ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 829 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 16561 - 16580 จากข้อมูลทั้งหมด 124222 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
16561 | สรุปรายงานผลการจัดอันดับความยาก - ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก Doing Business 2018 | นร12 | 21/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปรายงานผลการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก Doing Business 2018 ได้จัดให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความสะดวกในการประกอบธุรกิจเป็นอันดับที่ ๒๖ จาก ๑๙๐ ประเทศทั่วโลก ปรับดีขึ้น ๒๐ อันดับเมื่อเทียบกับปีที่แล้วซึ่งอยู่ในอันดับที่ ๔๖ โดยประเทศไทยมีผลคะแนนรวมทุกด้าน ๗๗.๔๔ คะแนน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ได้ ๗๒.๕๓ คะแนน จัดเป็นอันดับที่ ๓ ของอาเซียน และเป็น ๑ ใน ๑๐ ประเทศที่มีการปรับปรุงมากที่สุด และมีคะแนนดีขึ้นใน ๖ ด้าน ได้แก่ ด้านการเริ่มต้นธุรกิจ ด้านการขอใช้ไฟฟ้า ด้านการได้รับสินเชื่อ ด้านการคุ้มครองผู้ลงทุนเสียงข้างน้อย ด้านการชำระภาษี และด้านการบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง ส่วนอีก ๔ ด้านมีคะแนนคงที่หรือลดลง ได้แก่ ด้านการขออนุญาตก่อสร้าง ด้านการจดทะเบียนทรัพย์สิน ด้านการค้าระหว่างประเทศ และด้านการแก้ปัญหาการล้มละลาย ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพลังงานและกระทรวงยุติธรรม เช่น การขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Doing Business) ควรดำเนินการให้ตรงประเด็นที่เป็นอุปสรรคอย่างแท้จริง และยังคงให้ความสำคัญในการปรับปรุงการบริการซึ่งมีอันดับลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับรายงานปีที่ผ่านมา รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรคำนึงถึงการพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับระบบงานที่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้การปฏิบัติงานเกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16562 | รายงานการขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Doing Business) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 - 2561 | นร12 | 21/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Doing Business) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๑ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ผลการขับเคลื่อนการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่สำคัญ ได้แก่ โครงการศึกษาเพื่อขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ประกอบด้วย ๒ โครงการย่อย คือ (๑) โครงการศึกษาเพื่อปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับหลักประกันทางธุรกิจและกฎหมายล้มละลาย และ (๒) โครงการศึกษาแนวทางการพัฒนาบริการของรัฐให้มีความง่ายต่อการประกอบธุรกิจ โดยเป็นการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายต่าง ๆ จนนำไปสู่การออกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๑/๒๕๖๐ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ซึ่งช่วยปลดล็อคข้อจำกัดด้านกฎหมายที่เป็นพื้นฐานของการปรับระบบงานเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ตลอดจนการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริการภาคธุรกิจจนเกิดเป็นระบบให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Services) ๒. สำนักงาน ก.พ.ร. ได้รวบรวมแผนการขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยมีประเด็นที่ต้องเร่งดำเนินการทั้งหมด ๑๑ ด้าน และมีส่วนราชการที่รับผิดชอบในแต่ละด้านรวมทั้งหมด ๑๒ หน่วยงาน ทั้งนี้ แผนการดำเนินการในด้านที่สำคัญ ได้แก่ ระบบจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) และการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนเป็นอัตราคงที่ (flat rate) ในด้านการเริ่มต้นธุรกิจ และการเปลี่ยนแปลงการแบ่งเขตการใช้ที่ดิน (Zone) และการดำเนินการเพื่อรองรับการจดทะเบียนที่ดิน Online ในด้านการจดทะเบียนทรัพย์สิน รวมถึงด้านการแก้ปัญหาการล้มละลาย ได้มีการปรับปรุงแก้ไขร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย ตลอดจนการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการคดีและการบังคับใช้กฎหมายล้มละลาย โดยการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์และการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16563 | รายงานการปฏิบัติงานของศาลปกครองและสำนักงานศาลปกครอง ประจำปี 2559 | ศป | 21/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการปฏิบัติงานของศาลปกครองและสำนักงานศาลปกครอง ประจำปี ๒๕๕๙ มีสาระสำคัญประกอบด้วย สถิติคดีปกครองในภาพรวม การส่งเสริมความรู้ความเข้าใจให้แก่ทุกภาคส่วนในสังคม การสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการอำนวยความยุติธรรมของศาลปกครอง การเสริมสร้างวัฒนธรรมศาลปกครอง การวางหลักกฎหมายและแนวทางการปฏิบัติราชการที่ดี รวมทั้งนโยบายและทิศทางการดำเนินงานของศาลปกครอง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่สำนักงานศาลปกครองเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16564 | ร่างพระราชบัญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 21/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16565 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2557 | กษ | 21/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน และงบกระแสเงินสด ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองงบการเงินดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดดำเนินการเพื่อนำเสนอรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ และวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16566 | การตรวจสอบบัญชีและรายงานการเงินสำนักงานศาลยุติธรรม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 | ศย | 21/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการตรวจสอบบัญชีและรายงานการเงินสำนักงานศาลยุติธรรม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ประกอบด้วยงบแสดงฐานะทางการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ตรวจสอบรับรองแล้วเห็นว่า งบการเงินและผลการดำเนินงานทางการเงินถูกต้องตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังประกาศใช้ ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16567 | ผลการประชุมคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (กพย.) ครั้งที่ 1/2560 | นร11 | 21/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (กพย.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ซึ่งที่ประชุมมีมติรับทราบและเห็นชอบเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ (๑) การเพิ่มองค์ประกอบของ กพย. โดยระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (๒) คำสั่งคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่ ๑/๒๕๖๐ เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (๓) รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการ ๓ คณะ ได้แก่ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน คณะอนุกรรมการส่งเสริมความเข้าใจและประเมินผลการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อการสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน (๔) แผนขับเคลื่อนการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙ (๕) รายงานการทบทวนผลการดำเนินการตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ โดยสมัครใจ (Voluntary National Review : VNR) (๖) แผนที่นำทาง (Roadmap) การขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ๑๗ เป้าหมาย (๗) แนวทางการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับพื้นที่ที่ยั่งยืน และ (๘) แผนการดำเนินการของคณะอนุกรรมการในระยะต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการ กพย. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16568 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ ครั้งที่ 39 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | กษ | 21/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ (ASEAN Ministers on Agriculture and Forestry : AMAF) ครั้งที่ ๓๙ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ ๒๔ กันยายน-๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ โดยที่ประชุม AMAF ครั้งที่ ๓๙ ได้เห็นชอบเอกสารและมาตรฐานในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านความมั่นคงทางอาหาร ด้านความปลอดภัยอาหารและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ด้านป่าไม้ ด้านประมง เป็นต้น โดยในด้านประมง ที่ประชุมเห็นชอบแผนงานใบรับรองการจับสัตว์น้ำทะเลของอาเซียนเพื่อเป็นเครื่องมือสนับสนุนการบริหารจัดการประมงทะเล เพื่อส่งเสริมการตรวจสอบย้อนกลับสินค้าประมงและผลิตภัณฑ์เพื่อการค้า และป้องกันสินค้าประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (Illegal, Unreported and Unregulated Fishing) เข้าสู่สายการผลิตของประเทศสมาชิกอาเซียน และเห็นชอบให้คณะทำงานด้านประมงอาเซียนจัดการประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจ ภายในต้นปี ๒๕๖๑ ณ ประเทศไทย เพื่อเร่งรัดการจัดทำนโยบายประมงอาเซียน นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบในท่าทีร่วมกันของอาเซียนที่จะมีต่อกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกาในการเรียกร้องให้มีการประเมินผลทางวิทยาศาสตร์ตามที่ระบุในเอกสารแสดงท่าทีของประเทศสมาชิกอาเซียนที่ได้รับผลกระทบ เพื่อพิจารณาให้คงสารคาราจีแนบไว้ในบัญชีสารประกอบของผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปที่ปิดฉลากระบุว่า “ผลิตภัณฑ์อินทรีย์” หรือ “ผลิตภัณฑ์ที่มีสารประกอบอินทรีย์หรือผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอาหาร” สำหรับการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้กับรัฐมนตรีของจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี (AMAF Plus Three) ครั้งที่ ๑๗ และการหารือทวิภาคีกับเวียดนาม กัมพูชา บรูไนดารุสซาลาม จีน สาธารณรัฐเกาหลี และญี่ปุ่น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16569 | สรุปผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการแปรสภาพเป็นทะเลทราย สมัยที่ 13 | กษ | 21/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการแปรสภาพเป็นทะเลทราย สมัยที่ ๑๓ (Conference of Parties : COP 13) ระหว่างวันที่ ๖-๑๖ กันยายน ๒๕๖๐ ณ เมืองออร์โดส เขตปกครองตนเองอินเนอร์มองโกเลีย สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีรองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดินเป็นหัวหน้าคณะเข้าร่วมการประชุมฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการพัฒนาที่ยั่งยืนในบริบทที่เกี่ยวข้องกับอนุสัญญาฯ ยุทธศาสตร์ของอนุสัญญาฯ ปี ๒๕๖๑-๒๕๗๓ การเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานอนุสัญญาฯ ระดับประเทศ ระดับภูมิภาคย่อย และระดับภูมิภาค การจัดเสวนาของประเทศไทยร่วมกับองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ภายใต้หัวข้อ Voluntary Guidelines for Sustainable Soil Management : a tool for achieving a land degradation neutral world รวมทั้งประเด็นสำคัญต่าง ๆ ที่กรมพัฒนาที่ดินในฐานะหน่วยงานหลักในการดำเนินงานอนุสัญญาฯ จะต้องประสานและร่วมงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการ ได้แก่ (๑) การจัดทำแผนปฏิบัติการแห่งชาติที่เชื่อมโยงเป้าหมายและมาตรการการจัดการทรัพยากรที่ดิน (Land Degradation Neutrality : LDN) และเน้นการดำเนินงานในพื้นที่เป้าหมาย LDN (๒) การจัดทำรายงานผลการดำเนินงานอนุสัญญาฯ ปี ๒๕๖๑ (๓) รวบรวมมาตรการในการจัดการที่ดินอย่างยั่งยืน (Sustainable Land. Management : SLM) ทั้งในส่วนของการจัดการที่ดิน น้ำ ป่าไม้ และ (๔) พัฒนาตัวชี้วัด LDN ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16570 | รายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐมอลตาและราชอาณาจักรสเปนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | กษ | 21/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐมอลตา ระหว่างวันที่ ๓-๕ ตุลาคม ๒๕๖๐ และราชอาณาจักรสเปน ระหว่างวันที่ ๖-๘ ตุลาคม ๒๕๖๐ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ผลการเยือนสาธารณรัฐมอลตา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เข้าร่วมการประชุมนานาชาติ Our Ocean Conference ครั้งที่ ๔ ในหัวข้อ Our Ocean, an Ocean for life เพื่อแสดงบทบาทความมุ่งมั่นและแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อความยั่งยืนของทะเลและมหาสมุทรในด้านการประมงทะเล การลดมลพิษทางทะเล การเพิ่มพื้นที่คุ้มครองสัตว์ทะเล การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความมั่นคงทางทะเล โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้กล่าวถ้อยแถลงแสดงจุดยืนและความมุ่งมั่นของไทยในการสร้างความยั่งยืนให้แก่มหาสมุทรและทรัพยากรประมงทะเล รวมทั้งได้หารือกับกรรมาธิการสหภาพยุโรปและผู้บริหารกลุ่มผู้นำเข้าสินค้าประมงของไทยในระหว่างการประชุมฯ เกี่ยวกับแนวทางการจัดการประมงยั่งยืน ๒. ผลการเยือนราชอาณาจักรสเปน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประชุมหารือกับ Fisheries Monitoring Center ราชอาณาจักรสเปน ในการติดตามและควบคุมเรือประมง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลในการบริหารจัดการและควบคุมติดตามเรือประมง โดยพบว่าระบบการควบคุม ติดตาม และเฝ้าระวังการทำประมงของสเปนมีการบริหารจัดการข้อมูลเรือประมงและการทำประมงที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งเจ้าหน้าที่มีความชำนาญและประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังการทำการประมงของไทยจะนำความรู้ดังกล่าวไปพัฒนาระบบของไทยต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16571 | รายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี 2560 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | กค | 21/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี ๒๕๖๐ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นหัวหน้าคณะเข้าร่วมการประชุมฯ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี ๒๕๖๐ โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund : IMF) คาดว่า การเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวร้อยละ ๓.๖ ในปี ๒๕๖๐ และร้อยละ ๓.๗ ในปี ๒๕๖๑ ซึ่งได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของการลงทุน การค้าระหว่างประเทศ และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งนี้ ธนาคารโลก และ IMF ยังคงเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจ สังคม และกฎระเบียบภายในประเทศที่เอื้ออำนวยต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนและทั่วถึง (Inclusive Growth) ในระยะยาว โดยในส่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้นำเสนอถ้อยแถลงถึงภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นของไทย ซึ่งเป็นผลจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ส่งผลให้ประมาณการเศรษฐกิจของไทยในปี ๒๕๖๐ เติบโตในอัตราร้อยละ ๓.๗ และในปีหน้าจากเดิมคาดว่าจะเติบโตร้อยละ ๓.๓ เพิ่มเป็นร้อยละ ๓.๕ ๒. การประชุมร่วมระหว่างประเทศสมาชิกกลุ่มออกเสียงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของธนาคารโลก และ IMF (Joint Meeting of the World Bank-IMF Southeast Asia Group : SEA Group) โดย IMF ได้แนะนำประเทศสมาชิกให้ใช้โอกาสที่สภาวะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวขึ้นในขณะนี้ เร่งปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจในประเทศให้สมดุล นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญจากธนาคารโลก และ IMF ได้นำเสนอบทบาทที่เพิ่มขึ้นของนวัตกรรมทางการเงินในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลในการช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการทางการเงินของผู้มีรายได้น้อย ๓. การประชุมคณะกรรมการพัฒนาการของธนาคารโลก ครั้งที่ ๙๖ (96th Development Committee Meeting) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้กล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุมฯ ๔ ประเด็นหลัก ได้แก่ (๑) การพัฒนาระบบการศึกษาเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และเสริมสร้างทักษะที่ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต ซึ่งจะสามารถบรรเทาปัญหาความเหลื่อมล้ำและนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน (๒) การส่งเสริมบทบาทและมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในการลงทุนเพื่อการพัฒนา (๓) ให้ธนาคารโลกเป็นองค์กรอิสระที่มีความคล่องตัวและประสิทธิภาพในการสนับสนุนประเทศสมาชิกทั้งด้านโครงการเงินกู้และการช่วยเหลือทางวิชาการ และ (๔) เรียกร้องให้ประเทศสมาชิกเร่งหาข้อสรุปเกี่ยวกับแนวทางเพิ่มทุนของธนาคารโลกให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม ๒๕๖๑ ๔. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ประชุมหารือทวิภาคีกับรองประธานธนาคารโลกประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก คณะผู้จัดทำรายงาน Doing Business และ Logistics Performance Index และผู้บริหารระดับสูงของสถาบันการเงินต่างประเทศ โดยมีการหารือที่สำคัญ เช่น (๑) แนวทางความร่วมมือระหว่างไทยและธนาคารโลกภายใต้กรอบความเป็นหุ้นส่วนระหว่างประเทศที่อยู่ระหว่างการจัดทำ (๒) ผลงานของรัฐบาลไทยที่ได้ปฏิรูปกฎหมาย และลดกฎระเบียบที่ไม่จำเป็น และ (๓) สถาบันการเงินต่างประเทศเล็งเห็นถึงความสำคัญของไทยในฐานะศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของอนุภูมิภาคและอาเซียน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16572 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศ ครั้งที่ 2 (The 2nd ASEAN Ministerial Conference on Cybersecurity) และงาน The 2nd Singapore International Cyber Week | ดศ | 21/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศ ครั้งที่ ๒ (The 2nd ASEAN Ministerial Conference on Cybersecurity) และงาน The 2nd Singapore International Cyber Week ระหว่างวันที่ ๑๘-๒๒ กันยายน ๒๕๖๐ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และคณะเข้าร่วมการประชุมฯ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศ ครั้งที่ ๒ ที่ประชุมฯ ได้ให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมการประสานงานระหว่างเวทีการประชุมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสามเสาในประชาคมอาเซียนเพื่อหารือประเด็นด้านความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศ และเพื่อรับมือกับภัยคุกคามทางสารสนเทศที่มีความซับซ้อนมากขึ้น โดยอาเซียนต้องใช้ความพยายามร่วมกันเพื่อการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพและหลีกเลี่ยงการทำงานที่ซ้ำซ้อนระหว่างกัน โดยฝ่ายไทยได้ร่วมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและได้เสนอประเด็นความร่วมมือที่สำคัญ เช่น สนับสนุนให้อาเซียนร่วมกันผลักดันและสร้างความพร้อมเพื่อยกระดับการพัฒนาด้านความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศ นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้มีการหารือพิเศษกับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่อาวุโสของประเทศคู่เจรจาอาเซียน ได้แก่ ออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และสหรัฐอเมริกา โดยประเทศคู่เจรจาของอาเซียนได้ให้ความสำคัญกับการหารือระหว่างภูมิภาคที่ควรมีขึ้นอย่างสม่ำเสมอ และเน้นย้ำถึงความร่วมมือด้านความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศระหว่างอาเซียนและคู่เจรจาของอาเซียน เพื่อลดช่องว่างทางนโยบายด้านความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศและส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพ ๒. งาน The 2nd Singapore International Cyber Week เป็นงานที่เปิดโอกาสให้รัฐมนตรีและผู้บริหารด้านความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศจากประเทศต่าง ๆ ที่เข้าร่วมงานได้กล่าวถ้อยแถลง โดยมีประเด็นสำคัญ เช่น การเตรียมความพร้อมเพื่อพัฒนาบุคลากรด้านความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศ ซึ่งคาดการณ์ว่า ในปี ๒๕๖๕ จะขาดแคลนบุคลากรในด้านดังกล่าวจำนวน ๑.๘ ล้านคนทั่วโลก รวมทั้งการส่งเสริมให้เกิดมาตรฐานสากลในการรักษาความปลอดภัยทางสารสนเทศ ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้หารือทวิภาคีกับสหรัฐอเมริกา ลาว เมียนมา และสิงคโปร์ โดยมีการหารือที่สำคัญ เช่น (๑) ไทยได้เชิญชวนให้บริษัทด้าน Cybersecurity ของสหรัฐอเมริกาเข้ามาลงทุนด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยในโครงการ Digital Park Thailand (๒) ลาวได้เสนอให้มีการจัดทำบันทึกความเข้าใจร่วมกันระหว่างไทยและลาวว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (๓) เมียนมาขอให้ไทยสนับสนุนและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการพัฒนาด้านต่าง ๆ เช่น รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ การเงินเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) และ (๔) ไทยและสิงคโปร์หารือเกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือภายใต้บันทึกความเข้าใจความร่วมมือด้านไอซีทีระหว่างไทยและสิงคโปร์ โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาบุคลากรและการแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดีด้านความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16573 | การชดเชยรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ที่ขาดหายไปเนื่องจากพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. .... ไม่สามารถใช้บังคับได้ | นร01 | 21/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) ในคราวประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๐ เกี่ยวกับเรื่องการชดเชยรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่ขาดหายไปเนื่องจากพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. .... ไม่สามารถใช้บังคับได้ ตามที่ประธาน กกถ. เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. กรณีความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นมีจำนวนจำกัดและต้องสำรองไว้เพื่อใช้จ่ายในภารกิจที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ประกอบกับสำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนเพิ่มเติมให้แก่ อปท. ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามโครงการ Matching Fund จำนวน ๙,๘๙๘.๕๐ ล้านบาท จึงไม่สามารถจัดสรรให้แก่ อปท. ได้อีก นั้น เนื่องจากประมาณการรายได้ในส่วนของรายได้ อปท. จัดเก็บเองในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๑ ตั้งอยู่บนสมมติฐานว่าร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีผลใช้บังคับ ซึ่งไม่สะท้อนความเป็นจริง ดังนั้น จึงควรพิจารณาจากรายได้ที่ อปท. จัดเก็บเองตามกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน ๒. กรณีความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่ให้ กกถ. ร่วมกับ อปท. ส่งเสริมการดำเนินมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการจัดเก็บภาษีท้องถิ่นเพื่อเพิ่มรายได้ของ อปท. และกำหนดวิธีการบริหารจัดการการใช้จ่ายงบประมาณให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงการดำเนินโครงการต่อยอดการลงทุนที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะและสามารถเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชนในท้องถิ่น นั้น เป็นเรื่องที่สอดคล้องกับร่างแผนการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. .... และแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. (ฉบับที่ ๓) ด้านการเงิน การคลังและงบประมาณ ที่จะมีผลบังคับใช้ จะได้ดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16574 | รายงานของผู้สอบบัญชี งบการเงินและรายงานการใช้จ่ายเงินของกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ สำหรับงวดตั้งแต่วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2559 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2559 | กค | 21/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชี งบการเงินและรายงานการใช้จ่ายเงินของกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (กองทุนฯ) สำหรับงวดตั้งแต่วันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ประกอบด้วย (๑) งบแสดงฐานะทางการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ กองทุนฯ มีสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน จำนวน ๗,๑๙๗.๗๗ ล้านบาท และ (๒) รายงานการรับ-จ่ายเงิน สำหรับงวดตั้งแต่วันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ กองทุนฯ มีเงินคงเหลือ ๗,๑๘๓.๘๑ ล้านบาท ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ได้ตรวจสอบรับรองงบการเงินและรายงานการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ แล้วเห็นว่า งบการเงินดังกล่าวถูกต้องตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังประกาศใช้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16575 | มติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2560 | ดศ | 21/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ประธานกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. รับทราบความคืบหน้าในการดำเนินงาน เช่น (๑) คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๑๓/๒๕๖๐ เรื่อง แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ลงวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๖๐ เพื่อแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ รวม ๗ ท่าน (๒) การประกาศใช้พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐ (๓) ผลการประชุมหารือร่วมกันระหว่างคณะกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารมวลชน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และคณะอนุกรรมการดาวเทียมสื่อสารภาครัฐเพื่อความมั่นคง (๔) แนวทางการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกิจการดาวเทียม ตามมาตรา ๖๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และ (๕) ความคืบหน้าของการดำเนินการกรณีดาวเทียมไทยคม ๗ และไทยคม ๘ เป็นต้น ๒. พิจารณาประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ ๒.๑ เห็นชอบร่างยุทธศาสตร์อวกาศแห่งชาติ ปี ๒๕๖๐-๒๕๗๙ โดยมอบหมายให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ปรับปรุงร่างยุทธศาสตร์ฯ และนำเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พิจารณาภายในวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๐ ก่อนนำเสนอประธานคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๐ ๒.๒ เห็นชอบในหลักการการดำเนินงานดาวเทียมสื่อสารของภาครัฐ และมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการประสานงานกับบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) (บมจ.กสท.) เพื่อจัดทำรายละเอียดของโครงการ โดยมีทางเลือก (๑) บมจ.กสท. เป็นผู้ดำเนินการร่วมกับภาคเอกชน โดยการเช่าใช้โครงข่ายดาวเทียมจากภาคเอกชน และนำความจุส่วนที่ใช้งานต่างประเทศขายส่งให้กับ Reseller และนำความจุส่วนที่ใช้งานในประเทศไทยมาใช้ตามโครงการดาวเทียมสื่อสารภาครัฐ (๒) บมจ.กสท. เป็นผู้ดำเนินการร่วมกับภาคเอกชนในรูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (Public Private Partnership : PPP) และ (๓) บริษัทเอกชนจัดสร้างโครงข่ายดาวเทียม ซึ่ง บมจ.กสท. จะจัดหาความจุส่วนที่ใช้งานในประเทศไทยมาใช้ตามโครงการดาวเทียมสื่อสารภาครัฐ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16576 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ในช่วงปี พ.ศ. 2555 - 2560 | นร | 21/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) (สคช.) ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๖๐ โดย สคช. ได้ดำเนินการเกี่ยวกับการพัฒนาระบบคุณวุฒิวิชาชีพ เช่น กำหนดหลักเกณฑ์พร้อมให้การรับรององค์กรที่มีหน้าที่รับรองสมรรถนะของบุคคลตามมาตรฐานอาชีพ จัดทำมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ พัฒนาระบบฐานข้อมูลการให้บริการระบบคุณวุฒิวิชาชีพเพื่อให้เป็นศูนย์กลางข้อมูลเกี่ยวกับระบบคุณวุฒิวิชาชีพและมาตรฐานอาชีพ ทบทวนกรอบคุณวุฒิวิชาชีพเพื่อเทียบเคียงกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ (NQF) สู่กรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียน (AQRF) และสร้างความร่วมมือกับภาคการศึกษาในการนำระบบคุณวุฒิวิชาชีพไปใช้ เป็นต้น ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) กำกับการบริหารราชการ สคช. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16577 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 35 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2559 - 31 สิงหาคม 2560) | นร | 14/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๓๕ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๙-๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๐) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ มีผลงานสำคัญโดยสรุป ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น การจัดงานประเพณีกิจกรรมทางศาสนาและกิจกรรมพัฒนา และการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนร้องทุกข์ ๒. การปฏิรูปประเทศ เช่น การติดตามการขับเคลื่อนความคืบหน้าการดำเนินการตามประเด็นปฏิรูป ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ๓.๑ ด้านความมั่นคง เช่น การเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ด้วยความจงรักภักดีและปกป้องพระบรมเดชานุภาพ การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU Fishing) การฝึกร่วมและผสม หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ไทย-สหรัฐอเมริกา และการเตรียมความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมทางเรือนานาชาติ เนื่องในโอกาสครบรอบ ๕๐ ปี ๓.๒ ด้านสังคมจิตวิทยา เช่น การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม การสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของภาครัฐ การศึกษาและเรียนรู้ การทำนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม และการยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน ๓.๓ ด้านเศรษฐกิจ เช่น การเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ การดำเนินมาตรการการเงินการคลังเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในปี ๒๕๖๐ การให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และการส่งเสริมการท่องเที่ยวการดำเนินการที่สำคัญเพื่อส่งเสริมด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ๓.๔ ด้านการต่างประเทศ เช่น การสร้างประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็งและส่งเสริมบทบาทไทยในประชาคมอาเซียน ๓.๕ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น การส่งเสริมและการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ การเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรมในภาคราชการ การปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัย ไม่เป็นธรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16578 | รายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 และปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | กค | 14/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ ๓ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ (เดือนเมษายน-มิถุนายน ๒๕๖๐) โดยสินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่ม ได้แก่ ผลไม้ น้ำหอมและเครื่องสำอาง นาฬิกาและอุปกรณ์ กระเป๋าหนังและเข็มขัดหนัง สูท เสื้อ กระโปรง กางเกง สำหรับบุรุษ สตรี เด็กชาย เด็กหญิง และเนคไท สุราต่างประเทศ รองเท้าหนังและรองเท้าผ้าใบ แว่นตา ปากกาและอุปกรณ์ ไวน์ เครื่องประดับที่ทำด้วยคริสตัล กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์ ผ้าทอทำด้วยขนสัตว์ ไฟแช็คและอุปกรณ์ ดอกไม้ และเครื่องแก้วชนิดใช้บนโต๊ะอาหารหรือใช้ตกแต่งภายในที่ทำด้วยคริสตัล มีมูลค่านำเข้า ๙๐๒.๓๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ (มีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ ๑.๖๗ ของมูลค่านำเข้ารวม) ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ๕๔.๒๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๕.๖๘ โดยสินค้าที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด ๓ อันดับแรก ได้แก่ น้ำหอมและเครื่องสำอาง กระเป๋าหนังและเข็มขัดหนัง และผลไม้ สำหรับการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ (เดือนตุลาคม ๒๕๕๙-มิถุนายน ๒๕๖๐) สินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่ม มีมูลค่านำเข้ารวม ๒,๗๖๗.๕๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ๒๗๒.๑๗ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๘.๙๕ โดยสินค้าที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด ๓ อันดับแรก ได้แก่ น้ำหอมและเครื่องสำอาง ผลไม้ กระเป๋าหนังและเข็มขัดหนัง ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวทางส่งเสริมการใช้สินค้าไทยชนิดต่าง ๆ ที่ได้มาตรฐานให้แพร่หลายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคแทนการใช้สินค้านำเข้า โดยเฉพาะสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีราคาสูง เช่น เครื่องสำอาง ให้คณะรัฐมนตรีทราบภายในเดือนธันวาคม ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16579 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB17OA ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2560 | กค | 14/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB17OA ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ จำนวน ๗๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ (Pre-funding) จำนวน ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท และออกตั๋วสัญญาใช้เงิน ประมูลเมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๐ จำนวน ๔๕,๐๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการกู้เงิน จำนวน ๑ ฉบับ เพื่อนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16580 | สรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนและรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีขอความช่วยเหลือเรื่องคดีความ และกรณีกล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ แถลงข่าวการจับกุมทำให้ได้รับความเสียหายต่อเกียรติยศและชื่อเสียง | สม | 14/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน และรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีขอความช่วยเหลือเรื่องคดีความและกรณีกล่าวอ้างว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ แถลงข่าวการจับกุมทำให้ได้รับความเสียหายต่อเกียรติยศและชื่อเสียง ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติควรมีการเน้นย้ำและกำชับไปยังหน่วยงานในสังกัดเพื่อให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และหนังสือสั่งการของหน่วยงานอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในการนำตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ และการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน และควรกำหนดแนวทางในการหาวิธีการทดแทนในการนำตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำชี้ที่เกิดเหตุ หรือการจัดทำแผนประทุษกรรม เพื่อเป็นประโยชน์ในการแสวงหาพยานหลักฐาน และการดำเนินคดี รวมทั้งเพื่อป้องกันมิให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มีวิทยุในราชการศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๐ กำชับการปฏิบัติกรณีการให้ข่าว แถลงข่าวหรือสัมภาษณ์ในลักษณะที่ไม่เหมาะสม โดยให้ทุกหน่วยปฏิบัติโดยเคร่งครัด ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
.....