ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 408 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 8141 - 8160 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
8141 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการส่งเสริมการมีงานทำของคนพิการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา | สว. | 13/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง แนวทางการส่งเสริมการมีงานทำของคนพิการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ
และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นหน่วยงานหลักรับรายงานพร้อมข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ
ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปได้ ดังนี้ (๑) รัฐบาลควรเร่งรัดให้หน่วยงานของรัฐจ้างงานคนพิการให้ครบถ้วนตามกฎหมาย
(๒) ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงานคนพิการ
เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการจ้างงานคนพิการ (๓) เร่งรัดการดำเนินการตามกฎหมายเกี่ยวกับการจ้างงานคนพิการที่มีอยู่ในปัจจุบัน
(๔) พัฒนาระบบฐานข้อมูลและระบบตรวจสอบการจ้างงานคนพิการแบบบูรณาการระหว่างหน่วยงานต่าง
ๆ (๕) หารือและสร้างความเข้าใจให้แก่สถานประกอบการเกี่ยวกับแนวทางการจ้างงานคนพิการ
(๖)
จัดตั้งกลไกการส่งเสริมการมีงานทำของคนพิการในการสร้างความเข็มแข็งและประสานงานกับเครือข่าย
หน่วยงาน และศูนย์บริการทั่วไป (๗) ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้กับคนพิการเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ต่าง
ๆ ของคนพิการ และ (๘)
ปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้กับผู้ประกอบการที่ดำเนินมาตรการส่งเสริมการมีงานทำของคนพิการ
และเพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีของมาตรการคงแรงงานในช่วงสถานการณ์ COVID-19 ให้กับบริษัทที่มีการจ้างงานคนพิการด้วย
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
8142 | แจ้งผลคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขแดงที่ ฟ. 4/2564 ระหว่าง นายธำรง ดั้งขุนทด ผู้ฟ้องคดี คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม ที่ 1 กับพวกรวม 4 คน ผู้ถูกฟ้องคดี (คณะรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3) เรื่อง คดีที่มีกฎหมายกำหนดให้อยู่ในอำนาจศาลปกครองสูงสุด | นร.05 | 13/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด
ในคดีหมายเลขแดงที่ ฟ. ๔/๒๕๖๔ ระหว่าง นายธำรง ดั้งขุนทด ผู้ฟ้องคดี
คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม ที่ ๑ กับพวกรวม ๔ คน ผู้ถูกฟ้องคดี (คณะรัฐมนตรี
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓) เรื่อง คดีที่มีกฎหมายกำหนดให้อยู่ในอำนาจศาลปกครองสูงสุด
ซึ่งศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษายกฟ้อง ทำให้คดีนี้ถึงที่สุดแล้ว
ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
8143 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานเพชรบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน จำนวน 3 ฉบับ | กษ. | 13/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานเพชรบุรี
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ดังนี้ ๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยตะแปด
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยตะแปด ในท้องที่ตำบลสามพระยา
อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้ เพื่อกิจการโรงงาน การประปา
หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำพุหวาย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำพุหวาย ในท้องที่ตำบลห้วยทรายเหนือ
อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้ เพื่อกิจการโรงงาน การประปา
หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหุบกะพง
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บหุบกะพง ในท้องที่ตำบลเขาใหญ่
อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้ เพื่อกิจการโรงงาน การประปา
หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
8144 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... | นร.09 | 13/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดการแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
สำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน ๖ ส่วนราชการ
ได้แก่ สำนักงานผู้อำนวยการ กองกฎหมาย กองที่ดินของรัฐ กองยุทธศาสตร์และแผนงาน
กองส่งเสริมความร่วมมือและขับเคลื่อนการบริหารจัดการที่ดิน และศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศที่ดินและทรัพยากรดิน
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ที่เห็นว่าควรให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเตรียมการจัดแบ่งงานภายในตามโครงสร้างส่วนราชการ
รวมทั้งการจัดอัตรากำลังและตำแหน่งให้สอดคล้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
8145 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม 2564) | ปสส. | 13/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๔
ซี่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา ได้แก่
ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ.
