ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 833 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 16641 - 16660 จากข้อมูลทั้งหมด 123977 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
16641 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองปรือ อำเภอหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. .... | กษ | 03/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองปรือ อำเภอหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองปรือ อำเภอหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่สามารถเข้าดำเนินการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำพร้อมระบบส่งน้ำและอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยกระพร้อย จังหวัดกาญจนบุรี ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16642 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. .... | ทส | 03/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานอัยการสูงสุด และฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติฯ ควรมีรายละเอียดที่สอดคล้องกับภารกิจถ่ายโอนตามแผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ และแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ๒) และในการจัดทำแผนจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเห็นชอบแล้ว ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดของส่วนราชการมีหน้าที่เสนอคำของบประมาณประจำปีนั้น ให้ส่วนราชการนั้นรายงานผลการดำเนินงานให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย รวมทั้งควรแก้ไขประเด็นเกี่ยวกับที่มาของเงินและทรัพย์สินของกองทุนสิ่งแวดล้อมในร่างมาตรา ๒๓ ที่กำหนดให้ส่วนหนึ่งมาจาก “เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงตามอัตราที่คณะรัฐมนตรีกำหนด” และให้มีบทบัญญัติเพิ่มเติมในหมวด ๘ ความรับผิดทางแพ่ง สำหรับการดำเนินคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญาที่รัฐเป็นผู้เสียหาย นอกจากนี้ หากมีกรณีจะต้องมีการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ ควรจะนำปัจจัยผลทางเศรษฐกิจที่ประเทศและประชาชนจะได้รับมาร่วมในการวิเคราะห์ผลกระทบในภาพรวมอย่างรอบด้าน และจะต้องคำนึงถึงค่าเสียโอกาสโดยรวมของประเทศ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอเรื่อง กองทุนสิ่งแวดล้อมต่อคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนตามนัยมาตรา ๑๔ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง แล้วแจ้งผลการพิจารณาเพื่อประกอบการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป ๓. มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการบริหารจัดการเชิงโครงสร้างระยะยาว โดยในส่วนของกองทุนสิ่งแวดล้อมควรมีการบริหารงานที่เป็นอิสระ มีความคล่องตัว มีแหล่งที่มาของรายได้กองทุนที่มั่นคงและสม่ำเสมอ โดยในระยะยาวอาจพิจารณาจัดตั้งกองทุนเป็นรัฐวิสาหกิจหรือองค์การมหาชน หรืออาจพิจารณาจัดตั้งในลักษณะหน่วยงานอิสระ สำหรับโครงสร้างระบบการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมควรมีความเป็นอิสระในการบริหารจัดการ และกระบวนการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมควรเป็นภารกิจของหน่วยงานอิสระ โดยอาจพิจารณาประเด็นเรื่องการปฏิรูประบบการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16643 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการบริจาคให้แก่กองทุนยุติธรรม) | กค | 03/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการบริจาคให้แก่กองทุนยุติธรรม) มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ให้กับบุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่กองทุนยุติธรรม โดยสามารถนำมาหักเป็นรายจ่ายได้สองเท่าของรายจ่ายที่บริจาค ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการบริจาคให้แก่กองทุน กระทรวงการคลังได้เคยเสนอมาตรการดังกล่าวมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งในครั้งนี้ได้เสนอมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการบริจาคให้แก่กองทุนยุติธรรม และหากเห็นว่าในอนาคตจะมีกองทุนอื่นที่สมควรกำหนดมาตรการเพื่อส่งเสริมการบริจาคอีก ควรกำหนดมาตรการดังกล่าวในภาพรวม และควรนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในคราวเดียวกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16644 | ขออนุมัติลงนามและการให้สัตยาบันอนุสัญญา BIMSTEC ว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเรื่องทางอาญา (BIMSTEC Convention on Mutual Legal Assistance in Criminal Matters) | นร08 | 03/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างอนุสัญญา BIMSTEC ว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเรื่องทางอาญา (BIMSTEC Convention on Mutual Legal Assistance in Criminal Matters) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับขอบเขตของการให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเรื่องทางอาญา เช่น การสืบหาและระบุตัวบุคคลและวัตถุ การส่งเอกสาร รวมถึงเอกสารที่เรียกบุคคลให้ไปปรากฏตัว (หมายเรียก) การจัดหาให้ซึ่งข้อสนเทศ เอกสาร และบันทึก เป็นต้น โดยไม่บังคับใช้กับการจับกุมหรือคุมขังบุคคลใด ๆ เพื่อส่งบุคคลนั้นเป็นผู้ร้ายข้ามแดน การโอนตัวบุคคลซึ่งอยู่ในการควบคุมตามกฎหมายเพื่อไปรับโทษ การโอนกระบวนพิจารณาคดีในเรื่องทางอาญา การบังคับคดีในภาคีผู้รับคำร้องขอตามคำพิพากษาในคดีอาญาที่ได้ตัดสินในภาคีผู้ร้องขอ เว้นแต่จะได้กระทำภายในขอบเขตที่กฎหมายของภาคีผู้รับคำร้องขออนุญาต และความผิดภายใต้กฎหมายทหารซึ่งมิได้เป็นความผิดภายใต้กฎหมายอาญาทั่วไป โดยจะมีการลงนามในการประชุมระดับผู้นำภายใต้กรอบ BIMSTEC (BIMSTEC Summit) ในเดือนธันวาคม ๒๕๖๐ ๑.๒ การลงนามและให้สัตยาบันในร่างอนุสัญญาฯ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้แทนรัฐบาลไทยลงนามในร่างอนุสัญญาฯ ฉบับนี้ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอนุสัญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16645 | หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการพิจารณาสิทธิประโยชน์ให้พนักงานกระทรวงสาธารณสุขที่ได้รับการบรรจุเข้ารับราชการในกระทรวงสาธารณสุข | นร10 | 03/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการพิจารณาสิทธิประโยชน์ให้พนักงานกระทรวงสาธารณสุขที่ได้รับการบรรจุเข้ารับราชการในกระทรวงสาธารณสุข ตามมติ ก.พ. ครั้งที่ ๗/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ประกอบด้วย (๑) สิทธิประโยชน์เกี่ยวกับการนำระยะเวลาและผลการปฏิบัติงานก่อนการบรรจุมาใช้เพื่อประโยชน์ในการแต่งตั้ง การเลื่อนเงินเดือน และการปรับให้ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิที่ได้รับเพิ่มขึ้น หรือสูงขึ้น ซึ่ง ก.พ. สามารถพิจารณากำหนดได้โดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน และ (๒) สิทธิประโยชน์เกี่ยวกับการได้รับเงินเดือนซึ่งจะต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามมาตรา ๕๐/๑ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการตามหลักเกณฑ์ฯ ในครั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขเบิกจ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรรแล้ว ในแผนงานบุคลากรภาครัฐ งบบุคลากร ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16646 | แต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงศึกษาธิการ) (นายมงคลชัย สมอุดร) | ศธ | 03/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายมงคลชัย สมอุดร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านมาตรฐานอาชีวศึกษาเกษตรกรรมและประมง (นักวิชาการศึกษาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16647 | สรุปผลการประชุมสภารัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (สภาซีเมค) ครั้งที่ 49 | ศธ | 03/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมสภารัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (สภาซีเมค) ครั้งที่ ๔๙ ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีศึกษาในประเทศสมาชิกซีมีโอได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้และหารือร่วมกันเกี่ยวกับแนวปฏิบัติที่ดีในการส่งเสริมวาระการศึกษาของซีมีโอด้านการจัดการศึกษาและการดูแลเด็กปฐมวัย การจัดการอุปสรรคในการเข้าถึงการศึกษา การเตรียมความพร้อมการศึกษาเพื่อเผชิญกับสภาวะฉุกเฉิน การส่งเสริมการศึกษาและฝึกอบรมด้านเทคนิคและอาชีวศึกษา การปฏิรูประบบการพัฒนาครู การเสริมสร้างความร่วมมือด้านการอุดมศึกษาและการวิจัย และการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ ๒. ประเทศไทยได้เสนอเรื่องการจัดตั้งศูนย์ระดับภูมิภาคแห่งใหม่ในประเทศไทย จำนวน ๒ แห่ง ได้แก่ ศูนย์ระดับภูมิภาคว่าด้วยปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อความยั่งยืนของซีมีโอ (SEAMEO Regional Centre for Sufficiency Economy Philosophy for Sustainability : SEAMEO SEPS) และศูนย์ระดับภูมิภาคว่าด้วยสะเต็มศึกษาของซีมีโอ (SEAMEO Regional