ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 18 จากทั้งหมด 6209 หน้า แสดงรายการที่ 341 - 360 จากข้อมูลทั้งหมด 124177 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
341 | การปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองลิเวอร์พูล สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ เป็นการถาวร การเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองเบอร์มิงแฮม สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองเบอร์มิงแฮม สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ (นายเอเดรียน คีลิง เคซี) | กต. | 01/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑.
รับทราบการปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองลิเวอร์พูล สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ
เป็นการถาวร ตั้งแต่วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๔ ๒. อนุมัติการเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ
เมืองเบอร์มิงแฮม สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ
โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมเขตพื้นที่ภาคกลางของสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ
และเขตพัฒนาเศรษฐกิจนอร์เทิร์นพาวเวอร์เฮาส์ ได้แก่ เทศมณฑลลิงคอล์นเชียร์
เทศมณฑลนอร์แทมป์ตันเชียร์ เทศมณฑลดาร์บีเชียร์ เทศมณฑลนอตทิงแฮมเชียร์ เทศมณฑลเลสเตอร์เชียร์
เทศมณฑลรัตแลนด์ เทศมณฑลสแตฟฟอร์ดเชียร์ เทศมณฑลวอริกเชียร์ เทศมณฑลชร็อปเชียร์
เทศมณฑลเฮริฟอร์ดเชียร์ เทศมณฑลวุร์สเตอร์เชียร์ เทศมณฑลเชสเชียร์วอร์ริงตันยูนิทารีออทอริตี
เทศมณฑลคัมเบรีย เทศบาลนครเกรตเตอร์แมนเชสเตอร์ ฮัมเบอร์เอสชัวรี เทศมณฑลแลงคาเชียร์
เมืองลีดส์ เมืองลิเวอร์พูล ภูมิภาคนอร์ทอีสต์ เมืองเชฟฟีลด์ อนุภูมิภาคทีสแวลลีย์
เมืองยอร์ก เทศมณฑลนอร์ทยอร์กเชียร์ และเทศมณฑลอีสต์ไรดิง ๓. อนุมัติการแต่งตั้ง นายเอเดรียน คีลิง เคซี (Mr. Adrian Keeling KC) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์
ณ เมืองเบอร์มิงแฮม สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
342 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายยงยส เนียมทรัพย์) | กษ. | 01/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายยงยส เนียมทรัพย์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งวิศวกรโยธาเชี่ยวชาญ
กรมชลประทาน ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมโยธา (ด้านวางแผนและโครงการ)
(วิศวกรโยธาทรงคุณวุฒิ) กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ ๒๗
มิถุนายน ๒๕๖๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
343 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางอัมราภัสร์ อรรถชัยวัจน์) | สธ. | 01/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางอัมราภัสร์ อรรถชัยวัจน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งผู้อำนวยการกอง [ผู้อำนวยการเฉพาะด้าน (วิชาการพยาบาล) สูง] กองการพยาบาล
สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพทรงคุณวุฒิ (ด้านการพยาบาล) กลุ่มที่ปรึกษาระดับกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๘
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
344 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล) | นร.53 | 01/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระเนื่องจากลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ กรกฎาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
โดยผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง)
ประธานกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
345 | การผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาซึ่งได้รับการขยายระยะเวลาการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวและทำงานต่อไป | รง. | 01/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้เลื่อนการพิจารณาเรื่องนี้ออกไปก่อน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
346 | รัฐบาลสหสาธารณรัฐแทนซาเนียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหสาธารณรัฐแทนซาเนียประจำประเทศไทย (นายมาฮาดี จูมา มาลิม) | กต. | 24/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายมาฮาดี จูมา มาลิม (Mr. Mahadhi Juma Maalim) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหสาธารณรัฐแทนซาเนียประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย สืบแทน นายอับดุล ซิสโก อึมทีโร (Mr.
Abdul-Cisco Mtiro) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
347 | รายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ญัตติพิจารณาศึกษาการแก้ไขปัญหาการดูแลเด็ก เยาวชน และความมั่นคงของสถาบันครอบครัว | พม. | 24/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานผลการพิจารณาศึกษา
เรื่อง ญัตติพิจารณาศึกษาการแก้ไขปัญหาการดูแลเด็ก เยาวชน
และความมั่นคงของสถาบันครอบครัว ของคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี
ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ดำเนินการ เช่น เสริมสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก
โดยความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเสริมสร้างโอกาสให้เด็กและครอบครัวที่มีความเปราะบางด้านที่อยู่อาศัยให้เข้าถึงสวัสดิการด้านที่อยู่อาศัยที่มีสภาพแวดล้อมมั่นคงและปลอดภัย
รวมถึงดำเนินการคุ้มครองช่วยเหลือเด็กภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ ผ่านกลไกเฉพาะสำหรับกลุ่มเป้าหมายเด็ก
เป็นต้น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติด
ทักษะชีวิต และทักษะการป้องกันการเผชิญเหตุอันเกิดจากภัยยาเสพติด
และโครงการส่งเสริมและพัฒนาการจัดการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัยตามมาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ
เพื่อพัฒนาครูและบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญ กระทรวงมหาดไทยเห็นว่าควรให้ความสำคัญกับปัญหาการแกล้งหรือการรังแกกันในโรงเรียน
ซึ่งส่งผลกระทบทั้งทางร่างกาย จิตใจ และสังคม
แก่เด็กผู้ถูกกระทำจากการกลั่นแกล้งรังแก เป็นต้น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
348 | รายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการลดการใช้พลังงานในหน่วยงานภาครัฐ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ระหว่างเดือนเมษายน - กันยายน 2567 | พน. | 24/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการลดการใช้พลังงานในหน่วยงานภาครัฐ
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ระหว่างเดือนเมษายน - กันยายน ๒๕๖๗
โดยรายงานผลการดำเนินการดังกล่าวมีสาระสำคัญ เช่น ๑) ผลการประเมินด้านไฟฟ้า
โดยมีการรายงานข้อมูลด้านไฟฟ้าครบถ้วนทั้ง ๖ เดือน จำนวน ๕,๒๖๔ หน่วยงาน สามารถลดการใช้ไฟฟ้าต่ำกว่าค่าไฟฟ้ามาตรฐานตั้งแต่ร้อยละ
๒๐ ขึ้นไป จำนวน ๓,๘๘๒ หน่วยงาน (ร้อยละ ๗๔) และเมื่อเปรียบเทียบการใช้ไฟฟ้าในช่วงเดียวกันของปี
๒๕๖๖ พบว่าในปี ๒๕๖๗ มีปริมาณการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ๑๘ ล้านหน่วย (GWh) หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑.๔ ทั้งนี้ เป็นผลมาจากสภาพอากาศของปี ๒๕๖๗ มีอุณหภูมิสูงกว่าในปีที่ผ่านมาทำให้มีการใช้ไฟฟ้าในระบบปรับอากาศเพิ่มสูงขึ้น
๒) ผลการประเมินด้านน้ำมันเชื้อเพลิง
โดยมีการรายงานการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงครบถ้วนทั้ง ๖ เดือน จำนวน ๕,๒๔๒ หน่วยงาน สามารถลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้มากกว่าร้อยละ ๒๐ จำนวน ๓,๐๓๘ หน่วยงาน (ร้อยละ ๕๘) และเมื่อเปรียบเทียบกับปี ๒๕๖๖ พบว่า ในปี ๒๕๖๗
มีปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงลดลง ๓.๓ ล้านลิตร (ร้อยละ ๕)
โดยคิดเป็นเงินที่ประหยัดได้ ประมาณ ๑๑๕ ล้านบาท (ที่ราคาน้ำมัน ๓๕ บาท/ลิตร)
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
349 | แจ้งผลการวินิจฉัยและข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน [กรณีปัญหาการถือครองหรือครอบครองที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์โดยตัวแทนอำพรางของคนต่างด้าว (นอมินี)] | สผผ. | 24/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบผลการวินิจฉัยและข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน
[กรณีปัญหาการถือครองหรือครอบครองที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์โดยตัวแทนอำพรางของคนต่างด้าว
(นอมินี)] ตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอ ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน
กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ธนาคารแห่งประเทศไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติ
โดยให้กระทรวงพาณิชย์สรุปผลการพิจารณา/ผลการดำเนินการ/ความเห็นในภาพรวมแล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน
๓๐ วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
350 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถยนต์ขนาดใหญ่ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยประกายไฟต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 24/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถยนต์ขนาดใหญ่ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยประกายไฟต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถยนต์ขนาดใหญ่ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยประกายไฟต้องเป็นไปตามมาตรฐานเลขที่
มอก. ๓๐๔๔ - ๒๕๖๓ โดยเป็นการปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมดังกล่าว
เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีและเป็นไปตามมาตรฐานระดับสากล
รวมทั้งให้สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลภาวะด้านฝุ่นละออง”
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
351 | รายงานประจำปี 2567 ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ | พปส. | 24/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๗ ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
มีสาระสำคัญ ประกอบด้วย (๑) ผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประจำปี ๒๕๖๗ ดังนี้ ๑)
การใช้จ่ายงบประมาณประจำปี กองทุนฯ มีงบประมาณ จำนวน ๕๗๒.๔๐ ล้านบาท
มีการใช้จ่ายเงินแล้ว จำนวน ๕๒๖.๕๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๑.๙๙
ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายทั้งหมด และ ๒) การสนับสนุนทุนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณ ๓๐๐ ล้านบาท มีจำนวน ๑๑๕
โครงการ เป็นเงินทั้งสิ้น ๒๙๘.๙๓ ล้านบาท เช่น โครงการรู้เท่าทันป้องกันความรุนแรงในเด็ก
โครงการผลิตสื่อสร้างสรรค์และปลอดภัยสำหรับวัยรุ่น (๒) รายงานผลการตรวจสอบงบการเงิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน และงบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน โดยผู้สอบบัญชีเห็นว่า
รายงานการเงินและผลการดำเนินงานถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
(๓) รายงานของคณะกรรมการประเมินผลดำเนินงานของกองทุนฯ พบว่า ผลการประเมินในภาพรวมเท่ากับ
๔.๘๘๖๓ คะแนน (คะแนนเต็ม ๕ คะแนน) และ (๔) ในปีงบประมาณ ๒๕๖๗ กองทุนฯ
สามารถผลิตผลงานเด่นที่สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกทางสังคม วัฒนธรรม และเศรษฐกิจ
เช่น
โครงการสร้างสภาพแวดล้อมเชิงบวกและสร้างการมีส่วนร่วมแกนนำภาคีเครือข่ายเพื่อส่งเสริมการรู้เท่าทันและเฝ้าระวังสื่อใน
๕ ภูมิภาค ตามที่คณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
352 | รายงานประจำปี พ.ศ. 2567 ของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | ก.ก.ถ. | 24/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๗
ของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีสาระสำคัญ
เช่น ๑) จัดทำร่างแผนการกระจายอำนาจให้แก่อปท. (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๗ - ๒๕๗๑ และร่างแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่
อปท. (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๗ - ๒๕๗๑ ๒) ถ่ายโอนภารกิจสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ
๖๐ พรรษา นวมินทราชินี/โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด
(อบจ.) ทั่วประเทศในปีงบประมาณ ๒๕๖๗ จำนวน ๔,๑๙๔ แห่ง ๓)
ออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปให้แก่ อปท. ปีงบประมาณ ๒๕๖๗
จำนวน ๑๙๘,๒๔๗.๒๔ ล้านบาท และ ๔) มอบรางวัล อปท. ที่มีการบริหารจัดการที่ดี
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗ จำนวน ๖๕ รางวัล (แบ่งเป็น ประเภทดีเลิศ จำนวน ๓ รางวัล
ประเภทโดดเด่นและประเภททั่วไป จำนวน ๖๒ รางวัล) ตามที่คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
353 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2568 | กษ. | 24/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๘ เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๘ โดยผลการประชุมฯ มีสาระสำคัญ เช่น ๑)
การขอความร่วมมือ กระทรวงพลังงานพิจารณาปรับสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจาก
บี ๕ เป็น บี ๗ ๒) การขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง
พ.ศ. ๒๕๔๓ สนับสนุนการรับซื้อน้ำมันโบโอดีเซล (บี ๑๐๐)
ตามราคาเสนอแนะจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน และ ๓)
แนวทางการพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน โดยมอบหมายคณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มด้านการผลิต
สำรวจพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมต่อการผลิต รวมทั้งขอความอนุเคราะห์กระทรวงอุตสาหกรรมให้สำรวจและกำหนดแนวทางการควบคุมการผลิตของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มและโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม
ตามที่คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
354 | รายงานผลการพิจารณาแนวทางการดำเนินงานข้อคิดเห็นและข้อสังเกตญัตติเรื่อง การแก้ไขปัญหาและการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาและลุ่มน้ำทะเลสาบอื่น ๆ อย่างยั่งยืนของคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | นร14 | 24/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาแนวทางการดำเนินงานข้อคิดเห็นและข้อสังเกตญัตติเรื่อง
การแก้ไขปัญหาและการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาและลุ่มน้ำทะเลสาบอื่น ๆ
อย่างยั่งยืนของคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
ได้รับข้อมูลผลการพิจารณาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยสรุปผลการพิจารณาได้
เช่น ๑) สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติจัดประชุมเชิงวิชาการเพื่อให้ความรู้และสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในเขตลุ่มน้ำ
ทบทวนแผนแม่บทลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ร่วมส่งเสริมสนับสนุนในการดำเนินงานขององค์กรบริหารจัดการทรัพยากรน้ำระดับชุมชน
๒) กรมชลประทานถ่ายโอนภารกิจต่าง ๆ ที่อยู่ในเขตลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและจัดตั้งเครือข่ายองค์กรผู้ใช้น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา
รวมถึงติดตามและเฝ้าระวังการบริหารจัดการน้ำไหลลงสู่ทะเลสาบสงขลาและการระบายน้ำสู่อ่าวไทยอย่างสม่ำเสมอ
๓) กรมประมงมีมาตรการในการดำเนินการเก็บกู้เครื่องมือประมงที่เสื่อมสภาพ
หมดอายุการใช้งานขึ้นจากทะเลสาบ และ ๔)
องค์การกำจัดน้ำเสียดำเนินการประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินงานโครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบรวบรวมน้ำเสียและระบบบำบัดน้ำเสียเทศบาลนครสงขลา
เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำเสียไหลลงสู่ทะเลสาบสงขลา เป็นต้น ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
355 | คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 184/2568 | นร.04 | 24/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๘๔/๒๕๖๘ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ลงวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๘ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
356 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และข้อคิดเห็นจากประชาชน ในไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | นร.01 | 24/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และข้อคิดเห็นจากประชาชน
ในไตรมาสที่ ๒ ของปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ มีสาระสำคัญ เช่น ๑)
สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และข้อคิดเห็นจากประชาชนฯ
ที่ยื่นเรื่องผ่านช่องทางการร้องทุกข์ ๑๑๑๑ รวมทั้งสิ้น ๓๘,๒๖๐ ครั้ง หรือ ๒๐,๐๔๕ เรื่อง สามารถดำเนินการจนได้ข้อยุติ ๑๕,๙๗๔
เรื่อง คิดเป็นร้อยละ ๗๙.๖๙ โดยกระทรวงการคลังได้รับการประสานเรื่องร้องทุกข์ฯ
มากที่สุด (๒,๐๔๒ เรื่อง) และ ๒) การประมวลผลและวิเคราะห์เรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นฯ มีสถิติเรื่องร้องทุกข์รวมทั้งสิ้น
๒๐,๐๔๕ เรื่อง
เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ ๒ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
จำนวน ๕,๑๗๔ เรื่อง (มีเรื่องร้องทุกข์ ๑๔,๘๗๑ เรื่อง) โดยประเด็นที่ประชาชนยื่นเรื่องร้องทุกข์มากที่สุดคือ
ค่าครองชีพ (๖,๓๒๒ เรื่อง ซึ่งดำเนินการจนได้ข้อยุติแล้ว ๕,๒๔๗ เรื่อง) ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
357 | ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์) | นร. | 24/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ
นางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบ ๔ ปี ในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๘
ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม
๒๕๖๘ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๙ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายชูศักดิ์ ศิรินิล) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
358 | การแต่งตั้งผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ) | อก. | 24/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง
นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ เป็นผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ ๓๓๐,๐๐๐ บาท
ส่วนค่าตอบแทนพิเศษประจำปีและสิทธิประโยชน์อื่นที่ผู้รับจ้างจะได้รับให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบ
ซึ่งเป็นไปตามมติคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
ในการประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๖๘ เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๘ และครั้งที่
๗/๒๕๖๘ เมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๘ ทั้งนี้
ให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
359 | การเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 | นร.07 | 24/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแนวทาง หลักเกณฑ์ แผนและขั้นตอนในการเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ซึ่งเป็นการดำเนินการในลักษณะเดียวกันกับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ให้สำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
รวมทั้งให้หน่วยรับงบประมาณทุกหน่วยดำเนินการให้ถูกต้อง ครบถ้วน
เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรา ๑๔๔
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ดังนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าในการดำเนินการดังกล่าว
ต้องปฏิบัติตามมาตรา ๑๔๔ วรรคหนึ่งและวรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยเคร่งครัด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้สำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการปรับลดงบประมาณรายจ่ายในส่วนที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ เห็นว่าไม่จำเป็นหรือไม่เหมาะสม
เพื่อลดแรงกดดันต่อฐานะการคลังและเพื่อให้มีพื้นที่ทางการคลังเพียงพอต่อการรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของระบบเศรษฐกิจและการเงินโลกที่อาจมีความรุนแรงมากขึ้นในระยะปานกลาง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
360 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2568 ครั้งที่ 2 | กค. | 24/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๘ ครั้งที่ ๒ ซึ่งเป็นวงเงินคงเดิมจากการปรับปรุงแผนฯ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๘ ครั้งที่ ๑ ประกอบด้วย ๑) แผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงิน ๑,๒๒๑,๓๒๒.๒๔ ล้านบาท ๒)
แผนการบริหารหนี้เดิม วงเงิน ๑,๗๔๐,๕๕๒.๙๖
ล้านบาท และ ๓) แผนการชำระหนี้ วงเงิน ๔๘๙,๓๘๐.๖๕ ล้านบาท
ตามที่คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นว่ากระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรกำกับ
ติดตาม และเร่งรัดหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการและเบิกจ่ายเงินกู้ให้สอดคล้องและบรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนที่กำหนดไว้
เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เป็นไปอย่างโปร่งใส คุ้มค่า ประหยัด
เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอย่างแท้จริง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการจัดหาเงินกู้และชำระค่าใช้จ่ายของผู้รับจ้างตามข้อผูกพันของสัญญาตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลางโดยเร็วเพื่อลดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับภาครัฐ
|