.... ร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่ฝ่ายเลขานุการวิปรัฐบาล สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
8146 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยื่นคำร้องขอคืนภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายสำหรับดอกเบี้ยที่ได้จากตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ | กค. | 13/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง
ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยื่นคำร้องขอคืนภาษีเงินได้หัก
ณ
ที่จ่ายสำหรับดอกเบี้ยที่ได้จากตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยื่นคำร้องขอคืนภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายสำหรับดอกเบี้ยที่ได้จากพันธบัตรออมทรัพย์ที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ออก
เพื่อให้ผู้เสียภาษีสามารถขอคืนเงินภาษีเงินได้ตามกฎหมาย โดยยื่นผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ของสถาบันการเงินที่มีความตกลงเกี่ยวกับการพัฒนาระบบการขอคืนภาษีอากรผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ไว้กับกรมสรรพากรแล้ว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
8147 | กรอบเจรจาของไทยสำหรับการประชุมคณะกรรมการเจรจาการค้าระดับรัฐมนตรีขององค์การการค้าโลก เรื่องการเจรจาจัดทำความตกลงว่าด้วยการอุดหนุนประมง | พณ. | 13/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติในหลักการกรอบเจรจาของไทยสำหรับการประชุมคณะกรรมการเจรจาการค้าระดับรัฐมนตรีขององค์การการค้าโลก
เรื่องการเจรจาจัดทำความตกลงว่าด้วยการอุดหนุนประมง ผ่านระบบการประชุมออนไลน์ เมื่อวันที่
๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ดังนี้ (๑) ห้ามให้การอุดหนุนการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน
และไร้การควบคุม (Illegal, Unreported, and
Unregulated Fishing : IUU Fishing) (๒)
ให้การบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำที่ดีเป็นปัจจัยหนึ่งที่ใช้ในการพิจารณาว่าประเทศสมาชิกสามารถให้การอุดหนุนแก่ภาคประมงได้ต่อไปหรือไม่
(๓) ให้มีการปฏิบัติที่เป็นพิเศษและแตกต่าง (Special and Differential
Treatment : SDT) แก่ประเทศที่กำลังพัฒนา (รวมถึงไทย)
หากในการประชุมดังกล่าวมีการเสนอถ้อยคำหรือจัดทำเอกสารเพื่อแสดงเจตนารมณ์ของสมาชิกองค์การการค้าโลกในระดับนโยบายที่สอดคล้องกับหลักการ
หรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมการเจรจาหรือรับรองเอกสารที่สอดคล้องตามหลักการในวันที่
๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔ (หากมี) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าหากการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามหนังสือสัญญานั้นต้องมีการออกพระราชบัญญัติหรือหนังสือสัญญานั้นอาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
สังคม หรือการค้า หรือการลงทุนของประเทศอย่างกว้างขวางตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสอง
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก็จะต้องเสนอขอความเห็นชอบจากรัฐสภาด้วย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเตรียมความพร้อมและมาตรการรองรับ
เพื่อให้การดำเนินงานสนับสนุนการปรับตัวของเกษตรกรชาวประมงและผู้ประกอบการประมงเป็นไปอย่างต่อเนื่องเมื่อร่างข้อตกลงฯ
ดังกล่าว ผ่านความเห็นชอบในเวทีสากลและมีผลในทางปฏิบัติในระยะต่อไป ไปพิจารณาดำเนิน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
8148 | แนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) เพื่อให้อยู่ในราชอาณาจักรและทำงานได้ต่อไป ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 | รง. | 13/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว เพื่อให้อยู่ในราชอาณาจักรและทำงานได้ต่อไป
ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขอใบอนุญาตนำคนต่างด้าวมาทำงาน
การออกใบอนุญาตนำคนต่างด้าวมาทำงาน การต่ออายุใบอนุญาตนำคนต่างด้าวมาทำงาน
การกำหนดหลักประกัน
และการคืนหลักประกันในการนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ พ.ศ. ....
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓.
อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย รวม ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการไปได้ ๓.๑ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา
ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ .... ๓.๒ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา
ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
ลงวันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ (ฉบับที่ ..) ๓.๓ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การยกเว้นข้อห้ามมิให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะเพื่อการทำงาน
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา
ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงานภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (ฉบับที่ ..) ๓.๔ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา
ซึ่งใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวสิ้นสุดลงโดยผลของกฎหมาย
ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ลงวันที่ .... ๔.
เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงแรงงาน รวม ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๔.๑ ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา
ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ .... ๔.๒ ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา
ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(ฉบับที่ ..) ๔.๓ ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา
ซึ่งใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวสิ้นสุดลงโดยผลของกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ๔.๔ ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การยกเว้นและกำหนดเงื่อนไขการทำงานกับนายจ้างรายใหม่สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา
ลาว และเมียนมา
ซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
8149 | รายงานผลการดำเนินงานการตรวจสอบที่มีต่อข้อเสนอแนะในการแก้ไข ปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน (เรื่อง การเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวีในการสมัครงานกับบริษัทเอกชน) | สม. | 13/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานการตรวจสอบที่มีต่อข้อเสนอแนะในการแก้ไข
ปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน
(เรื่อง การเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวีในการสมัครงานกับบริษัทเอกชน) ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน
เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรามนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๗ วรรคสอง
และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐
มาตรา ๔๓ วรรคหนึ่ง ซึ่งกระทรวงแรงงานได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น ควรมีการแก้ไข ปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองแรงงานในภาคเอกชนให้ครอบคลุมไปถึงการคุ้มครองสิทธิของผู้ติดเชื้อเอชไอวีในโลกแห่งการทำงาน
ควรมีการจัดตั้งกลไกคุ้มครองและตรวจสอบการเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวีในโลกแห่งการทำงาน
เพื่อทำหน้าที่รับเรื่องร้องเรียน ตรวจสอบ เป็นต้น ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
8150 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระยะที่ 7 | กห. | 13/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โรคโควิด
19) วงเงิน ๔๔๐,๙๗๒,๙๐๐ บาท ให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ระยะที่๗ (วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๔-๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔)
สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการพื้นกักกันโรคแห่งรัฐ (State Quarantine) ในส่วนของสถานที่เอกชน ประกอบด้วย (๑) ค่าตอบแทนบุคลากร วงเงิน ๑๗,๔๘๕,๐๐๐ บาท (๒)
ค่าเช่าที่พักและค่าอาหารของเจ้าหน้าที่ วงเงิน ๔๖,๒๓๑,๒๐๐ บาท (๓) ค่าเช่าที่พักและค่าอาหารของผู้ถูกกักกันโรค วงเงิน ๓๗๑,๑๗๕,๖๐๐ บาท (๔) ค่าวัสดุการแพทย์ วงเงิน ๓๓๖,๐๐๐ บาท (๕) ค่าจ้างเหมา วงเงิน ๓,๙๑๐,๘๐๐ บาท และ (๖) ค่าใช้จ่ายยานพาหนะในภารกิจโควิด 19
วงเงิน ๑,๘๓๔,๓๐๐ บาท
ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
8151 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคอย่างไม่เป็นทางการ | กต. | 13/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคอย่างไม่เป็นทางการ
มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการรับมือกับวิกฤตทางด้านสุขภาพและเศรษฐกิจ
อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ โดยมุ่งเน้น ๓ หัวข้อหลัก คือ (๑) การเจริญเติบโตที่เข็มแข็งสมดุล
มั่นคง ยั่งยืนและครอบคลุม อาทิ การกำหนดนโยบายการคลังเพื่อช่วยเหลือประชาชน
การสร้างความเชื่อมโยงที่ปลอดภัยและไร้รอยต่อ การจัดหาเงินทุนอย่างยั่งยืน
การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่มี่คุณภาพ (๒) นวัตกรรมและการใช้ประโยชน์จากดิจิทัล
อาทิ การปฏิรูปโครงสร้าง การสร้างงานและโอกาสในสาขาใหม่
การส่งเสริมการพัฒนาทักษะเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจ และ (๓)
การค้าและการลงทุน อาทิ การเร่งรัดการผลิตและการกระจายวัคซีน ที่มีประสิทธิภาพ
มีคุณภาพ ปลอดภัย และราคาเข้าถึงได้อย่างทั่วถึง การอำนวยความสะดวก การเคลื่อนย้ายสินค้าและบริการ
และการสนับสนุนกระบวนการขององค์การการค้าโลกเพื่อให้เกิดผลลัพธ์เป็นรูปธรรม
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคอย่างไม่เป็นทางการ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
8152 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายวุฒิรักษ์ เดชะพงษ์พันธุ์) | นร.04 | 13/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายวุฒิรักษ์ เดชะพงษ์พันธุ์
เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
8153 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์ และนายสมหมาย เอี่ยมสอาด) | นร.04 | 13/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔)
เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
ดังนี้ ๑. นายชนะศักดิ์
อัตถาวงศ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายอนุชา นาคาศัย) ๒. นายสมหมาย
เอี่ยมสอาด ดำรงตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
8154 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด- 19) (ศบค.) ครั้งที่ 9/2564 | นร.04 | 13/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-
19) (ศบค.) ครั้งที่ ๙/๒๕๖๔ เมื่อวันศุกร์ที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔
ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference)
สรุปได้ดังนี้ ๑) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ๒)
ที่ประชุมเห็นชอบให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
คราวที่ ๑๓ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๔ จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ ๓)
การยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19
และการปรับระดับของพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร ๔)
การเดินทางข้ามจังหวัด ให้ประชาชนหลีกเลี่ยงหรือชะลอการเดินทางข้ามพื้นที่จังหวัดในช่วงระยะเวลานี้โดยไม่มีเหตุจำเป็น
๕) มาตรการด้านการแพทย์และสาธารณสุขในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑล ๖)
ให้ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) (ศบศ )
เร่งรัดกำหนดมาตรการเยียวยาสถานประกอบการหรือพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการกำหนดมาตรการในครั้งนี้
ตามความจำเป็นในแต่ละพื้นที่ ๗) การปฏิบัติในจังหวัดอื่น
โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดมาตรการการสนับสนุน โดยให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข
เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ร่วมกันรับผิดชอบในการกำหนดมาตรการคัดกรองและมาตรการติดตามสำหรับบุคคลที่เดินทางเข้าไปในพื้นที่ให้มีความเข้มงวดมากขึ้น
ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
8155 | การควบคุมราคาชุดตรวจสำหรับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (Rapid Antigen Test) และวัคซีนทางเลือก | นร. | 13/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นว่า โดยที่ปัจจุบันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙)
ยังคงมีความรุนแรงอยู่อย่างต่อเนื่องและสามารถติดต่อกันได้ง่ายขึ้น
ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น สถานพยาบาลต่าง ๆ จึงได้มีการนำชุดตรวจแอนติเจนแบบทราบผลเร็ว
(Rapid Antigen Test)
มาใช้ในการตรวจหาเชื้อโควิด-๑๙
เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างรวดเร็วและลดความแออัดในการเข้ารับบริการ
นอกจากนี้รัฐบาลยังได้เร่งดำเนินการจัดหาวัคซีนทางเลือกเพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่างทั่วถึงและหลากหลายมากขึ้นด้วย
ดังนั้น คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งประสานกับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อดำเนินการกำกับดูแลและควบคุมราคาจำหน่ายชุดตรวจแอนติเจนแบบทราบผลเร็ว (Rapid
Antigen Test) สำหรับโรคโควิด-๑๙ ในกรณีที่ให้ประชาชนสามารถซื้อเครื่องมือแพทย์ดังกล่าวมาใช้ได้เอง
และราคาจำหน่ายวัคซีนทางเลือก ให้เหมาะสม สอดคล้อง กับข้อเท็จจริง
และเป็นธรรมแก่ประชาชนผู้บริโภค
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
8156 | การกำกับติดตามการดำเนินงานของคณะกรรมการคณะต่างๆ | นร. | 13/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นว่า เพื่อให้คณะกรรมการต่าง ๆ
ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ทั้งที่แต่งตั้งขึ้นตามกฎหมาย ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี
หรือตามมติคณะรัฐมนตรี
สามารถปฏิบัติหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องตามหน้าที่และอำนาจเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบาย
ยุทธศาสตร์ หรือแผนการดำเนินงานของรัฐบาลให้บรรลุผลต่อไป
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้รัฐมนตรีทุกท่านรับไปกำกับติดตามคณะกรรมการต่าง ๆ
ในความรับผิดชอบ เพื่อให้มีการจัดประชุมตามความจำเป็นต่อเนื่อง
และให้เกิดผลงานอย่างเป็นรูปธรรม โดยหากมีเรื่องใดที่มีความสำคัญเร่งด่วน
ที่จะต้องดำเนินการประการใด หรือไม่ ก็ให้จัดทำสรุปผลเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อทราบด้วย
ทั้งนี้ หากเห็นว่าคณะกรรมการคณะใดสมควรปรับปรุงแก้ไของค์ประกอบ
หน้าที่และอำนาจหรือคณะกรรมการใดหมดความจำเป็นและสมควรยุบเลิกได้
ก็ให้เร่งดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
8157 | ขออนุมัติโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้และผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่อง | กษ. | 13/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้และผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
มีสาระสำคัญเพื่อสนับสนุนสินเชื่อให้แก่เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้
สามารถมีเงินทุนหมุนเวียนเป็นค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงจระเข้ให้ได้ขนาดตามที่ตลาดต้องการและสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่องสามารถมีเงินทุนหมุนเวียนเป็นค่าใช้จ่ายในการแปรรูปจระเข้ จำนวน ๖๐๐,๐๐๐ ตัว
โดยอนุมัติวงเงินงบประมาณในการดำเนินโครงการ จำนวน ๒๗๓.๘๕ ล้านบาท ประกอบด้วย
ค่าชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรแทนผู้กู้ จำนวน ๒๗๐ ล้านบาท
และค่าดำเนินโครงการ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการชี้แจง ประชาสัมพันธ์
และติดตามโครงการ จำนวน ๓.๘๕ ล้านบาท
โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของกรมประมง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดเงื่อนไขให้เกษตรกรและผู้ประกอบการที่สามารถขอรับสินเชื่อตามโครงการฯ
จะต้องไม่เป็นผู้ที่ไม่สามารถขอสินเชื่อตามพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ หรือมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำอื่น ๆ ของรัฐ เท่านั้น
สำหรับงบประมาณในการดำเนินโครงการ (ค่าชดเชยดอกเบี้ยและค่าดำเนินโครงการฯ)
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง)
และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง เช่น
ควรมีการกำหนดคุณสมบัติและเงื่อนไขในการเข้าร่วมโครงการของเกษตรกรและผู้ประกอบธุรกิจให้ชัดเจน
ควรดำเนินการสนับสนุน ส่งเสริมให้ฟาร์มจระเข้ขึ้นทะเบียนกับ CITES ให้มากขึ้นด้วย พิจารณากลไกการขับเคลื่อนระดับพื้นที่
ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แก่เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้และผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
และควรปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีให้ถูกต้องครบถ้วน
พร้อมทั้งดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการขอรับการสนับสนุนสินเชื่อและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
8158 | รายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทย พ.ศ. 2563 | ทส. | 13/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๓
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แก่ประชาชนให้ถูกต้อง
ทั่วถึง และต่อเนื่อง
เพื่อให้เกิดความตระหนักและมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งของไทยให้มากยิ่งขึ้น ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการและแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาทรัพยากรทางทะเลที่ได้รับผลกระทบจากการทำการประมงให้ชัดเจนและให้เร่งดำเนินการอย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะกรณีการใช้เครื่องมือทำการประมงไม่เหมาะสมหรือผิดประเภทและกรณีการตัดอวนทิ้งในทะเลซึ่งทำให้สัตว์ทะเลติดอวนเสียชีวิต
รวมทั้งสภาพธรรมชาติใต้ท้องทะเลเกิดความเสียหายด้วย ๓.
ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการและแนวทางในการควบคุม
กำกับ ติดตาม
และตรวจสอบเรือเดินทะเลทุกประเภทไม่ให้มีการปล่อยของเสียหรือทิ้งขยะลงสู่ทะเลในเขตน่านน้ำของไทย
ทั้งนี้ ให้พิจารณากำหนดบทลงโทษที่เหมาะสมด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
8159 | การร่วมทุนในบริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) จำกัด ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย | พน. | 13/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเข้าร่วมลงทุนในบริษัท อินโนเปซ
(ประเทศไทย) จำกัด และให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยลงนามในสัญญาและเอกสารที่เกี่ยวข้อง
เมื่อผ่านการตรวจพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงพลังงาน (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) รับความเห็นของกระทรวงการคลังกระทรวงคมนาคม
กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าควรคำนึงถึงความคุ้มค่า
ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และควรจัดทำแผนการบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ รัดกุม โดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของประชาชนและราชการเป็นสำคัญ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุด (หนังสือสำนักงานอัยการสูงสุดที่ อส
๐๐๐๗/๑๕๖๕๖ ลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๓) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
และให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ)
ร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับขั้นตอนและกระบวนการพิจารณาอนุมัติการลงทุนแต่ละประเภทของรัฐวิสาหกิจ
ตามกฎหมายจัดตั้งและกฎหมายที่เกี่ยวข้องของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ
เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวการณ์การลงทุนในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งมีความชัดเจนและเป็นมาตรฐานเดียวกัน
โดยคำนึงถึงมิติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้านด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
8160 | โครงการทุนศึกษาต่อในประเทศของบุคลากรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ณ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ระยะที่ 5 (ปี 2566 - 2570) | กษ. | 13/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการให้ดำเนินโครงการทุนศึกษาต่อในประเทศของบุคลากรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ณ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ระยะที่ ๕ (ปี ๒๕๖๖-๒๕๗๐) จำนวน ๕๐ ทุน
แบ่งเป็นทุนระดับปริญญาโท จำนวน ๒๕ ทุน และทุนระดับปริญญาเอก จำนวน ๒๕ ทุน ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และอนุมัติงบประมาณในการดำเนินโครงการดังกล่าว
จำนวน ๕๙,๐๕๐,๐๐๐ บาท ระหว่างปีงบประมาณ
๒๕๖๖-๒๕๗๐ และผูกพันงบประมาณผู้รับทุนต่อเนื่องถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๗๔ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาจัดสรรทุนการศึกษาโดยมุ่งเน้นสาขาด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีการเกษตร
การวิจัยและนวัตกรรมด้านการเกษตร และสาขาวิชาที่ขาดแคลนบุคลากรเป็นลำดับแรก ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร.
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงศึกษาธิการ ที่เห็นว่าในการแก้ไขปัญหาทดแทนอัตรากำลังของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สามารถบูรณาการร่วมกับสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม ที่มีโครงการจัดสรรทุนการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์
การจัดสรรทุนควรมีการจัดสรรในภาพรวม
กำหนดสาขาวิชาที่ขาดแคลนพิจารณาให้สอดคล้องกับสาขาวิชาความเชี่ยวชาญ
ดำเนินการเตรียมความพร้อมด้านทักษะภาษาอังกฤษ
หรือทักษะอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้ความสำคัญต่อการปฏิรูประบบวิจัยเกษตรไทย
ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้รับทุนทำการวิจัยที่เน้นการสร้างเทคโนโลยีและนวัตกรรม
ตลอดจนการวางแผนในการจัดสรรทุนให้มีความสมดุลกับกรอบอัตรากำลังของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในอนาคต
และกำหนดแนวทางการติดตามการใช้ศักยภาพของผู้รับทุนภายหลังสำเร็จการศึกษาเพื่อให้บรรลุประโยชน์สูงสุดตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
รวมถึงการประเมินผลฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |