ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 409 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 8161 - 8180 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
8161 | ขอความเห็นชอบแผนธุรกิจและการจัดตั้งบริษัท MEA Smart Energy Solutions จำกัด ของการไฟฟ้านครหลวง | มท. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการจัดตั้งบริษัท MEA Smart Energy Solutions จำกัด
ในวงเงินลงทุนการจัดตั้งบริษัท จำนวน ๕๐๐
ล้านบาท และให้กระทรวงมหาดไทย (การไฟฟ้านครหลวง) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน
และคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ที่เห็นว่าให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาครับความเห็นของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจในคราวประชุมครั้งที่
๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๔
ไปพิจารณาดำเนินการกำกับดูแลบริษัทในเครือดังกล่าว ให้ดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
กำหนดแผนรองรับการบริหารจัดการของเสียที่เกิดจากการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ
แผนการตลาด แผนการลงทุน แผนการจัดการความเสี่ยง
และแผนการดำเนินงานด้านเมืองอัจฉริยะ และควรคำนึงถึงประโยชน์ทางราชการและประชาชน
ความคุ้มค่า และความประหยัด และจัดทำแผนการลงทุนในแต่ละปีให้ชัดเจนและแจ้งต่อสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เพื่อปรับกรอบวงเงินลงทุนประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีต่อไป
เป็นต้น รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย (การไฟฟ้านครหลวง) ร่วมกับกระทรวงการคลัง
กระทรวงพลังงาน สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการดำเนินงานร่วมกันเพื่อพิจารณาแผนการจัดตั้ง/ร่วมทุนในบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจกลุ่มพลังงานไฟฟ้า
ให้การลงทุนของบริษัทในเครือมีทิศทางที่เหมาะสม ลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อนระหว่างกัน
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๒ (เรื่อง
ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๒) ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
8162 | ร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน (High-Level Political Forum on Sustainable Development : HLPF) ประจำปี ค.ศ. 2021 | กต. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน
(High-Level Political Forum
on Sustainable Development : HLPF) ประจำปี
ค.ศ. ๒๐๒๑
มีสาระสำคัญ ประกอบด้วย ๑) ร่างปฏิญญาฯ
อยู่ระหว่างกระบวนการเจรจาในระยะสุดท้ายโดยคณะผู้แทนถาวรของประเทศสมาชิกสหประชาชาติที่นครนิวยอร์ก
และเอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรสาธารณรัฐอิรักประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก
เป็นผู้ประสานงานการเจรจาร่วม และคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก
เข้าร่วมการเจรจาโดยตลอด ๒) ร่างปฏิญญาฯ
แสดงถึงเจตนารมณ์ทางการเมืองของประเทศสมาชิกสหประชาชาติที่จะร่วมกันดำเนินการเพื่อบรรจุวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน
ค.ศ. ๒๐๓๐ และตอบสนองและฟื้นฟูจากวิกฤติโควิด-๑๙ ในระดับโลก
สะท้อนการประเมินความก้าวหน้าในการดำเนินการตาม SDGs ทั้ง ๙ เป้าหมาย
ที่เป็นจุดเน้นของการประชุม HLPF ในปีนี้ เป็นต้น
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน
ประจำปี ค.ศ. ๒๐๒๑
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8163 | องค์ประกอบและท่าทีของราชอาณาจักรไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 44 | ทส. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและรับทราบองค์ประกอบและท่าทีของราชอาณาจักรไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ
ครั้งที่ ๔๔ ประกอบด้วย ๑)
รายงานสถานการณ์การอนุรักษ์แหล่งมรดกโลก พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยดำเนินการชี้แจงและโน้มน้าวคณะกรรมการมรดกโลก
ศูนย์มรดกโลกและองค์กรที่ปรึกษาให้เห็นถึงการดำเนินการของราชอาณาจักรไทยในการให้ความสำคัญต่อการดูแลและอนุรักษ์พื้นที่
๒) การขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลก พื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน ให้คณะผู้แทนไทย
ชี้แจงทำความเข้าใจ และโน้มน้าว คณะกรรมการมรดกโลก องค์กรที่ปรึกษา และศูนย์มรดกโลก
เกี่ยวกับสถานการณ์และวิถีชีวิตชุมชนในพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน ๓) รายงานสถานการณ์การอนุรักษ์แหล่งมรดกโลก
นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยดำเนินการชี้แจงและโน้มน้าวคณะกรรมการมรดกโลก
ศูนย์มรดกโลกและองค์กรที่ปรึกษาให้เห็นถึงการดำเนินการให้ความสำคัญต่อการดูแลและอนุรักษ์มรดกโลก
