๘. นายพงศ์รัตน์
ภิรมย์รัตน์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด
(นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดอุบลราชธานี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8029 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายสุนทร ชัยยินดีภูมิ) | นร.04 | 03/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายสุนทร ชัยยินดีภูมิ เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง [รองนายกรัฐมนตรี (นายดอน ปรมัตถ์วินัย)] โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ สิงหาคม ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8030 | การต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง และผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี (1. นายภัครธรณ์ เทียนไชย) | มท. | 03/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง สังกัดกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๕ ราย ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑. ให้นายภัครธรณ์ เทียนไชย ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ต่อไปอีกเป็นเวลา ๑ ปี (ครั้งที่ ๒) ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ๒. ให้นายจีระ ภูมิสวัสดิ์ ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นายสมศักดิ์ จังตระกุล ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง และนายวิชวุทย์ จินโต ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ต่อไปอีกเป็นเวลา ๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8031 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (นายจุลพันธ์ ทับทิม) | กษ. | 03/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายจุลพันธ์ ทับทิม เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร แทนกรรมการอื่นเดิมที่ลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ สิงหาคม ๒๕๖๔) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8032 | การประชุมรัฐมนตรีกลุ่มเคร์นสอย่างไม่เป็นทางการ (Informal Gathering of Cairns Group Ministers) | พณ. | 03/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบ (๑)
การเปลี่ยนแปลงชื่อการประชุมจากการประชุมรัฐมนตรีกลุ่มเคร์นส์ ครั้งที่ ๔๒ เป็นการประชุมรัฐมนตรีกลุ่มเคร์นส์อย่างไม่เป็นทางการ
(๒) ผลการประชุมรัฐมนตรีกลุ่มเคร์นส์อย่างไม่เป็นทางการ และ (๓) แถลงการณ์ของรัฐมนตรีกลุ่มเคร์นส์
วันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๔ ซึ่งมีผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ (นายสรรเสริญ สมะลาภา)
เป็นหัวหน้าผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้
ดังนี้ ๑. ที่ประชุมเห็นพ้องว่าการลดการอุดหนุนสินค้าเกษตรที่บิดเบือนการค้า
ควรเป็นผลลัพธ์ด้านการเจรจาสินค้าเกษตรที่ยอมรับได้ในการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลก
ครั้งที่ ๑๒
โดยกรอบการเจรจาเรื่องการอุดหนุนภายในสินค้าเกษตรที่จัดทำโดยกลุ่มเคร์นส์สามารถนำไปเป็นพื้นฐานสำหรับการเจรจาเพื่อลดการอุดหนุนที่บิดเบือนการค้าสำหรับประเทศสมาชิกองค์การการค้าโลกได้
รวมทั้งการให้ความสำคัญกับการปฏิรูปทุกสาขาของการเจรจาสินค้าเกษตรอย่างเท่าเทียม ๒. ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์
(นายสรรเสริญ สมะลาภา) ได้กล่าวถ้อยแถลงเพื่อแสดงเจตนารมณ์ของไทยในการผลักดันให้เกิดการปฏิรูปสินค้าเกษตรภายใต้องค์การการค้าโลก
เช่น การสนับสนุนให้การค้าสินค้าเกษตรเป็นไปอย่างเสรีและเป็นธรรม
