ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 12 จากทั้งหมด 6209 หน้า แสดงรายการที่ 221 - 240 จากข้อมูลทั้งหมด 124177 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
221 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ นครซานฮวน เปอร์โตริโก สหรัฐอเมริกา (นายโรลันโด เจ. เปียร์เนส-อัลฟองโซ) | กต. | 29/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการสิ้นสุดหน้าที่ของ นายโรลันโด เจ. เปียร์เนส-อัลฟองโซ
(Mr. Rolando J. Piernes Alfonso) กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์
ณ นครซานฮวน เปอร์โตริโก สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่วันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๘
เนื่องจากสูงอายุและสมัครใจไม่ต่อวาระการดำรงตำแหน่ง
โดยไม่ปิดสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ นครซานฮวน เปอร์โตริโก สหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีกงสุลกิตติมศักดิ์
ณ นครซานฮวน เปอร์โตริโก สหรัฐอเมริกา
ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะหัวหน้าสถานทำการทางกงสุล ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
222 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พ.ศ. .... | พน. | 29/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแจ้งและกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์
(Solar Rooftop) สำหรับใช้เองในที่อยู่อาศัยและในสถานประกอบกิจการ
โดยมีการกำกับดูแลกระบวนการติดตั้งอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ให้มีมาตรฐานด้านความปลอดภัยและวิศวกรรม
รวมทั้งการจัดการซากอุปกรณ์หลังหมดอายุการใช้งานเพื่อไม่ให้กระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้
เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าของประชาชน
และลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของประเทศ
ตลอดจนเป็นการลดการพึ่งพาพลังงานการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับข้อสังเกตของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
(นายเดชอิศม์ ขาวทอง) รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และความเห็นของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
เช่น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นควรมีการจัดทำแผนบริหารจัดการกิจกรรม
มาตรการ หรือโครงการ ประมาณการรายจ่าย แหล่งเงินที่ใช้ตลอดระยะเวลาดำเนินการ
และประโยชน์ที่จะได้รับ เสนอคณะรัฐมนตรีพร้อมกับการขออนุมัติเรื่องดังกล่าวด้วย ทั้งนี้
ตามมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าตามมาตรา
๑๓ ก่อนทำการติดตั้งอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ไม่น้อยกว่าสามสิบวันให้เจ้าของสถานที่ติดตั้งแจ้งอธิบดีให้ทราบถึงวันที่จะติดตั้งอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์
หากสถานที่ติดตั้งเป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งมีระบบการผลิตน้อยกว่าหรือเท่ากับ ๑๐ kW และเป็นการผลิตไฟฟ้าใช้เองให้แยกเกณฑ์การขออนุญาตให้สะดวกขึ้นเพื่อจูงใจการติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ในที่อยู่อาศัย
ส่วนระบบกลาง/ใหญ่ ต้องมีขั้นตอนกำกับตามความเหมาะสม และหมวด ๕
ควรมีการทบทวนบทลงโทษให้สอดคล้องกันระหว่างระดับความร้ายแรงของการกระทำผิดกับบทลงโทษที่ใช้กับมาตราต่าง
ๆ ควรเพิ่มเติมหลักการและกลไกในการบริหารจัดการซากอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง
โดยการจัดเก็บ รวบรวม และขนส่งไปกำจัดอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ เป็นต้น ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๓.
ให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นว่ากระทรวงพลังงานควรรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างละเอียดรอบคอบและครอบคลุมทุกด้าน ตลอดจนพิจารณาการสูญเสียรายได้และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
ตามนัยมาตรา ๒๗
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
เพื่อให้สามารถส่งเสริมและสนับสนุนการผลิตและใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและสถานประกอบการ
รวมถึงกำกับดูแลการติดตั้งและการใช้ไฟฟ้าให้ถูกต้องและมีมาตรฐานด้านความปลอดภัยและวิศวกรรมซึ่งจะสามารถบรรเทาผลกระทบจากราคาค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวสูงขึ้น
ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของประเทศและเปลี่ยนผ่านพลังงานของประเทศไทยไปสู่พลังงานสะอาดอย่างมีประสิทธิภาพ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรเร่งพิจารณาจัดทำประกาศ
กำหนดมาตรฐานและวิธีการติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อใช้เองในที่อยู่อาศัยหรือสถานประกอบกิจการให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยทั้งในการติดตั้งระบบไฟฟ้าและงานโยธาที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการพลังงาน
กฎหมายว่าด้วยโรงงาน กฎหมายว่าด้วยผังเมือง
กฎหมายว่าด้วยการพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน กฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
การเชื่อมต่อโครงข่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย และพิจารณากำหนดบทลงโทษกรณีผู้ลักลอบจำหน่ายหรือให้กระแสไฟฟ้าที่ผลิตจากอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์แก่บุคคลอื่นและไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติให้ชัดเจน
เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
223 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นางสาวนฤมล สงวนวงศ์ ฯลฯ จำนวน 6 ราย) | กษ. | 29/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง
จำนวน ๖ ราย เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ
และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ดังนี้ ๑. นางสาวนฤมล สงวนวงศ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายกฤษ อุตตมะเวทิน ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นางสาวทัศนีย์ เมืองแก้ว ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นางอัญชลี สุวจิตตานนท์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมหม่อนไหม ๕. นายอานนท์ นนทรีย์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการข้าว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
224 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นางสาวจิตติมา ศรีถาพร ฯลฯ จำนวน 4 ราย) | พณ. | 29/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงพาณิชย์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย
เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
ดังนี้ ๑. นางสาวจิตติมา ศรีถาพร ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ๓. นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
225 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางชญานันท์ ภักดีจิตต์) | ทส. | 29/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางชญานันท์ ภักดีจิตต์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
226 | สถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา | นร.08 | 24/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่าจากสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
ปัจจุบันได้มีการยกระดับสู่การใช้กำลังทหารปะทะกัน
โดยเฉพาะตามแนวชายแดนบริเวณจังหวัดสุรินทร์ จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดบุรีรัมย์
ซึ่งส่งผลกระทบต่อเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขต
ความปลอดภัยของประชาชนของประเทศไทย ซึ่งตามมาตรา ๘ วรรคสอง แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี
พ.ศ. ๒๕๔๘ บัญญัติให้ในกรณีจำเป็นเพื่อเป็นการรักษาประโยชน์สำคัญของประเทศ หรือมีกรณีฉุกเฉิน
นายกรัฐมนตรีอาจพิจารณาเรื่องใดกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องตามที่นายกรัฐมนตรีเห็นสมควรเพื่อมีมติของคณะรัฐมนตรีในเรื่องนั้นได้
นั้น รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
จึงได้ประชุมกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรี (นายสุริยะ
จึงรุ่งเรืองกิจ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วให้ความเห็นชอบ
ตามที่เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑. ให้กระทรวงการต่างประเทศเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญกลับประเทศไทยและลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตลง ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
อย่างเต็มที่ โดยในส่วนการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวให้พิจารณาจากกลไกที่มีอยู่แล้ว
เช่น กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย
ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับบริจาคและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย
พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๓. ให้กระทรวงการคลังพิจารณามาตรการทางภาษีเพื่อช่วยเหลือภาคเอกชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในครั้งนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
227 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นางสาวสกาวใจ พูนสวัสดิ์ และนายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์) | วธ. | 22/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๒ ราย
ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
ดังนี้ ๑. นางสาวสกาวใจ พูนสวัสดิ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
228 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ. | 22/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา ๔๒
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ จำนวน ๒ ราย ตามลำดับ
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายสุชาติ
ชมกลิ่น)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
229 | รายงานผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity & Transparency Assessment: ITA) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | ปช. | 22/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ
(Integrity & Transparency Assessment : ITA) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ๒. ให้สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กรมบัญชีกลาง ผู้ว่าราชการจังหวัด
และนายอำเภอ
ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่กำกับติดตามและผลักดันการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐตามมติคณะรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๔ มกราคม ๒๕๖๕ ดำเนินการสนับสนุน ส่งเสริม
และให้ความช่วยเหลือแก่หน่วยงานภาครัฐที่ยังมีผลการประเมิน ITA ไม่ผ่านตามค่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ในแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
ประเด็น (๒๑) การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ (พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๖๕๘๐)
(ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) ให้สามารถยกระดับผลการดำเนินงานให้ผ่านค่าเป้าหมายตามที่กำหนดไว้ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ รวมทั้งให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงาน
ก.พ.ร. และข้อเสนอแนะของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นว่าสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ควรนำข้อมูลของหน่วยงานที่มีผลการประเมินอยู่ในระดับผ่านดีเยี่ยมมาถอดบทเรียนปัจจัยความสำเร็จ
และจัดทำเป็นกรณีศึกษาของหน่วยงานที่มีแนวปฏิบัติที่ดีสำหรับหน่วยงานแต่ละประเภท
ทั้งในการดำเนินการภาพรวม
และการดำเนินการรายตัวชี้วัดเพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาให้กับหน่วยงานที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน
ให้สามารถนำแนวทางการดำเนินงานไปศึกษาและต่อยอดปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของหน่วยงาน
รวมทั้งควรมีการวิเคราะห์สาเหตุหรือจุดอ่อนของตัวชี้วัดที่ไม่ผ่านเกณฑ์
(ตัวชี้วัดที่ ๘ การปรับปรุงระบบการทำงาน) เพื่อให้หน่วยงานสามารถเร่งพัฒนาการดำเนินการในตัวชี้วัดดังกล่าวนำไปสู่การบรรลุค่าเป้าหมายของแผนย่อยของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
ประเด็น (๒๑) การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบได้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ
เห็นว่าการกำหนดหลักเกณฑ์การประเมิน ITA ไม่ควรใช้หลักเกณฑ์เดียวกันในการประเมินกับทุกหน่วยงาน ควรพิจารณาหลักเกณฑ์การประเมินให้สอดคล้องกับลักษณะงานหรือภารกิจของแต่ละหน่วยงานเพื่อให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
เช่น
หน่วยงานที่ให้บริการทางวิชาการไม่ควรใช้หลักเกณฑ์เดียวกันกับหน่วยงานที่มีหน้าที่พิจารณาอนุมัติ
อนุญาต เพื่อจะได้สะท้อนผลการปฏิบัติงานที่ตรงต่อภารกิจงานของหน่วยงานนั้น ๆ ๓. ให้ส่งความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.ร.
และข้อเสนอแนะของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
230 | แต่งตั้งคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (1. ศาสตราจารย์กิตติคุณจรัส สุวรรณเวลา ฯลฯ รวม 5 คน) | กค. | 22/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
231 | การเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 | นร.07 | 22/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ และมอบหมายให้สำนักงบประมาณนำเรื่อง การเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว
เสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
และให้สำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรพิจารณาให้ความสำคัญกับการปรับลดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๙ ในส่วนที่เห็นว่าไม่จำเป็นหรือไม่เหมาะสม เพื่อลดแรงกดดันต่อฐานะการคลังและเพื่อให้มีพื้นที่ทางการคลังเพียงพอต่อการรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของระบบเศรษฐกิจและการเงินโลกที่อาจมีความรุนแรงมากขึ้นในระยะต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
232 | วิธีการคำนวณประโยชน์ที่ได้รับหรือที่ต้องเสียไปเป็นจำนวนเงินค่าทดแทนที่ต้องลดลงหรือเพิ่มขึ้นตามข้อ 1 วรรคสอง แห่งกฎกระทรวงกำหนดการลด เพิ่ม หรือหักเงินค่าทดแทนอันเนื่องมาจากผลของการเวนคืน หรือสภาพที่ดินที่เปลี่ยนแปลงไป พ.ศ. 2564 | คค. | 22/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติวิธีการคำนวณประโยชน์ที่ได้รับหรือที่ต้องเสียไปเป็นจำนวนเงินค่าทดแทนที่ต้องลดลงหรือเพิ่มขึ้น
ตามข้อ ๑ วรรคสอง แห่งกฎกระทรวงกำหนดการลด เพิ่ม
หรือหักเงินค่าทดแทนอันเนื่องมาจากผลของการเวนคืน หรือสภาพที่ดินที่เปลี่ยนแปลงไป
พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒
(ด้านการต่างประเทศ การคมนาคม การท่องเที่ยว และวัฒนธรรม) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายสุริยะ
จึงรุ่งเรืองกิจ) เป็นประธานกรรมการพิจารณาเรื่องดังกล่าวในคราวประชุมครั้งที่
๑/๒๕๖๘ เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๘ มีประเด็นอภิปรายและมีมติ ดังนี้ ๑. ประเด็นอภิปราย โดยที่ปัจจุบันบุคคลธรรมดาผู้เป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีหน้าที่ต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามอัตราที่กฎหมายกำหนดตามรูปแบบการใช้งานของที่ดิน
เช่น ภาษีที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย ภาษีที่ดินเพื่อพาณิชยกรรม
ฯลฯ สำหรับประเด็นวิธีการคำนวณประโยชน์ที่ได้รับหรือที่ต้องเสียไปเป็นจำนวนค่าทดแทนที่ต้องลดลงหรือเพิ่มขึ้น ตามข้อ ๑ วรรคสอง
แห่งกฎกระทรวงกำหนดการลด เพิ่ม หรือหักเงินค่าทดแทนอันเนื่องมาจากผลของการเวนคืน
หรือสภาพที่ดินที่เปลี่ยนแปลงไป พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ที่กำหนดให้ในกรณีที่เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินมีหน้าที่ต้องเสียภาษีที่เรียกเก็บสำหรับที่ดินแปลงนั้น
จากการได้รับประโยชน์จากการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
มิให้นำราคาที่สูงขึ้นของที่ดินที่เหลือจากการเวนคืนมาหักออกจากเงินค่าทดแทนที่ดินที่ถูกเวนคืน
นั้น เป็นหลักการตามมาตรา ๒๒ วรรคสอง
แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๖๒
ประกอบกับผู้แทนกระทรวงคมนาคมชี้แจงว่า ในกรณีที่มีการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของรัฐ
(เช่น รถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง ทางด่วน สนามบิน เป็นต้น) อันเป็นเหตุให้ที่ดินที่ถูกตัดผ่านหรือที่ดินบริเวณใกล้เคียงมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น
ที่ดินส่วนที่เหลือได้รับประโยชน์จะไม่มีการหักราคาที่สูงขึ้นออกจากเงินค่าทดแทนแต่อย่างใด ๒. มติคณะกรรมการกลั่นกรองฯ เห็นชอบกำหนดวิธีการคำนวณประโยชน์ที่ได้รับหรือที่ต้องเสียไปเป็นจำนวนเงินค่าทดแทนที่ต้องลดลง
หรือเพิ่มขึ้น ตามข้อ ๑ วรรคสอง แห่งกฎกระทรวงกำหนดการลด เพิ่ม
หรือหักเงินค่าทดแทนอันเนื่องมาจากผลของการเวนคืน หรือสภาพที่ดินที่เปลี่ยนแปลงไป
พ.ศ. ๒๕๖๔ และให้หน่วยงานของรัฐนำวิธีการคำนวณดังกล่าวมาใช้ประกอบการกำหนดเงินค่าทดแทนการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ประชาชนผู้ถูกเวนคืนและสังคมต่อไป
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงคมนาคม
กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ร่วมกันเผยแพร่และประชาสัมพันธ์วิธีการคำนวณประโยชน์ฯ ให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ
อันจะช่วยลดข้อขัดแย้งระหว่างหน่วยงานภาครัฐและผู้ได้รับผลกระทบจากการเวนคืนที่ดินในอนาคต
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
233 | ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม 2568) | ปสส. | 22/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๘ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม
(ฉบับที่..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
234 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม 2568 | ปสส. | 22/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๘ ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา
ได้แก่ ๑ ร่างพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และ ๒.
ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๕ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพุธที่ ๒๓
กรกฎาคม ๒๕๖๘ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๓
ครั้งที่ ๖ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๘ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
235 | รัฐบาลสาธารณรัฐคาซัคสถานเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐคาซัคสถานประจำประเทศไทย (นายมาร์กูลัน ไบมูคัน) | กต. | 22/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายมาร์กูลัน ไบมูคัน (Mr. Margulan Baimukhan) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐคาซัคสถานประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายอาร์มัน อิสเซตอฟ (Mr. Arman
Issetov) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
236 | รัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิลเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิลประจำประเทศไทย (นายอังแดร โอเด็งไบรต์ การ์วาญู) | กต. | 22/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอังแดร โอเด็งไบรต์ การ์วาญู (Mr. Andre Odenbreit Carvalho) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิลประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายจูแซ บอร์เจช ดุชซังตุช จูนียอร์ (Mr. Jose Borges dos Santos Junior) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
237 | การร้องขอข้อยกเว้นเพิ่มเติม (Extension of Exemption Period) ตามข้อบทที่ 4 ผลิตภัณฑ์ที่เติมปรอท ภายใต้อนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอทของประเทศไทย ให้ยังคงมีการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เติมปรอท | ทส. | 22/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการร้องขอข้อยกเว้นเพิ่มเติม (Extension of Exemption Period) ของประเทศไทยสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เติมปรอท
จำนวน ๖ รายการ ที่ถูกกำหนดให้ยกเลิกการผลิต นำเข้า และส่งออกผลิตภัณฑ์ภายในปี
พ.ศ. ๒๕๖๘ ได้แก่ (๑) สวิตช์ไฟฟ้าและรีเลย์ (๒) หลอดฟลูออเรสเซนต์ชนิดคอมแพกต์ (๓)
หลอดฟลูออเรสเซนต์ชนิดตรง (๔) หลอดฟลูออเรสเซนต์แบบแคโทดเย็น
และหลอดฟลูออเรสเซนต์แบบอิเล็กโทรดภายนอก (EEFL) ในจอภาพอิเล็กทรอนิกส์
(๕) หลอดไอปรอทความดันสูง และ (๖) เครื่องมือวัดที่ไม่ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์
ให้ยังคงมีการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เติมปรอท ออกไปอีก ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๙ - ๒๕๗๓)
ภายใต้อนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดทำแผนและดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดเพื่อให้สามารถยกเลิกการผลิต
นำเข้า และส่งออกผลิตภัณฑ์ที่เติมปรอท จำนวน ๖ รายการ ที่เสนอในครั้งนี้ได้โดยเร็ว
ภายในปี พ.ศ. ๒๕๗๓ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
238 | ร่างพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม 2568) | ปสส. | 22/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๑ กรกฎาคม
๒๕๖๘ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปเพื่อสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
239 | รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลากิจ ในวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 | นร 05 | 22/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งว่า
รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีจะลากิจในวันอังคารที่ ๒๒
กรกฎาคม ๒๕๖๘ ตั้งแต่เวลา ๑๕.๐๐ - ๑๖.๓๐ น.
ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดทำหนังสือเวียนแจ้งให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบแล้ว
ทั้งนี้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔๑
กำหนดให้การลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรีให้อยู่ในดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี
และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
240 | การแสดงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2568 | นร. | 22/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย)
รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีเสนอว่า
เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘ ขอความร่วมมือให้บุคลากรของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ
และหน่วยงานของรัฐทุกแห่ง และขอเชิญชวนให้องค์กร หน่วยงาน ภาคเอกชน
และประชาชนทุกภาคส่วน แต่งกายด้วยเสื้อสีเหลืองตามความเหมาะสมโดยพร้อมเพรียงกัน
ตั้งแต่วันจันทร์ที่ ๒๘ กรกฎาคม ถึงวันศุกร์ที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๘
|