ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 823 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 16441 - 16460 จากข้อมูลทั้งหมด 124222 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
16441 | การบริหารจัดการท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ 1 จังหวัดเชียงราย | กค | 12/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๔ (เรื่อง ขอความเห็นชอบให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้บริหารท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ ๒ จังหวัดเชียงราย และให้ใช้ประโยชน์ท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ ๑ จังหวัดเชียงราย เป็นท่าเรือท่องเที่ยว) ในส่วนของข้อ ๒ ของมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว จากเดิม ที่มอบหมายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นหน่วยงานบริหารท่าเรือเชียงแสน แห่งที่ ๑ จังหวัดเชียงราย เป็น มอบหมายให้เทศบาลตำบลเวียงเชียงแสนเป็นผู้บริหารจัดการท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ ๑ จังหวัดเชียงราย สำหรับการกำหนดอัตราค่าเช่าให้เป็นไปตามกฎระเบียบของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดเงื่อนไขในสัญญาให้มีการซ่อมแซมและบำรุงรักษาท่าเรือให้มีความมั่นคงแข็งแรง ตลอดจนจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบถ้วนตามมาตรฐานที่กำหนด และจัดหาบุคลากรที่มีประสบการณ์มาบริหารจัดการท่าเรือ รวมทั้งให้ความสำคัญของการประมาณการเรือท่องเที่ยวและจำนวนนักท่องเที่ยว ประมาณการรายได้และรายจ่าย เพื่อใช้เป็นแนวทางสำหรับการพิจารณาแผนการพัฒนาท่าเรือแห่งที่ ๑ ของเทศบาลตำบลเวียงเชียงแสน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อสนับสนุนให้การบริหารจัดการท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ ๑ จังหวัดเชียงราย เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยพิจารณากรอบแนวทางบริหารจัดการท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ ๑ จังหวัดเชียงราย ของเทศบาลตำบลเวียงเชียงแสน โดยคำนึงถึงความสามารถในการชำระค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุให้แก่กรมธนารักษ์ และความสามารถในการจัดหาแหล่งเงินทุนสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการพัฒนาท่าเรือดังกล่าวและบริเวณโดยรอบให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ (landmark) ของอำเภอเชียงแสน ตามความเห็นของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และเมื่อกระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเห็นชอบกรอบแนวทางการบริหารจัดการท่าเรือดังกล่าวแล้ว ให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) เร่งรัดดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อให้เทศบาลตำบลเวียงเชียงแสนสามารถดำเนินการบริหารจัดการท่าเรือดังกล่าวได้โดยเร็ว ๒.๒ ให้กระทรวงคมนาคม (กรมเจ้าท่า) สนับสนุนการดำเนินงานของท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ ๑ จังหวัดเชียงราย โดยดำเนินการตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการท่าเรือดังกล่าว ๒.๓ ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยดำเนินการสนับสนุนให้ท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ ๑ จังหวัดเชียงราย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ (landmark) โดยการจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติทราบอย่างทั่วถึง รวมทั้งดำเนินการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างท่าเรือดังกล่าวกับแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อสนับสนุนการยกระดับการท่องเที่ยวของภาคเหนือในภาพรวมด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16442 | ขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2559 (เรื่อง แนวทางการจัดทำสัญญาจ้างควบคุมงานก่อสร้าง) | สผ | 12/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง แนวทางการจัดทำสัญญาจ้างควบคุมงานก่อสร้าง) ตามความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นว่า ขณะนี้พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ มีผลใช้บังคับแล้วเมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๐ ซึ่งมาตรา ๙๓ กำหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องทำสัญญาตามแบบที่คณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐกำหนด โดยความเห็นชอบของสำนักงานอัยการสูงสุด และจะต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษาด้วย ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการนโยบายฯ ได้กำหนดแบบสัญญาที่เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง และอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานอัยการสูงสุดตามนัยมาตรา ๙๓ รวมถึงสัญญาจ้างออกแบบและควบคุมงานก่อสร้างด้วย สัญญาจ้างดังกล่าวได้มีการปรับแก้ในส่วนค่าจ้างงานควบคุมงานก่อสร้าง โดยกำหนดในกรณีที่ผู้รับจ้างก่อสร้างได้ปฏิบัติงานล่วงเลยกำหนดเวลาตามสัญญาจ้างก่อสร้าง เนื่องจากเหตุที่มิได้เกิดจากความผิดของผู้รับจ้างก่อสร้างและมิได้เกิดจากความผิดของผู้ให้บริการควบคุมงานก่อสร้าง ผู้ให้บริการควบคุมงานก่อสร้างจะได้รับค่าจ้างตามจำนวนวันที่ปฏิบัติล่วงเลยกำหนดเวลานั้น ตามสัดส่วนผลงานที่ผู้ให้บริการควบคุมงานก่อสร้างได้เข้าควบคุมงานจริง แต่ไม่เกินกว่าอัตราค่าจ้างรายเดือนตามที่กำหนดไว้ในสัญญาจ้างควบคุมงานก่อสร้าง ซึ่งเป็นการนำแนวทางที่ได้มีการหารือร่วมกันกับหน่วยงานต่าง ๆ มาพิจารณาเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16443 | ขออนุมัติเกลี่ยโควตานำเข้านมผงขาดมันเนยที่ผู้ประกอบการนำเข้านมผงขาดมันเนยในโควตาของกลุ่มที่ 1 ไปให้กลุ่มที่ 2 | กษ | 12/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการกรณีการใช้โควตานมผงขาดมันเนย ปี ๒๕๖๐ ของกลุ่มนิติบุคคลที่ ๑ (กลุ่มที่รับซื้อน้ำนมดิบ) คงเหลือ และมีการคืนโควตาเกลี่ยไปให้กลุ่มนิติบุคคลที่ ๒ (กลุ่มผู้ประกอบการทั่วไป) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม) กำกับดูแลให้กลุ่มนิติบุคคลที่ ๒ (กลุ่มผู้ประกอบการทั่วไป) ที่ได้รับโควตาคงเหลือจากกลุ่มนิติบุคคลที่ ๑ (กลุ่มที่รับซื้อน้ำนมดิบ) มีส่วนช่วยเหลือกลุ่มนิติบุคคลที่ ๑ (กลุ่มที่รับซื้อน้ำนมดิบ) เพื่อให้การรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรภายในประเทศเป็นไปตามบันทึกข้อตกลงที่มีอยู่อย่างเคร่งครัดและไม่ให้เกิดผลกระทบใด ๆ ต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้ตรวจสอบและกำกับดูแลให้การเกลี่ยโควตาภายในกลุ่มนิติบุคคลที่ ๒ (กลุ่มผู้ประกอบการทั่วไป) เป็นไปอย่างเหมาะสม เป็นธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเร่งรัดดำเนินการบริหารจัดการโควตาในช่วงไตรมาสสุดท้าย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยด่วนต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16444 | หลักเกณฑ์การจ่ายโบนัสกรรมการ พนักงาน และลูกจ้างของบริษัทในเครือที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐวิสาหกิจ | กค | 04/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบแนวทางการบริหารและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจและบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหลักเกณฑ์การจ่ายโบนัส เพื่อช่วยให้บริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจที่มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจมีแนวปฏิบัติในการจัดสรรโบนัสกรรมการ พนักงาน และลูกจ้างที่ชัดเจนและเป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยใช้วิธีเทียบเคียงกับหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินโบนัสกรรมการ พนักงาน และลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติไว้แล้วเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๖) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอเพิ่มเติมขอแก้ไขข้อความในหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค ๐๘๐๘.๑/๑๙๘๗๙ ลงวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ข้อ ๒.๒ เป็นดังนี้ “ (๑) เกณฑ์การจ่ายโบนัสพนักงาน -ให้จ่ายโบนัสพนักงานในอัตราไม่เกินร้อยละ ๙ ของกำไรสุทธิ แต่ไม่เกิน ๕ เท่าของเงินเดือน -กรณีที่วงเงินไม่เกินร้อยละ ๙ ของกำไรสุทธิ ต่ำกว่า ๑ เท่าของเงินเดือน แต่มีกำไรสุทธิมากกว่า ๑ เท่าของเงินเดือน ให้จ่ายโบนัสพนักงานในอัตรา ๑ เท่าของเงินเดือน ...” ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงพลังงานและสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้รัฐวิสาหกิจแม่รายงานผลการจัดสรรโบนัส และรายงานข้อมูลบริษัทตามแนวทางการบริหารและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจและบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจที่มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจให้กระทรวงเจ้าสังกัดทราบ รวมทั้งรัฐวิสาหกิจกำกับดูแลบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจที่มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจให้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อภาระค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ชี้แจงและทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องนี้ให้รัฐวิสาหกิจ และบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจที่มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องทั้งหมดทราบ ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจใดมีปัญหาในการปฏิบัติใด ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีนี้ ให้หารือไปยัง สคร. โดยให้ สคร. เป็นผู้ตอบข้อหารือและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาจนได้ข้อยุติ เว้นแต่ในกรณีที่เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) และ/หรือคณะรัฐมนตรี ให้กระทรวงการคลัง โดย สคร. นำเรื่องดังกล่าวเสนอ คนร. และ/หรือคณะรัฐมนตรี พร้อมทั้งจัดทำข้อเสนอแนะและแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นตามขั้นตอนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16445 | การเปลี่ยนโฆษกสำนักงบประมาณ | นร07 | 04/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเปลี่ยนแปลงโฆษกสำนักงบประมาณ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
๑. ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เป็นโฆษกสำนักงบประมาณ (นายบุญชู ประสพกิจถาวร) ๒. ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์การงบประมาณ เป็นผู้ช่วยโฆษกสำนักงบประมาณ (นางเพชรัตน์ เสรีพันธ์พาณิช)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16446 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิด หรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดอุดรธานี พ.ศ. .... | มท | 04/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิด หรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดอุดรธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วน ในท้องที่จังหวัดอุดรธานี เพื่อประโยชน์ในด้านการป้องกันอัคคีภัย การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นควบคุมการอนุญาตก่อสร้างอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่งให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงดังกล่าวอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16447 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่..) พ.ศ. .... | สว | 04/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยคณะกรรมาธิการฯ ได้มีข้อสังเกตด้านต่าง ๆ ดังนี้ ๑) การจัดให้มีหลักเขตและป้ายหรือเครื่องหมายอย่างอื่น ๆ ควรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน ได้มีส่วนร่วมในการดำเนินการตั้งแต่การสำรวจและรังวัด เพื่อการจัดทำเครื่องหมายแสดงแนวเขตด้วย ๒) คณะกรรมการควบคุมและรักษาป่าสงวนแห่งชาติประจำจังหวัด ควรแต่งตั้งคณะอนุกรรมการตามมาตรา ๑๑ (๖) ในระดับอำเภอ โดยมีนายอำเภอเป็นประธาน ๓) ควรมีคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติที่มีภารกิจบริหารจัดการป่าไม้และที่ดินป่าไม้ตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้และส่งเสริมให้มีพื้นที่ป่าไม้ในที่ดินประเภทอื่น ๆ ทั้งที่ดินกรรมสิทธิ์ และพื้นที่ของรัฐตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ และ ๔) การเก็บค่าบริการหรือค่าตอบแทนสำหรับการที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ให้บริการหรือให้ความสะดวกต่าง ๆ ควรดำเนินการผ่านคณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16448 | การแต่งตั้งโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ | ศธ | 04/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ จากเดิม นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการสภาการศึกษา เป็น นายพะโยม ชิณวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เป็นโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ ตามคำสั่งกระทรวงศึกษาธิการ ที่ สป ๑๕๓๗/๒๕๖๐ เรื่อง แก้ไขคำสั่งแต่งตั้งโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ โฆษกองค์กรหลักและองค์กรในกำกับกระทรวงศึกษาธิการ สั่ง ณ วันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16449 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2560 | กษ | 04/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๐ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ (๑) รับทราบร่างพระราชบัญญัติปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม พ.ศ. .... (๒) ประธาน กนป. มอบหมายให้กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกันหารือแนวทางในการบริหารจัดการสต็อกน้ำมันปาล์มดิบ (๓) เห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำกฎหมายลำดับรองเพื่อรองรับพระราชบัญญัติปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม พ.ศ. .... และ (๔) การครบกำหนดวาระของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ประธาน กนป. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16450 | รัฐบาลราชอาณาจักรบาห์เรนเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรบาห์เรนประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายอะห์มัด อับดุลเลาะฮ์ อะห์มัด อัลฮัรมะซี อัลฮาญะรี (Mr. Ahmed Abdulla Ahmed Alharmasi Alhajeri)] | กต | 04/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอะห์มัด อับดุลเลาะฮ์ อะห์มัด อัลฮัรมะซี อัลฮาญะรี (Mr. Ahmed Abdulla Ahmed Alharmasi Alhajeri) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรบาห์เรนประจำประเทศไทย โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายอาเดล ยูซุฟ ซาตีร์ (Mr. Adel Youeif Sater) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16451 | รัฐบาลเติร์กเมนิสถานเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม แห่งเติร์กเมนิสถานประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายยัซคูลี มัมเมดอฟ (Mr. Yazkuli Mammedov)] | กต | 04/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายยัซคูลี มัมเมดอฟ (Mr. Yazkuli Mammedov) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งเติร์กเมนิสถานประจำประเทศไทยคนแรก โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16452 | รายงานประจำครึ่งปี (มกราคม - มิถุนายน 2560) ของธนาคารแห่งประเทศไทย | กค | 04/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำครึ่งปี (มกราคม-มิถุนายน ๒๕๖๐) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. สรุปภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปี ๒๕๖๐ มีทิศทางขยายตัวชัดเจนมากขึ้นที่ร้อยละ ๓.๕ โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักมาจากการภาคการส่งออกสินค้าและบริการที่ขยายตัวดีตามเศรษฐกิจโลก ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามรายได้ในภาคเกษตรกรรมที่ปรับดีขึ้นเป็นสำคัญ สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในประเทศอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่น่ากังวล ส่วนเสถียรภาพด้านต่างประเทศของไทยยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี ๒. สรุปการดำเนินงานของ ธปท. ๒.๑ ด้านนโยบายการเงิน คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เห็นว่า การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมในเวลานี้อาจไม่สามารถช่วยให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเร่งขึ้นได้มากนัก อีกทั้งยังประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะมีทิศทางปรับสูงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๖๐ กนง. จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ ๑.๕๐ ในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๖๐ ๒.๒ ด้านนโยบายสถาบันการเงิน ธปท. อยู่ระหว่างการปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสถาบันการเงิน เช่น แนวทางการกำกับดูแลเกี่ยวกับการจัดชั้นและการกันเงินสำรองเพื่อรองรับมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ ๙ (IFRS 9) ส่วนด้านนโยบายการกำกับตรวจสอบ ธปท. ได้ให้ธนาคารพาณิชย์จัดทำ Supervisory Stress Test ภายใต้สถานการณ์จำลองที่กำหนด เพื่อประเมินผลกระทบของสถานการณ์จำลองต่อเสถียรภาพระบบการเงินในระยะ ๓ ปีข้างหน้า (ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๒) สำหรับการตรวจสอบด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้ตรวจสอบด้านการเตรียมความพร้อมในการรับมือภัยไซเบอร์ และระบบรองรับ National e-Payment และการดำเนินการตามแผนการยกระดับความปลอดภัยของ ATM ๒.๓ ด้านนโยบายระบบการชำระเงิน ธปท. ได้ผลักดันการดำเนินงานภายใต้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National e-Payment) และร่วมกับกระทรวงการคลังผลักดันร่างพระราชบัญญัติระบบการชำระเงิน พ.ศ. .... (ปัจจุบันได้ประกาศใช้แล้วเมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๐) รวมทั้งร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อยกระดับการกำกับดูแลบริการการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ ธปท. ได้ดำเนินการปรับปรุงการบริหารจัดการความเสี่ยงของระบบบาทเนต (Bank of Thailand Automated High-value Transfer Network : BAHTNET)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16453 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสถาบันการบินพลเรือน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 | คค | 04/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสถาบันการบินพลเรือน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน งบกำไรขาดทุน งบกระแสเงินสด โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วและเห็นว่ารายงานดังกล่าวถูกต้องตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16454 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งแรกของปี พ.ศ. 2560 | กค | 04/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งแรกของปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การประเมินภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๖๐ ขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ ๓.๕ เพิ่มขึ้นจากช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๕๙ (ร้อยละ ๓.๑) อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๖๐ เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ ๐.๖๗ เร่งตัวขึ้นจากปีก่อน (ร้อยละ ๐.๑๙) เสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินไทยโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี จากการที่สถาบันการเงินมีเงินสำรองและเงินกองทุนอยู่ในระดับสูงเพียงพอ ส่วนด้านเสถียรภาพต่างประเทศของไทยยังคงเข้มแข็งและสามารถรองรับความผันผวนของตลาดการเงินโลกได้ อย่างไรก็ดี กนง. เห็นว่า มีสัญญาณความเสี่ยงต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินเพิ่มขึ้นในบางจุด ได้แก่ (๑) ความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่ด้อยลงจากภาระหนี้ที่อยู่ในระดับสูง และ (๒) พฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้นภายใต้ภาวะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานานโดยเฉพาะแนวโน้มการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ ๒. การดำเนินนโยบายการเงิน กนง. มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ ๑.๕๐ ในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๖๐ ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๖๐ เงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐปรับแข็งค่าขึ้น สอดคล้องกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค ซึ่งเป็นผลมาจากการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์สหรัฐ ๓. ประเด็นสำคัญต่าง ๆ ที่ กนง. ให้ความสำคัญ ได้แก่ (๑) การพัฒนากลยุทธ์การสื่อสารด้านการดำเนินนโยบายการเงินต่อสาธารณชน เพื่อสร้างความโปร่งใสและเพิ่มประสิทธิผลในการดำเนินนโยบายการเงิน (๒) การติดตามพัฒนาการและประเมินความเสี่ยงด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินอย่างต่อเนื่อง และผลักดันให้เกิดการปฏิรูปกรอบการกำกับดูแลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น (๓) การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย เช่น ปัญหาความสามารถในการชำระหนี้ของภาคเอกชน และศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจไทย และ (๔) การติดตามการพัฒนาเครื่องชี้วัดทางเศรษฐกิจควบคู่กับการใช้ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อประโยชน์ต่อการพิจารณาดำเนินนโยบายในระยะต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16455 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติยศ และเครื่องแบบผู้บังคับบัญชา และเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน พ.ศ. 2497 | มท | 04/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติยศ และเครื่องแบบผู้บังคับบัญชา และเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน พ.ศ. ๒๔๙๗ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๒๖) ออกตามความในพระราชบัญญัติยศ และเครื่องแบบผู้บังคับบัญชา และเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน พ.ศ. ๒๔๙๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในส่วนของเครื่องแบบผู้บังคับบัญชา และเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันให้เหมาะสมตามหลักนิยมและความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16456 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การผลิตบุคลากรด้านการบินของประเทศไทย ของคณะกรรมาธิการการคมนาคม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 04/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการคมนาคม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง การผลิตบุคลากรด้านการบินของประเทศไทย โดยคณะกรรมาธิการฯ ได้มีข้อเสนอแนะด้านต่าง ๆ ดังนี้ ๑) ด้านยุทธศาสตร์การบินและอุตสาหกรรมการบิน ๒) ด้านการผลิตบุคลากรนักบิน เจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศ และเจ้าหน้าที่ด้านเวชศาสตร์การบิน ๓) ด้านช่างอากาศยานและวิศวกรการบิน และ ๔) ด้านการผลิตบุคลากรในการบริการภาคพื้น ภาคอากาศ และหน่วยงานอุตุนิยมวิทยาการบิน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16457 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก ปี 2560 ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ | กค | 04/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก ปี ๒๕๖๐ ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ศูนย์ข้อมูลฯ สามารถดำเนินงานตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย โดยสามารถรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ และสามารถนำข้อมูลเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ รวมทั้งมีการให้ความรู้เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ซี่งในช่วงครึ่งปีแรก ปี ๒๕๖๐ ศูนย์ข้อมูลฯ ได้มีการดำเนินการที่สำคัญ ได้แก่ (๑) จัดทำวารสารศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC Journal) ซึ่งเป็นวารสารที่นำเสนอบทวิเคราะห์สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ที่ศูนย์ข้อมูลฯ ได้เผยแพร่ต่อเนื่องมาตลาด ๑๒ ปี และ (๒) จัดการอบรมและสัมมนาเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์และสร้างบทบาทของศูนย์ข้อมูลฯ ให้เป็นแหล่งข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ที่น่าเชื่อถือ ๒. สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีแรก ปี ๒๕๖๐ ภาพรวมสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยเฉพาะเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีการชะลอตัวของจำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยทั้งในด้านอุปสงค์และอุปทานเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ระดับราคาที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ (ยังไม่เริ่มก่อสร้าง) ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ๓. ผลการสำรวจผ่านแอปพลิเคชันคนไทยมีบ้าน (Home for All) โดยสำรวจความต้องการที่อยู่อาศัยของประชาชนทั่วประเทศ พบว่ามีความต้องการซื้อบ้านหลังแรก ร้อยละ ๗๙.๗ มีความสามารถในการผ่อนชำระเงินกู้ต่อเดือนสูงสุดไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท ร้อยละ ๘๔.๔ มีความต้องการสินเชื่อต่ำกว่า ๒ ล้านบาท ร้อยละ ๘๒.๘ และมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยประเภทบ้านพร้อมที่ดินซึ่งมีราคาสูงกว่า ๒ ล้านบาท ร้อยละ ๙๒.๖
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16458 | การเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2561 | นร | 04/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๑ จาก วันอังคารที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๑ เป็น วันพุธที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๑ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16459 | ความก้าวหน้าการดำเนินการของคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ | นร11 | 04/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินการของคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปผลการดำเนินการได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินการของคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ที่ประชุมร่วมระหว่างประธานกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ เมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ได้เห็นชอบกรอบทิศทางและเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติในแต่ละด้านตาม (ร่าง) ยุทธศาสตร์ชาติดังกล่าว เพื่อที่คณะกรรมการปฏิรูปประเทศแต่ละด้านจะได้นำกรอบทิศทางและเป้าหมายไปใช้ประกอบการจัดทำแผนการปฏิรูปประเทศต่อไป รวมทั้งเห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้ประสานการจัดแถลงข่าวของคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติทุกคณะต่อไป ๒. ผลการดำเนินการของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ๑๑ คณะ ได้กำหนดประเด็นการปฏิรูปที่สำคัญในเบื้องต้น ได้แก่ (๑) ด้านการเมือง เช่น การเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรม การเสริมสร้างวัฒนธรรมทางการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน (๒) ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน เช่น การให้บริการโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง (๓) ด้านกฎหมาย เช่น การออกกฎหมายที่ดีและเท่าที่จำเป็น ยกเลิก/ปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัย (๔) ด้านกระบวนการยุติธรรม เช่น การช่วยเหลือประชาชนให้เข้าถึงความยุติธรรม การลดความเหลื่อมล้ำ (๕) ด้านเศรษฐกิจ เช่น การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน (๖) ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น แผนการใช้ที่ดินของชาติทั้งระบบ ระบบเส้นทางน้ำ การป้องกันทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (๗) ด้านสาธารณสุข เช่น การส่งเสริมระบบบริการปฐมภูมิ การกำหนดกำลังคนด้านสุขภาพ และการสร้าง Health Literacy (๘) ด้านสื่อมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น ความมั่นคงไซเบอร์ การกำกับดูแลกิจการอวกาศและดาวเทียม หน่วยงานกำกับดูแลสื่อออนไลน์ (๙) ด้านสังคม เช่น การสร้างระบบให้คนไทยมีบำเหน็จบำนาญหลังเกษียณ และการจัดให้มี Universal design (การออกแบบเพื่อให้ทุกคนสามารถใช้บริการได้ เช่น ผู้พิการและผู้สูงอายุ) (๑๐) ด้านพลังงาน เช่น การปฏิรูปการจัดหาก๊าซธรรมชาติ ปรับโครงสร้างตลาดและโครงสร้างราคา และ (๑๑) ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เช่น การบริหารงานที่มีธรรมาภิบาลทั้งภาครัฐและเอกชน มาตรการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส และการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารภาครัฐให้ประชาชนเข้าถึงตรวจสอบได้ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16460 | ร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 3 | ทส | 04/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบ เห็นชอบ และอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนประเทศไทยในการเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ ๓ (The third session of the United Nations Environment Assembly : UNEA 3) ระหว่างวันที่ ๔-๖ ธันวาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา ประกอบด้วย เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรแห่งประเทศไทยประจำสหประชาชาติ ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา เป็นหัวหน้าคณะ ผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ และผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ๑.๒ เห็นชอบร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรี (Ministerial Declaration) ของ UNEA 3 เป็นเอกสารที่แสดงถึงการตระหนักว่า มลพิษที่เกิดขึ้นในทุกรูปแบบ ทั้งทางอากาศ ดิน และน้ำ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ สังคม ระบบนิเวศ เศรษฐกิจ ความมั่นคง และความอยู่รอดของมนุษย์ และยังเชื่อมโยงกับปัญหาอื่นและเกี่ยวข้องกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน อาทิ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ ซึ่งการแก้ไขปัญหามลพิษเป็นการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศ ทั้งการต่อสู้ความยากจน การปรับปรุงให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น การสร้างงานที่เหมาะสม การปรับปรุงให้สิ่งมีชีวิตทั้งบนบกและในน้ำให้ดีขึ้น และการลดภาวะโลกร้อน ๑.๓ เห็นชอบกรอบคำมั่นโดยสมัครใจที่ประเทศไทยจะประกาศเพื่อให้นานาชาติทราบว่า ประเทศไทยมีความตื่นตัวในการแก้ปัญหามลพิษ โดยมีกรอบคำมั่นโดยสมัครใจที่ยึดตามนโยบายของรัฐบาล ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี และยุทธศาสตร์การจัดการมลพิษ ๒๐ ปี โดยจะนำเสนอผลการดำเนินงานของรัฐบาลที่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน ๑.๔ อนุมัติให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองในร่างปฏิญญาฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|