ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 824 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 16461 - 16480 จากข้อมูลทั้งหมด 124222 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
16461 | ขอความเห็นชอบท่าทีไทยสำหรับการประชุมรัฐมนตรีขององค์การการค้าโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 11 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | พณ | 04/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบท่าทีไทยสำหรับการประชุมรัฐมนตรี (Ministerial Conference : MC) ขององค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) สมัยสามัญ ครั้งที่ ๑๑ (MC 11) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงบัวโนสไอเรส สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ซึ่งในการประชุมฯ มีประเด็นหลักในการเจรจา ได้แก่ การเจรจาสินค้าเกษตร (Agriculture) กฎเกณฑ์ทางการค้า (Rules) การค้าบริการ (Services) ประเด็นว่าด้วยการพัฒนาและประเด็นที่เกี่ยวข้องกับประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (Development & LDCs issues) พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (Micro, Small and Medium Enterprises : MSMEs) เรื่องต่อเนื่องจากการประชุม MC10 และเรื่องอื่น ๆ ที่อาจมีการหารือ และมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายพิจารณาใช้ดุลยพินิจตามสถานการณ์และความเหมาะสมในเรื่องอื่นใดที่จะเป็นประโยชน์ต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของประเทศสมาชิก โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาน้อยที่สุดซึ่งยังขาดความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการพัฒนาระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีความปลอดภัยสูง และการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการในการเข้าสู่ตลาดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และการพัฒนา e-Commerce Application เป็นลำดับแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16462 | ความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการตลาดประชารัฐ | มท | 04/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการตลาดประชารัฐ ประกอบด้วย (๑) การเตรียมความพร้อมในการดำเนินโครงการตลาดประชารัฐทั่วประเทศ (๒) การประชาสัมพันธ์โครงการตลาดประชารัฐ (๓) การลงทะเบียนผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการตลาดประชารัฐ (๔) การเชื่อมโยงผู้ประกอบการเพื่อจัดสรรพื้นที่ในตลาดประชารัฐ (๕) การอบรมผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการตลาดประชารัฐ (๖) การเปิดตลาดประชารัฐ และ (๗) การเข้าร่วมภาคีเครือข่ายของส่วนราชการเพิ่มเติมตามโครงการตลาดประชารัฐ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (การเคหะแห่งชาติ) เป็นผู้ร่วมดำเนินโครงการตลาดประชารัฐเพิ่มเติมด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการสินค้าที่นำมาจำหน่ายในตลาดประชารัฐให้มีความหลากหลายเพื่อเพิ่มช่องทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค รวมทั้งกำกับดูแลไม่ให้ผู้ได้รับสิทธิ์ในการนำสินค้ามาจำหน่ายในตลาดประชารัฐนำพื้นที่จำหน่ายสินค้าไปให้บุคคลอื่นเช่าช่วงต่อ ๓. ให้กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการสนับสนุนส่งเสริมผู้ประกอบการที่มีศักยภาพหรือเป็นผู้ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพในตลาดประชารัฐประเภทต่าง ๆ ให้สามารถขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าออกไปสู่ตลาดขนาดกลางหรือตลาดที่มีขนาดใหญ่ยิ่ง ๆ ขึ้นต่อไป เช่น ตลาดไท ตลาดสี่มุมเมือง เป็นต้น ๔. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16463 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (พลตำรวจเอก สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล และพลตำรวจเอก พีระ พุ่มพิเชฏฐ์) | รง | 04/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ ธันวาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้
๑. พลตำรวจเอก สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ๒. พลตำรวจเอก พีระ พุ่มพิเชฏฐ์ ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16464 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (พลเอก ประสาท สุขเกษตร) | นร04 | 04/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง พลเอก ประสาท สุขเกษตร ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง [รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ)] ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16465 | แต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (จำนวน 3 ราย พลเอก ปัฐมพงศ์ ประถมภัฏ , หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล และนางจินตนา ชัยยวรรณาการ) | นร04 | 04/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จำนวน ๓ ราย ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. พลเอก ปัฐมพงศ์ ประถมภัฏ ๒. หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ๓. นางจินตนา ชัยยวรรณาการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16466 | ขอส่งคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีทราบ (คำสั่ง นร ที่ 322/2560 - 325/2560) | นร04 | 04/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี รวม ๔ ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๒๒/๒๕๖๐ เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนกัน ลงวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ ๒. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๒๓/๒๕๖๐ เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ ๓. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๒๔/๒๕๖๐ เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ ๔. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๒๕/๒๕๖๐ เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ ลงวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16467 | แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 70/2560 | อื่นๆ | 04/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๗๐/๑๕๖๐ วันศุกร์ที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16468 | แต่งตั้งประธานกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร04 | 04/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) เป็นประธานกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16469 | ขอความเห็นชอบแผนการดำเนินงานและกรอบงบประมาณ เพื่อใช้จัดงานนิทรรศการ World Expo 2020 Dubai ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) | ดศ | 04/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของแผนการดำเนินงานเข้าร่วมกิจกรรมการจัดนิทรรศการ World Expo 2020 Dubai ระหว่างเดือนตุลาคม ๒๕๖๓-เมษายน ๒๕๖๔ ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประกอบด้วยแผนการดำเนินงานจัดนิทรรศการ และแผนงบประมาณสำหรับการจัดนิทรรศการ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนรายละเอียดของแผนการดำเนินงาน โดยไม่เปลี่ยนแปลงไปจากหลักการที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมนำเสนอคณะกรรมการจัดงาน World Expo 2020 Dubai พิจารณา ก่อนดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้คณะกรรมการจัดงาน World Expo 2020 Dubai พิจารณากำหนดแนวคิดและรูปแบบการจัดนิทรรศการ World Expo 2020 Dubai ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาจพิจารณานำเสนอการขับเคลื่อนโครงการสำคัญตามนโยบายของรัฐบาล เช่น โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (East Economic Corridor : EEC) การขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวของอาเซียน และศูนย์กลางด้านอาหารของอาเซียน เป็นต้น ให้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดแสดงนิทรรศการดังกล่าวด้วย ๓. มอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมร่วมกับสำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนกรอบวงเงินค่าใช้จ่ายและแหล่งเงินที่เหมาะสมสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงานนิทรรศการ World Expo 2020 Dubai โดยให้คำนึงถึงความประหยัด คุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศเป็นสำคัญ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๔. เห็นชอบให้ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมโดยตำแหน่งเป็น Commissioner General of Section ของประเทศไทย เป็นผู้ลงนามในสัญญาต่าง ๆ สำหรับการเข้าร่วมการจัดงาน World Expo 2020 Dubai ทั้งนี้ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องก่อนดำเนินการลงนามในสัญญาใด ๆ อย่างเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16470 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม รวม 3 ฉบับ [ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสุรินทร์ (ฉบับ ที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับเมืองรวมจังหวัดสุรินทร์ พ.ศ. 2556)] | มท | 04/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม รวม ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการเพิ่มประเภทโรงงานในร่างกฎกระทรวงฯ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสุรินทร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสุรินทร์ พ.ศ. ๒๕๕๖) ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดระยอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดระยอง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมบริเวณอุตสาหกรรมและชุมชนแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมบริเวณอุตสาหกรรมและชุมชนแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๕๕) ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดลักษณะการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินและสัญลักษณ์สีแสดงการใช้ประโยชน์ที่ดิน และควรพิจารณาการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรมควบคู่กับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างมีดุลยภาพ รวมทั้งพิจารณาการใช้ที่ดินเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก โดยดำเนินการควบคู่กับการวางผังการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างมีดุลยภาพ เช่น มีสัดส่วนของที่ว่างและพื้นที่สีเขียวที่เหมาะสม และควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำกับดูแลและอนุมัติการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของผังเมืองอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16471 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ในประเทศของรัฐบาลที่ดำเนินการในปีงบประมาณ 2560 | กค | 04/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ในประเทศของรัฐบาลที่ดำเนินการในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ จำนวนรวม ๑๘๐,๔๑๔.๙๐ ล้านบาท ประกอบด้วย การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ/เมื่อรายจ่ายสูงกว่ารายได้และการบริหารหนี้ จำนวน ๑๕๓,๖๘๒.๐๐ ล้านบาท การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ จำนวน ๑๔,๓๑๘.๐๐ ล้านบาท และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้มาเพื่อให้กู้ต่อ จำนวน ๑๒,๔๑๔.๙๐ ล้านบาท ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ในประเทศของรัฐบาลที่ดำเนินการในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ จำนวน ๗ ฉบับ และลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16472 | แนวทางการเสนอแผนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี | นร11 | 04/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับแนวทางการเสนอแผนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี
๑. เห็นชอบการจำแนกแผนออกเป็น ๓ ระดับ ประกอบด้วย ๑.๑ แผนระดับที่ ๑ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ชาติ (ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ) ๑.๒ แผนระดับที่ ๒ ได้แก่ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนปฏิรูปประเทศ และแผนความมั่นคง (ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ) ๑.๓ แผนระดับที่ ๓ หมายถึง แผนที่จัดทำขึ้นเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของแผนระดับที่ ๑ และแผนระดับที่ ๒ ให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ หรือจัดทำขึ้นตามที่กฎหมายกำหนด หรือจัดทำขึ้นตามพันธกรณีหรืออนุสัญญาระหว่างประเทศ เช่น แผนของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐต่าง ๆ แผนบูรณาการ รวมถึงแผนปฏิบัติการทุกระดับ ๒. เห็นชอบวิธีการเสนอแผนและการตั้งชื่อแผนของแผนในระดับที่ ๑ และแผนระดับที่ ๒ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ซึ่งวิธีการเสนอทั้ง ๒ ระดับดังกล่าวเป็นขั้นตอนตามกฎหมายกำหนด สำหรับการเสนอแผนระดับที่ ๓ ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเสนอแผนระดับที่ ๓ ไปยังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อพิจารณากลั่นกรองตามขั้นตอนที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ โดยในการจัดทำแผนให้หน่วยงานเจ้าของแผนดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ระบุถึงความสอดคล้องของแผนที่เสนอกับยุทธศาสตร์ชาติ และแผนในระดับที่ ๒ ให้ชัดเจน และกำหนดองค์ประกอบของแผนที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงการสนับสนุนการขับเคลื่อนแผนระดับที่ ๑ และแผนระดับที่ ๒ ให้สามารถบรรลุเป้าหมายในการพัฒนาประเทศตามแนวทางของยุทธศาสตร์ชาติ ๒.๒ มีเป้าหมายและตัวชี้วัดที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม รวมทั้งกลไกการติดตามประเมินผล และควรคำนึงถึงวงเงินของประเทศ ๒.๓ กรณีที่แผนส่งผลกระทบต่อประเทศอย่างกว้างขวาง ก่อนเสนอสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ให้รับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องและวิเคราะห์ผลกระทบอย่างรอบด้าน รวมทั้งสร้างการรับรู้และความเข้าใจกับผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ทั้งนี้ ในกรณีที่แผนกำหนดให้ต้องมีการทำงานร่วมกันกับหลายหน่วยงาน ให้หน่วยงานเจ้าของแผนหารือร่วมกับหน่วยงาน/ภาคีที่เกี่ยวข้อง เพื่อบูรณาการแนวทางการดำเนินการด้วย ๒.๔ กำหนดให้ใช้ชื่อแผนระดับที่ ๓ ว่า “แผนปฏิบัติการด้าน .... ระยะที่ .... (พ.ศ. ....-....)” เว้นแต่ในกรณีที่มีบทบัญญัติตามกฎหมายที่กำหนดชื่อแผนไว้แล้ว ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นว่า ในกรณีการจัดทำแผนบูรณาการที่ต้องมีการดำเนินการร่วมกันหลายหน่วยงานโดยไม่ได้มีข้อกำหนดตามกฎหมายให้ต้องเสนอคณะรัฐมนตรี ควรพิจารณาถึงกรณีแผนที่มีการจัดทำขึ้นใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจและสังคมในขณะนั้น ซึ่งอาจจำเป็นต้องมีมติคณะรัฐมนตรีรองรับเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปปฏิบัติตามได้ และกรณีการจัดทำแผนปฏิบัติการของส่วนราชการควรคำนึงถึงระดับชั้นความลับของแผนด้วย เช่น กรณีการจัดทำแผนภายในที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษี เป็นต้น นอกจากนี้ ควรกำหนดระยะเวลาของขั้นตอนการดำเนินงานเพื่อเป็นกรอบในการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ ให้ชัดเจน รวมทั้งควรพิจารณาทบทวน และกำหนดประเภทแผนต่าง ๆ ในระดับ ๓ ให้ชัดเจน เนื่องจากบางแผนมีคณะกรรมการระดับชาติทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรองและให้ความเห็นชอบก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอยู่แล้ว ไปเพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงแก้ไขร่างพระราชบัญญัติพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. .... ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง สรุปสาระสำคัญการประชุมคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ ครั้งที่ ๖/๒๕๖๐) ให้แล้วเสร็จโดยด่วน ๕. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติชี้แจงและสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการเสนอแผนที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบกับทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐให้ถูกต้องทั่วถึง ๖. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการส่งแผนของส่วนราชการต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพร้อมด้วยความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคืนหน่วยงานเจ้าของแผน เพื่อถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องนี้ต่อไป ๗. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนกฎหมายที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งการเสนอร่างกฎหมายต่าง ๆ ในอนาคต เพื่อมิให้มีบทบัญญัติให้หน่วยงาน/คณะกรรมการต้องเสนอแผนต่อคณะรัฐมนตรีโดยไม่จำเป็น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16473 | รายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปีบัญชี 2559 | กค | 04/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ พร้อมข้อสังเกต และข้อเสนอแนะจากการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปีบัญชี ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ในปีบัญชี ๒๕๕๙ มีรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในระบบประเมินผลการดำเนินงาน จำนวนทั้งสิ้น ๕๔ แห่ง โดยการประเมินจำแนกเป็น ๒ ระบบ ประกอบด้วย (๑) ระบบประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจตามระบบปัจจุบัน โดยในปี ๒๕๕๙ รัฐวิสาหกิจที่มีผลการประเมินสูงสุด ๓ อันดับแรก (จากรัฐวิสาหกิจ ๒๑ แห่ง) ได้แก่ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด สำนักงานธนานุเคราะห์ และองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย และ (๒) ระบบการประเมินคุณภาพรัฐวิสาหกิจ (State Enterprise Performance Appraisal : SEPA) โดยในปี ๒๕๕๙ มีรัฐวิสาหกิจเข้ารับการประเมินในระบบ SEPA ทั้งหมด ๓๓ แห่ง ซึ่งรัฐวิสาหกิจที่มีคะแนนผลการประเมินสูงที่สุด ได้แก่ สาขาพลังงาน และรัฐวิสาหกิจที่มีผลการประมินสูงสุด ๓ อันดับแรก ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ๒. ในปี ๒๕๕๙ มีรัฐวิสาหกิจที่มีผลการดำเนินงานเข้าข่ายต้องเร่งฟื้นฟูกิจการ จำนวน ๗ แห่ง ได้แก่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) การรถไฟแห่งประเทศไทย องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โดยรัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่ไม่สามารถดำเนินงานได้ตามแผนและเป้าหมายที่กำหนดในแผนฟื้นฟูกิจการ ๓. ณ สิ้นปีบัญชี ๒๕๕๙ รัฐวิสาหกิจในระบบประเมินผลงานรัฐวิสาหกิจ มีสินทรัพย์รวม ๑๔.๓๔ ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี ๒๕๕๘ ร้อยละ ๒.๕๐ ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของสาขาพลังงาน ขนส่ง และสถาบันการเงิน รวมทั้งรัฐวิสาหกิจมีกำไรสุทธิในภาพรวมเพิ่มขึ้นจากปี ๒๕๕๘ ถึงร้อยละ ๘๑ โดยรัฐวิสาหกิจที่มีกำไรสุทธิสูงสุด ๓ อันดับแรก ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16474 | ขอผ่อนผันการเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เพื่อดำเนินงานก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าระดับแรงดัน 115 กิโลโวลต์ ช่วงสถานีไฟฟ้าฮอด อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ถึงสถานีไฟฟ้าแม่สะเรียง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตามโครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ 9 ส่วนที่ 1 | มท | 04/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติผ่อนผันการเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เพื่อดำเนินงานก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าระดับแรงดัน ๑๑๕ กิโลโวลต์ ช่วงสถานีไฟฟ้าฮอด อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ถึงสถานีไฟฟ้าแม่สะเรียง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตามโครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ ๙ ส่วนที่ ๑ ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กฟภ. ดำเนินการตามมติของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๘ ในประเด็นการห้ามล่าสัตว์ป่าทั้งระหว่างก่อสร้างและหลังก่อสร้าง และการพิจารณาเรื่องการใช้สายไฟที่มีฉนวนหุ้มในช่วงที่ผ่านเขตอุทยานแห่งชาติ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมถึงมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด การดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องและข้อเสนอแนะมาตรการการใช้ที่ดินในเขตลุ่มน้ำที่ได้กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด การจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงในกรณีไม่สามารถดำเนินการตามแผนที่วางไว้ และศึกษาทางเลือกในการพัฒนาพลังงานทดแทนสำหรับพื้นที่ที่มีความเปราะบางทางธรรมชาติและระบบไฟฟ้าเข้าถึงได้ยาก เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กฟภ. เร่งดำเนินโครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้าดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16475 | ปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการกลั่นกรองการกำหนดเครื่องแบบพิเศษของส่วนราชการ ซึ่งแต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี | นร01 | 04/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการกลั่นกรองการกำหนดเครื่องแบบพิเศษของส่วนราชการ โดยยกเลิกกรรมการในลำดับที่ ๒ ผู้แทนสำนักราชเลขาธิการ และให้คงอำนาจหน้าที่ไว้ตามเดิม ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16476 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) (จำนวน 5 ราย 1. นายปัญญรักษ์ พูลทรัพย์ ฯลฯ) | กต | 04/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายปัญญรักษ์ พูลทรัพย์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ๒. นายดำรง ใคร่ครวญ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นางนันทนา ศิวะเกื้อ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรเลีย ๔. นายศรัณย์ เจริญสุวรรณ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ ๕. นายเกริกพันธุ์ ฤกษ์จำนง ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16477 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ (จำนวน 3 คน 1. นายสุพล ศรีพันธุ์ ฯลฯ) | มท | 04/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ จำนวน ๓ คน ให้ดำรงตำแหน่งต่อไปอีกวาระหนึ่ง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ ธันวาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายสุพล ศรีพันธุ์ ๒. นายสมบัติ ทวีผลจรูญ ๓. นายวีระพงษ์ บุญญานุสนธิ์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16478 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) (นางอาทิตยา สุธาธรรม) | ดศ | 04/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางอาทิตยา สุธาธรรม ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16479 | การแก้ไของค์ประกอบผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร08 | 04/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแก้ไของค์ประกอบผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๒๙/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๙ เรื่อง การแต่งตั้งผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๔ คน ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ ดังนี้
๑. ให้ยกเลิกองค์ประกอบผู้แทนพิเศษของรัฐบาลฯ (๑) พลเอก อุดมเดช สีตบุตร หัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล (๒) พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รองหัวหน้าหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล (๑๑) นายพรชาต บุนนาค ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล (๑๓) นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล และเลขานุการผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๒. ให้ใช้ข้อความต่อไปนี้แทน (๑) พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ หัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล (๒) พลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล รองหัวหน้าหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล (๑๑) นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล (๑๓) นายพรชาต บุนนาค ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล และเลขานุการผู้แทนพิเศษของรัฐบาล
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16480 | มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี | นร04 | 04/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติราชการได้ มอบหมายเป็นหลักการให้รองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน ตามลำดับ ดังนี้ ๑.๑ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ๑.๒ พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง ๑.๓ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ๑.๔ นายวิษณุ เครืองาม ๑.๕ พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ ๒. ในระหว่างการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ผู้รักษาราชการแทนข้างต้นจะสั่งการใดเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลและการอนุมัติเงินงบประมาณอันอยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรีได้ ต้องได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีเสียก่อน
|
.....