Centre for STEM Education : SEAMEO STEM-ED) ๓. ที่ประชุมฯ ได้รับรอง “Jakarta Framework for Action for SEAMEO Education Agenda Towards Achieving Sustainable Development Goals ในระหว่างการประชุม Strategic Dialogue for Education Ministers on Education Agenda 3 (SDEM 3)” เพื่อประเทศสมาชิกได้ยึดถือเป็นแนวทางความร่วมมือระหว่างกัน อันจะเป็นการพัฒนาการศึกษาของภูมิภาคต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16648 | รายงานการเดินทางไปราชการ ณ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และราชอาณาจักรสเปน | รง | 03/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเดินทางไปราชการ ณ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และราชอาณาจักรสเปน ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและคณะ ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐ โดยการเดินทางไปราชการ ณ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและคณะได้เดินทางไปศึกษาดูงาน ณ ศูนย์แสดงนิทรรศการโลกแห่งการทำงาน และสถาบันความปลอดภัยและอาชีวอนามัยแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ณ เมืองดอร์ทมุน รวมทั้งตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการร้านอาหารไทย ณ เมืองแฟรงก์เฟิร์ตอัมไมน์ สำหรับการเดินทางไปราชการ ณ ราชอาณาจักรสเปน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและคณะได้เข้าพบเพื่อหารือแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับระบบบริหารจัดการแรงงานขนถ่ายสินค้าทางทะเลกับผู้บริหารการท่าเรือภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแห่งราชอาณาจักรสเปน และหารือกับเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงมาดริด ราชอาณาจักรสเปน ถึงความเป็นไปได้และโอกาสในการขยายตลาดแรงงานไทยในต่างประเทศ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16649 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee: JTC) ไทย - ภูฏาน ครั้งที่ 2 | พณ | 03/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามตารางติดตามผลการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า Joint Trade Committee : JTC) ไทย-ภูฏาน ครั้งที่ ๒ ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงเทพมหานคร โดยผลการประชุม JTC ไทย-ภูฏาน มีประเด็นสำคัญครอบคลุมเกี่ยวกับการกระชับความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านการท่องเที่ยว ด้านการเกษตร ด้านหัตถกรรม การรักษาพยาบาลในไทย และการติดฉลากสินค้าอาหาร รวมทั้งประเด็นอื่น ๆ เช่น ความช่วยเหลือทางเทคนิค การฝึกอบรมบุคลากร และการช่วยเหลือทางการเงินเกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16650 | ขอความเห็นชอบการแจ้งทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศถึงการดำเนินการตามกฎหมายและ/หรือรัฐธรรมนูญเพื่อการมีผลบังคับใช้ของพิธีสารเพิ่มเติมตามความตกลงว่าด้วยการพิทักษ์ความปลอดภัยวัสดุนิวเคลียร์ | วท | 03/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปฏิบัติตามพันธกรณีของพิธีสารเพิ่มเติมความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency : IAEA) เพื่อพิทักษ์ความปลอดภัยวัสดุนิวเคลียร์ที่เกี่ยวเนื่องกับสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ โดยประเทศไทยมีพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. ๒๕๕๙ และบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ซึ่งมีบทบัญญัติรองรับการปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้พิธีสารเพิ่มเติมฯ แล้ว และให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประสานกับกระทรวงการต่างประเทศในการแจ้ง IAEA ถึงการดำเนินการตามกฎหมายและ/หรือรัฐธรรมนูญเพื่อการมีผลบังคับใช้ของพิธีสารฯ ต่อไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16651 | ขอแจ้งการแก้ไขเปลี่ยนแปลงบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามกับกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้า | พณ | 03/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
๑. การแก้ไขบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามกับกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้า (Memorandum of Understanding between the Ministry of Industry and Trade of the Socialist Republic of Viet Nam and the Ministry of Commerce of the Kingdom of Thailand on Economic and Trade Cooperation) ดังนี้ ๑.๑ แก้ไขวรรค ๒ ข้อ ๓ (i) บรรทัดที่ ๔ จากเดิม “protect the domestic industry, consumer, and public interests in each country.” เป็น “protect the domestic industry, consumers, and public interests in each country,” เพื่อให้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ ๑.๒ แก้ไขวรรค ๒ ข้อ ๔ (i) บรรทัดที่ ๒ จากเดิม “ผู้เข้าร่วมทั้งสองฝ่ายมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อรวมตัวทางเศรษฐกิจระหว่างทั้งสองประเทศในการมุ่งสู่วิสัยทัศน์ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ๒๐๒๕” เป็น “ผู้เข้าร่วมทั้งสองฝ่ายมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อรวมตัวทางเศรษฐกิจระหว่างทั้งสองประเทศในการมุ่งสู่วิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ๒๐๒๕” ๑.๓ แก้ไขวรรค ๓ ข้อ ๓ บรรทัดที่ ๑ และ ๒ จากเดิม “เมื่อมีความจำเป็นผู้เข้าร่วมทั้งสองฝ่ายจะพิจารณาจัดประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส” เป็น “เมื่อมีความจำเป็นผู้เข้าร่วมทั้งสองฝ่ายอาจจะพิจารณาจัดประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส” ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจฉบับดังกล่าว เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงเทพมหานคร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16652 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณงานก่อสร้างอาคารพักพยาบาล 32 หน่วย (4 ชั้น ใต้ถุนโล่ง) เป็นอาคาร คสล. 4 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 2,358 ตารางเมตร โรงพยาบาลทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช 1 หลัง | สธ | 03/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเพิ่มวงเงินรายการก่อสร้างอาคารพักพยาบาล ๓๒ หน่วย (๔ ชั้น ใต้ถุนโล่ง) เป็นอาคาร คสล. ๔ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๒,๓๕๘ ตารางเมตร โรงพยาบาลทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ๑ หลัง จากวงเงิน ๒๗,๑๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๒๗,๗๒๐,๒๙๒ บาท โดยใช้งบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๕ วงเงิน ๒๒,๒๑๙,๘๒๗ บาท และใช้เงินบำรุงโรงพยาบาลทุ่งสงสมทบ วงเงิน ๒,๕๕๐,๑๗๓ บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการ และการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ) และให้กระทรวงสาธารณสุขแจ้งชื่อบริษัทที่ทิ้งงานให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ทราบ เพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ ดังกล่าวต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16653 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนสิงหาคม 2560 ต่อคณะรัฐมนตรี | ยธ | 03/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนสิงหาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๘ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๖ เรื่อง ได้รับการรายงานแล้ว จำนวน ๑๖ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๑๔ ฉบับ และกฎหมายมีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๒ เรื่อง ได้แก่ พระราชบัญญัติการจัดทำยุทธศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๖๐ และพระราชบัญญัติว่าด้วยแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๐ ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานแล้ว โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๖ ฉบับ เช่น ร่างพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา พ.ศ. .... ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะเวลาแต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๓๗ เรื่อง ได้รับการรายงานแล้ว จำนวน ๓๗ เรื่อง เป็นกฎหมาย จำนวน ๘๓ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๒๗ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๕๖ ฉบับ เช่น ร่างพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติระบบการแพทย์ปฐมภูมิ พ.ศ. .... ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย จำนวน ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานแล้ว จำนวน ๒๙ เรื่อง และยังไม่ได้รับการรายงาน จำนวน ๑ เรื่อง คือ เรื่อง มาตรการคุ้มครองพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีอื่น ๆ จำนวน ๓๘ เรื่อง ได้รับการรายงานแล้ว จำนวน ๒๙ เรื่อง และยังไม่ได้รับการรายงานในกลุ่มมาตรการปฏิรูประเทศ จำนวน ๙ เรื่อง เช่น เรื่อง สร้างความเข้าใจในระบอบประชาธิปไตย วัฒนธรรมทางการเมือง การเลือกตั้ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16654 | ข้อมูลข่าวสารตามเกณฑ์มาตรฐานความโปร่งใสและตัวชี้วัดความโปร่งใสของหน่วยงานของรัฐเป็นข้อมูลข่าวสารที่ต้องจัดเตรียมไว้ให้ประชาชนตรวจดูได้ ตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (8) แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 | นร01 | 03/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. ให้หน่วยงานภาครัฐถือปฏิบัติและดำเนินการตามประกาศคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการเรื่อง กำหนดให้ข้อมูลข่าวสารตามเกณฑ์มาตรฐานความโปร่งใสและตัวชี้วัดความโปร่งใสของหน่วยงานของรัฐเป็นข้อมูลข่าวสารที่ต้องจัดไว้ให้ประชาชนตรวจดูได้ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๘) แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ อย่างเคร่งครัด ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีพิจารณาดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ รับความเห็นของกระทรวงพลังงาน สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาขอบเขตและความเหมาะสมของเอกสารรายงานการจัดซื้อจัดจ้างที่ต้องเผยแพร่ และพิจารณาความเหมาะสมในการเปิดเผยผลการประเมินผลการปฏิบัติงานประจำปีของบุคลากรในหน่วยงาน โดยเฉพาะในกรณีของผลการปฏิบัติงานรายบุคคล รวมทั้งเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และเงื่อนไขให้หน่วยงานของรัฐต้องปรับปรุงข้อมูลข่าวสารให้มีความทันสมัยเป็นปัจจุบัน และควรมีการสอบถามหรือสำรวจความต้องการของข้อมูลที่ต้องการให้หน่วยงานของรัฐ เปิดเผยและมีการปรับปรุงข้อมูลข่าวสารที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน ตลอดจนให้คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการสร้างความรู้ความเข้าใจให้หน่วยงานภาครัฐตระหนักในความสำคัญของการปฏิบัติภารกิจเรื่องข้อมูลข่าวสารตามเกณฑ์มาตรฐานความโปร่งใสและตัวชี้วัดของหน่วยงานของรัฐเป็นข้อมูลข่าวสารที่ต้องจัดเตรียมไว้ให้ประชาชนตรวจดูได้ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๘) แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ ๒๕๔๐ และควรมีการประเมินผลการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐและนำมาใช้ประโยชน์ในการปรับปรุงการดำเนินงาน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒.๒ สร้างการรับรู้และความเข้าใจกับหน่วยงานของรัฐถึงความจำเป็นในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของราชการ รวมทั้งกำหนดกลไกและช่องทางในการให้คำปรึกษา คำแนะนำสำหรับหน่วยงานภาครัฐในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของราชการเพิ่มเติมด้วย ๒.๓ กำหนดกลไกในการติดตามการดำเนินการตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ และประกาศคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมจากแนวปฏิบัติที่ใช้ในปัจจุบัน โดยให้รวมถึงการกำหนดให้มีกลไกการตรวจสอบความถูกต้องและครบถ้วนของการเผยแพร่ข้อมูลของหน่วยงานของรัฐให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แล้วนำเสนอคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการพิจารณาเพื่อใช้เป็นแนวทางในการกำกับ ติดตาม และตรวจสอบการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของราชการของหน่วยงานของรัฐต่อไป ๒.๔ พิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเสนอแนะ ติดตาม และตรวจสอบการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของราชการเพิ่มขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16655 | การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินราชพัสดุคืนให้แก่ผู้ยกให้ ราย นายบุญยง แซ่โง้ว | กค | 03/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ สน. ๑๓๒๐ โฉนดที่ดินเลขที่ ๙๗๓๘๕ ตำบลห้วยยาง อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร เนื้อที่ประมาณ ๘-๐-๔๕.๗ ไร่ คืนให้แก่ นายบุญยง แซ่โง้ว ผู้ยกให้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16656 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (จำนวน 9 คน 1. นายโชค บูลกุล ฯลฯ) | วธ | 03/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการบริหารศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร รวม ๙ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ ตุลาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายโชค บูลกุล ประธานกรรมการ ๒. ศาสตราจารย์ศิราพร ณ ถลาง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. ผู้ช่วยศาสตราจารย์วิลาวัณย์ เศวตเศรนี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. รองศาสตราจารย์สุเนตร ชุตินธรานนท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. รองศาสตราจารย์สุรพล นาถะพินธุ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. รองศาสตราจารย์ปานใจ ธารทัศนวงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๗. นางสาวบุษบา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๘. ศาสตราจารย์สุวรรณา สถาอานันท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๙. รองศาสตราจารย์ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16657 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ พ.ศ. .... | สธ | 03/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในระดับพื้นที่ให้เกิดความยั่งยืน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการกำหนดให้มีคณะกรรมการในระดับนโยบาย ได้แก่ คณะกรรมการนโยบายพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ และคณะกรรมการในระดับปฏิบัติการ ได้แก่ คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ และคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับเขต ซึ่งมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ บัญญัติให้รัฐพึงใช้ระบบคณะกรรมการในกฎหมายเฉพาะกรณีที่จำเป็น ดังนั้น ในการพิจารณาให้ความเห็นชอบ พึงต้องคำนึงถึงเหตุผลและความจำเป็นของการกำหนดให้มีคณะกรรมการดังกล่าวตลอดจนผลกระทบต่องบประมาณของรัฐ สำหรับการดำเนินการในกรุงเทพมหานคร ควรพิจารณาให้สอดคล้องกับหลักการบริหารราชการแผ่นดินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับราชการส่วนท้องถิ่นตามที่ได้บัญญัติไว้ในกฎหมาย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16658 | สรุปผลการเข้าร่วมการจัดงานนิทรรศการโลก International Recognized Exhibition Expo 2017 Astana ณ กรุงอัสตานา สาธารณรัฐคาซัคสถาน | พน | 03/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการเข้าร่วมการจัดนิทรรศการโลก International Recognized Exhibition Expo 2017 Astana ณ กรุงอัสตานา สาธารณรัฐคาซัคสถาน ระหว่างวันที่ ๑๐ มิถุนายน-๑๐ กันยายน ๒๕๖๐ ซึ่งกระทรวงพลังงานได้เข้าร่วมการจัดงานนิทรรศการโลกฯ ในอาคารศาลาไทย ภายใต้แนวคิด “การพัฒนาด้านพลังงานชีวภาพเพื่อมวลมนุษยชาติ (Bio-Energy for All)” ที่มีการนำเสนอแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผู้ทรงเป็น “พระบิดาแห่งการพัฒนาพลังงานไทย” มาเผยแพร่ให้ประชาคมโลกได้รับรู้ถึงการพัฒนาด้านพลังงานตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงควบคู่กับการนำเสนอด้านศิลปวัฒนธรรมของไทย การท่องเที่ยว และการส่งเสริมการค้าและการลงทุน โดยอาคารศาลาไทยเป็นหนึ่งในอาคารแสดงที่ได้รับความนิยมและได้รับรางวัล (๑) อันดับที่ ๔ อาคารที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมสูงสุด (๒) รางวัลขวัญใจมหาชน (Honorable Mention) ประเภท People’s Choice Awards จาก Exhibitor Magazine ของประเทศสหรัฐอเมริกา และ (๓) อาคารยอดนิยมที่ดีที่สุดของเด็กและครอบครัวของชาวคาซัคสถาน รวมทั้งประสบความสำเร็จในการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ โดยมียอดการสั่งซื้ออาหารไทยภายใน ๑ ปี มูลค่ารวม ๑๑.๑๒ ล้านบาท ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16659 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช | กษ | 03/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ประกอบด้วย (๑) การเปิดตลาดสินค้ากากถั่วเหลืองที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเพื่อมนุษย์บริโภคและเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ตามความตกลงการเกษตรภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) สำหรับปี ๒๕๖๐ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๐ (๒) เห็นชอบการปรับหลักเกณฑ์การจัดสรรโควตานำเข้าสินค้าเกษตรตามพันธกรณีตามความตกลง WTO สำหรับสินค้าเกษตร ๔ รายการ ได้แก่ มะพร้าวและมะพร้าวฝอย เนื้อมะพร้าวแห้ง น้ำมันมะพร้าว และกากถั่ว ตั้งแต่ปี ๒๕๖๑ เป็นต้นไป (๓) เห็นชอบเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการนำเข้ามะพร้าวตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (๔) เห็นชอบหลักการยุทธศาสตร์มะพร้าวเพื่ออุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๗๙ และ (๕) เห็นชอบหลักการยุทธศาสตร์ถั่วเหลืองเพื่อความมั่นคงทางอาหาร พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๗๙ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ประธานกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชเสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ (กรมการค้าต่างประเทศ) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมการค้าต่างประเทศเร่งรัดดำเนินการปรับหลักเกณฑ์การจัดสรรโควตาและขั้นตอนการจัดสรรโควตาการนำเข้า สำหรับปี ๒๕๖๐ สินค้ากากถั่วเหลือง ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และติดตามผลการนำเข้ามะพร้าวตามกรอบการค้าต่าง ๆ พร้อมทั้งวิเคราะห์ผลกระทบต่อเกษตรกรและอุตสาหกรรมมะพร้าวในภาพรวมอย่างต่อเนื่อง และรายงานคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชทราบ เพื่อให้แก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีการติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการในระยะที่ ๑ ภายใต้ยุทธศาสตร์มะพร้าวเพื่ออุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๗๙ และยุทธศาสตร์ถั่วเหลืองเพื่อความมั่นคงทางอาหาร พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๗๙ อย่างต่อเนื่อง และรายงานคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชทราบเป็นระยะ ๆ ก่อนการดำเนินการในระยะต่อไป หากผลการดำเนินโครงการในระยะแรกไม่บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมาย ควรพิจารณาปรับเปลี่ยนรายละเอียดโครงการให้เหมาะสมหรือยกเลิก ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16660 | การดำเนินการตามมาตรการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย | อก | 03/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการตามมาตรการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยมีผลการดำเนินการ ดังนี้
๑. มาตรการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยที่มีการดำเนินงานแล้วเสร็จ โดยมีการกำหนดมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อสร้างอุปทาน (Supply) ได้แก่ ๑.๑ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้ออกประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนที่ ๕/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๖๐ เรื่อง นโยบายส่งเสริมการลงทุนรถยนต์ไฟฟ้า ชิ้นส่วน และอุปกรณ์ เป็นการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle : HEV) รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดปลั๊กอิน (Plug-in Hybrid Electric Vehicle : PHEV) รถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle : BEV) รถโดยสารไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (Battery Electric Bus) กิจการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถไฟฟ้า และกิจการผลิตอุปกรณ์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ๑.๒ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐ เห็นชอบให้บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ขยายกิจการรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด กำลังการผลิตปีละ ๗๐,๐๐๐ คัน การผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ปีละประมาณ ๗๐,๐๐๐ ชิ้น และชิ้นส่วนยานพาหนะ ปีละประมาณ ๙,๑๐๐,๐๐๐ ชิ้น เงินลงทุนรวม ๑๙,๐๑๖ ล้านบาท ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ซิตี้ จังหวัดฉะเชิงเทรา ๑.๓ กระทรวงการคลังได้ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ๑๓๘) ลงวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๐ โดยรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดปลั๊กอิน ลดอัตราภาษีสรรพสามิตจากอัตราปกติลงกึ่งหนึ่ง และรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ ลดอัตราภาษีสรรพสามิตจากอัตราปกติ เหลือร้อยละ ๒ ๒. มาตรการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ประกอบด้วย (๑) มาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อสร้างอุปทาน (Supply) (๒) มาตรการกระตุ้นตลาดภายในประเทศ (Demand) (๓) การเตรียมความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน (๔) การจัดทำมาตรฐานรถยนต์ไฟฟ้า (๕) การบริหารจัดการแบตเตอรี่ใช้แล้ว และ (๖) มาตรการด้านอื่น ๆ เช่น การดำเนินโครงการเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) เพื่อพัฒนาบุคลากร จำนวน ๑๔๐ คน ใน ๔ สาขา ประกอบด้วย งานปรับแต่งระบบไฮดรอลิก (Hydraulic Systems) งานออกแบบและประกอบวงจรนิวเมติก (Pneumatic Systems) งานประกอบอุปกรณ์ไฟฟ้า (PLC) และงานซ่อมบำรุงเครื่องจักร (Mechanical Maintenance)
|
.....