ลดการบิดเบือนทางการค้า และการลดอุปสรรคทางการค้า
โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เป็นต้น และได้เสนอให้สร้างพันธมิตร
“เพื่อนกลุ่มเคร์นส์” เพื่อผลักดันข้อเสนอของกลุ่มให้ได้รับการสนับสนุนมากยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8033 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองโพล้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ. | 03/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองโพล้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองโพล้ ในตำบลท้องที่ควายกิน
อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้ เพื่อกิจการโรงงาน การประปา
หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตรวจสอบความถูกต้องของชื่อท้องที่การปกครอง
และแนวเขตการปกครองท้องที่ ตลอดจนตรวจสอบพื้นที่และจุดยึดโยงต่าง ๆให้ถูกต้อง
รวมทั้งแก้ไขชื่อผู้มีอำนาจลงนามให้เป็นปัจจุบันก่อนประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไปด้วย
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8034 | รายงานผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ประจำปี 2563 | พม. | 03/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย
ประจำปี ๒๕๖๓ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ยังคงเป็นหนึ่งในวาระแห่งชาติ
และรัฐบาลไทยเดินหน้าการปฏิรูปการทำงานเพื่อขจัดปัญหาการค้ามนุษย์ทั้งระบบ ประกอบด้วย
การจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ทั้งระบบเพิ่มขึ้นร้อยละ
๕.๘๕ รวม ๔,๐๒๙.๓๕ ล้านบาท จากปี ๒๕๖๒
ที่มีจำนวน ๓,๘๐๖.๘๒ ล้านบาท และสถิติคดีค้ามนุษย์ลดลง ในปี
๒๕๖๓ มีคดีค้ามนุษย์ จำนวน ๑๓๒ คดี ลดลงต่ำสุดเมื่อเทียบกับในช่วง ๔ ปีที่ผ่านมา
โดยรูปแบบที่พบมากที่สุด คือการแสวงหาประโยชน์ทางเพศ (ค้าประเวณี สื่อลามก
และทางเพศอย่างอื่น) การคุ้มครองช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์และผู้เสียหายจากการบังคับใช้แรงงานหรือบริการอย่างเท่าเทียมตามกฎหมาย
การเตรียมการรับรองดูแลผู้เสียหายที่มีความหลากหลายทางเพศ
การออกกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานในงานประมง พ.ศ. ๒๕๖๒
แนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ๓ สัญชาติ (กัมพูชา ลาว เมียนมา)
ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
และกำหนดให้นายจ้างเป็นผู้จ่ายเงินค่าธรรมเนียมการจัดหางานให้กับแรงงานต่างด้าวและห้ามนายจ้างเรียกรับเงินเกี่ยวกับการนำคนต่างด้าวมาทำงานจากคนต่างด้าว
ซึ่งเป็นไปตามพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐
และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นต้น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8035 | รายงานผลการดำเนินงานของระบบประกันภัยและพัฒนาการที่สำคัญ รอบ 12 เดือน ปี 2563 | กค. | 03/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของระบบประกันภัยและพัฒนาการที่สำคัญ
รอบ ๑๒ เดือน ปี ๒๕๖๓ มีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้ ๑)
ภาพรวมธุรกิจประกันภัยเดือนมกราคม-ธันวาคม ปี ๒๕๖๓ มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรง
รวมทั้งสิ้น ๘๕๒,๗๒๙ ล้านบาท หดตัวร้อยละ ๐.๒๒
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ๒)
รายงานผลการดำเนินงานที่สำคัญตามนโยบายรัฐบาลของสำนักงาน คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
(คปภ.) และนโยบายที่กำหนดโดย คปภ. ภายใต้แผนพัฒนาการประกันภัย ฉบับที่ ๓ (พ.ศ.