และการดำเนินการต่าง ๆ เพื่อลดผลกระทบต่อคุณค่าความโดดเด่นอันเป็นสากลของแหล่ง
กรณีประเด็นที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า
ให้อยู่ในดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการพิจารณากำหนดท่าทีในประเด็นนั้น ๆ
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นที่ปรึกษา
และนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ทำหน้าที่กรรมการในคณะกรรมการมรดกโลกและหัวหน้าคณะผู้แทนไทย และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย
กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ และคณะทำงาน
เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในการดำรงตำแหน่งกรรมการมรดกโลก วาระปี พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าให้พิจารณาดำเนินการตามระเบียบ
กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ
และคำนึงถึงความสัมพันธ์หว่างประเทศด้วย
ควรมีข้อกำหนดที่ชัดเจนที่เป็นข้อห้ามไม่ให้มีการดำเนินการใด ๆ
ที่ส่งผลกระทบต่อมรดกโลก หรือส่งผลให้พื้นที่มรดกโลกกลายเป็นแหล่งมรดกโลกในภาวะอันตรายหรือมีประเด็นสุ่มเสี่ยง
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
8164 | มาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการอันเนื่องมาจากข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 27) | นร.11 สศช | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน
กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการอันเนื่องมาจากข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๒๗) ประกอบด้วย มาตรการให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มแรงงานผู้ประกอบการที่อยู่ในพื้นที่สถานการณ์ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดที่ต้องปฏิบัติเพิ่มเติมนอกเหนือจากข้อปฏิบัติตามข้อกำหนด
(ฉบับที่ ๒๐) ในพื้นที่ ๑๐ จังหวัดควบคุมสูงสุด ให้สำนักงานประกันสังคม
กระทรวงแรงงาน รับไปพิจารณาเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา
๓๓ ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
(กรุงเทพมหานครและปริมณฑล) มาตรการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย
ค่าสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน (ไฟฟ้าและน้ำประปา) ของประชาชนและภาคธุรกิจทั่วประเทศ
ให้กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
หารือกับสถานศึกษาในสังกัด เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา ให้กระทรวงการคลัง
และธนาคารแห่งประเทศไทย หารือกับธนาคารพาณิชย์
เพื่อดำเนินมาตรการผ่อนปรนการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยหรือการเลื่อนงวดการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ลูกค้าทั้งที่เป็นประชาชนและผู้ประกอบการอย่างจริงจัง
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานประกันสังคม
ติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน กลุ่มแรงงาน
และผู้ประกอบการฯ ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
รวมทั้งเผยแพร่ผลการดำเนินการให้ความช่วยเหลือให้สาธารณชนได้รับทราบอย่างถูกต้องและทั่วถึงเป็นระยะ
ๆ ด้วย ๓. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8165 | ผลการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ครั้งที่ 15 และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา ครั้งที่ 8 | กห. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน
ครั้งที่ ๑๕ (15th ASEAN Defence Ministers’ Meeting :
15th ADDM) และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา
ครั้งที่ ๘ (8th ASEAN Defence
Ministers’ Meeting Plus : 8th ADDM-Plus) ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๖
มิถุนายน ๒๕๖๔ ซึ่งเป็นการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี
(พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นหัวหน้าคณะและรับรองปฏิญญาฯ ดังกล่าว สรุปได้
ดังนี้ (๑) การประชุม 15th ADDM ที่ประชุมรับรองปฏิญญาฯ ADDM โดยรัฐมนตรีกลาโหมประเทศสมาชิกอาเซียน
และพิจารณาเอกสารความร่วมมือปี ๒๕๖๔ และอนุมัติความร่วมมือที่เกี่ยวข้อง เช่น
การจัดการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน+๑ อย่างไม่เป็นทางการกับเครือรัฐออสเตรเลีย
สาธารณรัฐเกาหลี และสาธารณรัฐประชาชนจีน (๒) การประชุม 8th ADDM-Plus ที่ประชุมได้รับรองปฏิญญาฯ ADDM-Plus โดยรัฐมนตรีกลาโหมประเทศสมาชิกอาเซียน ADDM-Plus และได้แลกเปลี่ยนมุมมองด้านความมั่นคงของภูมิภาคและระหว่างประเทศ
ในประเด็นสำคัญ เช่น การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙)
การก่อการร้าย ภัยคุกคามทางไซเบอร์ เป็นต้น ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8166 | รายงานผลการดำเนินงานและงบการเงินของกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | กค. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานและงบการเงินของกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกอบด้วย (๑) ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ซึ่งกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ ได้รายงานผลการดำเนินงาน
ฐานะทางการเงิน
และงบการเงินที่ผู้สอบบัญชีรับรองแล้วต่อกรมบัญชีกลางเป็นประจำทุกปี (๒)
ผลการดำเนินงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓ กองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ
ได้บริหารการเงินที่ได้รับจากการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะพันธบัตรรัฐบาลรุ่น
LB206A จำนวน
๘๙,๑๕๘.๗๒ ล้านบาท และผลตอบแทนจากการลงทุน รวม ๔๘๘.๕๓
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑.๑๘ ต่อปี และมีผลการประเมิน ๔.๙๐๕๗ คะแนน จากคะแนนเต็ม ๕
คะแนน (๓) ฐานะทางการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรายงานของกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ
แล้วเห็นว่า งบการเงินและผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกัน
โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8167 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ครั้งที่ 1/2564 | นร.11 สศช | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ
(กบส.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ประกอบด้วย (๑)
กรอบแนวทางการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเปิดให้บริการเส้นทางรถไฟสาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ซึ่งจะเปิดให้บริการในเดือนธันวาคม ๒๕๖๔
เพื่อเพิ่มศักยภาพในการรองรับการขนส่งสินค้าและการเดินทางที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
(๒) การพัฒนาระบบ National Single Window ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรปรับปรุงกฎหมายหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถชำระค่าบริการต่าง
ๆ ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างเต็มรูปแบบ และ (๓)
ความก้าวหน้าในการดำเนินการตามมติ กบส. ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ ได้แก่
การชะลอการบังคับให้เรือชายฝั่งที่รับตู้สินค้าขาเข้าที่ท่าเรือแหลมฉบังและการบรรทุกตู้สินค้าลงเรือที่ท่าเทียบเรือชายฝั่ง
(ท่าเทียบเรือ A)
และการบรรเทาปัญหาจากการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศเสนอ ๒. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ
(กบส.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๔
และรายงานให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อนำเสนอคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ
ตามขั้นตอนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
8168 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสถาบันการบินพลเรือน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 | คค. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสถาบันการบินพลเรือน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓
ซึ่งได้ผ่านการตรวจสอบและรับรองจากผู้สอบบัญชีแล้ว ประกอบด้วย (๑)
งบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ มีสินทรัพย์รวม ๒,๕๗๑.๒๒ ล้านบาท หนี้สินรวม ๑,๓๕๑.๑๙ ล้านบาท ส่วนของทุน ๑,๒๒๐.๐๔ ล้านบาท และ (๒)
งบแสดงกำไรขาดทุน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ มีรายได้ (จากการดำเนินงาน
เงินอุดหนุนจากรัฐบาล อื่น ๆ) ๔๙๘.๗๘ ล้านบาท รายจ่าย ๔๙๐.๖๒ ล้านบาท
และมีกำไรสำหรับปี ๘.๑๖ ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8169 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา | สว. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยสรุปผลการพิจารณาได้ว่า แนวทางการดำเนินงานเศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับข้อเสนอแนะมาตรการเชิงนโยบายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนของคณะกรรมาธิการฯ เช่น การกำหนดกรอบยุทธศาสตร์และกลไกในการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียนในระดับชาติ การส่งเสริมผู้ประกอบการภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมเพื่อการปรับเปลี่ยนสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน การสร้างตลาดเศรษฐกิจหมุนเวียน และการปฏิรูปการบริหารจัดการขยะทั้งระบบ เป็นต้น ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8170 | สหภาพยุโรปเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย (นายเดวิด เดลี) | กต. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายเดวิด เดลี (Mr. David Daly)
ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหภาพยุโรปประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพัก ณ
กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายปีร์กะ ตาปีโอละ (Mr. Pirkka Tapiola) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8171 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพรายปี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สธ. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพรายปี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพรายปีแก่ผู้รับอนุญาตประกอบกิจการสปาและกิจการนวดเพื่อสุขภาพหรือเพื่อเสริมความงามออกไปอีก เป็นระยะเวลา ๑ ปี และกำหนดให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการแก่การดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิงแก่ผู้รับอนุญาตประกอบกิจการการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิงออกไปอีก เป็นระยะเวลา ๒ ปี ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าว รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้อง และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8172 | การพระราชทานอภัยโทษให้แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564 (ร่างพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. ....) | นร.09 | 06/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. .... ของกระทรวงยุติธรรม ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
โดยให้กระทรวงยุติธรรมรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี ที่เห็นว่าร่างพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. .... ของกระทรวงยุติธรรมที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
ได้มีการเพิ่มเติมบัญชีลักษณะความผิดท้ายร่างพระราชกฤษฎีกาซึ่งแตกต่างจากพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษที่ผ่านมา
เพื่อให้ผู้ต้องราชทัณฑ์ซึ่งต้องโทษตามความผิดดังกล่าวได้รับพระราชทานอภัยโทษเพิ่มขึ้น
โดยได้ตัดลักษณะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาและลักษณะความผิดตามกฎหมายอื่นบางประการออกจากบัญชีท้ายร่างพระราชกฤษฎีกา
เช่น ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ กฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ
และกฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติ ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์
ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับนโยบายของคณะรัฐมนตรีในด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ
การปกป้อง รักษา ฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า และการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์
ไปพิจารณา แล้วส่งผลการพิจารณาให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องลับมาก ห้ามมิให้เสนอข่าว
ให้ข่าว
หรือให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้จนกว่าพระราชกฤษฎีกาจะประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว ๒.
ให้กระทรวงยุติธรรมรับข้อสังเกตของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่เห็นว่าการปล่อยตัวผู้ต้องโทษที่มีภาวะติดเตียงหรือโรคที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิตที่ต้องรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่องหรือที่ไม่อาจรักษาในเรือนจำให้หายได้
ต้องพิจารณาด้วยว่าจะเป็นผลดีแก่ผู้ต้องโทษดังกล่าวหรือไม่
เพราะจะขาดการรักษาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งจะตกเป็นภาระแก่ญาติของผู้ต้องโทษซึ่งได้รับการปล่อยตัวดังกล่าวในการดูแลรักษาพยาบาล
ซึ่งอาจถูกโต้แย้งได้ว่าไม่สอดคล้องกัน หากปล่อยตัวผู้ต้องโทษดังกล่าว
สมควรที่จะจัดระบบรองรับการรักษานอกเรือนจำ
เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและสอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8173 | การแต่งตั้งโฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ฝ่ายการเมือง) และโฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ฝ่ายข้าราชการประจำ) | ดศ. | 06/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งโฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
(ฝ่ายการเมือง) และโฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ฝ่ายข้าราชการประจำ) ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ดังนี้ ๑. นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น เป็นโฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ฝ่ายการเมือง ๒. นายภุชพงค์ โนดไธสง เป็นโฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ฝ่ายข้าราชการประจำ ๓.
นางปิยนุช วุฒิสอน เป็นรองโฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ฝ่ายข้าราชการประจำ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8174 | รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญฯ (เดือนมกราคม - มีนาคม 2564) | นร.11 | 06/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา
๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญฯ (เดือนมกราคม-มีนาคม ๒๕๖๔) ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(สศช.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
และให้เสนอรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป สรุปได้ ดังนี้ ๑. ความคืบหน้ากิจกรรมสำคัญตามแผนการปฏิรูปประเทศระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม
๒๕๖๔ ได้แก่
การขับเคลื่อนกิจกรรมปฏิรูปประเทศที่จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ
(Big Rock) การใช้ระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติสำหรับกิจกรรม
Big Rock โดยการนำระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ (eMENSCR) เข้ามาช่วยสำหรับการติดตาม ตรวจสอบ
และประเมินผลการดำเนินงานตามแผนปฏิรูปประเทศ
แผนขับเคลื่อนกิจกรรมปฏิรูปประเทศที่จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ
(Big Rock) ทั้ง ๖๒ กิจกรรม และประเด็นที่รัฐสภาให้ความสนใจเป็นพิเศษ
ซึ่งมีนัยสำคัญต่อการขับเคลื่อนแผนปฏิรูปประเทศ เช่น ด้านการเมือง
ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ด้านกฎหมาย ด้านกระบวนการยุติธรรม ด้านเศรษฐกิจ
ด้านพลังงาน ด้านสังคม ด้านการศึกษา เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8175 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม 2564) | ปสส. | 06/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่
๒๕ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๙ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพุธที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๑๐ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่ ๘ กรกฎาคม
๒๕๖๔ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8176 | ยุทธศาสตร์ความเป็นหุ้นส่วนระดับประเทศระหว่างประเทศไทยและธนาคารพัฒนาเอเชีย ฉบับที่ 3 สำหรับปี 2564 - 2568 | กค. | 06/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบยุทธศาสตร์ความเป็นหุ้นส่วนระดับประเทศระหว่างประเทศไทยกับธนาคารพัฒนาเอเชีย
(Asian Development Bank : ADB) ฉบับที่
๓ สำหรับปี ๒๕๖๔-๒๕๖๘ โดยคณะกรรมการบริหาร ADB ได้มีมติรับรองยุทธศาสตร์ฯ
ฉบับที่ ๓ แล้ว เมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๔ โดยมีสาระสำคัญประกอบด้วย (๑)
วัตถุประสงค์ ได้แก่ เสริมสร้างความสามารถในการแข่งงขันและความเชื่อมโยง
เสริมสร้างความสามารถในการปรับตัว และสนับสนุนการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติ (๒)
แนวทางการดำเนินงาน เช่น การสนับสนุนโครงการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน
และการสนับสนุนนวัตกรรมในโครงการต่าง ๆ เป็นต้น และ (๓)
การพัฒนาเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคและการฟื้นฟูหลังโควิด-19 โดย
ADB จะแบ่งปันความรู้และประสบการณ์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคให้สามารถฟื้นตัวได้ดียิ่งขึ้นในอนาคต
รวมถึงพัฒนาการค้าในภูมิภาคผ่านกรอบความร่วมมือที่สำคัญ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8177 | แจ้งผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขแดงที่ อ.263 - 287/2564 ระหว่าง นางสาวธัญวรัตน์ ณัฏฐธรัตน์ หรือนางวรรณิดา พฤกษ์จินดา ที่ 1 กับพวกรวม 36 คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน ผู้ถูกฟ้องคดี (คณะรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดี ที่ 6) เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร และความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย | นร.05 | 06/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด
ในคดีหมายเลขแดงที่ อ.๒๖๓-๒๘๗/๒๕๖๔ ระหว่าง นางสาวธัญวรัตน์ ณัฏฐธรัตน์
หรือนางวรรณิดา พฤกษ์จินดา ที่ ๑ กับพวกรวม ๓๖ คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท
ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ ๑ กับพวกรวม ๖ คน ผู้ถูกฟ้องคดี (คณะรัฐมนตรี
ผู้ถูกฟ้องคดี ที่ ๖) เรื่อง
คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร
และความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย
โดยศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษายกฟ้อง และต่อมาผู้ฟ้องคดีได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองกลางต่อศาลปกครองสูงสุด
ซึ่งศาลปกครองสูงสุดได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษายืนนั้น
ศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วย พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น ให้ยกฟ้องคดีทำให้คดีนี้ถึงที่สุดแล้ว
ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8178 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา | สว. | 06/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน
สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา ซึ่งกระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับรายงานพร้อมข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ
ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยสรุปผลการพิจารณารายงานได้ดังนี้ (๑) ด้านกฎหมาย
ปัจจุบันกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีมีการบริหารภายใต้ พ.ร.บ. การบริหารเงินทุนหมุนเวียน
พ.ศ. ๒๕๕๘
และข้อบังคับคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีทำให้การดำเนินงานมีความคล่องตัวและเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
(๒) ด้านบุคลากรและงบประมาณ ควรเพิ่มกรอบอัตรากำลังพนักงานกองทุนตำแหน่งนิติกร
และควรพิจารณาทบทวนจัดสรรเงินอุดหนุนและเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มเติม
เนื่องจากกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีที่ดำเนินการโดยไม่แสวงหากำไร (๓)
ด้านการประชาสัมพันธ์และการตลาดควรมีการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง
(๔) ด้านอื่น ๆ ควรเสริมสร้างประสิทธิภาพและขีดความสามารถของกลุ่มสตรีหรือองค์กร
ผู้รับเงินทุน และสร้างความรู้ ความเข้าใจ ในกฎระเบียบ วิธีการ
ตลอดจนขั้นตอนการดำเนินงาน รวมทั้งประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ ความเข้าใจผ่านสื่อต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8179 | สรุปผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ข้อเสนอเชิงนโยบายแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน : การบริหารและการจัดการภาวะแล้ง ของคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา | สว. | 06/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
ข้อเสนอเชิงนโยบายแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน :
การบริหารและการจัดการภาวะแล้ง ของคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ
วุฒิสภา ซึ่งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้รวบรวมผลการดำเนินงาน
รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคและแนวทางการแก้ไขจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปได้ ดังนี้
(๑) ข้อเสนอเชิงนโยบาย สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้จัดทำแผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
ปี ๒๕๕๙-๒๕๖๕ แผนจัดสรรคน้ำฤดูแล้งปี ๖๓/๖๔ เป็นต้น
แต่การใช้น้ำและเพาะปลูกพืชไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้จึงไม่สามารถควบคุมแผนการจัดสรรน้ำได้
จึงเห็นควรประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับผู้ใช้น้ำ (๒)
ข้อเสนอแนะเชิงบริหารจัดการ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้เตรียมพร้อมพัฒนาศักยภาพบุคลากรและองค์กรผู้ใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า
แต่ข้อมูลเชิงสถิติมีความคลาดเคลื่อนส่งผลต่อการคาดการณ์สถานการณ์น้ำ
จึงเห็นควรปรับปรุงการคาดการณ์พยากรณ์โดยอาศัยปัจจัยด้านพื้นที่มาร่วมในการวิเคราะห์
(๓) ข้อเสนอแนะเชิงการขับเคลื่อน สร้าง Thailand team ปัจจุบันสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ รายงานว่า
มีกลไกการบริหารจัดการน้ำอยู่ ๒ ระดับ คือ ระดับประเทศ
คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และระดับพื้นที่ ได้แก่
คณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดและคณะกรรมการลุ่มน้ำ
แต่กลไกระดับพื้นที่ยังไม่มีอำนาจผลักดันแผนวงานในพื้นที่ได้ทั้งหมด
จึงเห็นควรผลักดันให้มีการจัดทำแผนแม่บท/แผนปฏิบัติการลุ่มน้ำ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
8180 | รายงานผลการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ ครั้งที่ 14 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | ตช. | 06/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ
ครั้งที่ ๑๔ (14th ASEAN Ministerial Meeting on Transnational Crime : AMMTC) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง
ผ่านระบบการประชุมทางไกล ได้แก่ (๑) การประชุมเตรียมการเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติสำหรับการประชุม
AMMTC ครั้งที่ ๑๔ เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ที่ประชุมรับทราบรายงานผลการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ
(SOMTC) ครั้งที่ ๒๐ และรับทราบความคืบหน้าและการดำเนินการตามแผนงาน
SOMTC Work Programme 2019-2021 เป็นต้น
และ (๒) การประชุม AMMTC ครั้งที่ ๑๔ เมื่อวันที่ ๒๖
พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ที่ประชุมรับทราบรายงานผลการประชุม AMMTC ครั้งที่
๑๓
และรับทราบการแลกเปลี่ยนความเห็นของผู้แทนประเทศสมาชิกอาเซียนเกี่ยวกับความพยายามในการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติระดับประเทศ
ระดับภูมิภาค และระดับสากล เป็นต้น ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
|