ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 835 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 16681 - 16700 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
16681 | แจ้งผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ อ.123/2557 คดีหมายเลขแดงที่ อ.719/2560 ระหว่างสมาคมเครื่องปั้นดินเผาลำปาง ฟ้องนายกรัฐมนตรี ที่ 1 กับพวกรวม 4 คน ต่อศาลปกครองสูงสุด เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้นให้ยกฟ้องคดี | อส | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ อ.๑๒๓/๒๕๕๗ คดีหมายเลขแดงที่ อ.๗๑๙/๒๕๖๐ ระหว่างสมาคมเครื่องปั้นดินเผาลำปาง ผู้ฟ้องคดี นายกรัฐมนตรี ที่ ๑ กับพวกรวม ๔ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้นให้ยกฟ้องคดี ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16682 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2559 | กค | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ ที่ผ่านการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินและได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16683 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2558 | คค | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองงบการเงินแล้วมีความเห็นว่า งบการเงินดังกล่าวแสดงฐานะการเงินของกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ผลการดำเนินงาน และกระแสเงินสด สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกัน โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังประกาศใช้ สำหรับรายงานการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินมีข้อเสนอแนะด้านการดำเนินงานการบริหารแผนงบประมาณ การใช้จ่ายเงินตามแผนงานหรือโครงการ และการใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อทรัพย์สิน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมจัดส่งรายงานในเรื่องนี้ไปลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดดำเนินการเพื่อนำเสนอรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16684 | แผนการใช้จ่ายเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (แผนพัฒนาและส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ) ปีงบประมาณ 2561 | พณ | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอแผนการใช้จ่ายเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ปีงบประมาณ ๒๕๖๑ (แผนพัฒนาและส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ) จำนวน ๒๑๓ โครงการ วงเงินทั้งสิ้น ๑,๐๓๔.๒๙ ล้านบาท จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวม ๙ หน่วยงาน ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ มีมติอนุมัติแล้ว ดังนี้
๑. ยุทธศาสตร์การเร่งรัดทำการตลาดเชิงกลยุทธ์และผลักดันการส่งออก จำนวน ๑๘ โครงการ วงเงินรวม ๒๑๘.๐๘ ล้านบาท โดยมีกลยุทธ์สำคัญ ๓ ด้าน คือ (๑) การขยายส่วนแบ่งตลาดในตลาดหลักสำคัญให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน (๒) การพัฒนาตลาดใหม่และกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ และ (๓) การผลักดันการค้าผ่านช่องทางตลาดและช่องทางกระจายสินค้ารูปแบบใหม่ ผลักดันการส่งออกโดยใช้การตลาดนำการผลิต (Demand-Driven) และการกำหนดกลยุทธ์ในเชิงลึกลงถึงระดับเมือง (city-focus) ๒. ยุทธศาสตร์การเจรจาเชิงรุกเพื่อเปิดตลาด จำนวน ๑๒๗ โครงการ วงเงินรวม ๑๖.๗๕ ล้านบาท ได้แก่ การประชุมเจรจาเชิงรุก และการปกป้องผลประโยชน์ และการแก้ไขอุปสรรคทางการค้า ๓. ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศ จำนวน ๖๗ โครงการ วงเงินรวม ๗๔๙.๔๖ ล้านบาท เช่น การผลักดันคลัสเตอร์เป้าหมายสำคัญ การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการการค้าระหว่างประเทศของไทย การพัฒนาส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มและการสร้างภาพลักษณ์และส่งเสริมการสร้างแบรนด์สินค้าและบริการ (Innovation, Value Creation & Branding) และการพัฒนาองค์กรสู่อนาคต ๔. แผนงานตามนโยบายและมาตรการเร่งด่วน จำนวน ๑ โครงการ วงเงินรวม ๕๐ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16685 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2560 (เพิ่มเติม) และครั้งที่ 2/2560 | ทส | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ (เพิ่มเติม) และครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๐ ได้พิจารณาเรื่องเชิงนโยบายที่สำคัญและได้ข้อยุติแล้ว โดยยังคงมีเรื่องที่มีความจำเป็นต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบเพิ่มเติมอีก ๕ เรื่อง ได้แก่ (๑) ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่ตำบลบางปะกง ตำบลท่าข้าม ตำบลสองคลอง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา และท้องที่ตำบลคลองตำหรุ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางในการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) และรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ในท้องที่ดังกล่าวข้างต้น พ.ศ. .... (๒) ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่ตำบลปากคลอง ตำบลชุมโค ตำบลบางสน และตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... (๓) โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (๔) โครงการทำเหมืองแร่ชนิดแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน ชนิดแร่หินอุตสาหกรรมชนิดดินดาน และชนิดแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนของห้างหุ้นส่วนจำกัด อุดมศิลา คำขอต่ออายุประทานบัตรที่ ๓/๒๕๕๗ ตั้งอยู่ที่ตำบลเขาวง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี และ (๕) โครงการทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน และหินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน คำขอต่ออายุประทานบัตรที่ ๗/๒๕๕๗ ของบริษัทชีวิลเอนจีเนียริง จำกัด ตั้งอยู่ที่ตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี ๒. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ จำนวน ๑๔ เรื่อง เช่น (๑) รายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงาน EIA โครงการพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ต : การปรับปรุง Runway Strip, RESA และทางขับขนานท่าอากาศยานภูเก็ต ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (๒) รายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๔/๒๕๕๙ เรื่อง โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-นครราชสีมา ของกรมทางหลวง (๓) โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ส่วนต่อขยายช่วงศิริราช-ตลิ่งชัน และบ้านฉิมพลี-ศาลายา ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (๔) โครงการอาคารศูนย์บริการทางการแพทย์หริภุญไชยของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (๕) การปรับปรุงมาตรฐานก๊าซคาร์บอนไดซัลไฟด์ในบรรยากาศโดยทั่วไป และ (๖) ร่างนโยบายและแผนการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16686 | รายงานสถานการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศ ปี พ.ศ. 2558 - 2559 | ทส | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศ ปี พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๕๙ โดยมีเนื้อหาครอบคลุมเรื่องต่าง ๆ ๒ ส่วน ประกอบด้วย ส่วนที่ ๑ สถานการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และส่วนที่ ๒ สถานการณ์การกัดเซาะชายฝั่ง ซึ่งคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติได้มีมติในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๐ รับทราบรายงานดังกล่าวแล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16687 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. .... | สว | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป โดยมีผลการดำเนินการ ดังนี้
๑. องค์การมหาชนใดมีความประสงค์ให้มีระเบียบ ข้อบังคับ หรือข้อบัญญัติเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุขึ้นใช้เองทั้งหมดหรือแต่บางส่วน เพื่อให้การดำเนินการยืดหยุ่นและคล่องตัว สามารถขอยกเว้นมายังคณะกรรมการนโยบาย สำหรับการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุของสถาบันอุดมศึกษาที่ได้รับการยกเว้นตามพระราชบัญญัติที่ไม่สามารถดำเนินการได้ขณะนี้ กรมบัญชีกลางอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่สามารถดำเนินการได้ เพื่อนำมากำหนดเป็นหลักเกณฑ์ให้ครอบคลุมทุกสถาบันการศึกษา รวมทั้งหน่วยงานอื่นที่จัดซื้อจัดจ้างในเรื่องดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงความทันต่อเวลาเป็นสำคัญ และการป้องกันการทุจริต ซึ่งรายละเอียดในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างจะกำหนดในระเบียบที่จะออกตามความในพระราชบัญญัตินี้ต่อไป และกำหนดให้มีความยืดหยุ่นของระยะเวลาการดำเนินการในแต่ละขั้นตอนเพื่อให้เกิดความเหมาะสม ๒. การกำหนดให้เจ้าหน้าที่ซึ่งดำรงตำแหน่งที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับพัสดุ ได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษหรือเงินอื่นทำนองเดียวกัน กรมบัญชีกลางพิจารณาร่วมกับสำนักงาน ก.พ. แล้ว เห็นว่า การกำหนดเงินเพิ่มดังกล่าวถือเป็นกรณีที่มีกฎหมายเฉพาะกำหนดในเรื่องดังกล่าว จึงไม่ต้องพิจารณาตามระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๒ แต่อย่างใด ๓. ได้จัดทำร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. .... นำเสนอรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาลงนามประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๐ แล้ว และกรณีที่หน่วยงานของรัฐมีการจัดซื้อจัดจ้างสาธารณูปโภคหรือบริการสาธารณะที่เกี่ยวกับหน่วยงานของรัฐนั้น จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายนี้ และกฎหมายอื่นประกอบด้วย เช่น พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้ตรงต่อวัตถุประสงค์ของการใช้งานอันมีผลกระทบต่อประชาชนหรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16688 | รายงานผลการประกวดราคาค่าก่อสร้าง "โครงการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ขนาด 400 เตียง ส่วนขยายเพิ่มเติมการให้บริการทางการแพทย์ ระยะที่ 1" | อื่นๆ | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประกวดราคาค่าก่อสร้างในโครงการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ขนาด ๔๐๐ เตียง ส่วนขยายเพิ่มเติมการให้บริการทางการแพทย์ ระยะที่ ๑ โดยได้บริษัทเอกชนผู้รับจ้างที่มีคุณสมบัติและรายละเอียดของงานถูกต้องตามเงื่อนไขในเอกสารประกวดราคาจ้างในราคา ๗,๔๙๕.๐๐ ล้านบาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒ ไปเป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔ รวมทั้งกำหนดแผนการดำเนินงานการก่อสร้างโครงการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ขนาด ๔๐๐ เตียง ส่วนขยายฯ โดยจะทำสัญญาภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๐ และเริ่มการก่อสร้างในเดือนตุลาคม ๒๕๖๐ ตามที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16689 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน และร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชน เป็นกรณีที่มีความจำเป็นและเร่งด่วน รวม 6 ฉบับ (โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย -มีนบุรี รวม 2 ฉบับ) | คค | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี รวม ๖ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์และการเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชนตามโครงการสร้างทางรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทนและเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนเพื่อดำเนินกิจการขนส่งมวลชนตามโครงการดังกล่าวได้ทันตามแผนงานที่กำหนดไว้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่อำเภอเมืองนนทบุรี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และเขตหลักสี่ เขตบางเขน เขตบึงกุ่ม เขตคันนายาว เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน ๒. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชน ในท้องที่อำเภอเมืองนนทบุรี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และเขตหลักสี่ เขตบางเขน เขตบึงกุ่ม เขตคันนายาว เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นและเร่งด่วน ๓. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่เขตจตุจักร เขตห้วยขวาง เขตวังทองหลาง เขตบางกะปิ เขตสวนหลวง เขตประเวศ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร และอำเภอบางพลี อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน ๔. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชน ในท้องที่เขตจตุจักร เขตห้วยขวาง เขตวังทองหลาง เขตบางกะปิ เขตสวนหลวง เขตประเวศ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร และอำเภอบางพลี อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นและเร่งด่วน ๕. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่เขตห้วยขวาง เขตบางกะปิ เขตสวนหลวง เขตสะพานสูง และเขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน ๖. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชน ในท้องที่เขตห้วยขวาง เขตบางกะปิ เขตสวนหลวง เขตสะพานสูง และเขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นและเร่งด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16690 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาล ครบ 3 ปี | ดศ | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาล ครบ ๓ ปี เพื่อติดตามและประเมินผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของรัฐบาล สำหรับนำไปใช้ในการวางแผนและกำหนดนโยบายที่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การติดตามข้อมูลข่าวสารของรัฐบาล ร้อยละ ๘๘.๘ ติดตามข้อมูลข่าวสารของรัฐบาล ๑.๒ การดำเนินงานของรัฐบาลที่ผ่านมา มากกว่าร้อยละ ๙๐ ทราบเกี่ยวกับการดำเนินงานของรัฐบาลที่ผ่านมา ๑.๓ ความพึงพอใจต่อผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของรัฐบาล มากกว่าร้อยละ ๕๐ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก-มากที่สุด ๑.๔ ความพึงพอใจต่อผลการดำเนินงานในภาพรวมของรัฐบาล ความพึงพอใจฯ ประชาชนให้คะแนนความพึงพอใจฯ อยู่ที่ ๗.๐๑ คะแนน จากคะแนนเต็ม ๑๐ ๑.๕ เรื่องที่ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการอย่างเร่งด่วน ๕ อันดับแรก ได้แก่ การควบคุมสินค้าอุปโภค บริโภค ไม่ให้มีราคาแพง การแก้ไขปัญหายาเสพติด การแก้ปัญหาผลผลิตทางการเกษตรราคาตกต่ำ การแก้ไขปัญหาหนี้สิน และการปรับขึ้นค่าแรงให้เพียงพอกับค่าครองชีพ ๑.๖ ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาล ๕ อันดับแรก ได้แก่ การพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศให้ดีกว่านี้ การแก้ปัญหาผลผลิตทางการเกษตรราคาตกต่ำ การแก้ปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง การประชาสัมพันธ์โครงการ/นโยบายต่าง ๆ ให้ประชาชนรับทราบ และการแก้ปัญหาหนี้สิน ๑.๗ ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย (๑) ควรมีการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการบริหารงาน/นโยบายของรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น (๒) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเข้ามาควบคุม ดูแล และแก้ไขปัญหาทางด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง (๓) ควรมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง รวดเร็ว และต่อเนื่อง และ (๔) หน่วยงานภาครัฐควรมีการทำงานเชิงรุก เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (สำนักงานสถิติแห่งชาติ) พิจารณาปรับวิธีการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาล โดยในประเด็นคำถาม-คำตอบควรมีรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ ของรัฐบาล เพื่อเป็นข้อมูลให้ประชาชนได้รับรู้และเข้าใจในการขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาล ซึ่งจะทำให้สามารถตอบแบบสำรวจได้สะดวกและตรงประเด็นยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16691 | รายงานสรุปการเดินทางไปราชการ ณ สาธารณรัฐอินโดนีเซียของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม | วธ | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปการเดินทางไปราชการ ณ สาธารณรัฐอินโดนีเซียของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. การส่งเสริมความสัมพันธ์ด้านศิลปวัฒนธรรมระหว่างไทย-อินโดนีเซีย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้เจรจาความร่วมมือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาและวัฒนธรรมอินโดนีเซีย โดยทั้งสองได้แสดงเจตจำนงในการใช้มิติศิลปะและวัฒนธรรมเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมและเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันนอกเหนือจากการแลกเปลี่ยนทางด้านศิลปะการแสดงซึ่งมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยจะจัดทำแผนปฏิบัติการความร่วมมือระหว่างกันเพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้านวัฒนธรรมให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น รวมทั้งการหารือเรื่องการบริหารจัดการแหล่งมรดกโลกและแหล่งมรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวทางความร่วมมือทางด้านการบริหารจัดการและเทคนิคการบูรณะโบราณสถาน ๒. การส่งเสริมความร่วมมือด้านศาสนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและคณะได้พบหารือกับเจ้าอาวาสวัดพุทธเมตตา รวมทั้งฝ่ายมหายานพระธรรมทูตไทยในอินโดนีเซีย และสมาคมวิทยาลัยพุทธศาสนาของอินโดนีเซียถึงนโยบายการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี โดยมีความเป็นไปได้ที่จะจัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้นที่บุโรพุทโธในช่วงสิ้นปี ๒๕๖๐ ๓. การส่งเสริมการดำเนินงานของเครือข่ายภาคธุรกิจไทย-อินโดนีเซีย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้มอบโล่แก่บุคคลและหน่วยงานต่าง ๆ ของไทยและอินโดนีเซียที่ได้มีบทบาทในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศผ่านการประกอบการด้านธุรกิจ การค้าและการลงทุน นับเป็นการบูรณาการการทำงานด้วยการนำมิติวัฒนธรรมเชื่อมโยงทั้งการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน และส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกันให้เพิ่มพูนและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16692 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R-Bill) ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 2 และ 16 สิงหาคม 2560 | กค | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R-Bill) ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๒ และ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๐ วงเงิน ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท และ ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามลำดับ รวม ๔๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) อายุ ๑ เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ วงเงินรวม ๔๕,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อเป็น Bridge Financing สำหรับรองรับการปรับโครงสร้างหนี้ R-Bill ที่ครบกำหนด และออกพันธบัตรรัฐบาล จำนวน ๒ รุ่น วงเงินรวม ๔๕,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อนำมาชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ส่งลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการจำหนายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน ๒ ฉบับ เพื่อนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16693 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 33 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2559 - 30 มิถุนายน 2560) | นร | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๓๓ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๙-๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๐) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ มีผลงานสำคัญโดยสรุป ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น การจัดงานประเพณีกิจกรรมทางศาสนาและกิจกรรมพัฒนา และการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนร้องทุกข์ ๒. การปฏิรูปประเทศ เช่น การติดตามขับเคลื่อนความคืบหน้าการดำเนินการตามประเด็นปฏิรูป ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ๓.๑ ด้านความมั่นคง เช่น การเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ด้วยความจงรักภักดีและปกป้องรักษาพระบรมเดชานุภาพ การรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ การแก้ไขปัญหายาเสพติด ๓.๒ ด้านสังคมจิตวิทยา เช่น การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน ๓.๓ ด้านเศรษฐกิจ เช่น การเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ การส่งเสริมการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ๓.๔ ด้านการต่างประเทศ เช่น การสร้างประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็งและส่งเสริมบทบาทไทยในประชาคมอาเซียน การส่งเสริมการค้า การลงทุน เสริมสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการไทยและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและศักยภาพทางเศรษฐกิจ ๓.๕ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น การส่งเสริมและการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ การปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัยไม่เป็นธรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16694 | รายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการและบริษัทย่อยปี 2559 | กค | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการและบริษัทย่อยปี ๒๕๕๙ (สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙) ซึ่งสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า มีความถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน พร้อมทั้งข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้รับจากการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิกประจำปี ๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐ และประกาศในราชกิจานุเบกษาต่อไป เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา ๘๒ แห่งพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๓๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16695 | การแต่งตั้งกงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ จังหวัดเชียงใหม่ (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายคาซูโนริ คาวาดะ (Mr. Kazunori Kawada)] | กต | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายคาซูโนริ คาวาดะ (Mr. Kazunori Kawada) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน พะเยา แพร่ และอุตรดิตถ์ สืบแทน นายชิงยะ อาโอกิ (Mr. Shinya Aoki) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16696 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงพาณิชย์) (นายสุชาติ สินรัตน์) | พณ | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสุชาติ สินรัตน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการพาณิชย์ (นักวิชาการพาณิชย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16697 | สรุปผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือน (มกราคม - มิถุนายน 2560) ตามปฏิบัติการสามเหลี่ยมทองคำ ภายใต้แผนปฏิบัติการแม่น้ำโขงปลอดภัย 6 ประเทศ ระยะเวลา 3 ปี (2559 - 2561) | ยธ | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานรอบ ๖ เดือน (มกราคม-มิถุนายน ๒๕๖๐) ตามปฏิบัติการสามเหลี่ยมทองคำ ภายใต้แผนปฏิบัติการแม่น้ำโขงปลอดภัย ๖ ประเทศ ระยะ ๓ ปี (๒๕๕๙-๒๕๖๑) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ศูนย์ประสานงานแม่น้ำโขงปลอดภัย (ศปง.มข.) ประเทศไทย ได้ผลักดันให้ประเทศสมาชิกทั้ง ๖ ประเทศ (จีน ลาว เมียนมา กัมพูชา เวียดนาม และไทย) จัดตั้งกลไกประสานงานและกำกับติดตาม ภายใต้ชื่อศูนย์ประสานงานแม่น้ำโขงปลอดภัย (Safe Mekong Coordination Centre : SMCC) พร้อมสร้างกลไกการรับผิดชอบในทุกระดับ ทั้งในระดับหน่วยงาน ระดับนโยบาย ระดับบริหาร และระดับปฏิบัติการ เป็นที่เรียบร้อย รวมทั้งประสานให้ทุกประเทศจัดวางสรรพกำลังด้านยาเสพติด และกำลังปฏิบัติการอื่น ๆ ที่แต่ละประเทศมีอยู่ให้การสนับสนุนการปฏิบัติการซึ่งกันและกัน โดยมุ่งเน้นปฏิบัติการพื้นที่ที่มีความเคลื่อนไหวด้านยาเสพติดสูง ซึ่งทุกประเทศได้จัดวางกำลังตามด่าน/จุดตรวจ รวมทั้งสิ้นกว่า ๒๐๐ แห่ง ใน ๑๑ พื้นที่เป้าหมาย ๒. ผลการจับกุมในรอบ ๖ เดือน (มกราคม-มิถุนายน ๒๕๖๐) ทั้ง ๖ ประเทศ มีผลการจับกุมรวมทั้งสิ้น ๓๒๕ คดี ผู้ต้องหา ๕๓๔ คน ของกลางยาบ้า ๙๔ ล้านเม็ด ไอซ์ ๑.๔ ตัน เฮโรอีน ๑ ตัน กัญชา ๖.๗ ตัน และสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ๑๒๐ ตัน เปรียบเทียบกับรอบ ๖ เดือนก่อนของปี ๒๕๕๙ (กรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๕๙) มีจำนวนคดีเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๙.๙ ของกลางโดยรวมเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ ๗๙.๓ และสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์เพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๔๐.๖ ตลอดจนยังคงมีแนวโน้มการจับกุมในปริมาณที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ๓. เมียนมารับเป็นเจ้าภาพตั้ง ศปง.มข. จังหวัดเชียงตุง ระยะเวลา ๓ เดือน (กรกฎาคม-กันยายน ๒๕๖๐)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16698 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอและการยินยอมหรืออนุญาตให้ใช้ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกรและประโยชน์สาธารณะของประเทศ พ.ศ. .... | กษ | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอและการยินยอมหรืออนุญาตให้ใช้ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกรและประโยชน์สาธารณะของประเทศ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอและการยินยอมหรืออนุญาตให้ใช้ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกรและประโยชน์สาธารณะของประเทศ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรปรับปรุงในรายละเอียดของร่างกฎกระทรวงฯ ในบางประเด็น และข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับข้อ ๑ และข้อ ๙ ของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓๑/๒๕๖๐ เรื่อง การใช้ที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกรและประโยชน์สาธารณะของประเทศ ลงวันที่ ๒๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๐ ได้กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอและการพิจารณาให้ความยินยอมหรืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดิน ประเภทของกิจการหรือโครงการ เนื้อที่ วัตถุประสงค์ และมูลค่าของการดำเนินกิจการ โดยมิได้มอบอำนาจให้ออกระเบียบเพื่อกระทำการอื่นใดต่อไปได้อีก แต่ร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้กำหนดให้การดำเนินการตามร่างข้อ ๑๗ วรรค ๒ และร่างข้อ ๒๐ จะต้องกำหนดไว้ในระเบียบ ดังนั้น ร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้จึงอาจไม่สอดคล้องกับคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติดังกล่าวที่ต้องดำเนินการให้มีการออกเป็นกฎกระทรวง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดให้ผู้ยื่นขออนุญาตแสดงถึงความจำเป็นของการดำเนินโครงการที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน การพิจารณาความจำเป็นและความเหมาะสมในการจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) ของพื้นที่ดังกล่าวเพื่อประเมินผลกระทบรอบด้าน และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพื้นที่เพื่อให้ทราบถึงความเหมาะสมในการพัฒนาที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินดังกล่าวและผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น การพิจารณากำหนดขั้นตอนและระยะเวลาที่ใช้ในการพิจารณา รวมทั้งอัตราเยียวยาหรือชดเชยเกษตรกรขั้นต่ำในการขอใช้ประโยชน์ที่ดินแต่ละกรณี และการพิจารณากำหนดให้หน่วยงานที่จำเป็นต้องใช้ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อใช้ประโยชน์ด้านพลังงาน การใช้ทรัพยากรธรรมชาติ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ หรือประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ ให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมและสร้างความเข้าใจกับเกษตรกรในพื้นที่ พร้อมทั้งกำหนดขั้นตอนและวิธีการพิจารณาในกรณีที่เกษตรกรไม่ยินยอมให้ใช้ที่ดินที่มีแบบแผนและลดการใช้ดุลยพินิจของคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดเพื่อสร้างความยอมรับและปฏิบัติตามจากเกษตรกรในพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16699 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร09 | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. ๒๕๕๗ เพื่อจัดตั้งศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เป็นส่วนราชการภายในกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย และกำหนดอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการดังกล่าว รวมทั้งเปลี่ยนชื่อสำนักช่วยเหลือผู้ประสบภัย เป็น “กองช่วยเหลือผู้ประสบภัย” ในกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย เพื่อให้มีความเหมาะสม และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพิจารณาลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16700 | การโอนเงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ย FIDF 1 และ FIDF 3 | กค | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการชำระหนี้ต้นเงินกู้และดอกเบี้ยของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ยที่กระทรวงการคลังกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินพ.ศ. ๒๕๔๑ (FIDF 1) และตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ (FIDF 3) ๑.๒ อนุมัติให้นำส่งเงินของกองทุนฯ เข้าบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๑๔,๒๐๐ ล้านบาท โดยให้กองทุนฯ ทยอยโอนเงินจำนวนดังกล่าวเข้าบัญชีสะสมฯ ตามปริมาณสภาพคล่องของกองทุนฯ ๒. ให้กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรร่วมกันดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการเพื่อให้สามารถชำระต้นเงินกู้และลดภาระดอกเบี้ยให้เร็วขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ในระหว่างปีงบประมาณ ๒๕๖๑ หากกองทุนฯ มีสภาพคล่องคงเหลือเพิ่มเติมจากที่ประมาณการและไม่จำเป็นต้องสำรองไว้ ให้กองทุนฯ เสนอกระทรวงการคลังเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติให้โอนเงินดังกล่าวเข้าบัญชีสะสมฯ เพิ่มเติมต่อไปด้วย
|
.....