๒๕๕๙-๒๕๖๓) ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ชาติ ได้แก่
การเพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรมประกันภัย การเสริมสร้างความรู้และการเข้าถึงประกันภัย
การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการแข่งขัน
การเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านประกันภัย ๓) รายงานผลการดำเนินงานตามตัวชี้วัดของสำนักงาน
คปภ. รอบ ๑๒ เดือน ปี ๒๕๖๓ เป็นการประเมินผลการดำเนินงานตามมาตรการและแผนการดำเนินงานในปี
๒๕๖๓ ของสำนักงาน คปภ. ประกอบด้วย ๑๖ ตัวชี้วัด มีค่าคะแนนเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักรวมอยู่ที่
๔.๖๒๕ จากคะแนนเต็ม ๕ และ ๕)
รายงานผลการสำรวจความพึงพอใจของผู้ใช้บริการกับสำนักงาน คปภ. รวม ๑๒ เดือน ปี ๒๕๖๓
มีระดับความพึงพอใจภาพรวมอยู่ที่พึงพอใจมากที่สุด คือ อยู่ที่ร้อยละ ๙๒.๒๐
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8036 | ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 29) | นร.05 | 03/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๒๙) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการห้ามผู้ใดเสนอข่าว
จำหน่าย หรือทำให้แพร่หลายซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใดที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว
หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร
ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ
หรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนในเขตพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
และในกรณีที่มีการฝ่าฝืนในอินเทอร์เน็ต ให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติแจ้งผู้รับใบอนุญาตการให้บริการอินเทอร์เน็ตเพื่อตรวจสอบและระงับการให้บริการอินเทอร์เน็ตแก่เลขที่อยู่ไอพี
(IP address) นั้นทันที
และส่งรายละเอียดดังกล่าวให้แก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยเร็วเพื่อดำเนินคดีต่อไป
โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ฉบับประกาศและงานทั่วไป เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๑๗๐ ง วันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8037 | ข้อกำหนดและคำสั่งที่ออกตามความในมาตรา 7 และมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 รวม 3 ฉบับ | นร.05 | 03/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ รวม ๓ ฉบับ ดังนี้ ๑. ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา
๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๓๐) มีสาระสำคัญเป็นการปรับการบังคับใช้มาตรการต่อกลุ่มบุคคล
สถานที่ และกิจการที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม
ได้แก่ การปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์
การขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
การปรับมาตรการควบคุมแบบบูรณาการเร่งด่วนสำหรับสถานที่ กิจการ หรือ
กิจกรรมที่มีความเสี่ยง เช่น การเปิดร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า
ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์
หรือสถานประกอบกิจการอื่นที่มีลักษณะคล้ายกันเฉพาะในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดได้จนถึงเวลา
๒๐.๐๐ น. ผ่านการบริการขนส่งอาหาร (Food Delivery Service) เท่านั้น
การกำหนดให้กลุ่มแรงงานก่อสร้างในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร
และปริมณฑลสามารถเปิดหรือดำเนินการได้ภายใต้หลักเกณฑ์ มาตรการ
และแนวทางการกำกับติดตามประเมินผลที่กระทรวงสาธารณสุขหรือทางราชการกำหนด เป็นต้น ๒. คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ที่ ๑๑/๒๕๖๔ เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
พื้นที่ควบคุมสูงสุดและพื้นที่ควบคุม ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๔๘
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดระดับของพื้นที่สถานการณ์เพื่อการบังคับใช้มาตรการควบคุมแบบบูรณาการ
ได้แก่ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด รวมทั้งสิ้น ๒๙ จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุด
รวมทั้งสิ้น ๓๗ จังหวัด และพื้นที่ควบคุม รวมทั้งสิ้น ๑๑ จังหวัด ๓. คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๓/๒๕๖๔
เรื่องการจัดโครงสร้างศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) เพิ่มเติม (ฉบับที่ ๖)
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ศูนย์ปฏิบัติการด้านการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสื่อสารในอินเทอร์เน็ตเป็นโครงสร้างภายในของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19
โดยมีเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เป็นหัวหน้าศูนย์ และผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ดังกล่าวเป็นผู้ปฏิบัติงานในศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ฉบับประกาศและงานทั่วไป เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๑๗๓ ง วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๔
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8038 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย สำหรับงวดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 ถึงวันที่ 23 กันยายน 2563 (วันยุบเลิกบรรษัท) | กค. | 03/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย
สำหรับงวดตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๓ (วันยุบเลิกบรรษัท) ประกอบด้วย รายงานผลการดำเนินงานปีบัญชี ๒๕๖๓
เปรียบเทียบกับปีบัญชี ๒๕๖๒ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้รับรองแล้ว และเป็นไปตามพระราชกำหนดบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย
พ.ศ. ๒๕๔๐ มาตรา ๒๖ ทั้งนี้ พระราชบัญญัติยุบเลิกบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย
พ.ศ. ๒๕๖๓ ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๓ ซึ่งมีผลให้บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัยควบรวมกิจการเข้ากับธนาคารอาคารสงเคราะห์แล้ว นับแต่วันที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับ
และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ถือเอาวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๓ เป็นวันยุบเลิกบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย
และปิดงบการเงิน ประจำปี ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8039 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 11/2564 | นร.04 | 03/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด- 19) (ศบค.) ครั้งที่ ๑๑/๒๕๖๔ เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) สรุปได้ดังนี้ ๑) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ๒) ผลการประเมินมาตรการควบคุมแบบบูรณาการ (ล็อคดาวน์) ตามข้อกำหนดในห้วงระยะเวลา ๑๔ วันที่ผ่านมา ๓) แผนการจัดสรรวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เดือนสิงหาคม ๒๕๖๔ จำนวน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ โดส (AstraZeneca จำนวน ๖,๐๐๐,๐๐๐ โดส และ Sinovac จำนวน ๔,๐๐๐,๐๐๐ โดส ) แผนการบริหารจัดการวัคซีน Pfizer บริจาค จำนวน ๑,๕๐๓,๔๕๐ โดส ๔) การยกระดับของพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรและปรับมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ๕) ให้กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อนุโลมผ่อนผันให้รถขนส่งของบริษัทเอกชนที่สนับสนุนการขนส่งถังบรรจุก๊าซออกซิเจนและก๊าซทางการแพทย์สามารถเดินทางได้ในพื้นที่ต่าง ๆ และทุกห้วงเวลา ๖) ให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เป็นศูนย์ปฏิบัติการภายในโครงสร้างศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๒๙) ๗) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นที่ประชุมไปพิจารณาหารือเกี่ยวกับแนวปฏิบัติเพื่อลดและจำกัดการเคลื่อนย้ายการเดินทาง (Mobility) ของประชาชนในระยะต่อไป และให้กระทรวงมหาดไทยจัดทำข้อมูลภาพรวมของการติดเชื้อในระดับพื้นที่เพื่อประโยชน์ในการประเมินสถานการณ์และประกอบการพิจารณาเพื่อกำหนดมาตรการที่เหมาะสม รวมทั้ง ขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้าน/ชุมชนที่มีความเข้มแข็ง สามารถป้องกันตนเองได้เป็นอย่างดี เพื่อให้เป็นพื้นที่ปลอดภัย ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8040 | โครงการทุนอุดหนุนนักเรียนเรียนดีมีความสามารถในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | ศธ. | 03/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการทุนอุดหนุนนักเรียนเรียนดีมีความสามารถในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๒ ในกรอบวงเงินงบประมาณ ๑๘๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการทุนอุดหนุนนักเรียนเรียนดีมีความสามารถในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาใช้จ่ายจากงบประมาณที่ได้เสนอตั้งรองรับไว้แล้วเป็นลำดับแรก
และหากไม่เพียงพอให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสม
สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณพร้อมรายละเอียดค่าใช้จ่ายให้ชัดเจน
เพื่อเสนอขอตั้งบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็น เหมาะสม และสอดคล้องกับข้อเท็จจริงตามขั้นตอนต่อไป
และติดตามผลการดำเนินงานและประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการในทุกปีการศึกษา
เพื่อนำผลการติดตามและประเมินผลดังกล่าวมาใช้เป็นแนวทางในการเสนอขอตั้งงบประมาณและการดำเนินงานโครงการในระยะต่อไปด้วย
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงศึกษาธิการ
(สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานและสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา)
รับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่เห็นว่าควรมีการประเมินคุณภาพของผู้สำเร็จการศึกษาในแต่ละปี
ให้ความสำคัญในการควบคุม กำกับ ดูแล โครงการดังกล่าว ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนให้เกิดโครงการในลักษณะศูนย์เพาะกล้าคุณธรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อให้โอกาสทางการศึกษากับนักเรียนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่
และควรสนับสนุนทุนแก่นักเรียนที่ครอบครัวได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่
โดยเน้นการสร้าง “คนดี” นำ “คนเก่ง”
ควรมีการกำหนดแนวทางการประเมินผลอย่างมีส่วนร่วมเป็นระยะ และกำหนดตัวชี้วัด และให้กระทรวงศึกษาธิการประสานความร่วมมือกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
โดยเฉพาะภาคเอกชนและสถานประกอบการในพื้นที่ เพื่อเพิ่มโอกาสในการต่อยอดและมีอาชีพรองรับภายหลังจากจบการศึกษาต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |