ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 11 จากทั้งหมด 6209 หน้า แสดงรายการที่ 201 - 220 จากข้อมูลทั้งหมด 124177 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
201 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบัญชีต้นไม้ตามกฎหมายว่าด้วยสวนป่า พ.ศ. .... | ทส. | 29/07/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบัญชีต้นไม้ตามกฎหมายว่าด้วยสวนป่า พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขบัญชีต้นไม้ท้ายพระราชบัญญัติสวนป่า
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ จากเดิมจำนวน ๕๘ รายการ เป็นจำนวน ๒๑๑ รายการ
เพื่อให้เหมาะสมกับบริบทและสถานการณ์ในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
202 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 3/2567 เรื่อง (ร่าง) แผนสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2566-2570 | สกพอ. | 29/07/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ครั้งที่ ๓/๒๕๖๗ เรื่อง (ร่าง) แผนสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐ ตามที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ ให้คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เห็นว่า (ร่าง)
แผนสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐ จำเป็นต้องอาศัยมาตรการทางเศรษฐศาสตร์ เพื่อจูงใจให้ทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการบูรณาการขับเคลื่อนการพัฒนาให้บรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายของแผนต่อไป กระทรวงมหาดไทย เห็นว่าการขับเคลื่อนการพัฒนาและบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมดังกล่าวต้องเป็นไปตามข้อกฎหมาย
ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี ขั้นตอนและแนวทางการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
โดยคำนึงถึงความถูกต้อง โปร่งใส และประโยชน์สูงสุดของรัฐและประชาชนเป็นสำคัญ |
||||||||||||||||||||||||||||||
203 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายวิเชียร สุขสร้อย) | อว. | 29/07/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายวิเชียร สุขสร้อย
เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
204 | ขอความเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงรัฐมนตรีเอเปคด้านดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ ค.ศ. 2025 | ดศ. | 29/07/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงรัฐมนตรีเอเปคด้านดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์
ค.ศ. ๒๐๒๕ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
หรือผู้แทนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมอบหมาย
ร่วมรับรองร่างถ้อยแถลงรัฐมนตรีเอเปคฯ โดยร่างถ้อยแถลงรัฐมนตรีเอเปคฯ
มีสาระสำคัญเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างเขตเศรษฐกิจสมาชิกเอเปคในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์
เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลที่ครอบคลุม ยั่งยืน และปลอดภัย ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงรัฐมนตรีเอเปคฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
205 | สถานการณ์ความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา | นร. | 29/07/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม
เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีรายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาสถานการณ์ความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
ได้มีการยกระดับขึ้นจนกระทั่งฝ่ายกัมพูชาได้เริ่มปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่ ๔
จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ซึ่งส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตของพลเรือนและทหารของไทย
ดังนั้น เพื่อเป็นการรักษาประโยชน์สำคัญของประเทศ จึงได้มีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติและประชุมคณะรัฐมนตรีในวันเดียวกันเป็นกรณีเร่งด่วน
ในวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๘ เพื่อรับทราบและประเมินสถานการณ์ความมั่นคง
โดยถือเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรี ตามมาตรา ๘ วรรคสอง
แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ ทั้งนี้ ในส่วนของการประชุมคณะรัฐมนตรี
มีรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมการประชุม
ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.
ให้กระทรวงการต่างประเทศเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญกลับประเทศไทยและลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตลง ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างเต็มที่
โดยในส่วนของการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว
ให้พิจารณาดำเนินการตามกลไกที่มีอยู่แล้ว เช่น
กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย
ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับบริจาคและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย
พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๓.
ให้กระทรวงการคลังพิจารณาดำเนินมาตรการทางภาษีเพื่อช่วยเหลือภาคเอกชนในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ในครั้งนี้โดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||
206 | ผลการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน ครั้งที่ 28 และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง | กก. | 29/07/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน
ครั้งที่ ๒๘ และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๙ - ๒๐ มกราคม
๒๕๖๘ ณ เมืองยะโฮร์บาห์รู สหพันธรัฐมาเลเซีย โดยมีรายละเอียด เช่น (๑) ผลการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน
ครั้งที่ ๒๘ รับทราบความคืบหน้าในการดำเนินกิจกรรมภายใต้แผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวอาเซียนและแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ซึ่งดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วกว่าร้อยละ ๖๔ และ ๕๓.๗ ตามลำดับ
และเห็นชอบข้อเสนอโครงการใหม่จากสมาชิกอาเซียนและหารือแนวทางสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
เช่น การพัฒนามาตรฐานการยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน
การขยายการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวใหม่ รวมถึงการส่งเสริมการเชื่อมโยงในภูมิภาคกับประเทศคู่เจรจา
โดยเฉพาะกับสาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐประชาชนจีน และเครือรัฐออสเตรเลีย และ
(๒) ผลการประชุมที่เกี่ยวข้อง เช่น การประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียนบวกสาม
ครั้งที่ ๒๔ รับทราบความคืบหน้าของแผนงานอาเซียนบวกสาม พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๖๘
ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จกว่าร้อยละ ๖๑.๕ โดยในปีที่ผ่านมาได้ดำเนินกิจกรรมสำคัญ
เช่น การจัดนิทรรศการ การศึกษาดูงาน และการส่งเสริมทักษะดิจิทัล โดยเน้นการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวใหม่
และการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน-อินเดีย ครั้งที่ ๑๒
รับทราบความคืบหน้าการดำเนินโครงการภายใต้แผนงานอาเซียน-อินเดีย พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐
ซึ่งมีความคืบหน้าเพียงร้อยละ ๖ โดยในปีที่ผ่านมาได้มีการดำเนินกิจกรรมสำคัญ เช่น การจัดสัมมนาด้านการท่องเที่ยวเรือสำราญ
และการเฉลิมฉลองปีแห่งการท่องเที่ยวอาเซียน-อินเดีย พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
207 | การจัดงานเทศกาลดนตรี Tomorrowland ในประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2569 - 2573 (5 ปี) | กก. | 29/07/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบการจัดงานเทศกาลดนตรี Tomorrowland ในประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๙ - ๒๕๗๓
(๕ ปี) ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
208 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการแสวงหาประโยชน์และการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม กรณีเจ้าพนักงานของรัฐนำรถยนต์ไฟฟ้าส่วนตัวไปอัดประจุไฟฟ้าของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ โดยมิได้รับอนุญาต | นร.10 | 29/07/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๘ (เรื่อง
ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการแสวงหาประโยชน์และการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม
กรณีเจ้าพนักงานของรัฐนำรถยนต์ไฟฟ้าส่วนตัวไปอัดประจุไฟฟ้าของส่วนราชการ
รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ โดยมิได้รับอนุญาต) ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
209 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างอาคารสำนักงานกรมชลประทานสามเสน สูง 11 ชั้น พื้นที่ไม่น้อยกว่า 8,800 ตารางเมตร แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร | กษ. | 29/07/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้เพิ่มกรอบวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
สำหรับรายการก่อสร้างอาคารสำนักงานกรมชลประทานสามเสน สูง ๑๑ ชั้น
พื้นที่ไม่น้อยกว่า ๘,๘๐๐ ตารางเมตร แขวงถนนนครไชยศรี
เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร (อาคารสำนักงานกรมชลประทานสามเสนฯ) จากวงเงิน ๒๖๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๓๓๔,๒๗๕,๐๐๐ บาท และให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
สำหรับรายการดังกล่าว จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ - ๒๕๖๙ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ -
๒๕๗๐ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่ากรมชลประทานควรดำเนินการติดตามตรวจสอบการดำเนินงานในส่วนที่เหลือให้แล้วเสร็จอย่างละเอียดรอบคอบ
โดยคำนึงถึงความจำเป็นและความคุ้มค่าเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อราชการและประชาชน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
เร่งรัดการดำเนินการก่อสร้างอาคารสำนักงานกรมชลประทานสามเสนฯ
ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๗๐ ตามกรอบระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติไว้ในครั้งนี้อย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลและตรวจสอบการดำเนินการก่อสร้างอาคารสำนักงานกรมชลประทานสามเสนฯ
ให้เป็นไปตามหลักวิศวกรรมและตามแบบก่อสร้างที่ถูกต้องตามมาตรฐานสากลด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
210 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายฐิติพันธ์ จูจันทร์โชติ) | สธ. | 29/07/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายฐิติพันธ์ จูจันทร์โชติ
เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข [ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
(นายอนุชา สะสมทรัพย์)] โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
211 | การมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา | กก. | 29/07/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
ดังนี้ ๑. ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์
๒๕๖๘ (เรื่อง
การมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา) ๒.
อนุมัติมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้
ตามความในมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ จำนวน ๒
ราย ตามลำดับ ดังนี้ ๒.๑
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล) ๒.๒
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางสาวจิราพร
สินธุไพร)
|
||||||||||||||||||||||||||||||
212 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายสราวุธ อ่อนละมัย และนายมนตรี ปาน้อยนนท์) | มท. | 29/07/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑. นายสราวุธ อ่อนละมัย ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
(นายเดชอิศม์ ขาวทอง) ๒. นายมนตรี ปาน้อยนนท์ ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย [ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
(นายเดชอิศม์ ขาวทอง)]
|
||||||||||||||||||||||||||||||
213 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการ โครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดปราจีนบุรี | กษ. | 29/07/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการ โครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดปราจีนบุรี จากเดิม ๑๕ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ - พ.ศ. ๖๕๖๗) เป็น ๑๘ ปี
(ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ - พ.ศ. ๒๕๗๐)
ภายใต้กรอบวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม ๙,๐๗๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นควรที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดยกรมชลประทานจะเร่งรัดดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้
รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี
และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการ
ตลอดจนประโยชน์และความคุ้มค่าที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญด้วย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่ากรมชลประทานควรมีแผนการติดตามตรวจสอบและเร่งรัดให้การดำเนินการก่อสร้างในส่วนที่ยังคงเหลือให้แล้วเสร็จตามแผนและระยะเวลาที่ขอขยายในครั้งนี้
โดยไม่ต้องขอขยายระยะเวลาและขยายกรอบวงเงินโครงการเพิ่มเติมอีก
เพื่อให้การก่อสร้างโครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดปราจีนบุรี
เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ เนื่องจากเป็นโครงการที่เป็นการสร้างแหล่งน้ำต้นทุน
สามารถเพิ่มพื้นที่ชลประทานในฤดูฝน
และส่งผลต่อการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำปราจีนบุรีและลุ่มน้ำสาขา ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
เร่งรัดดำเนินโครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดปราจีนบุรี
ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในกรอบระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติในครั้งนี้อย่างเคร่งครัดและให้ถือเป็นการขยายระยะเวลาดำเนินโครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริจังหวัดปราจีนบุรี
ครั้งสุดท้าย |
||||||||||||||||||||||||||||||
214 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. .... | กค. | 29/07/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลัง
ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงระเบียบกระทรวงการคลัง
ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยยังคงหลักการเดิม
และปรับปรุงแก้ไขบทบัญญัติเกี่ยวกับบทนิยาม
วงเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน
หน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอและจังหวัด
และขยายระยะเวลาในการจัดส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายเงิน
และการกำหนดบทเฉพาะกาล ตลอดจนการปรับปรุงถ้อยคำ
เพื่อให้การดำเนินการและการใช้จ่ายเงินทดรองราชการฯ
เป็นไปอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ชัดเจน ถูกต้อง และเหมาะสม
รวมทั้งสอดคล้องกับสภาพการณ์ของภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เห็นควรให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาดำเนินการปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือด้านที่พักอาศัยผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวด้วย สำนักงบประมาณ เห็นควรที่กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ และบรรลุตามวัตถุประสงค์ของกฎหมาย |
||||||||||||||||||||||||||||||
215 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม 2568 และแนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 30 - 31 กรกฎาคม 2568 | ปสส. | 29/07/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันอังคารที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๘
ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา ได้แก่
ร่างพระราชบัญญัติศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. .... ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
216 | ร่างพระราชบัญญัติศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม 2568 และแนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 30-31 กรกฎาคม 2568) | ปสส. | 29/07/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันอังคารที่ ๒๙ กรกฎาคม
๒๕๖๘ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. ....
ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
217 | การให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา และสถานการณ์อุทกภัย | นร. | 29/07/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม
เวชยชัย) รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีเสนอว่า
สืบเนื่องจากสถานการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
และสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
รวมทั้งประชาชนอีกจำนวนมากได้รับความเดือดร้อนในการดำรงชีวิต ทรัพย์สินเสียหาย
และต้องอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย
ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือดูแลอย่างเร่งด่วน จึงขอมอบหมายการดำเนินการ
ดังนี้ ๑. ให้รัฐมนตรีทุกท่านใช้เวลาที่ว่างเว้นจากภารกิจประจำลงพื้นที่ที่เกิดสถานการณ์ดังกล่าว
เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ได้รับความเดือดร้อนและผลกระทบ
ตลอดจนกำกับดูแล และอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานของหน่วยงานต่าง ๆ
ในความรับผิดชอบที่อยู่ในพื้นที่ รวมทั้งบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ
ในพื้นที่ เพื่อให้การดูแลช่วยเหลือประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ขอให้รัฐมนตรีหลีกเลี่ยงการดำเนินการใด ๆ
ที่อาจก่อให้เกิดปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงานของหน่วยงานต่าง ๆ
ในพื้นที่หน้างานด้วย ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น
เช่น อาหาร เครื่องนอน เครื่องนุ่งห่ม เวชภัณฑ์ น้ำสะอาด
เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ในการดำรงชีพในช่วงวิกฤตได้อย่างเหมาะสมและเพียงพอ
รวมทั้งให้กำกับดูแลการบริหารจัดการขยะในพื้นที่ให้เหมาะสมและไม่เกิดมลภาวะด้วย ๓. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดหาเครื่องใช้หรืออุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับผู้สูงอายุ
ผู้พิการ และผู้ป่วยติดเตียง เช่น รถเข็น ให้เพียงพอต่อความต้องการ
เพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้าย และดูแลผู้ประสบภัยกลุ่มเปราะบางได้อย่างเหมาะสม ๔.
ให้กระทรวงสาธารณสุขจัดเตรียมบุคลากรทางการแพทย์ให้เพียงพอ
เพื่อดูแลรักษาผู้ป่วยในพื้นที่ รวมทั้งให้กำหนดมาตรการในการดูแลและคัดแยกผู้ป่วยที่ติดเชื้อออกจากผู้ป่วยอื่นและบุคคลทั่วไป
เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคในพื้นที่พักพิงและสถานพยาบาลด้วย ๕. ให้กระทรวงมหาดไทย (จังหวัดที่เกี่ยวข้อง)
เร่งประสานกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อดำเนินการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือ/เยียวยา/ชดเชยให้แก่ผู้บาดเจ็บ
ทายาทของผู้เสียชีวิต หรือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวข้างต้น ตามแต่กรณี
ให้ถูกต้อง ครบถ้วน และแล้วเสร็จโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||
218 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการปฏิบัติการรักษาสันติภาพภายใต้กรอบสหประชาชาติ ครั้งที่ 6 | กห. | 29/07/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการปฏิบัติการรักษาสันติภาพภายใต้กรอบสหประชาชาติ
ครั้งที่ ๖ (United Nations
Peacekeeping Ministerial : UNPKM 2025)ระหว่างวันที่
๑๓ - ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๘ ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี โดยมีรองนายกรัฐมนตรี
(นายภูมิธรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
เป็นหัวหน้าคณะฝ่ายไทยเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวกับผู้แทนระดับสูง จำนวน ๑๒๐
ประเทศ ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑)
การเน้นย้ำความสำคัญของการรักษาสันติภาพภายใต้กรอบ UN ในการธำรงสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ
๒) การปฏิรูปภารกิจรักษาสันติภาพของ UN ให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของโลก
๓) การฝึกอบรมบุคลากรและความร่วมมือระหว่างประเทศ ๔)
การหารือถึงขีดความสามารถของภารกิจรักษาสันติภาพของ UN ซึ่งพัฒนาสอดคล้องกับความท้าทายรูปแบบใหม่
โดยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาประยุกต์ใช้ ๕) การประชุมหารือทวิภาคีระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
ซึ่งทั้งสองฝ่ายยืนยันที่จะเสริมสร้างความร่วมมือด้านกลาโหมให้มีความแน่นแฟ้นและยั่งยืนยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้กรอบแนวทางการพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพให้มีความทันสมัย
ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
219 | ผลการเจรจาหาข้อยุติสถานการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา | นร. | 29/07/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม
เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีรายงานว่า
ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
ต่อมาได้รับการประสานจากนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนให้ฝ่ายไทยเดินทางไปเจรจากับฝ่ายกัมพูชาเพื่อยุติข้อขัดแย้งดังกล่าว
โดยนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน
เสนอตัวเป็นเจ้าภาพอำนวยความสะดวกในการเจรจา ดังนั้น
จึงได้มีการประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นกรณีเร่งด่วน ตามนัยมาตรา ๘ วรรคสอง
แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘
โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมการประชุม
เพื่อรับทราบและประเมินสถานการณ์ความมั่นคง
รวมทั้งกำหนดแนวทางในการไปเจรจา โดยยึดหลักว่า ทั้งสองฝ่ายต้องหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไขและร่วมกันหาทางออกผ่านกลไกคณะกรรมการชายแดนทั่วไป
(General Border Committee :
GBC) และเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘ จึงได้เดินทางไปยังเมืองปุตราจายา
(Putrajaya) ประเทศมาเลเซีย เพื่อเข้าร่วมการเจรจากับพลเอก
ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยมี นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย
ในฐานะประธานอาเซียนเป็นเจ้าภาพอำนวยความสะดวกในการเจรจา
และมีผู้แทนจากสหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย
ซึ่งในการเจรจาฝ่ายไทยได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจน
โดยประณามการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่ล่วงล้ำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยและยิงโจมตีพื้นที่ที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร
เช่น โรงพยาบาล สถานีบริการน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์บาดเจ็บ
เสียชีวิต และทรัพย์สินเสียหายเป็นจำนวนมากซึ่งถือเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยของไทย
ละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน และละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ทั้งนี้
ในการเจรจาดังกล่าวมีความเข้าใจร่วมกัน (Common Understanding) ว่า ทั้งสองฝ่ายจะหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข ตั้งแต่เวลา ๒๔.๐๐ น. ของคืนวันที่
๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ฝ่ายไทยได้ยืนยันการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดและได้หยุดยิงในทุกพื้นที่
แต่โดยที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า กองกำลังฝ่ายกัมพูชาได้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยมีการใช้อาวุธยิงโจมตีกองกำลังฝ่ายไทยในหลายพื้นที่ภายหลังเวลา
๒๔.๐๐ น. ดังกล่าว ทหารฝ่ายไทยจึงจำเป็นต้องตอบโต้อย่างเด็ดขาดและเหมาะสม
เพื่อปกป้องอธิปไตยและชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์ พร้อมกันนี้
รัฐบาลไทยได้ทำหนังสือประท้วงไปยังประธานอาเซียน รวมทั้งสหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐประชาชนจีน
ซึ่งเป็นสักขีพยานในการเจรจา
เพื่อให้ทราบว่าการละเมิดข้อตกลงนี้เป็นเหตุจากการไม่ซื่อตรงและไม่จริงใจของฝ่ายกัมพูชาอย่างชัดเจน จนถึงขณะนี้ รัฐบาลได้มอบหมายให้ทุกเหล่าทัพตรึงกำลังเพื่อรักษาอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนอย่างเต็มที่
ในขณะเดียวกันได้มีการหารือระหว่างแม่ทัพภาคของทั้งสองประเทศในวันนี้ เวลาประมาณ ๑๐.๐๐ น.
ซึ่งได้ทราบว่าทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจร่วมกันในการคลี่คลายสถานการณ์ชายแดนที่ยังคงตึงเครียดอยู่
รวม ๖ ประเด็น ดังนี้ (๑) หยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข (๒) คุ้มครองประชาชน (๓) งดการเสริมกำลัง
(๔) ห้ามเคลื่อนย้ายกำลัง (๕) อำนวยความสะดวกการส่งกลับผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต
และ (๖) จัดตั้งชุดประสานงานเฉพาะกิจ ทั้งนี้
จะได้นำผลการหารือดังกล่าวเสนอที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ในวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๘ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม เพื่อพิจารณารับรองและให้มีผลใช้บังคับในระดับนโยบายของทั้งสองประเทศต่อไป ๒. มอบหมายให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดำเนินการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ข้อเท็จจริง
และความเคลื่อนไหวต่าง ๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
ในลักษณะข่าวด่วน (Breaking News) ให้รวดเร็ว ทันการณ์
ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ นอกเหนือจากที่ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
(ศบ.ทก.) ได้จัดแถลงข่าวประจำวันในเวลา ๑๒.๐๐ น. อยู่แล้ว โดยให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีประสานข้อมูล
และดำเนินการในเรื่องนี้กับกระทรวงกลาโหม เหล่าทัพ ศบ.ทก.
กรมประชาสัมพันธ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
220 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลกิตติมศักดิ์สหภาพคอโมโรสประจำประเทศไทย (นายชีวะภัฐณ์ คงพรวิวัฒน์) | กต. | 29/07/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการสิ้นสุดหน้าที่ของ นายชีวะภัฐณ์ คงพรวิวัฒน์ กงสุลกิตติมศักดิ์สหภาพคอโมโรสประจำประเทศไทย
ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๕ เนื่องจากขอลาออกจากตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|