ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 15 จากทั้งหมด 6209 หน้า แสดงรายการที่ 281 - 300 จากข้อมูลทั้งหมด 124177 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
281 | ข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนจากปัญหาสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน กรณีการปนเปื้อนมลพิษในแม่น้ำกกและแม่น้ำสายจากประเทศเมียนมา | สนง. กสม. | 15/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนจากปัญหาสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน
กรณีการปนเปื้อนมลพิษในแม่น้ำกกและแม่น้ำสายจากประเทศเมียนมา ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
282 | ข้อเสนอแนะกรณีประชาชนที่ถูกอพยพจากโครงการขยายเหมืองแม่เมาะ บ้านเวียงหงส์ล้านนา อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ไม่ได้รับเอกสารสิทธิในที่ดิน | สนง. กสม. | 15/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อเสนอแนะกรณีประชาชนที่ถูกอพยพจากโครงการขยายเหมืองแม่เมาะ
บ้านเวียงหงส์ล้านนา อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ไม่ได้รับเอกสารสิทธิในที่ดิน
ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
283 | รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลากิจในวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 | นร.05 | 15/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งว่า
รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย)
รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีได้ลากิจในวันอังคารที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘ ตั้งแต่เวลา
๑๕.๐๐ – ๑๖.๓๐ น.
ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดทำหนังสือเวียนแจ้งให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบแล้ว
ทั้งนี้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔๑
กำหนดให้การลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรีให้อยู่ในดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี
และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
284 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นรายการค่าซื้อที่ดิน ค่าทดแทน ค่ารื้อย้ายในการจัดหาที่ดิน โครงการอ่างเก็บน้ำลำน้ำชี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดชัยภูมิ | กษ. | 15/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
285 | ขอความเห็นชอบร่างแผนแม่บทเพื่อพัฒนาเกษตรกรรม ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2568-2575) | สภช. | 15/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแผนแม่บทเพื่อพัฒนาเกษตรกรรม ฉบับที่ ๒
(พ.ศ. ๒๕๖๘ - ๒๕๗๕) และมอบหมายให้สภาเกษตรกรแห่งชาติเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนแผนแม่บทเพื่อพัฒนาเกษตรกรรม
ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๘ - ๒๕๗๕) สู่การปฏิบัติ โดยร่างแผนแม่บทฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพเกษตรกรให้มีความเข้มแข็งพร้อมสร้างโอกาสและรับมือกับการเปลี่ยนแปลง
ขับเคลื่อนเกษตรสีเขียวที่สามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
และให้ภาคการเกษตรสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศได้ ประกอบด้วย ๓
ยุทธศาสตร์ คือ ๑) การสร้างความเข้มแข็งของเกษตร ๒) การพัฒนาเกษตรสีเขียว และ ๓) การเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรสู่ตลาดโลก
ตามที่สภาเกษตรกรแห่งชาติเสนอ ให้สภาเกษตรกรแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงบประมาณ และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี รวมทั้งข้อคิดเห็น ข้อสังเกต
และข้อเสนอแนะของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เห็นควรกำหนดเป้าหมายรายได้เงินสดสุทธิครัวเรือนเกษตรให้ครอบคลุมจนถึงปี
๒๕๗๕ ตามกรอบระยะเวลาของแผน
และเพื่อให้การขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติอย่างต่อเนื่องควรให้ความสำคัญกับการแปลงแผนไปสู่การปฏิบัติ
รวมถึงการประเมินผลการบรรลุเป้าหมายของแผนดังกล่าว กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นควรให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อระบบนิเวศของทรัพยากรธรรมชาติในภาพรวมทั้งระบบ
อาทิ การใช้ปุ๋ย สารเคมี และแนวปฏิบัติในการทำเกษตร รวมถึงการทำเกษตรในพื้นที่ลุ่มน้ำ
อันจะส่งผลให้ประเทศบรรลุเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
286 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอล FIVB Women's World Championships 2025 | กก. | 15/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๔๒๔,๑๗๗,๒๐๐ บาท
สำหรับเป็นค่าลิขสิทธิ์ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอล FIVB
Women’s World Championships 2025 ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและการกีฬาแห่งประเทศไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๓/๖๙๙๖ ลงวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๘) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
โดยการกีฬาแห่งประเทศไทยดำเนินการนำเรื่องดังกล่าวเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรี
โดยเสนอผ่านรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีเจ้าสังกัดหรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแล
แล้วแต่กรณี ตามนัยระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙ (๓) และเมื่อได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว
ให้การกีฬาแห่งประเทศไทยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
พร้อมรายละเอียดประกอบ เพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
287 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม 2568 | ปสส. | 15/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๔ กรกฎาคม
๒๕๖๘ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๓
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพุธที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๘ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๔ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่ ๑๗
กรกฎาคม ๒๕๖๘ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
288 | ร่างพระราชบัญญัติศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. .... | กค. | 15/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. .... ของกระทรวงการคลัง
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงินของโลก
(Financial Hub) และดึงดูดผู้ประกอบธุรกิจทางการเงินจากต่างประเทศให้มาประกอบธุรกิจในประเทศไทยผ่านกลไกในการส่งเสริม
กำกับดูแล และการให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกอบการที่เข้ามาประกอบธุรกิจเป้าหมายใน Financial
Hub เพื่อให้บริการแก่นิติบุคคลหรือบุคคลที่ไม่ได้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย
(Non-residents) อันจะช่วยพัฒนาระบบนิเวศของอุตสาหกรรมการเงินและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน
รวมทั้งสามารถดึงดูดผู้ประกอบธุรกิจทางการเงินจากต่างประเทศให้มาประกอบธุรกิจเป้าหมายในประเทศไทย
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นควรกำกับดูแลความเสี่ยงด้านการฟอกเงินหรือการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย
(AML/CFT) ของการประกอบธุรกิจใน Financial
Hub ในระดับที่ไม่ต่ำกว่ามาตรฐานในระบบการเงินหลักของประเทศและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล
เตรียมหน่วยงานกำกับดูแลการประกอบธุรกิจใน Financial Hub ให้พร้อมก่อนอนุญาตให้มีการประกอบธุรกิจใน
Financial Hub รวมทั้งการกำหนดเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนในการจัดตั้ง
Financial Hub โดยประเมินจุดแข็งของประเทศเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและดึงดูดให้มีการมาประกอบธุรกิจใน
Financial Hub เป็นลำดับแรก รวมถึงพิจารณาความเสี่ยงต่าง ๆ
ที่จะเกิดขึ้นอย่างรัดกุมและรอบด้าน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
289 | การกระทำผิดพระธรรมวินัยของพระสงฆ์ | นร. | 15/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม
เวชยชัย) รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีเสนอว่า จากกรณีพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่หลายรูปกระทำผิดพระธรรมวินัยจนถึงขั้นอาบัติปาราชิกและบางส่วนได้ลาสิกขาไปแล้ว
ร่วมทั้งยังมีพระสงฆ์อีกหลายรูปที่ถูกกล่าวหาหรือมีข้อสงสัยว่าอาจกระทำผิดพระธรรมวินัยด้วยเช่นเดียวกัน
ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนเป็นอย่างมาก
จึงขอมอบหมายการดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุชาติ
ตันเจริญ) กำกับให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติร่วมกับมหาเถรสมาคม
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการติดตามพระสงฆ์ที่กระทำผิดพระธรรมวินัยรวมถึงผู้ร่วมกระทำผิดทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาลงโทษตามพระธรรมวินัยและ/หรือตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว
รวมทั้งให้เร่งพิจารณาทบทวนและแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ คำสั่ง
และมติคณะสงฆ์ที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง เหมาะสม และเป็นปัจจุบัน ครอบคลุมถึงการกระทำความผิดของทั้งพระสงฆ์และฆราวาสในทุกมิติ
รวมตลอดถึงการบริหารจัดการทรัพย์สินของวัด ให้ชัดเจน โปร่งใส และตรวจสอบได้ เพื่อมิให้เกิดความเสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนาอีกต่อไป ๒.
ให้กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เร่งรณรงค์เผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมไทยพุทธ
การปฏิบัติตัวของฆราวาสและพระสงฆ์ และการดำเนินชีวิตตามพุทธวิถีของไทย ให้ถูกต้อง
ทั่วถึง และต่อเนื่อง เพื่อธำรงไว้ซึ่งศีลธรรมอันดีและความสงบเรียบร้อยของประชาชนในสังคมโดยรวม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
290 | มาตรการยกระดับความปลอดภัยจากปัญหาอาชญากรรมของประชาชนและนักท่องเที่ยว | นร. | 15/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย)
รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีเสนอว่า จากการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการบูรณาการข้อมูลโดยนำข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลและการกระทำความผิดที่มีอยู่ของหน่วยงานมาใช้ร่วมกับระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด
(CCTV) ในการติดตาม ตรวจสอบ
และปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับปัญหายาเสพติดและปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ (Call Center) ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือที่อาศัยพื้นที่ดังกล่าวเป็นทางผ่านในการกระทำความผิด
จนเกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม นั้น เพื่อเป็นการขยายผลการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว
จึงขอมอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น
กระทรวงกลาโหม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม
เพื่อบูรณาการข้อมูลและนำระบบดังกล่าวมาใช้ในการดำเนินมาตรการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ของแต่ละจังหวัดที่มีผู้คนรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก เช่น
แหล่งท่องเที่ยว โรงพยาบาล ทั้งนี้ ให้เริ่มดำเนินการนำร่องในจังหวัดต่าง ๆ
ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวหลักก่อนเป็นลำดับแรก
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
291 | มาตรการให้ความช่วยเหลือดูแลผู้ประกอบการและประชาชนบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา | นร.04 | 15/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย)
รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
ใน ๗ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุรินทร์ อุบลราชธานี สระแก้ว บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ
จันทบุรี และตราด โดยจำกัดเวลาในการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนดังกล่าว เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติตามความเหมาะสมกับสถานการณ์
ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
รวมทั้งชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ด้วย จึงขอมอบหมายการดำเนินการ ดังนี้ ๑.
ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาที่จำเป็นต้องขนส่งสินค้าข้ามแดน
เนื่องจากกระบวนการขนส่งสินค้าข้ามแดนในปัจจุบันอาจมีความล่าช้าและต้องใช้ระยะเวลาในการขนส่งที่ยาวนานขึ้น
เพื่อลดภาระของผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบให้เหลือน้อยที่สุด เช่น
การเพิ่มช่องทางการตลาดและการจำหน่ายสินค้า
การขอความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนของไทยในการรับซื้อสินค้าทั้งที่เป็นสินค้าทางการเกษตรและสินค้าอุตสาหกรรมให้มากยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
292 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (ว่าที่ร้อยตรี ยงยุทธ ภูมิประเทศ) | กค. | 15/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง ว่าที่ร้อยตรี ยงยุทธ ภูมิประเทศ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพสามิต ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ภาษีสรรพสามิต
(นักวิชาการสรรพสามิตทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๔
ตุลาคม ๒๕๖๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
293 | รายงานความคืบหน้าการสรรหาผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม | สวส. | 08/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานความคืบหน้าการสรรหาผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ๒. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการสรรหาผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมเป็นระยะเวลา
๖๐ วัน นับแต่วันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๘
โดยให้การขยายระยะเวลาในครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ทั้งนี้ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ
ให้คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมรายงานต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อรับทราบต่อไป ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมและคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงาน
ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ดังนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่ากระบวนการในการสรรหาผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมมีผลเกี่ยวข้องกับความต่อเนื่องในการบริหารงานของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม
ดังนั้น การดำเนินการที่เป็นไปโดยล่าช้าและไม่แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
จึงควรกระทำเมื่อมีเหตุผลความจำเป็นเท่านั้น
อีกทั้งควรพิจารณาเร่งรัดการดำเนินการที่ยังไม่แล้วเสร็จให้เสร็จสิ้นโดยเร็วเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นว่าสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมได้ดำเนินการขั้นตอนการสรรหาผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมแล้ว
จึงเห็นควรขยายเวลาอีก ๖๐ วัน นับจากวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาไว้เดิม
(วันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๘) เป็นสิ้นสุดวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๘
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
294 | รายงานผลการตรวจสอบรับรองงบการเงินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 | คค. | 08/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการตรวจสอบรับรองงบการเงินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน และงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว เห็นว่างบการเงินดังกล่าวถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานรายงานทางการเงิน
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
295 | รายงานผลการดำเนินงาน ปัญหาอุปสรรค สถานการณ์ด้านโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม ปี พ.ศ. 2566 | สธ. | 08/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงาน ปัญหาอุปสรรค
สถานการณ์ด้านโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม ปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ประกอบด้วย ๔
ส่วน ดังนี้ ส่วนที่ ๑ สถานการณ์ด้านโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม
มีสาระสำคัญ เช่น ในปี ๒๕๖๖ มีผู้ป่วยด้วยโรคจากฝุ่นซิลิกา จำนวน ๓๐๕ ราย
(เพิ่มขึ้นจากปี ๒๕๖๕ ร้อยละ ๓๐) ส่วนที่ ๒ ผลการดำเนินงาน คณะกรรมการฯ
คณะอนุกรรมการ และคณะทำงานที่เกี่ยวข้อง มีสาระสำคัญ เช่น
การจัดอบรมพัฒนาบุคลากรที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม
โดยมีผู้เข้าร่วมการอบรม จำนวนทั้งสิ้น ๒,๕๔๓ คน ส่วนที่ ๓ ผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการ ภายใต้แผนการเฝ้าระวัง
การป้องกันระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐) มีสาระสำคัญ เช่น ประชาชนที่เสี่ยงต่อการป่วยด้วยโรคจากการประกอบอาชีพ
ได้รับการดูแลตามแพ็คเกจการจัดการโรค จำนวน ๔,๙๔๖ คน
คิดเป็นร้อยละ ๙๕ ซึ่งบรรลุค่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ และส่วนที่ ๔
ข้อจำกัดหรือปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะ มีสาระสำคัญ เช่น การขับเคลื่อนงานส่วนใหญ่เป็นการดำเนินงานระหว่างหน่วยงานภาครัฐ
และอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบและกลไกการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องหลายหน่วยงานและต้องดำเนินการหลายขั้นตอน
ทำให้ยังไม่สามารถดำเนินการได้ครบถ้วนทั้งหมด ตามที่คณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
296 | รายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | ตผ. | 08/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับรายงานผลการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
เช่น การตรวจเงินแผ่นดิน การดำเนินการด้านความผิดวินัยการเงินการคลังของรัฐ การให้คำปรึกษา
แนะนำ และตอบข้อสอบถามแก่หน่วยงาน การส่งเสริมให้ความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติงานของหน่วยรับตรวจ
และการพัฒนาระบบการบริหารจัดการและเทคโนโลยี เป็นต้น
ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
297 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... | กค. | 08/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการคลังถอนร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร
พ.ศ. .... ออกจากการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ตามที่เสนอได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
298 | คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี รวม 4 ฉบับ (คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 206/2568 - 209/2568) | นร.04 | 08/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
รวม ๔ ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๐๖/๒๕๖๘ เรื่อง
มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
และมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ในกรณีที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้หรือไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง
ลงวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๘ ๒. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๐๗/๒๕๖๘ เรื่อง
มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ลงวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๘ ๓. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๐๘/๒๕๖๘ เรื่อง
มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ
และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ
รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย
และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๘ ๔. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๐๙/๒๕๖๘ เรื่อง
มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีกำกับ และติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ลงวันที่ ๔
กรกฎาคม ๒๕๖๘
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
299 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย-จอร์แดน | คค. | 08/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบบันทึกการหารือระหว่างไทยและจอร์แดน
ฉบับลงนามเมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๖๖ และเห็นชอบร่างพิธีสารระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน
และรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย
ว่าด้วยการปรับปรุงความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดนและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย
ลงนามเมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๑๘ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามร่างพิธีสารระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดนและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย
ว่าด้วยการปรับปรุงความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดนและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรสำหรับบริการเดินอากาศระหว่างอาณาเขตของคู่ภาคีและพ้นไป
และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวด้วย
โดยร่างพิธีสารฯ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างไทย
- จอร์แดน จึงเป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ และเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และเห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของฝ่ายไทย
โดยมอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของร่างพิธีสารฯ
ดังกล่าวต่อไป โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ
โดยร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขใบพิกัดเส้นทางบิน
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างไทย - อินเดีย และข้อ
๑๒ ของความตกลงดังกล่าวกำหนดให้การแก้ไขข้างต้นจะต้องได้รับการยืนยันโดยหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตระหว่างรัฐบาลของทั้งสองฝ่าย
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ให้กระทรวงคมนาคม สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ดังนี้ กระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่าร่างพิธีสารระหว่างไทย
- จอร์แดนฯ กำหนดให้พิธีสารดังกล่าวมีผลใช้บังคับในวันที่ได้รับแจ้งหนังสือทางการทูตฉบับที่สอง
ซึ่งระบุว่าได้ดำเนินกระบวนการภายในที่จำเป็นทั้งหมดแล้ว ดังนั้น
เพื่อให้ร่างพิธีสารดังกล่าวมีผลใช้บังคับทั้งสองฝ่ายจะต้องมีหนังสือแจ้งอีกฝ่ายหนึ่งผ่านช่องทางการทูตว่า
ซึ่งได้ดำเนินกระบวนการภายในที่จำเป็นทั้งหมดแล้ว สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงคมนาคม
สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
กำหนดเป้าหมายการบริหารจัดการน่านฟ้าและท่าอากาศยานของประเทศไทยที่ชัดเจน
โดยคำนึงถึงความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการด้านการบินของไทยเป็นสำคัญ
รวมถึงกำหนดแผนการเจรจาการบินระหว่างประเทศที่มีความสอดคล้องกับเป้าหมายดังกล่าว
เพื่อนำไปใช้เป็นกรอบแนวทางในการเจรจาการบินระหว่างประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ต่อไป
ซึ่งจะช่วยให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศในภาพรวม ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างพิธีสารฯ และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
300 | ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับการดำเนินงานในการเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ของประเทศไทย ครั้งที่ 1/2568 | นร.11 สศช | 08/07/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการกำกับการดำเนินงานในการเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา
(OECD) ของประเทศไทย
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๘
และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการขับเคลื่อนการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทยอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักนายกรัฐมนตรี
(สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี)
เห็นควรให้การสนับสนุนการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของประเทศไทย อนึ่ง
การดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องจะต้องสอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วย
และไม่ขัดข้องตามภารกิจของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะที่ได้รับมอบหมายให้เป็นองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินงานภายในประเทศเพื่อเข้าเป็นสมาชิก
OECD ภายใต้คณะกรรมการกำกับฯ ดังกล่าว
และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคในฐานะหน่วยงานหลักของคณะกรรมการนโยบายผู้บริโภค
(Committee on Consumer Policy) ของ OECD |